Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่– 398 หึงหวง !!
หนึ่งวันต่อมา…
“เฮ้เฮ้” ในสำนักงานถ่างเทียนหลงตบไหล่ของเซี่ยเหล่ยเบาๆพร้อมกับยิ้มและพูดว่า “เซี่ยเหล่ย การเดินทางครั้งนี้ทำให้เราไม่เจอกันนานพอสมควรเลยแต่ไม่เป็นไรหรอกเนื่องจากสิ่งที่คุณทำไปในขณะที่อยู่รัสเซียมันทำให้ผมภูมิใจในตัวคุณมาก”
เซี่ยเหล่ยตอบอย่างสุภาพว่า “ลุงถ่างชมผมเกินไปแล้ว”
“อย่าถ่อมตัวไปเลย มันคือปืนที่สร้างขึ้นจากมันสมองที่ยอดเยี่ยมของคุณ ผมไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรด้วยซ้ำหากจะต่อสู้กับบริษัทยักใหญ่ทั้งสาม ยิ่งไปกว่านั้นผลลัพธ์มันออกมาในรูปแบบที่คนทั่วโลกคาดไม่ถึง!” ถ่างเทียนหลงยังคงชื่นชม
เซี่ยเหล่ยได้แต่ยิ้มและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“ดังนั้นผมจะมอบรางวัลให้คุณ ต้องการอะไรหล่ะ?” ถ่างเทียนหลงพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยยิ้มและตอบกลับไปว่า “มีรางวัลให้ด้วยงั้นเหรอ?”
ถ่างเทียนหลงพูดต่อว่า “ครั้งนี้คุณทำผลงานได้น่าประทับใจเป็นพิเศษ เพราะมันสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้มากจริงๆ ดังนั้นผมต้องการจะให้รางวัลคุณ และมันจะดีกว่าถ้ามาถามคุณโดยตรง” พูดเสร็จก็ยิ้มและพูดต่ออีกว่า “และอีกอย่าง เราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน”
คำพูดสุดท้ายของถ่างเทียนหลงค่อนข้างจะกำกวม อย่างไรก็ตามถ่างหยู่เหยี่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังเซี่ยเหล่ย ได้บิดตัวเล็กน้อยในตอนนี้เธอรู้สึกมีความสุขมาก
ด้วยปฏิกิริยาดังกล่าวของเธอทำให้ถ่างเทียนหลงรู้สึกมีความสุขด้วยเช่นกัน ก่อนหน้านี้ถ่างเทียนหลงกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ย แต่หลังจากการไปประเทศรัสเซียในครั้งนี้ เขาก็รู้สึกไม่กังวลอีกต่อไป
เซี่ยเหล่ยที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขาได้พูดขึ้นว่า “เนื่องจากคำสั่งซื้อจำนวนมากจากการไปเปิดตัวที่งานนิทรรศการทำให้ผมต้องการขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังผลิตดังนั้นผมต้องการที่ดินและเงินอีกราวๆห้าพันล้านหยวนอย่างเร็วที่สุด”
ถ่างเทียนหลงตอบกลับไปว่า “เรื่องที่ดินไม่มีปัญหา คุณสามารถขยายเพิ่มเติมสำหรับการผลิตได้ส่วนเรื่องกู้เงิน…มันก็เป็นจำนวนที่มากอยู่เหมือนกัน ซึ่งผมต้องถามเบื้องบนก่อน แต่อย่างไรก็ตามคิดว่าคงไม่มีปัญหาหรอก ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมกับตอบอย่างสุภาพว่า “ขอบคุณลุงถ่าง”
จู่ๆถ่างหยู่เหยี่ยก็ยิ้มและพูดว่า ”เซี่ยเหล่ย ฉันจะไม่กลับโรงงานผลิตอาวุธวันนี้นะ ฉันจะกลับบ้านเพื่อไปทานข้าวเย็นกับครอบครัว ว่าไงคุณสนใจมั้ย คุณสามารถค้างคืนที่นั่นได้เช่นกัน ที่บ้านของเรามีห้องว่างอยู่หน่ะ”
เซี่ยเหล่ยตอบว่า “เรื่องมื้อค่ำนั้นไม่มีปัญหา แต่สำหรับเรื่อง…… ”
ถ่างหยู่เหยี่ยขัดจังหวะการพูดของเซี่ยเหล่ยและพูดแทรกขึ้นมาว่า “โอ้ อย่าปฏิเสธเลย ถือว่าตกลงนะ ฉันจะโทรไปบอกแม่ให้จัดเตรียมอาหารไว้ได้เลย”
“ใช่แล้ว โทรไปบอกแม่ให้เตรียมอาหารให้เรียบร้อย” ถ่างเทียนหลงพูดเสริม
จังหวะที่ถ่างหยู่เหยี่ยกำลังจะโทรไปหาแม่ของเธอนั้น โทรศัพท์ของถ่างเทียนหลงก็ดังขึ้นพอดี เขาหยิบมันขึ้นมาและดูเบอร์ที่หน้าจอก่อนจะเดินออกไปนอกวงสนทนาเพื่อรับโทรศัพท์
ถ่างหยู่เหยี่ยได้หันไปหาเซี่ยเหล่ยพร้อมถามว่า ”บอกมาสิว่าคุณอยากกินอะไร ฉันจะได้ให้แม่เตรียมไว้ให้” เซี่ยเหล่ยตอบไปอย่างลำบากใจว่า ”ไม่ต้องมีอะไรพิเศษหรอก ผมทานได้ทั้งนั้น อีกอย่างถ้าคิดอะไรไม่ออกให้ผมเป็นเจ้ามือทำอาหารก็ได้นะ ฝีมือการทำของผมก็ใช่ย่อยเลย”
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มและพูดว่า “ฉันรู้ว่าคุณทำอาหารอร่อย หลงบิงพูดชมคุณให้ฉันฟังหลายครั้งแล้ว แต่อย่างไรก็ตามครั้งนี้คุณเป็นแขกของบ้านจะให้คุณทำอาหารได้อย่างไรหล่ะ?”
ในตอนนี้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและมีน้ำใจ อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยรู้สึกปวดหัวมาก ตอนที่อยู่กรุงมอสโกเธอได้สารภาพกับเซี่ยเหล่ยและเซี่ยเหล่ยก็ขอเวลากับเธอแต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ให้เวลานั้นเลยแถมดูเหมือนเธอจะจริงจังมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
จังหวะนี้ถ่างเทียนหลงก็เดินกลับมาหลังจากคุยโทรศัพท์ ท่าทางของเขาไม่ค่อยดีนัก เขาขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า “คืนนี้ผมจะไม่กลับไปทานข้าวเย็นที่บ้านแล้วเพราะต้องไปทานข้าวเย็นที่อื่นแทน และเซี่ยเหล่ยต้องไปกับผมด้วย”
เนื่องจากการแสดงออกของถ่างเทียนหลงค่อนข้างจะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงกับก่อนที่เขาจะเดินออกไปคุยโทรศัพท์ มันทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกสงสัยจึงถามไปว่า “เป็นการทานข้าวเย็นค่ำกับใครงั้นเหรอ?”
ถ่างเทียนหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ของมู๋เจียนเฟิง”
เพียงแค่ได้ยินชื่อของมู๋เจียนเฟิง เซี่ยเหล่ยก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ผมไม่ไป!”
ถ่างเทียนหลงยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะพูดว่า “เซี่ยเหล่ย มู๋เจียนเฟิงรู้ว่าถ้าเขาโทรมาเองคุณคงจะปฏิเสธอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงโทรมาขอความช่วยเหลือจากผม เอาอย่างนี้ดีไหมคุณไปกับผมก่อนและถ้าคุณรู้สึกว่าไม่อยากอยู่ที่ต่อ คุณค่อยกลับก็ได้” Aileen-novel
ในความเป็นจริงเซี่ยเหล่ยไม่อยากที่จะไปเลยแต่ก็ไม่อยากทำให้ถ่างเทียนหลงเสียหน้าจึงคิดและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถ้าหากไม่ไปคงจะทำให้ถ่างเทียนหลงเสียหน้าอย่างมาก
ในที่สุดเซี่ยเหล่ยพยักหน้าพร้อมตอบว่า “เอาหล่ะ ผมไปก็ได้”
หลังจากนั้นสองชั่วโมง พวกเขาก็ไปถึงโรงแรมพาเลซ
รถยนต์สีแดงจอดตรงบริเวณทางเข้าของโรงแรม ถ่างหยู่เหยี่ย ถ่างเทียนหลงและเซี่ยเหล่ยเดินลงจากรถพร้อมขึ้นรถของโรงแรมเข้าไปยังตัวอาคาร
เมื่อลงจากรถของโรมแรม ถ่างหยู่เหยี่ยก็เดินคล้องแขนของเซี่ยเหล่ย เธอสวมชุด cheongsam สีน้ำเงินตัดขาว สวมรองเท้าส้นสูงเพื่อเพิ่มความสง่าให้กับตัวเธอเอง และก็เหมือนเช่นเคย เมื่อมองไปที่เธอจะให้ความรูสึกเหมือนกับว่าเธอสวยงามแบบคลาสสิค
เซี่ยเหล่ยเองก็ใส่สูทเต็มตัวที่รัดรูปเข้ากับรูปร่างของเขา มันทำให้เขาดูสง่าและองอาจ แน่นอนว่าเมื่อเดินคู่กับถ่างหยุ่เหยี่ยจะให้ความรู้สึกว่าพวกเขาเหมาะสมกันมาก ตรงทางเข้าของโรงแรม มีชายวัยกลางคนยืนอยู่พร้อมกับต้อนรับถ่างเทียนหลง ถ่างหยู่เหยี่ยและเซี่ยเหล่ย เซี่ยเหล่ยจำได้ว่าเขาเป็นหัวน้าฝ่ายกิจการของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนที่ชื่อว่าเจียงซิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาพบกันอย่างไรก็ตามเขาทำได้เพียงแค่ยืนต้อนรับอยู่หน้าห้องเท่านั้น มันแสดงให้เห็นว่าการทานข้าวเย็นในครั้งนี้จะต้องมีบุคคลสำคัญมากๆก็ได้
ภายใต้การนำของเจียงซินทั้งสามคนจึงได้เดินเข้าห้องอาหารส่วนตัวของโรงแรมไป ขณะที่เข้าไปเซี่ยเหล่ยสังเกตเห็นมู๋เจียนเฟิงและเย่คุนอย่างรวดเร็ว รวมถึงยังมีชายวัยกลางคนที่อายุราวๆสี่สิบถึงห้าสิบปีอีกหลายคนที่เขาไม่รู้จักนั่งอยู่ด้วย แต่ละคนดูท่าทางไม่ธรรมดากันทั้งนั้น
ทันทีที่เซี่ยเหล่ยปรากฏตัวขึ้นที่ห้องอาหารไม่มีใครสนใจจะทักทายเขาเลย บรรยากาศภายในห้องดูอึมครึมอย่างมาก
ถ่างเทียนหลงเมื่อเข้ามาแล้วได้กล่าวทักทายขึ้นว่า “ผู้อาวุโสมู๋ ประธานเย่ และท่านอื่นๆ ขออภัยที่ต้องให้คอยนาน เนื่องจากในเวลานี้การจราจรติดขัดมาก”
มู๋เจียนเฟิงตอบว่า “เชิญนั่งเทียนหลง หยู่เหยี่ย เซี่ยเหล่ย” หลังจากนั้นก็ให้ไปพูดกับเจียงซินว่า “เจียงซิน ไปบอกพนักงานว่าให้เสริฟอาหารได้แล้ว”
เจียงซินทำตามคำสั่งทันทีแม้ว่าตอนนี้โต๊ะทานข้าวเย็นจะยังมีที่นั่งว่างอยู่แต่เขาก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะนั่งร่วมทานข้าวเย็นได้
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ทักทายใครทั้งนั้น เขาดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงพร้อมกับเล่นโทรศัพท์มือถือ ถ่างหยู่เหยี่ยเห็นท่าทางของเซี่ยเหล่ยก็กลัวว่าจะแสดงท่าทางที่หยาบคายจนเกินไปจึงได้ใช้เท้าเตะที่เท้าของเซี่ยเหล่ยเบาๆ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะรู้แต่เขาก็ยังเล่นโทรศัพท์ต่อ
เมื่อเลื่อนดูโทรศัพท์ไปเรื่อยๆเขาก็เจอข้อความของเฉินตูเทียนหยินมีใจความว่า: กลับมาแล้วทำไมไม่มาหาฉันหน่อยหล่ะ? ข้อความนี้ถูกส่งมาเมื่อเช้านี้เอง ทำให้เซี่ยเหล่ยไม่ทันสังเกตจึงมาเห็นในช่วงเวลานี้แทน
เซี่ยเหล่ยตอบกลับข้อความเป็นข้อความสั้นๆว่า: ผมได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากจากการไปงานนิทรรศการที่ประเทศรัสเซีย ผมกำลังวุ่นวายกับการหาเงินทุนและที่ดินสำหรับขยายฐานการผลิตของโรงงานผลิตอาวุธ ในตอนนี้ผมต้องไปทานข้าวเย็นกับผู้ใหญ่หลายคน
ถ่างหยู่เหยี่ยเดินเข้ามาพอดีและเห็นโทรศัพท์ของเซี่ยเหล่ย เธอเห็นข้อความของเฉินตูเทียนหยินและเห็นเซี่ยเหล่ยตอบข้อความไปทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
และดูเหมือนจะเป็นจังหวะที่ลงตัวอย่างมาก เนื่องจากเซี่ยเหล่ยเพิ่งจะตอบข้อความไป เฉินตูเทียนหยินก็ตอบกลับข้อความมาทันทีเลยว่า: ไปกินที่ไหน?
เซี่ยเหล่ยตอบกลับข้อความว่า: โรงแรมพาเลซ เฉินตูเทียนหยินส่งข้อความมาอีกว่า: บังเอิญจริงๆ ตอนนี้ฉันเองก็ทานข้าวเย็นอยู่ที่โรงแรมพาเลศด้วยเหมือนกัน!
เซี่ยเหล่ย: ……
เฉินตูเทียนหยินส่งข้อความมาต่อว่า: คุณอยู่ตรงไหน? ฉันจะไปหา
เซี่ยเหล่ยเงยหน้าขึ้นมองแต่ก็ไม่เห็นชื่อห้องส่วนตัวนี้ ดังนั้นเขาจึงกระซิบข้างหูของถ่างหยู่เหยี่ยว่า ”ห้องส่วนตัวนี้ชื่ออะไร?”
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มหวานก่อนจะพูดว่า “เอามา ฉันจะช่วยตอบเอง” เธอไม่รอให้เซี่ยเหล่ยตอบกลับอะไรทั้งนั้น เธอหยิบโทรศัพท์มาจากมือของเขาพร้อมพิมพ์ออกไปสามคำเป็นคำว่า “ ห้องเก็บศพ” จากนั้นก็กดส่งไป
เซี่ยเหล่ยมองถ่างหยู่เหยี่ยเงียบๆโดยไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับเธอดี
ถ่างหยู่เหยี่ยส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้เซี่ยเหล่ย ก่อนจะยิ้มพร้อมพูดว่า “เรียบร้อย”
“อะแฮ่ม!” มู๋เจียนเฟิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้กระแอมขึ้น
เย่คุนมองไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมพูดใส่อารมณ์ว่า “เซี่ยเหล่ย ตรงนี้มีผู้อาวุโสมากมายคุณไม่ได้ทักทายพวกเขา แถมยังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา มันไม่หยาบคายเกินไปหน่อยงั้นเหรอ?”
ดูเหมือนได้เวลาต่อปากต่อคำแล้ว เซี่ยเหล่ยจึงไม่มีเวลาที่จะตอบกลับเฉินตูเทียนหยิน เขาเก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะยิ้มและพูดว่า ”ผมค่อนข้างที่จะชัดเจนว่าใครที่ผมควรเคารพหรือใครที่ไม่ควรเคารพ ซึ่งผู้ที่ต้องการระงับการผลิตของโรงงานผม รวมถึงต้องการขโมยปืนไรเฟิลไปจากผม คนแบบนี้ผมยังจำเป็นจะต้องยิ้มหรือทักทายพวกเขาอีกงั้นเหรอ?”
“คุณ…” เย่คุนพูดพร้อมกับชี้ไปที่หน้าของเซี่ยเหล่ย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เซี่ยเหล่ยพูดต่อทันทีว่า “คุณไม่จำเป็นจะต้องพูดอะไรอีกแล้ว เย่คุณ เพราะผมเข้าใจเรื่องทุกอย่างอย่างชัดเจน” “โอเค ไม่เป็นไร” มู๋เจียนเฟิงพยายามพูดอย่างเป็นกลางและพูดต่อว่า “พวกคุณสองคนนี้จริงๆเลย เจอกันทีไรเป็นอันต้องทะเลาะกันทุกที เอาหล่ะ…ตอนนี้เราอยู่ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน เราอย่ามาพูดเรื่องอะไรที่ทำให้บาดหมางกันเลยดีกว่าไหม?”
จังหวะนี้พนักงานเสิร์ฟก็ได้เข็นรถขนอาหารเข้ามาพร้อมกับพูดถึงอาหารที่กำลังจะเสิร์ฟ นี่ถือเป็นจังหวะที่ดีของเหตุการณ์ในครั้งนี้เพราะทำให้เซี่ยเหล่ยและเย่คุนหยุดมีปากมีเสียงกันได้ชั่วคราว…..
ติดตามตอนต่อไป……