Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่– 408 ไขความลับ !
ตอนที่– 408 ไขความลับ !
“ไม่ต้องตามมา” เซี่ยเหล่ยหยุดเดินพร้อมกับหันไปพูดกับหลงบิงด้วยก่อนจะพูดต่ออีกว่า “พวกคุณรอผมอยู่ที่นี่”
หลงบิงรีบถามด้วยความสงสัยทันทีเลยว่า “ทำไมหล่ะ? ฉันจะไปกับคุณด้วย”
เซี่ยเหล่ยตอบว่า “คนที่สัมผัสและเกี่ยวข้องกับอัลลอยโบราณ ไม่ตายก็เสียสติไปกันหมดแล้ว ดังนั้นคุณอยู่ข้างนอกจะดีกว่า”
หลงบิงพูดว่า “ฉันจะปล่อยให้คุณเข้าไปคนเดียวได้อย่างไร? ฉันจะเข้าไปด้วย”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “มันอันตรายเกินไป“
“ฉันไม่สนใจ ฉันจะไปกับคุณด้วย” หลิงบิงพูดเธอยังคงหนักแน่นในคำตอบ
เซี่ยเหล่ยพูดอีกว่า ”คุณไม่ฟังที่ผมพูดงั้นเหรอ? ตอนนี้ผมมีอำนาจพิเศษในการสั่งการดังนั้นผมขอสั่งให้คุณอยู่ข้างนอกนี่”
“คุณ …… ” หลงบิงพูด เธอค่อนข้างโกรธแต่ก็ไม่สามารถขัดขืนได้
เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเดินเข้าไปยังเขตพื้นที่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และพูดกับเจ้าหน้าที่ทหารที่คอยเฝ้าอยู่ตรงประตูหลายคนว่า “อย่าให้ใครเข้ามา”
“รับทราบ!” เจ้าหน้าที่ทหารเหล่านั้นตอบรับคำสั่งอย่างเข้มแข็ง
เซี่ยเหล่ยเหลือบหันไปมองหลงบิงหนึ่งครั้งก่อนจะเดินหายเข้าไปในเขตพื้นที่วิจัยทางวิทยาศาสตร์
หลงบิงพึมพัมที่ปากแต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมาอย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถขัดคำสั่งของเซี่ยเหล่ยได้ไม่ใช่ว่าเธอกลัวตายแต่เป็นเพราะเธอต้องเชื่อฟังในคำพูดของเขา
ภายในพื้นที่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ขณะนี้เงียบมาก ไม่มีใครอยู่ภายในเลยซักคนนอกเหนือจากเสียงฝีเท้าของเซี่ยเหล่ยแล้วก็ไม่มีเสียงอื่นๆดังขึ้นมาเลย
“การที่เราได้รับ AE มาแล้วทำให้ร่างกายของเราสามารถต้านทานต่อยาสลบได้ ว่าแต่มันจะมีผลต่อการต้านปริศนาต่ออัลลอยโบราณหรือไม่นะ?” เซี่ยเหล่ยนึกขึ้นในใจพร้อมกับหยุดเดินเนื่องจากตอนนี้เขาได้เดินมาหยุดอยู่หน้าห้องแล็บที่ใช้สำหรับวิจัยไขความลับของอัลลอยโบราณแล้ว
การเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครสามารถอยู่สงบใจให้เป็นปกติได้เซี่ยเหล่ยเองก็เช่นกันเนื่องจากเขาเองก็มีสัญชาตญาณของความเป็นมนุษย์อยู่ในตัว
อย่างไรก็ตามความกลัวนี้เกิดขึ้นเพียงแค่ครู่หนึ่งเท่านั้น เพราะเซี่ยเหล่ยเลือกที่จะผลักประตูพร้อมกับเดินเข้าไปภายในทันที
ครั้งสุดท้ายที่เขามาในห้องนี้ เขามาพร้อมกับชุดป้องกันเชื้อแบคทีเรียแบบเต็มตัว แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้สวมมันเนื่องจากทั้งหวางเหล่ยและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆก็สวมมันอยู่ตลอดเวลาแต่พวกเขาก็ยังตายและเสียสติได้มันแสดงให้เห็นว่าชุดป้องกันเชื้อแบคทีเรียแบบเต็มตัวนั้นไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย เซี่ยเหล่ยจึงไม่จำเป็นจะต้องใส่มัน
เมื่อเดินเข้าไปในห้องแล็บมีอัลลอยด์โบราณสองอันวางอยู่บนเก้าอี้ นอกจากนี้ยังมีหนังสือสำริดวางอยู่บนโต๊ะทำงานของหนิงจิง
แม้ว่าหนังสือสำริดกับอัลลอยโบราณจะเป็นสิ่งของที่ไม่มีชีวิตแต่เมื่อเขาจ้องไปที่มันเป็นเวลานานอย่างไม่ละสายตา มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าพวกมันมีชีวิตนี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อแต่มันเป็นความรู้สึกที่เขารู้สึกจริงๆและมันชัดเจนมาก
เซี่ยเหล่ยเดินไปที่โต๊ะทำงานของหนิงจิงหลังจากนั้นก็เอื้อมมือไปเปิดหน้าปกของหนังสือสำริดภายในเต็มไปด้วยตัวอักษรที่แปลกประหลาด มันดูคล้ายรูปร่างของมนุษย์ในกิริยาต่างๆ ภายในมีตัวหนังสือมากมายที่เรียงแถวกันอย่างไม่เป็นระเบียบ
นี่อาจเป็นงานเขียนโบราณหรือไม่?
เซี่ยเหล่ยรู้สึกสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากเขาเคยคิดมาก่อนหน้านี้แล้วว่ามันอาจจะไม่ใช่ภาษาโบราณอาจจะเป็นการบอกเล่าในรูปแบบอื่นๆ แต่ที่สุดแล้วก็ไม่รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไรกันแน่และไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าทำไมมันถึงถูกบันทึกไว้ในสมุดเล่มนี้นอกจากนี้มันมาจากราชวงศ์หมิงหรือไม่? และมันเกี่ยวข้องกับ AE ได้อย่างไร?
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวอย่างรวดเร็ว มันทำให้เขารู้สึกสับสน
เมื่อใช้เวลาจ้องไปนานอยู่ครู่หนึ่งก็คิดได้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร เขาจึงเดินไปที่อัลลอยโบราณทั้งสองอันจากนั้นก็นำมันมาวางรวมกันกับหนังสือสำริด
อัลลอยโบราณทั้งสองอันนี้มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว มันค่อนข้างจะผิดหลักทางวิทยาศาสตร์เนื่องจากพวกมันมีน้ำหนักที่เบาแต่มีความแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ มันดูจะแข็งแรงมากกว่าโลหะผสมพิเศษที่ทันสมัยที่สุดในโลกตอนนี้ด้วยซ้ำดังนั้นรัฐบาลจึงให้ความสนใจกับมันเป็นพิเศษเพราะถ้านำไปใช้ทำเครื่องบินรบหรือกระสวยอวกาศคงไม่มีอะไรเหมาะสมไปกว่าเจ้าสิ่งนี้อย่างแน่นอน
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ในใจของเซี่ยเหล่ยก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างกระทันหัน “ความสามารถของเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับ AE และดูเหมือนว่าอัลลอยโบราณทั้งสองอันนี้จะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับ AE ด้วยเช่นกัน บางทีหนังสือสำริดนี้ก็อาจจะ……. เอาหล่ะ…ถ้าเป็นไปตามที่คิด พวกมันจะมีปฏิกิริยาตอบสนองยังไงกันนะ?”
นี่เป็นความคิดที่มีจินตนาการผสมอยู่ด้วยสูงมาก
แต่ด้วยความคิดที่ว่ามานี้ ทำให้เซี่ยเหล่ยกระตุกตาซ้ายเล็กน้อยพร้อมกับปลุกความสามารถในการมองทะลุ จากนั้นก็มองไปยังอัลลอยโบราณเพื่อดูส่วนกระกอบภายในของมัน
ในช่วงเวลาสั้น ๆ เขารู้สึกราวกับว่าทัศนวิสัยในการมองเห็นของเขาถูกดึงดูดโดยกระแสน้ำวนให้ลงไปยังก้นบึ้งที่มืดมิดและไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย ร่างกายของเขาสั่นไปหมดทั้งตัว เขาไม่สามารถขยับหรือควบคุมการเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย
“นี่มัน …… เกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยเหล่ยคิดในใจ เขารู้สึกตื่นตระหนกและกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไอรีนโนเวล
แต่หลังจากผ่านไปสองนาทีที่ใช้ความสามารถในการมองทะลุ ทัศนวิสัยการของของเขาก็กลับมามองเห็นเป็นปกติพร้อมกับร่างกายที่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามที่ต้องการ
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถ้ามองไปที่หนังสือสำริดหล่ะ จะเป็นยังไงนะ?” เซี่ยเหล่ยสงสัยพร้อมกับมองไปที่หนังสือสำริดอย่างไม่ละสายตา
แม้ว่าเมื่อครู่นี้เขาจะเพิ่งเจอกับเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายได้แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังคงรู้สึกตื่นตระหนกและหวาดกลัวแต่อย่างไรก็ตามการมองทะลุไปที่หนังสือสำริดอาจจะเป็นวิธีเดียวในการตีความตัวอักษรเหล่านี้ก็เป็นได้เขาจึงปลุกความสามารถขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะมองเข้าไปในหนังสือสำริดอย่างกล้าหาญ
ทันทีที่เซี่ยเหล่ยมองไปที่หนังสือสำริดด้วยความในสามารถมองทะลุ สมองของเขาก็รู้สึกเหมือนกับถูกอะไรบางอย่างกระแทกเข้าอย่างรุนแรงแต่โชคดีที่มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึก เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรจริงๆเพียงแค่ตกใจเท่านั้นแต่อย่างไรก็ตามหลังจากรู้สึกเหมือนกับมีอะไรกระแทกเข้าที่หัวในสมองของเขาก็เหมือนได้ยินเสียงแปลกๆด้วยเช่นกัน
เสียงนี้ค่อนข้างจะสั้น มันคล้ายกับจะเป็นตัวอักษรในรูปแบบเสียง
มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ตัวอักษรในรูปแบบนี้เสียงจะเป็นภาษาจีนเนื่องจาก ภาษาจีนก็มีการออกเสียงตัวอักษรที่ละตัวเช่นกัน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะได้ยินเสียงเหล่านี้ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันมีความหมายว่าอย่างไร?
แต่ถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้ความหมายของมันแต่เรื่องนี้ก็ทำให้เซี่ยเหล่ยตื่นเต้นไม่น้อย เขามองไปที่ตัวอักษรอื่นๆตามลำดับตัวอักษรอื่นๆก็มีเสียงเฉพาะของมันเช่นกัน เขายังคงได้ยินเสียงตัวอักษรอื่นๆทันทีที่มองไป
แม้ว่าเสียงเหล่านี้จะได้ยินแค่ภายในสมองแต่ก็เห็นได้ชัดว่านี่เป็นวิธีที่ถูกต้องในการอ่านหนังสือสำริด
อาจจะเปรียบเทียบได้ว่าตัวอักษรต่างๆภายในหนังสือเป็นเหมือนกับข้อมูลที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิส มันเป็นข้อมูลที่มีอยู่แล้วเพียงแค่รอให้เราเข้าถึงข้อมูลนั้นก็แค่นั้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดจากการค้นพบนี้คือทั้งหนังสือสำริดและอัลลอยโบราณมีส่วนเกี่ยวข้องกับ AE อย่างแน่นอน!
แม้ว่าหวางเหล่ยและเหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างพยายามศึกษาและไขความลับมาเป็นเวลานานไม่ว่าจะด้วยวิธีการต่างๆหรือเครื่องมือต่างๆ แต่ก็ไม่สามารถค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ได้เลย ผิดกับเซี่ยเหล่ยที่ตอนนี้ได้เบาะแสที่ค่อนข้างจะสำคัญเข้าให้แล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ก็ตาม “มันไม่ง่ายเลย……เรื่องนี้มันซับซ้อนจริงๆ” เซี่ยเหล่ยคิดพร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะคิดอีกว่า ”แต่ถ้าเราสามารถตีความเสียงที่เกิดขึ้นได้ คงจะได้รู้ความลับหรือข้อมูลเพิ่มเติมอย่างแน่นอน”
เรื่องราวอาจจะเป็นแบบนั้นจริง แต่ในโลกนี้จะมีใครเข้าใจและแปลความหมายของมันได้หรือไม่?
หลังจากที่เซี่ยเหล่ยอ่านหนังสือสำริดด้วยความสามารถมองทะลุจนจบแล้ว จู่ๆหูของเขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดว่า “ฉันจำใบหน้าของคุณได้”
เป็นเสียงของผู้หญิงที่อายุน้อย น้ำเสียงของเธอให้ความรู้สึกเยือกยะเย็นเมื่อได้ฟังยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นเสียงที่คุ้นหูเพราะเขาเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อนตอนที่อยู่ที่ซากปรักหักพังในอัฟกานิสถานที่ชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์!
เซี่ยเหล่ยรู้สึกกลัวอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงพยายามหันซ้ายหันขวาและหันไปรอบๆเพื่อจะดูว่าเป็นเสียงของใครแต่ที่สุดแล้วก็ไม่เห็นใครเลยซักคน เขาจึงคิดว่าหู่ฝาดไปเอง
“ฉันจำใบหน้าของคุณได้” เสียงของหญิงสาวคนดังขึ้นอีกครั้ง
เมื่อได้ยินซ้ำเป็นครั้งที่สอง มันทำให้เขาแน่ใจได้ว่าหูเขาไม่ได้หูฝาดไป!
“คุณเป็นใคร?” เซี่ยเหล่ยอยากที่จะพูดคำนี้ออกไปแต่ก็พูดไม่ออก
นั่นก็เพราะภายในห้องมีกล้องวงจรปิดถูกติดตั้งเอาไว้มากมาย มันบันทึกไว้ทั้งภาพและเสียง หากเขาพูดออกมาในขณะนี้คนที่คอยจับตาดูอยู่ก็จะหาว่าเขาเสียสติไปแล้วเช่นกัน
“ฉันรอคุณมานานแล้ว นานมากจริงๆ….. ” เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังก้องในหูทางด้านซ้ายของเซี่ยเหล่ย คราวนี้เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เซี่ยเหล่ยรีบหันไปทางซ้ายทันที
แต่ก็ไม่พบใครด้านซ้ายเป็นเพียงแค่พื้นที่โล่งถัดออกไปก็เป็นผนังซึ่งไม่มีแม้แต่หน้าต่าง ด้วยความสงสัยเซี่ยเหล่ยจึงเลือกที่จะเพิ่มความเข้มของความสามารถในการมองทะลุ เขามองไปทะลุไปอีกชั้นหนึ่งก็พบว่าหลังกำแพงถัดไปก็ไม่มีใครเลยเช่นกัน มันทำให้เขารู้สึกแปลกใจอย่างมาก
แต่ในวินาทีต่อมา จู่ๆร่างกายของเขาก็รู้สึกได้ถึงลมหนาวที่พัดผ่านร่างกายเป็นลมหนาวที่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรพร้อมกับตรงหน้าของเขามีผู้หญิงเปลือยกายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับกำลังมองมาที่เขาอย่างไม่ละสายตา ผิวของเธอขาวมาก มากจนเรียกได้ว่าโปร่งใสเลยก็ได้ รูปลักษณ์ของเธอสวยงามมาก แถมยังมีสัดส่วนที่เย้ายวนใจชายหนุ่มเป็นอย่างมาก
เซี่ยเหล่ยตัวแข็งทื่อในทันที!!
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เซี่ยเหล่ยตัวแข็งทื่อไม่ใช่ลมหนาวที่พัดผ่านร่างกายของเขาแต่เป็นเธอที่อยู่ตรงหน้าเจ้าหญิงซูเสวียเหยี่ย!
ติดตามตอนต่อไป…….