Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่– 409 การปรากฏตัวขององค์หญิง
ตอนที่– 409 การปรากฏตัวขององค์หญิง
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าให้ออกมาเป็นคำพูดได้ในตอนนี้
ด้วยสายตาปกติไม่สามารถมองเห็นการมีอยู่ของเจ้าหญิงได้อย่างแน่นอนแต่ที่เซี่ยเหล่ยสามารถมองเห็นได้นั่นก็เพราะตาซ้ายของเขาอย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยที่ใช้ตาซ้ายในการมองทะลุมานานถึงสองปีแล้วกลับไม่เคยเห็นวิญญาณเลยซักครั้งแต่ทำไมจู่ๆในตอนนี้ถึงสามารถมองเห็นเจ้าหญิงหยงเหม่ยได้
ทำให้คิดได้ว่าในโลกนี้อาจจะไม่มีผี แต่ถ้าในโลกนี้ไม่มีผีแล้วเธอเป็นอะไรกันหล่ะ?
ในขณะนี้เซี่ยเหล่ยมองไปที่องค์หญิงรูปงาม(เจ้าหญิงหยงเหม่ย) ส่วนองค์หญิงรูปงามก็มองกลับมาที่เซี่ยเหล่ยเช่นกัน หลังจากที่จ้องมองอยู่เป็นเวลานานเซี่ยเหล่ยก็รู้สึกว่าร่างที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาในตอนนี้เป็นเจ้าหญิงหยงเหม่ยจริงๆ ริมฝีปากของเธอมีสีแดงระเรื่อ คอของเธอเหมือนกับหงส์ที่ทั้งขาวและเรียวยาวหน้าอกของเธอก็เต็มไปด้วยความเอิบอิ่ม หน้าท้องของเธอเรียบเนียนและมีผิวที่เหมือนกับเจล ขาของเธอก็เรียวยาวสวยเหมือนตะเกียบ
“ฉันจำใบหน้าของคุณได้” องค์หญิงรูปงามพูด
เธอย้ำประโยคนี้อยู่หลายครั้ง
ด้วยคำพูดสุดท้ายของเธอทำให้เซี่ยเหล่ยจ้องไปที่กล้องวงจรปิดพร้อมกับเดินไปที่ประตู
ระหว่างที่เดินถอยไปที่ประตูสายตาของเซี่ยเหล่ยยังคงมองไปที่เจ้าหญิงหยงเหม่ยตลอดเวลา ในตอนแรกเขานึกว่าเธอจะลอยเข้ามาเหมือนกับผีในภาพยนตร์แต่ก็ไม่ใช่เพราะว่าเธอเดินมาเหมือนกับคนปกติ ยิ่งไปกว่านั้นการเดินของเธอยังสง่างามและมีสเน่ห์อย่างมากอย่างไรก็ตามในขณะนี้ร่างกายของเธอยังคงเปลือยเปล่าทำให้ขณะที่กำลังเดินหน้าอกของเธอก็กระเพื่อมตามจังหวะของการขยับเท้า ถ้าเธอเป็นวิญญาณหน้าอกของเธอคงจะไม่สามารถกระเพื่อมได้
ตกลงว่าเธอคืออะไรกันแน่?
เมื่อเซี่ยเหล่ยเดินไปถึงประตู ก็กดปุ่มเปิดประตูพร้อมกับรีบเดินออกไปนอกห้องเพื่อรอดูท่าทีของ องค์หญิงรูปงาม ด้าน องค์หญิงรูปงามก็ยังคงเดินมาที่ประตูเรื่อยๆ เธอเดินเข้ามาใกล้เลื่อยๆแทบจะชนประตูอยู่แล้ว เซี่ยเหล่ยที่เห็นดังนั้นก็เกือบจะลืมตัวและเอื้อมมือไปกดสวิตท์เปิดประตูให้กับเธอแล้ว แต่ที่สุดแล้วเซี่ยเหล่ยที่ต้องการจะทดสอบเธอจึงไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น เขาเพียงแค่รออยู่เฉยๆเท่านั้น
อย่างไรก็ตามองค์หญิงรูปงามได้เดินทะลุประตูออกมาพร้อมกับยืนอยู่ตรงหน้าเซี่ยเหล่ยอีกครั้ง
“ฉันรอคุณมานานมากแล้ว นานมากจริงๆ……” องค์หญิงรูปงามพูด
เซี่ยเหล่ยพยายามไม่พูดและตอบเธอ เขาเลือกที่จะเดินหนีไปยังห้องที่เคยเดินผ่านก่อนหน้านี้
องค์หญิงรูปงามยังคงเดินตามเซี่ยเหล่ยต่อไป การเดินของเธอยังคงสง่างามและมีเสน่ห์อย่างไรก็ตามแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ใส่เสื้อผ้าแต่ท่าทางของเธอก็ดูไม่เขินอายแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกันนี้ที่ห้องลับของฐานทัพหลิงฮั่นและเหล่าชายชรารวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนได้มองไปที่จอมอนิเตอร์ซึ่งแสดงภาพของเซี่ยเหล่ยขณะอยู่ภายในเขตพื้นที่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ พวกเขาค่อนข้างที่จะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากอยู่ดีๆเซี่ยเหล่ยก็มีปฏิกิริยาที่แปลกไปอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าทุกท่าทางของเซี่ยเหล่ยถูกจับตามองและบันทึกเอาไว้ทั้งหมด
“เขาจะเดินไปไหน?” ชายชราคนหนึ่งพูด
“ไม่รู้” ชายชราอีกคนตอบพร้อมกับพูดต่อว่า ”แต่เมื่อครู่ในห้องปฏิบัติการ ท่าทางของเขาค่อนข้างแปลกอย่างเห็นได้ชัด เขามองไปที่หนังสือสำริดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็มองไปรอบๆ สุดท้ายก็มองไปที่จุดๆเดียว มันเหมือนกับว่าเขาเห็นอะไรบางอย่าง?”
ชายชราคนเดิมพูดว่า “เขาจะเห็นอะไรได้หล่ะ? ในเมื่อเราก็จับตาดูอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ถ้าเขาเห็น พวกเราก็ต้องเห็นกันด้วยสิ”
ชายชราคนอื่นพูดว่า “หรือเขาจะเสียสติไปแล้ว?”
ชายชราคนอื่นพูดเสริมว่า ”บางทีเขาอาจจะเสียสติไปจริงๆแล้วก็ได้ ดูอย่างพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของผู้เชี่ยวชาญสิ อาการเริ่มแรกของพวกเขาก็คือการมองไปรอบๆและก็มองไปที่สุดๆเดียวไม่ใช่งั้นเหรอ”
หลิงฮั่นพูดเบาๆว่า “ทุกท่านอย่าเพิ่งด่วนสรุปกันไปก่อนเลย ตอนนี้ให้คอยสังเกตทุกๆอย่างให้ดีกันก่อนดีกว่า”
“สมมติถ้าเกิดเขาเสียสติไปแล้วจริงๆหล่ะ? เราจะทำอย่างไร?” ชายชราคนหนึ่งพูด
หลิงฮั่นขมวดคิ้วก่อนจะตอบว่า “ถ้าเขาเสียสติไปแล้วจริงๆ ตอนนี้ก็คงจะหาใครมาศึกษาและไขความลับของพวกมันไม่ได้อีกแล้วหล่ะ ดังนั้นตอนนี้เราต้องให้เวลาเขา และต้องเชื่อใจเขาเท่านั้น”
“จะให้เชื่อใจเขาได้อย่างไรกันหล่ะ? เขาไม่ใช่นักโบราณคดี เขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ เขาไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำ หลิงฮั่นทำไมคุณถึงเสนอให้เขามารับหน้าที่นี้กันหล่ะ ผมไม่เข้าใจความคิดของคุณเลย” ชายคนหนึ่งพูด
ชายคนหนึ่งก็พูดเสริมว่า “ ใช่แล้ว คนธรรมดาอย่างเขาจะมาหาคำตอบให้พวกเราได้อย่างไร?”
หลิงฮั่นดูไม่กังวลแม้แต่น้อย เขาตอบกลับไปอย่างเรียบง่ายว่า ”นอกจากเขาก็ไม่มีใครอีกแล้ว เพราะนอกจากเขาตอนนี้ทุกคนที่เคยสัมผัสและเกี่ยวข้องกับมันไม่ตายก็เสียสติกันไปหมดแล้ว ก่อนหน้านี้ผมเคยถามฉือโบเหยิยนเรื่องรายละเอียดสำหรับการขุดอัลลอยโบราณ เขาตอบกลับมาว่าเซี่ยเหล่ยเป็นคนขุดมันขึ้นมาไม่ต้องสงสัยเลยว่าในขณะที่ขุดเขาจะสัมผัสมันไม่แล้วกี่ครั้ง แต่เขากลับไม่เป็นอะไรเลย”
”คุณหลิง คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่?” ชายคนหนึ่งพูด
หลิงฮั่นตอบกลับอย่างเรียบง่ายว่า “สิ่งที่ผมกำลังจะบอกก็คือกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของเราได้ใช้ทุกวิถีทางรวมถึงเครื่องมือทั้งหมดที่มีแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถหาความลับที่ซ่อนอยู่ได้ บางทีเราควรจะมองหาวิธีการแก้ปัญหาที่ต่างออกไปจากการใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์กันบ้าง นอกจากนี้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของเราแม้จะมีมากแต่ก็ใช่ว่าจะรู้ไปซะทุกอย่างในโลกนี้”
แต่เดิมชายชราเหล่านี้ล้วนเป็นนักวิชาการของกันทั้งนั้น มันไม่แปลกที่พวกเขาจะไม่ชอบเซี่ยเหล่ย! อันที่จริงหากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของเหล่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นรวมกับเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่มีและใช้มันจนสามารถไขความลับนี้ได้แม้ว่าจะต้องมีการสูญเสียไปบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ อย่างน้อยมันก็ทำให้สามารถไขความลับได้ แต่สำหรับเหตุการณ์และสถานการณ์ในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ เนื่องจากเสียเวลาไปมากมายก็ไม่สามารถไขความลับได้แถมเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่ทำการวิจัยนี้ถ้าไม่ตายก็เสียสติกันไปหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นสาเหตุของเรื่องนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ!
หลิงฮั่นได้กวาดตามองไปที่นักวิชาการอาวุโสหลายคนก่อนจะพูดว่า “ ในตอนนี้นักวิชาการหลายคนกำลังตกอยู่ในอันตรายและผมซึ่งเป็นประธานในการจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ได้พิจารณาแล้วว่ายกหน้าที่นี้ให้กับเซี่ยเหล่ยเป็นผู้รับช่วงต่อ จุดประสงค์ก็เพื่อไขความลับและปกป้องเหล่านักวิชาการคนอื่นๆที่ยังคงมีชีวิตอยู่ไปในเวลาเดียวกัน เขาเป็นคนเดียวที่สามารถแตะต้องทั้งโลหะอัลลอยและหนังสือสำริดได้อย่างอิสระโดยที่ไม่เป็นอะไรเลย ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าเขาอีกแล้ว”
“เอาล่ะ เข้าใจแล้ว” นักวิชาการอาวุโสคนหนึ่งพูดพร้อมกับถอนหายใจก่อนจะพูดต่อว่า “คุณหลิงเราเชื่อใจคุณ เราจะปล่อยให้เซี่ยเหล่ยเป็นคนจัดการเรื่องนี้ต่อไป”
มุมของปากของหลิงฮั่นมีรอยยิ้มให้เห็นเล็กน้อยเนื่องจากการจะโน้มน้าวเหล่านักวิชาการอาวุโสเหล่านี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เวลานี้จอภาพปรากฏภาพเซี่ยเหล่ยกำลังจะเดินเข้าไปในห้องๆหนึ่ง เมื่อเขาเข้าไปในห้องนั้น เซี่ยเหล่ยก็หายไปจากการเฝ้าติดตามทันที
“ในห้องนั้นยังไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้อย่างนั้นเหรอ?” นักวิชาการอาวุโสพูดอย่างตื่นตระหนก
หลิงฮั่นสายหน้าก่อนจะพูดว่า “ไม่ได้ติดตั้งไว้ ที่นั่นคือห้องส่วนตัวจะติดตั้งกล้องวงจรปิดได้อย่างไรกัน” “แล้วเขาจะเข้าไปทำไมหล่ะ?” นักวิชาการอาวุโสคนหนึ่งพูด
ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปในห้องนั้นทำไม? ไอลีนโนเวล
หลิงฮั่นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับเตรียมกดเบอร์เพื่อโทรออกไปหาหลงบิง ความต้องการของเขาคือจะให้เธอเข้าไปหาเซี่ยเหล่ยและคอยรายงานสิ่งที่เขาทำในห้องส่วนตัวนั้นภายหลัง แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายเขาก็ไม่ได้โทร เขารู้ว่าเซี่ยเหล่ยไม่ยอมให้หลงบิงเข้าไปในเขตพื้นที่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ด้วยอยู่แล้ว การโทรไปบังคับเธอไม่ช่วยอะไรอยู่ดีเนื่องจากเธอต้องฟังคำสั่งของเซี่ยเหล่ย
การที่เซี่ยเหล่ยเลือกเข้ามาในห้องนี้ก็เพราะในขณะที่เดินอยู่ตรงทางเดินก่อนหน้านี้เขาได้ใช้ตาซ้ายมองทะลุไปยังห้องต่างๆเพื่อมองดูว่าห้องไหนที่ไม่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้ สุดท้ายเขาก็เจอกับห้องนี้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะเดินเข้ามาในห้องแล้วแต่เขาไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้องค์หญิงรูปงามเองได้เดินผ่านประตูเข้ามาในห้องนี้เดียวกับเขาเช่นกัน
เมื่ออยู่ภายในห้องแสงสว่างจากหลอดไฟทำให้องค์หญิงดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ร่างกายของเธอดูคล้ายกับจะมีเลือดและเนื้อหนังขึ้นมาจริงๆ
องค์หญิงหยงเหม่ยในตอนนี้ได้เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเซี่ยเหล่ย พวกเขายืนห่างกันเพียงหนึ่งฟุตเท่านั้น
แม้จะใกล้กันขนาดนี้แต่เซี่ยเหล่ยก็ไม่รู้สึกถึงการหายใจขององค์หญิงเลย
ครั้งนี้องค์หญิงไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่มองมาที่เซี่ยเหล่ยอย่างไม่ละสายตาเท่านั้น
“คุณเป็นใคร?” เซี่ยเหล่ยถามเบาๆ
“ฉันจำใบหน้าของคุณได้” องค์หญิงรูปงามพูด
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วก่อนจะพูดอีกว่า “จำได้แล้วยังไง? ผมถามว่าคุณเป็นใคร”
องค์หญิงพูดว่า “ฉันรอคุณมานานแล้ว นานมากจริงๆ”
เซี่ยเหล่ยค่อนข้างจะแปลกใจกับเรื่องนี้เนื่องจากเขาไม่ได้คำตอบตามที่ต้องการเลย พยายามอีกหลายครั้งเพื่อที่จะให้ได้คำตอบในรูปแบบประโยคอื่นๆ แต่ก็เปล่าประโยชน์…มันไม่ได้ผล เขาไม่สามารถรู้อะไรเพิ่มเติมจากเธอได้เลย เนื่องจากเธอพูดได้เพียงแค่สองประโยคเท่านั้น หากมองดูเผินๆความสามารถของเธอในตอนนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไม่จากภาพโฮโลแกรมซักเท่าไหร่!
เซี่ยเหล่ยไม่ยอมแพ้ เขายังคงถามคำถามเธอต่ออีกว่า “แล้วเสื้อผ้าของคุณหายไปไหนหล่ะ ทำไมไม่ใส่?”
“ฉันจำใบหน้าของคุณได้” องค์หญิงหยงเหม่ยพูด
“มีแมลงวันอยู่ที่ก้นของคุณ” เซี่ยเหล่ยพูด “ฉันรอคุณมานานแล้ว นานมากจริงๆ……” องค์หญิงหยงเหม่ยพูด
“ผมคือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ผมเป็นกษัตริย์” เซี่ยเหล่ยพูด
“ฉันจำใบหน้าของคุณได้” องค์หญิงพูด
เซี่ยเหล่ย “…….”
เซี่ยเหล่ยยอมแพ้ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวหากถามอะไรต่อไปก็ไม่ทำให้เกิดประโยชน์อะไร
จู่ๆดูเหมือนเซี่ยเหล่ยจะคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาลองเอื้อมมือออกไปและคว้าแขนขององค์หญิง ด้านองค์หญิงไม่ได้หลบแต่อย่างใดแต่อย่างไรก็ตามมือที่เขาคว้าออกไปนั้นทะลุร่างกายของเธอไปอย่างง่ายได้ เขาไม่สามารถจับร่างกายของเธอได้
แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจซักเท่าไหร่ว่าเป็นเพราะอะไรและเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ที่เขามั่นใจได้เลยตอนนี้ก็คือตรงบริเวณที่เขาคว้ามือออกไปนั้นเย็นอย่างมากเย็นชนิดที่ว่าไม่สามารถแช่ไว้ตรงที่เดิมเป็นเวลานานได้ เขาจึงรีบดึงมือกลับมาทันที
“นี่เธอ …… เป็นก้อนพลังงานงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถามด้วยความประหลาดใจอย่างมาก
หลังจากที่เซี่ยเหล่ยถามออกไปร่างกายขององค์หญิงก็สั่นสองครั้งก่อนจะเลือนลางและจางหายไปในที่สุด
ไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน!
เซี่ยเหล่ยหันซ้ายหันขวาไปทั่วทั้งห้องแต่ก็ไม่พบเธอ
“ดูเหมือนว่าองค์หญิงหยงเหม่ยจะเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับหากไขความลับของอัลลอยโบราณและหนังสือสำริดสินะ ว่าแต่…บันทึกการวิจัยก่อนหน้านี้ของเหล่าผู้เชี่ยวชาญถูกเก็บไว้ที่ไหนกันนะ?” เซี่ยเหล่ยคิดขึ้นในใจ
ในเวลานี้จู่ๆลำโพงตรงทางเดินภายในเขตพื้นที่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์มีเสียงออกมาว่า ”คุณเซี่ย เรามาพบกันหน่อยดีมั้ย?”
ความคิดของเซี่ยเหล่ยถูกขัดจังหวะไม่ใช่เพราะเสียงประกาศที่ดังขึ้นมา แต่เป็นเพราะเขาจำเสียงที่เพิ่งพูดออกมาผ่านลำโพงนี้ได้!
ติดตามตอนต่อไป……