Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่– 410 งดงาม !
ตอนที่– 410 งดงาม !
ในขณะนี้ภายในห้องลับของฐานทัพหลิงฮั่นและบรรดานักวิชาการอาวุโสกำลังมองไปที่เซี่ยเหล่ยและหลงบิงที่กำลังเดินเข้ามาด้วยความสงสัย
เมื่อเห็นว่าเซี่ยเหล่ยเข้ามาแล้ว หลิงฮั่นก็ได้เริ่มพูดอีกครั้งว่า ”คุณเซี่ย ผมคิดว่าคุณคงจะรู้อยู่แล้วว่าทำไมคุณถึงถูกเชิญให้มานี่นี่”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “ผมรู้”
“คุณเห็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับผลกระทบจากเขตพื้นที่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ไปแล้วแต่คุณก็ยังเข้าไปอีก คุณคิดอะไรอยู่…บอกผมได้มั้ย ?” หลิงฮั่นถาม
เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบไปว่า “กลุ่มผู้เชี่ยวชาญในขณะนี้ไม่ตายก็เสียสติไปกันหมดแล้วระดับ IQ ของพวกเขาลดลงอย่างน่าใจหายเพราะมันเทียบเท่าได้กับเด็กห้าขวบเท่านั้น หมอบอกว่าเขาเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน อีกอย่าง…ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือผมก็อยากที่จะไขความลับของทั้งหนังสือสำริดและอัลลอยโบราณให้ได้ ดังนั้นผมจึงเข้ามายังพื้นที่นี้เพื่อหาคำตอบ”
ในขณะที่เซี่ยเหล่ยพูด หลิงฮั่นเงียบเพื่อคอยฟังที่เขาพูด เขาต้องการความคิดเห็นที่แตกต่างและสร้างสรรค์แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้แสดงมันออกมาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์เลย
”คุณเซี่ย”นักวิชาการอาวุโสพูดก่อนจะพูดต่อว่า “ในความคิดของคุณ คุณจะแก้ปัญหานี้อย่างไร?”
ยังไม่รอให้เซี่ยเหล่ยตอบ นักวิชาการอาวุโสอีกคนถอนหายใจก่อนจะพูดเสริมว่า “ผมรู้ว่าคุณเป็นช่างเครื่อง ผมไม่ได้คาดหวังคำตอบอะไรจากคุณมากนักหรอกนะ เพราะสิ่งที่ผมต้องการได้ยินคือคำตอบจากนักวิทยาศาสตร์”
คำพูดเหล่านี้ถือเป็นการดูถูกและไม่ให้เกียรติเซี่ยเหล่ยเลยแต่อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้โกรธแม้แต่น้อยเนื่องจากเขาพอจะรู้นิสัยของพวกพวกนักวิทยาศาสตร์ยิ่งไปกว่านั้นคนที่พูดประโยคนี้ยังเป็นนักวิชาการอาวุโสอีกด้วย เขาจึงไม่ถือและเก็บเอาเรื่องนี้มาเป็นอารมณ์
“ผมจะแนะนำอะไรคุณหน่อยนะ” นักวิชาการอาวุโสคนหนึ่งพูดกับหลิงฮั่น เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “ผมว่าเราควรจัดตั้งทีมวิจัยขึ้นมาใหม่ดีกว่านะ ดูมันจะได้ผลมากกว่าให้ช่างเครื่องมาหาคำตอบแทน”
“ใช่แล้ว ผมเห็นด้วย ผมคิดว่าเราควรจัดทีมนักวิชาการชุดใหม่ให้เร็วที่สุด หากเป็นพรุ่งนี้เช้าได้ยิ่งดีเลย” นักวิชาการอาวุโสบางคนพูด
หลิงฮั่นพูดว่า “ถ้ามีทีมวิจัยชุดต่อไป ผลลัพธ์ก็จะเหมือนเดิมพวกเขาจะตายหรือไม่ก็เสียสติ” “เพื่อการพัฒนาประเทศชาติแล้ว ถือเป็นการเสียสละอย่างมีเกียรติ” นักวิชาการอาวุโสบางคนพูด
หลิงฮั่นยิ้มก่อนจะตอบว่า “ผมไม่สงสัยเลยว่าทุกคนที่นี่มีความรู้และความสามารถ ยิ่งไปกว่านั้นก็พร้อมที่จะเสียสละเพื่อผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง แต่ในอีกมุมหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการที่เรามีถือเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าอย่างมาก หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาเท่ากับว่าเราต้องสูญเสียทรัพยาการที่มีค่าไปอย่างน่าเสียดายและเสียเปล่า หากเราเลี่ยงได้เราก็ควรที่จะเลี่ยงไม่ใช่อย่างนั้นเหรอ?” พูดจบก็มองไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดต่อว่า ”คุณเซี่ย ถ้าผมยกเรื่องนี้ให้คุณเป็นผู้ดูแล คุณมั่นใจว่าจะสามารถหาความลับของอัลลอยโบราณและหนังสือสำริดได้หรือไม่?”
เซี่ยเหล่ยเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไปว่า “ผมมีความมั่นใจ 60%”
หลิงฮั่นถามกลับทันทีด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นว่า ”มั่นใจ 60% งั้นเหรอ? มันมากกว่าครึ่งนึงเลยนะ บอกผมได้มั้ยว่าทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้น?”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับว่า “ความรู้สึกมันบอกผม”
“ความรู้สึกงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า” เหล่านักวิชาการอาวุโสพูดพร้อมพากันหัวเราะเยาะกับคำตอบของเซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า “คุณบอกว่าคุณมั่นใจ 60% แต่มันเป็นความรู้สึกเนี่ยนะ? นี่คุณกำลังล้อเล่นกับพวกเราอยู่หรือเปล่า?”
“นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก คุณกล้าเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นได้ยังไง?” นักวิชาการอาวุโสคนหนึ่งพูดอย่างไม่พอใจ
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า ”การที่คุณไม่เชื่อผม ผมก็ไม่ว่าอะไรเพราะมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เนื่องจากเหตุผลของผมมันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถพิสูจน์และจับต้องได้ แต่อย่างไรก็ตามหากคุณไม่ต้องการให้ผมสานต่อเรื่องนี้ก็สามารถพูดออกมาตรงๆได้เลย ผมพร้อมที่จะไป เพราะเรื่องก็ถือว่าเสี่ยงและอันตรายต่อชีวิตผมอย่างมากเช่นกัน”
ในความเป็นจริงเซี่ยเหล่ยต้องการและคอยหาโอกาสเพื่อจะมีส่วนร่วมในการวิจัยอยู่นานแล้ว แต่ที่ตอบไปแบบนั้นก็เพื่อให้ทุกคนสนใจตัวเขามากขึ้น หากคิดให้ดีพวกเขาจะต้องมีความเชื่อมั่นบ้างอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เชิญมาที่นี่ตั้งแต่แรก
เซี่ยเหล่ยเลือกที่จะปูทางมาแบบนี้ก็เพื่อขั้นตอนต่อไป
หลงบิงในตอนนี้ค่อนข้างที่จะเป็นห่วงเซี่ยเหล่ย เธอกลัวว่าเขาจะถูกหลิงฮั่นและนักวิชาการอาวุโสกดดัน เธอจึงเท้าของเซี่ยเหล่ยเบาๆใต้โต๊ะที่ประชุม
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ
หลิงฮั่นได้ถามเซี่ยเหล่ยอย่างลับๆว่า “คุณเซี่ย บอกผมได้หรือไม่ถ้าคุณสานต่อในเรื่องนี้ คุณมีแผนว่าอย่างไรบ้าง?” เซี่ยเหล่ยกำลังจะพูดถึงแผนการของเขา แต่จู่ๆตาซ้ายของเขาก็ควบคุมไม่ได้ นั่นทำให้เขามองเห็นองค์หญิงรูปงามปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง เธอยืนอยู่บนโต๊ะในที่ประชุมของห้องลับของฐานทัพ
เซี่ยเหล่ยอ้าปากค้างด้วยความตะลึง ไม่ใช่เพราะเขาเห็นองค์หญิงรูปงามปรากฏตัวขึ้นแต่เป็นเพราะจู่ๆเขาก็ควบคุมตาข้างซ้ายของตัวเองไม่ได้ เขาคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะเธอ
องค์หญิงรูปงามในตอนนี้อยู่ใกล้กับเซี่ยเหล่ยมาก ห่างกันไม่ถึงหนึ่งฟุตด้วยซ้ำ
หากไม่มีเสื้อผ้าและอยู่ภายใต้แสงสว่างจากดวงจันทร์ องค์หญิงรูปงามจะดูสวยราวกับนางฟ้าเลยด้วย แต่นี่เป็นเพียงแค่จินตนาการของเซี่ยเหล่ย
อย่างไรก็ตามสภาพของเธอในครั้งนี้ดูเหมือนจะมีออร่ามากขึ้นกว่าตอนที่เจอกันครั้งก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เซี่ยเหล่ยมองเห็นเธอ ความรู้สึกหวาดกลัวที่มีก่อนหน้านี้ได้หายไปอย่างสิ้นเชิงเพราะมันถูกแทนที่ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นชายของเซี่ยเหล่ยแทน Aileen-novel
สิ่งนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้นั่นก็เพราะองค์หญิงรูปงาม ทั้งสวยและเซ็กซี่กว่าผู้หญิงคนไหนที่เซี่ยเหล่ยเคยเห็นมา แถมเธอในตอนนี้ยังเปลือยกายและดูสมจริงอย่างมาก
องค์หญิงรูปงามยังยืนอยู่บนโต๊ะและมองมาที่เซี่ยเหล่ยอย่างไม่ละสายตาแต่ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็เดินลงจากโต๊ะและมานั่งอยู่ข้างๆเขา อย่างไรก็ตามนอกจากท่าเดินของเธอแล้ว แม้แต่ท่านั่งของเธอก็ยังแสดงให้เห็นถึงความสง่างามในแบบฉบับของผู้ที่เป็นเจ้าหญิงที่ได้รับการฝึกฝนจนทำด้วยความเคยชิน
“เธอปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งได้อย่างไรและทำไมอยู่ดีตาซ้ายของเราถึงควบคุมไม่ได้ชั่วขณะหล่ะ?” เซี่ยเหล่ยคิดเขาสงสัยและสับสนมากจากนั้นก็ยังคงคิดต่ออีกว่า ”เธอจะตามเราไปทุกที่เลยอย่างนั้นหรือเปล่า? ตามกลับบ้าน กิน อาบน้ำ นอน หรือแม้แต่คุยกับอเลน่าด้วยหรือเปล่านะ? ทำไงดีหล่ะ….ถ้าเป็นแบบนั้นเราจะทำอย่างไรดีหล่ะ?”
ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยว่าการที่องค์หญิงรูปงามปรากฏตัวขึ้นและติดตามเขาไปทุกที่อาจจะเป็นเพราะเขาใช้ความสามารถมองทะลุไปทีอัลลอยโบราณและหนังสือสำริดก็เป็นได้!
”คุณเซี่ย คุณเป็นอะไรไปงั้นเหรอ?” หลิงฮั่นมองไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมกับถามด้วยความสงสัย
เซี่ยเหล่ยพยายามเรียกสติให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะหันไปหาหลิงฮั่นและตอบกลับไปว่า ”ถ้าผมได้รับช่วงต่อ ผมจะย้ายเขตพื้นที่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ไปยังโรงงานผลิตอาวุธของผมนั่นคือสิ่งที่ผมคิดและต้องการ นั่นรวมไปถึงเข็มทิศด้วย มันจะต้องถูกส่งไปยังโรงงานผลิตอาวุธของผมเช่นกัน”
หลิงฮั่นขมวดคิ้วทันทีพร้อมกับตอบไปว่า “เป็นแบบนั้นแล้วมันจะดีงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยยักไหล่ก่อนจะตอบกลับว่า “ผมมีเหตุผลอยู่สองข้อ หนึ่งคือธุรกิจของอาชาสายฟ้าคอร์เปอเรชั่นยังต้องการผมเพื่อดูแลและจัดการเรื่องต่างๆ ส่วนข้อที่สองคือผมไม่ต้องการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีการตรวจสอบตลอดเวลาอีกอย่างเวลาทำงานผมไม่ต้องการให้ใครมารบกวนผมด้วย”
หลิงฮั่นขมวดคิ้วสูงขึ้นไปอีกก่อนจะพูดอีกว่า ”คุณเซี่ย การพูดแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกอายจริงๆ” (อารมณ์เหมือนกับโดนเซี่ยเหล่ยตอกหน้ากลับด้วยคำพูดในเรื่องการตรวจสอบและไม่อยากให้ใครรบกวน)
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ผมพอใจกับเงื่อนไขนี้ ถ้าคุณไม่เห็นด้วยและไม่พอใจกับเงื่อนไข ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ผมจะขอถอนตัวและผมก็จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก”
“มันเป็นเรื่องตลกใช่มั้ย? ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องย้ายเขตพื้นที่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ไปที่โรงงานของเขา นี่เขาคิดอะไรอยู่กันแน่ นี่ไม่ใช่การเล่นขายของหรอกนะ”
“เขาเป็นเพียงช่างเครื่องและโรงงานของเขาก็เป็นโรงงานผลิตอาวุธ นี่มันถูกต้องแล้วอย่างนั้นเหรอ?” นักวิชาการอาวุโสคนหนึ่งพูด
ด้วยเงื่อนไขของเซี่ยเหล่ยทำให้เหล่านักวิชาการอาสุโสที่รู้สึกไม่ชอบเซี่ยเหล่ยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พวกเขารู้สึกไม่ชอบเซี่ยเหล่ยเพิ่มขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยไม่ได้ยินคำครหาเหล่านี้เลยเนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นเขามัวเอาสมาธิไปจ้องที่องค์หญิงรูปงามอย่างเดียวเท่านั้น
องค์หญิงรูปงามเองก็จ้องกลับไปที่เซี่ยเหล่ยตลอดเวลาเช่นกัน เธอมองมาที่เซี่ยเหล่ยอย่างสงบไม่พูดหรือยิ้มเลยแม้แต่น้อย
เซี่ยเหล่ยลองเอื้อมมือออกไปจับต้นขาเธอในทันทีที่สัมผัส มือของเขาก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกเหมือนกับครั้งแรกไม่มีผิด อย่างไรก็ตามร่างกายของเธอก็สั่นสองครั้งก่อนจะค่อยๆเลือนลางและจางหายไปในที่สุด
เซี่ยเหล่ยคิดในใจว่า ”ทันทีที่เราสัมผัสกับร่างกายของเธอ ร่างกายของเธอก็จะหายไปทันที นี่เป็นเพราะว่าตัวเราหรือเพราะเธอไม่อยากให้เราสัมผัสตัวกันแน่?”
เซี่ยเหล่ยยังไม่ทันจะได้คิดหาคำตอบจู่ๆตาซ้ายของเขาก็ควบคุมไม่ได้พร้อมกับองค์หญิงรูปงามที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เธอไม่ได้นั่งหรือยืนอยู่ที่โต๊ะ เธอปรากฏตัวขึ้นที่หน้าต่างพร้อมกับมองออกไปด้านนอกอย่างเงียบๆ
”คุณเซี่ย เงื่อนไขอื่นผมไม่มีปัญหาแต่คุณเปลี่ยนเงื่อนไขในการย้ายเขตพื้นที่วิจัยทางวิทยาศาสตร์ให้ยังเป็นที่นี่ได้หรือไม่?” หลิงฮั่นกระซิบเบาๆ
ในขณะนี้เซี่ยเหล่ยมองไปที่บั้นท้ายขององค์หญิงรูปงามอย่างไม่ละสายตาเลย เขายังมองอยู่อย่างนั้นพร้อมกับตอบว่า “ผมพอใจกับเงื่อนไขนี้อย่างที่บอกไปถ้าไม่เห็นด้วยผมก็ขอถอนตัว”
“คุณนี่จริงๆเลย……..” หลิงฮั่นพูดพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะพูดต่อว่า ”เอาหล่ะ ผมขอปรึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียดก่อน ถ้าเป็นอันตกลงก็เป็นไปตามเงื่อนไขของคุณ แต่ถ้าไม่คุณก็ต้องกลับไป”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าและไม่ได้ตอบอะไร
จังหวะนี้หลงบิงได้เอี้ยวตัวเข้ามาใกล้กับเซี่ยเหล่ยพร้อมกับซิบไปที่ข้างหูว่า “ คุณมองอะไรอยู่งั้นเหรอ?”
“ไม่ได้มองอะไรนี่” เซี่ยเหล่ยตอบ
หลงบิงแสดงสีหน้าไม่พอใจเนื่องจากเธอเห็นอย่างชัดเจนว่าเขากำลังมองอะไรบางอย่างอยู่ แต่เขากลับไม่บอก
หลิงฮั่นเดินออกไปคุยโทรศัพท์อยู่ประมานห้านาทีก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องลับพร้อมกับพูดว่า ”เอาหล่ะ เบื้องบนเห็นด้วยกับเรื่องที่จะย้ายเขตพื่นที่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ไปที่โรงงานผลิตอาวุธของคุณแต่อย่างไรก็ตามเขามีข้อแม้ว่าคุณไม่สามารถเคลื่อนย้ายอัลลอยโบราณหรือแม้แต่หนังสือสำริดออกนอกเขตพื้นที่วิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้ที่อยู่ภายใต้โรงงานของคุณได้ นอกจากนี้จะมีกองกำลังพิเศษคอยรักษาการอยู่รอบๆเขตพื้นที่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ คุณมีปัญหาหรือไม่?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมกับตอบว่า “ไม่มีปัญหา”
หลิงฮั่นยังพูดอีกว่า ”หากคุณต้องการอุปกรณ์อะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษคุณก็บอกมาได้เลย ผมจะจัดหาให้แต่อย่างไรก็ตามผมอยากให้คุณให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับว่า “ไม่มีปัญหา เรื่องอุปกรณ์ผมขอเวลาสำรวจก่อนแต่ในเรื่องความปลอดภัยนั้นผมไม่สามารถรับผิดชอบชีวิตใครได้ คุณเองควรจะกำชับคนของคุณเองนะ”
หลิงฮั่นยิ้มพร้อมกับพูดว่า ”ไม่มีปัญหา ผมหวังเอาไว้กับคุณมากนะเพราะถ้ามันสำเร็จมันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประเทศชาติของเรา”
เซี่ยเหล่ยยืนพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือกับหลิงฮั่นก่อนจะพูดว่า “เข้าใจแล้ว” หลิงฮั่นพูดว่า “เอาหล่ะหากคุณพร้อม ทันทีที่กองกำลังพิเศษมาถึง คุณสามารถกลับไปยังโรงงานผลิตอาวุธของคุณได้เลย”
“โอเค” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมเดินจากไป
ในขณะที่เซี่ยเหล่ยเดินออกไปองค์หญิงรูปงามก็เดินตามเขาออกไปด้วยเช่นกัน….
ติดตามตอนต่อไป………