Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่– 411 กักเก็บวิญญาณ !
ขณะนี้มีรถออฟโรดวิ่งอยู่บนถนนกว่าสิบคัน
บนท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธซึ่งบินไปพร้อมกับรถออฟโรดด้วยนั่นก็เพราะคอยหาเส้นทางที่ปลอดภัยและรักษาความปลอดภัยให้กับพวกเขาผ่านทางอากาศ
แต่ในเวลานี้ใครจะกล้าหล่ะ? ใครจะกล้าทำเรื่องไร้สาระอย่างเช่นขโมยสิ่งเหล่านี้ไปกันหล่ะ?
แน่นอนว่าไม่มีหนึ่งเหตุผลเลยก็คือนี่เป็นกองกำลังพิเศษที่หลิงฮั่นเรียกมา พวกเขามีกำลังพลถึงหกสิบคนพร้อมกับอาวุธสงครามครบมือ พวกเขาติดตามเซี่ยเหล่ยเพื่อไปยังโรงงานผลิตอาวุธซึ่งหากมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์พวกเขาจะทำหน้าที่ปกป้องอัลลอยโบราณและหนังสือสำริดอย่างสุดความสามารถและด้วยกองกำลังขนาดนี้ก็มั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีใครสามารถขโมยอัลลอยโบราณและหนังสือสำริดไปได้ แต่ถึงจะมีคนๆนั้นอยู่จริง คิดได้อย่างเดียวว่าเขาคงไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ต่อแล้ว
ภายนอกหน้าต่างของรถออฟโรดท้องฟ้าเป็นสีฟ้ามีเมฆขาวเต็มไปหมด ภูเขาก็สีเขียวสบายตาพร้อมกับต้นเมเปิ้ลที่มีใบไม้กำลังสีแดงเพลิง มันเป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงามซึ่งหาดูได้ยาก
อย่างไรก็ตามในตอนนี้มีคนๆหนึ่งจ้องเซี่ยเหล่ยอย่างไม่ละสายตาตลอดเวลา เธอก็คือองค์หญิงหยงเหม่ย เธอในตอนนี้ก็ยังไม่ใส่เสื้อผ้าเช่นเคย
เนื่องจากว่าเธอเปลือยกายอยู่ตลอดเวลา เซี่ยเหล่ยจึงนึกสงสัยย้อนกลับไปในอดีตเป็นช่วงที่เขายังอยู่อุโมงใต้ดินของซากปรักหักพัง เขาได้ทำลายเสื้อผ้าของเธอไปหมดแล้ว หรือนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมร่างกายของเธอจึงไม่มีเสื้อผ้าห่อหุ้มไว้ซักชิ้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเซี่ยเหล่ยในช่วงเวลานี้ถือเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก มากจนไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าเธอเป็นคนหรือเป็นอะไรกันแน่แต่ที่เขาแน่ใจได้อย่างเดียวก็คือความงามของเธอนั้นหาใครเทียบได้ยาก
หลงบิงบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่เซี่ยเหล่ยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไปว่า ”คุณกำลังมองอะไรอยู่ ตั้งนานแล้วนะ”
เซี่ยเหล่ยหันกลับไปหาเธอพร้อมตอบว่า “ไม่มีอะไร ก็แค่หาอะไรมองเรื่อยเปื่อย”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะขอถามอะไรคุณหน่อย คุณวางแผนไว้อย่างไรบ้างสำหรับหาความลับของอัลลอยโบราณและหนังสือสำริด” หลงบิงถาม
“เอ่อ…” เซี่ยเหล่ยคาดเอาไว้แล้วว่าเธอจะต้องถามอย่างแน่นอน เขาจึงคิดคำพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไปตามที่คิดไว้ว่า “ตอนนี้ผมยังไม่ค่อยแน่ใจซักเท่าไหร่ คงต้องใช้เวลาคิดอย่างรอบคอบอีกครั้งหนึ่ง แต่ที่ผมมั่นใจได้ตอนนี้คือผมรับหน้าที่นี้ก็เพราะคุณ” หลงบิงเลียริมฝีปากก่อนจะพูดว่า “เหอะ อย่ามาโกหกฉันซะให้ยากเลย ฉันรู้หรอกน่าว่าไม่ใช่เพราะฉัน”
“เพราะอย่างนี้ไง จนถึงตอนนี้คุณเลยยังไม่มีแฟน” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับยิ้ม ก่อนจะพูดต่อว่า “คุณควรจะแกล้งทำเป็นโง่และปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นโกหกหรือหลอกลวงคุณบ้างนะ คุณถึงจะสมหวัง”
หลงบิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยครู่หนึ่งก่อนจะเหยียบเท้าของเขา
เซี่ยเหล่ยหลบพร้อมกับพูดเปลี่ยนหัวข้อว่า “หลงบิง ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณหนึ่งข้อ”
“อะไรงั้นเหรอ?” หลงบิงถาม
“คุณคิดว่าในโลกนี้มีผีไหม?” เซี่ยเหล่ยถาม
“ทำไมจู่ๆคุณถึงถามแบบนี้แหล่ะ?” หลงบิงถาม
“ผมก็แค่ลองถามความเห็นคุณ ลองบอกผมมาหน่อย” เซี่ยเหล่ยพูด
หลงบิงตอบไปว่า “ฉันคิดว่าในโลกนี้ไม่มีผีหรอกนะ ไม่อย่างนั้นทั้งฉันและคุณคงจะเห็นผีทุกคืนไปแล้วหละมั้ง คุณลองดูสิว่าพวกเราฆ่าคนไปกี่คนแล้ว”
เซี่ยเหล่ยตกใจเล็กน้อย เขาเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดเพราะอย่างน้อยถ้าจะเห็นผีเขาก็ต้องเห็นคนที่เขาเคยฆ่าไปแล้วบ้าง เนื่องจากพวกเขาจะเป็นวิญญาณที่อาฆาตแต่นี่ไม่เลย
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่คิดเขาก็มองไปที่องค์หญิงหยงเหม่ยพร้อมกับคิดในใจต่อว่า “ถ้าอย่างนั้น เธอเป็นอะไรกันแน่นะ?”
“นี่คุณไม่ได้คิดจะพยายามหาคำตอบหรือวิธีการในมุมมองที่เหนือธรรมชาติอย่างนั้นหรอกใช่ไหม?” หลงบิงถามพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยท่าทางสงสัยและแปลกใจ
เซี่ยเหล่ยเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นหรอกนะ ผมก็แค่ถามเฉยๆ” หลงบิงหัวเราะก่อนจะพูดว่า “คุณอย่าไปถามอะไรแบบนี้กับหลิงฮั่นหรือนักวิชาอาวุโสเหล่านั้นเด็ดขาดหล่ะ พวกเขาจะหัวเราะคุณเอา”
“คุณไม่หัวเราะผมงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยพยายามพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหลงบิงให้สนใจเรื่องอื่น
“อ้อ ถ่างหยู่เหยี่ยติดต่อคุณมาบ้างมั้ย ?” หลงบิงไม่ได้ตอบคำถาม เธอเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงถามออกมาแทน
เซี่ยเหล่ยส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า “ไม่เลย เรียกว่าไม่แน่ใจดีกว่า ช่วงนี้ผมค่อนข้างที่จะยุ่ง บางครั้งผมถึงกับต้องปิดโทรศัพท์ไปเลย ว่าแต่…คุณถามทำไมงั้นเหรอ?”
“ฉันก็ถามไปเรื่อยแหละ ไม่มีอะไร” หลงบิงตอบ
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองที่องค์หญิงหยงเหม่ยอีกครั้ง
ในครั้งนี้ท่าทางของเธอแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าของเธอกำลังยิ้มอยู่ เธอมีเสน่ห์อย่างมาก……
เมื่อกลับไปถึงโรงงานผลิตอาวุธ เซี่ยเหล่ยตัดสินใจจัดตั้งเขตพื้นที่วิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ชั้นใต้ดินของวิลล่า นี่ถือเป็นทางเลือกที่ดีมากเพราะมันสามารถลดการสอดส่องจากกองกำลังพิเศษของหลิงฮั่นที่ประจำอยู่ที่โรงงานผลิตอาวุธ นอกจากนี้ยังไม่ต้องกลัวว่าจะมีอะไรหาย เนื่องจากชั้นใต้ดินของวิลล่ามีตู้เซฟอยู่ ไอรีนโนเวล
ทั้งอัลลอยโบราณและหนังสือสำริดตอนนี้ถูกพาไปเก็บรักษาอยู่ในชั้นใต้ดินของวิลล่าเรียบร้อยแล้ว
หลังจากทำภารกิจเคลื่อนย้ายเสร็จลุล่วง พันเอกของกองกำลังพิเศษที่ชื่อว่า หวู่เซี่ยวกู๋ และเซี่ยเหล่ยได้จับมือกันพร้อมกับพูดว่า “คุณเซี่ย จากนี้ห้องใต้ดินจะถูกเฝ้าไว้ตลอด24ชั่วโมงหากเวลาไหนที่คุณต้องการทำงานคุณสามารถให้คนของผมออกไปนอกเขตพื้นที่เสี่ยงได้ นอกจากนี้เพื่อให้เข้าใจตรงกันที่นี่จะมีเพียงแค่คุณคนเดียวที่สามารถเข้าออกได้ ”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า ”ไม่ ไม่ ไม่ ยังมีอีกหนึ่งคนเธอชื่อว่าอเลน่า เธออาศัยอยู่ที่วิลล่านี้ด้วย เธอไว้ใจได้ ผมสามารถรับผิดชอบต่อการกระทำทั้งหมดของเธอเอง”
หวู่เซี่ยวกู๋เงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เอาหล่ะ แค่เธอได้อีกคนเดียว จะไม่มีการเพิ่มบุคคลที่สามขึ้นมาอีกแล้วนะ”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ไม่แล้ว…มีแค่นี้และอีกอย่างคุณสามารถให้กองกำลังพิเศษของคุณพักอยู่ที่ชั้นหนึ่งของวิลล่าได้ อีกอย่างยังสามารถให้พวกเขาไปรับประทานอาหารในโรงอาหารได้เช่นกัน”
“ขอบคุณ ยินดีที่ได้ร่วมงาน” หวู่เซี่ยวกู๋พูดพร้อมเดินจากไป
หลังจากที่หวู่เซี่ยวกู๋เดินออกไป ทั้งห้องใต้ดินก็เหลือเพียงแค่หลงบิงและเซี่ยเหล่ยสองคนเท่านั้นแต่จะพูดว่าเหลือเพียงแค่สองก็ไม่ถูกต้องไปซะทีเดียวเนื่องจากตอนนี้เององค์หญิงหยงเหม่ยก็อยู่ที่นี่ด้วยแต่น่าเสียดายที่ในโลกนี้นอกจากเซี่ยเหล่ยแล้วก็ไม่มีใครสามารถเห็นเธอได้
หลงบิงหันไปที่โต๊ะทำงานของเซี่ยเหล่ย เธอเห็นเพียงแค่เครื่องมือช่างเท่านั้น เธอขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า “ที่นี่ไม่มีอะไรเลย ฉันสงสัยจริงๆว่าคุณจะเริ่มทำอะไรเป็นอย่างแรก”
เซี่ยเหล่ยตอบว่า “คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมมีแผนเตรียมไว้เรียบร้อย เอาหล่ะตอนนี้ผมจะเริ่มทำงานแล้วคุณไม่ควรจะอยู่ที่นี่ต่อ มันอันตรายเกินไป”
หลงบิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เข้าใจแล้ว เอาหล่ะ…ฉันเองก็จะไปสืบค้นเรื่องในเยรูซาเล็มว่าไปถึงไหนแล้ว ได้เรื่องยังไงฉันค่อยโทรหาคุณก็แล้วกัน”
พูดจบเธอก็เดินออกไปทันที
เซี่ยเหล่ยรอจนกว่าหลงบิงจะเดินออกไปถึงเขตปลอดภัย เขาก็หยิบกระเป๋าที่บรรจุอัลลอยโบราณและหนังสือสำริดขึ้นมาตั้งบนโต๊ะทำงาน
จากนั้นก็เปิดกระเป๋าออกพร้อมกับมองไปที่อัลลอยโบราณและหนังสือสำริดอย่างเงียบๆ
องค์หญิงหยงเหม่ยเองในขณะนี้ก็เดินมาด้านข้างของเซี่ยเหล่ยพร้อมกับมองไปที่อัลลอยโบราณและหนังสือสำริดที่วางอยู่บนโต๊ะเช่นกัน
“ฉันจำหน้าของคุณได้” เธอพูด
“ใช่แล้ว ผมรู้ ว่าคุณจำหน้าของผมได้” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมมองอย่างเฉยเมยไปที่ องค์หญิงหยงเหม่ยก่อนจะพูดอีกว่า ”ผมละอยากที่จะรู้จริงๆว่าทำไมคุณถึงคอยตามผมอยู่แบบนี้?”
“ฉันรอคุณมานานแล้ว นานมากจริงๆ” องค์หญิงหยงเหม่ย พูด
“ผมต้องไปฉี่ คุณจะตามไปด้วยไหม?” เซี่ยเหล่ยพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินไปห้องน้ำ
แต่ยังไม่ทันที่เซี่ยเหล่ยจะรูดซิปองค์หญิงหยงเหม่ยก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆเข้าพร้อมกับพูดอีกว่า “ฉันจำหน้าของคุณได้”
เซี่ยเหล่ย “ ….. ”
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยไม่ได้ฉี่ เขาถอนหายใจก่อนจะคิดในหัวว่า “ต่อจากนี้จะต้องมีเธอคอยติดตามการใช้ชีวิตอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเวลากิน นอน หรือแม้แต่เข้าห้องน้ำก็ตาม”
ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การหาความลับของอัลลอยโบราณหรือหนังสือสำริด แต่เป็นการหาทางแก้การปรากฏตัวและติดตามขององค์หญิงหยงเหม่ย
จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาลองปลุกความสามาถในการมองทะลุขึ้นมาก่อนจะมองไปที่อัลลอยโบราณอีกอันหนึ่ง
ทันทีที่มอง ความรู้สึกแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึเหมือนกับว่าตัวเองถูกดูดเข้าไปในหลุมดำที่มืดมิดและเยือกเย็น ณ ที่แห่งนั้นเขาไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินเสียงอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเขาเองได้ตายไปแล้วจริงๆ
หลังจากสองนาทีผ่านไป ทุกอย่างก็กลับมาสู่สภาพปกติมีเหงื่อมากมายไหลออกมาที่หน้าผากของเซี่ยเหล่ยนอกจากนี้มีสิ่งหนึ่งที่เซี่ยเหล่ยรู้สึกและรับรู้ได้ทันทีที่กลับมาเป็นปกตินั่นก็คือองค์หญิงหยงเหม่ยได้หายไปแล้ว
“คุณอยู่ที่ไหน?” เซี่ยเหล่ยลองถามออกไปแต่ก็ไม่ได้ผลไม่มีเสียงตอบรับใดๆแม้แต่น้อย
ในใจของเซี่ยเหล่ยคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเธอหายไปไหน
ด้วยความสงสัยเซี่ยเหล่ยจึงปลุกความสามารถพร้อมกับหันไปดูที่อัลลอยโบราณก้อนแรกอีกครั้ง
วิสัยทัศน์ของเขากลับเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง เขาเหมือนกับถูกดูดเข้าไปในหลุมดำที่มืดมิดและหนาวเหน็บ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะเคยได้รับประสบการณ์นี้มาถึงสองครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เขาก็ยังคงตื่นตระหนกและรู้สึกหวาดกลัวอยู่ดี
เรื่องนี้แปลกมาจริงๆ
หลังจากนั้นสองนาทีทัศนวิสัยการมองของเซี่ยเหล่ยก็กลับเป็นปกติพร้อมกับ การปรากฏตัวขององค์หญิงหยงเหม่ยอีกครั้ง เธอยังคงเปลือยกายเช่นเดิม เธอมมองมาที่เซี่ยเหล่ยพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสงบ
นี้เป็นครั้งที่สองที่เธอยิ้มให้ มันทำให้เซี่ยเหล่ยอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าจริงๆแล้วเธออาจจะมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนก็เป็นไปได้
เซี่ยเหล่ยมองไปที่อัลลอยโบราณทั้งสองอันด้วยดวงตาธรรมดาก่อนที่จะคิดอะไรขึ้นมาได้ว่า ”หรือว่า…..ตัวอัลลอยโบราณจะมีเปรียบเทียบได้กับกล่อง? และด้วยความสามารถในการมองทะลุของเราเป็นตัวควบคุมการเปิดปิดของกล่อง เมื่อกล่องปิดองค์หญิงหยงเหม่ยจะหายไป แต่ถ้าเปิดกล่ององค์หญิงหยงเหม่ยจะปรากฏตัวขึ้น”
นี่เป็นการคาดเดาที่ค่อนข้างจะสมเหตุสมผลมาก “ฉันจำหน้าของคุณได้” องค์หญิงหยงเหม่ยพูด
“มีอะไรอีก นอกจากใบหน้าของผมที่คุณจำได้?” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมมองไปที่อัลลอยโบราณอีกชิ้นหนึ่ง
ทันใดนั้นทัศนวิสัยในการมองของเขาก็กลับมาเป็นปกติพร้อมกับการหายไปขององค์หญิงหยงเหม่ย
การคาดเดาของเซี่ยเหล่ยได้รับการพิสูจน์แล้วว่าอัลลอยโบราณทั้งสองชิ้นนี้ทำงานเหมือนกับ “กล่องกักเก็บวิญญาณ” หากเปิดออกองค์หญิงหยงเหม่ยจะปรากฏตัวขึ้นแต่ถ้าปิดองค์หญิงหยงเหม่ยก็จะหายตัวไป
หลังจากที่องค์หญิงหยงเหม่ยหายไปในครั้งนี้ เซี่ยเหล่ยก็ไม่ปล่อยให้เธอออกมาอีกเนื่องจากแม้จะให้เธอออกมาเธอก็ไม่ได้ช่วยไขความลับได้เพราะเธอสามารถพูดได้แค่สองประโยคเท่านั้น และอีกอย่างการที่มีเธอคอยตามติดชีวิตตลอดเวลาก็ทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกขนลุกอยู่เหมือนกัน “หากชิ้นส่วนอัลลอยโบราณถูกประกอบเข้าด้วยกันทั้งหมด รูปร่างมันจะเหมือนกล่องหรือไม่นะ? และหากถึงเวลานั้น หากเราใช้ความสามารถเปิดกล่องที่สมบูรณ์ องค์หญิงหยงเหม่ย เองก็จะมีตัวตนที่สมบูรณ์อย่างนั้นด้วยหรือเปล่านะ?” เซี่ยเหล่ยได้แต่สงสัยและคิดในใจ…..
ติดตามตอนต่อไป………
บนท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธซึ่งบินไปพร้อมกับรถออฟโรดด้วยนั่นก็เพราะคอยหาเส้นทางที่ปลอดภัยและรักษาความปลอดภัยให้กับพวกเขาผ่านทางอากาศ
แต่ในเวลานี้ใครจะกล้าหล่ะ? ใครจะกล้าทำเรื่องไร้สาระอย่างเช่นขโมยสิ่งเหล่านี้ไปกันหล่ะ?
แน่นอนว่าไม่มีหนึ่งเหตุผลเลยก็คือนี่เป็นกองกำลังพิเศษที่หลิงฮั่นเรียกมา พวกเขามีกำลังพลถึงหกสิบคนพร้อมกับอาวุธสงครามครบมือ พวกเขาติดตามเซี่ยเหล่ยเพื่อไปยังโรงงานผลิตอาวุธซึ่งหากมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์พวกเขาจะทำหน้าที่ปกป้องอัลลอยโบราณและหนังสือสำริดอย่างสุดความสามารถและด้วยกองกำลังขนาดนี้ก็มั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีใครสามารถขโมยอัลลอยโบราณและหนังสือสำริดไปได้ แต่ถึงจะมีคนๆนั้นอยู่จริง คิดได้อย่างเดียวว่าเขาคงไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ต่อแล้ว
ภายนอกหน้าต่างของรถออฟโรดท้องฟ้าเป็นสีฟ้ามีเมฆขาวเต็มไปหมด ภูเขาก็สีเขียวสบายตาพร้อมกับต้นเมเปิ้ลที่มีใบไม้กำลังสีแดงเพลิง มันเป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงามซึ่งหาดูได้ยาก
อย่างไรก็ตามในตอนนี้มีคนๆหนึ่งจ้องเซี่ยเหล่ยอย่างไม่ละสายตาตลอดเวลา เธอก็คือองค์หญิงหยงเหม่ย เธอในตอนนี้ก็ยังไม่ใส่เสื้อผ้าเช่นเคย
เนื่องจากว่าเธอเปลือยกายอยู่ตลอดเวลา เซี่ยเหล่ยจึงนึกสงสัยย้อนกลับไปในอดีตเป็นช่วงที่เขายังอยู่อุโมงใต้ดินของซากปรักหักพัง เขาได้ทำลายเสื้อผ้าของเธอไปหมดแล้ว หรือนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมร่างกายของเธอจึงไม่มีเสื้อผ้าห่อหุ้มไว้ซักชิ้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเซี่ยเหล่ยในช่วงเวลานี้ถือเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก มากจนไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าเธอเป็นคนหรือเป็นอะไรกันแน่แต่ที่เขาแน่ใจได้อย่างเดียวก็คือความงามของเธอนั้นหาใครเทียบได้ยาก
หลงบิงบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่เซี่ยเหล่ยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไปว่า ”คุณกำลังมองอะไรอยู่ ตั้งนานแล้วนะ”
เซี่ยเหล่ยหันกลับไปหาเธอพร้อมตอบว่า “ไม่มีอะไร ก็แค่หาอะไรมองเรื่อยเปื่อย”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะขอถามอะไรคุณหน่อย คุณวางแผนไว้อย่างไรบ้างสำหรับหาความลับของอัลลอยโบราณและหนังสือสำริด” หลงบิงถาม
“เอ่อ…” เซี่ยเหล่ยคาดเอาไว้แล้วว่าเธอจะต้องถามอย่างแน่นอน เขาจึงคิดคำพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไปตามที่คิดไว้ว่า “ตอนนี้ผมยังไม่ค่อยแน่ใจซักเท่าไหร่ คงต้องใช้เวลาคิดอย่างรอบคอบอีกครั้งหนึ่ง แต่ที่ผมมั่นใจได้ตอนนี้คือผมรับหน้าที่นี้ก็เพราะคุณ” หลงบิงเลียริมฝีปากก่อนจะพูดว่า “เหอะ อย่ามาโกหกฉันซะให้ยากเลย ฉันรู้หรอกน่าว่าไม่ใช่เพราะฉัน”
“เพราะอย่างนี้ไง จนถึงตอนนี้คุณเลยยังไม่มีแฟน” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับยิ้ม ก่อนจะพูดต่อว่า “คุณควรจะแกล้งทำเป็นโง่และปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นโกหกหรือหลอกลวงคุณบ้างนะ คุณถึงจะสมหวัง”
หลงบิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยครู่หนึ่งก่อนจะเหยียบเท้าของเขา
เซี่ยเหล่ยหลบพร้อมกับพูดเปลี่ยนหัวข้อว่า “หลงบิง ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณหนึ่งข้อ”
“อะไรงั้นเหรอ?” หลงบิงถาม
“คุณคิดว่าในโลกนี้มีผีไหม?” เซี่ยเหล่ยถาม
“ทำไมจู่ๆคุณถึงถามแบบนี้แหล่ะ?” หลงบิงถาม
“ผมก็แค่ลองถามความเห็นคุณ ลองบอกผมมาหน่อย” เซี่ยเหล่ยพูด
หลงบิงตอบไปว่า “ฉันคิดว่าในโลกนี้ไม่มีผีหรอกนะ ไม่อย่างนั้นทั้งฉันและคุณคงจะเห็นผีทุกคืนไปแล้วหละมั้ง คุณลองดูสิว่าพวกเราฆ่าคนไปกี่คนแล้ว”
เซี่ยเหล่ยตกใจเล็กน้อย เขาเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดเพราะอย่างน้อยถ้าจะเห็นผีเขาก็ต้องเห็นคนที่เขาเคยฆ่าไปแล้วบ้าง เนื่องจากพวกเขาจะเป็นวิญญาณที่อาฆาตแต่นี่ไม่เลย
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่คิดเขาก็มองไปที่องค์หญิงหยงเหม่ยพร้อมกับคิดในใจต่อว่า “ถ้าอย่างนั้น เธอเป็นอะไรกันแน่นะ?”
“นี่คุณไม่ได้คิดจะพยายามหาคำตอบหรือวิธีการในมุมมองที่เหนือธรรมชาติอย่างนั้นหรอกใช่ไหม?” หลงบิงถามพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยท่าทางสงสัยและแปลกใจ
เซี่ยเหล่ยเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นหรอกนะ ผมก็แค่ถามเฉยๆ” หลงบิงหัวเราะก่อนจะพูดว่า “คุณอย่าไปถามอะไรแบบนี้กับหลิงฮั่นหรือนักวิชาอาวุโสเหล่านั้นเด็ดขาดหล่ะ พวกเขาจะหัวเราะคุณเอา”
“คุณไม่หัวเราะผมงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยพยายามพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหลงบิงให้สนใจเรื่องอื่น
“อ้อ ถ่างหยู่เหยี่ยติดต่อคุณมาบ้างมั้ย ?” หลงบิงไม่ได้ตอบคำถาม เธอเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงถามออกมาแทน
เซี่ยเหล่ยส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า “ไม่เลย เรียกว่าไม่แน่ใจดีกว่า ช่วงนี้ผมค่อนข้างที่จะยุ่ง บางครั้งผมถึงกับต้องปิดโทรศัพท์ไปเลย ว่าแต่…คุณถามทำไมงั้นเหรอ?”
“ฉันก็ถามไปเรื่อยแหละ ไม่มีอะไร” หลงบิงตอบ
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองที่องค์หญิงหยงเหม่ยอีกครั้ง
ในครั้งนี้ท่าทางของเธอแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าของเธอกำลังยิ้มอยู่ เธอมีเสน่ห์อย่างมาก……
เมื่อกลับไปถึงโรงงานผลิตอาวุธ เซี่ยเหล่ยตัดสินใจจัดตั้งเขตพื้นที่วิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ชั้นใต้ดินของวิลล่า นี่ถือเป็นทางเลือกที่ดีมากเพราะมันสามารถลดการสอดส่องจากกองกำลังพิเศษของหลิงฮั่นที่ประจำอยู่ที่โรงงานผลิตอาวุธ นอกจากนี้ยังไม่ต้องกลัวว่าจะมีอะไรหาย เนื่องจากชั้นใต้ดินของวิลล่ามีตู้เซฟอยู่ ไอรีนโนเวล
ทั้งอัลลอยโบราณและหนังสือสำริดตอนนี้ถูกพาไปเก็บรักษาอยู่ในชั้นใต้ดินของวิลล่าเรียบร้อยแล้ว
หลังจากทำภารกิจเคลื่อนย้ายเสร็จลุล่วง พันเอกของกองกำลังพิเศษที่ชื่อว่า หวู่เซี่ยวกู๋ และเซี่ยเหล่ยได้จับมือกันพร้อมกับพูดว่า “คุณเซี่ย จากนี้ห้องใต้ดินจะถูกเฝ้าไว้ตลอด24ชั่วโมงหากเวลาไหนที่คุณต้องการทำงานคุณสามารถให้คนของผมออกไปนอกเขตพื้นที่เสี่ยงได้ นอกจากนี้เพื่อให้เข้าใจตรงกันที่นี่จะมีเพียงแค่คุณคนเดียวที่สามารถเข้าออกได้ ”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า ”ไม่ ไม่ ไม่ ยังมีอีกหนึ่งคนเธอชื่อว่าอเลน่า เธออาศัยอยู่ที่วิลล่านี้ด้วย เธอไว้ใจได้ ผมสามารถรับผิดชอบต่อการกระทำทั้งหมดของเธอเอง”
หวู่เซี่ยวกู๋เงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เอาหล่ะ แค่เธอได้อีกคนเดียว จะไม่มีการเพิ่มบุคคลที่สามขึ้นมาอีกแล้วนะ”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ไม่แล้ว…มีแค่นี้และอีกอย่างคุณสามารถให้กองกำลังพิเศษของคุณพักอยู่ที่ชั้นหนึ่งของวิลล่าได้ อีกอย่างยังสามารถให้พวกเขาไปรับประทานอาหารในโรงอาหารได้เช่นกัน”
“ขอบคุณ ยินดีที่ได้ร่วมงาน” หวู่เซี่ยวกู๋พูดพร้อมเดินจากไป
หลังจากที่หวู่เซี่ยวกู๋เดินออกไป ทั้งห้องใต้ดินก็เหลือเพียงแค่หลงบิงและเซี่ยเหล่ยสองคนเท่านั้นแต่จะพูดว่าเหลือเพียงแค่สองก็ไม่ถูกต้องไปซะทีเดียวเนื่องจากตอนนี้เององค์หญิงหยงเหม่ยก็อยู่ที่นี่ด้วยแต่น่าเสียดายที่ในโลกนี้นอกจากเซี่ยเหล่ยแล้วก็ไม่มีใครสามารถเห็นเธอได้
หลงบิงหันไปที่โต๊ะทำงานของเซี่ยเหล่ย เธอเห็นเพียงแค่เครื่องมือช่างเท่านั้น เธอขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า “ที่นี่ไม่มีอะไรเลย ฉันสงสัยจริงๆว่าคุณจะเริ่มทำอะไรเป็นอย่างแรก”
เซี่ยเหล่ยตอบว่า “คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมมีแผนเตรียมไว้เรียบร้อย เอาหล่ะตอนนี้ผมจะเริ่มทำงานแล้วคุณไม่ควรจะอยู่ที่นี่ต่อ มันอันตรายเกินไป”
หลงบิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เข้าใจแล้ว เอาหล่ะ…ฉันเองก็จะไปสืบค้นเรื่องในเยรูซาเล็มว่าไปถึงไหนแล้ว ได้เรื่องยังไงฉันค่อยโทรหาคุณก็แล้วกัน”
พูดจบเธอก็เดินออกไปทันที
เซี่ยเหล่ยรอจนกว่าหลงบิงจะเดินออกไปถึงเขตปลอดภัย เขาก็หยิบกระเป๋าที่บรรจุอัลลอยโบราณและหนังสือสำริดขึ้นมาตั้งบนโต๊ะทำงาน
จากนั้นก็เปิดกระเป๋าออกพร้อมกับมองไปที่อัลลอยโบราณและหนังสือสำริดอย่างเงียบๆ
องค์หญิงหยงเหม่ยเองในขณะนี้ก็เดินมาด้านข้างของเซี่ยเหล่ยพร้อมกับมองไปที่อัลลอยโบราณและหนังสือสำริดที่วางอยู่บนโต๊ะเช่นกัน
“ฉันจำหน้าของคุณได้” เธอพูด
“ใช่แล้ว ผมรู้ ว่าคุณจำหน้าของผมได้” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมมองอย่างเฉยเมยไปที่ องค์หญิงหยงเหม่ยก่อนจะพูดอีกว่า ”ผมละอยากที่จะรู้จริงๆว่าทำไมคุณถึงคอยตามผมอยู่แบบนี้?”
“ฉันรอคุณมานานแล้ว นานมากจริงๆ” องค์หญิงหยงเหม่ย พูด
“ผมต้องไปฉี่ คุณจะตามไปด้วยไหม?” เซี่ยเหล่ยพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินไปห้องน้ำ
แต่ยังไม่ทันที่เซี่ยเหล่ยจะรูดซิปองค์หญิงหยงเหม่ยก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆเข้าพร้อมกับพูดอีกว่า “ฉันจำหน้าของคุณได้”
เซี่ยเหล่ย “ ….. ”
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยไม่ได้ฉี่ เขาถอนหายใจก่อนจะคิดในหัวว่า “ต่อจากนี้จะต้องมีเธอคอยติดตามการใช้ชีวิตอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเวลากิน นอน หรือแม้แต่เข้าห้องน้ำก็ตาม”
ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การหาความลับของอัลลอยโบราณหรือหนังสือสำริด แต่เป็นการหาทางแก้การปรากฏตัวและติดตามขององค์หญิงหยงเหม่ย
จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาลองปลุกความสามาถในการมองทะลุขึ้นมาก่อนจะมองไปที่อัลลอยโบราณอีกอันหนึ่ง
ทันทีที่มอง ความรู้สึกแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึเหมือนกับว่าตัวเองถูกดูดเข้าไปในหลุมดำที่มืดมิดและเยือกเย็น ณ ที่แห่งนั้นเขาไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินเสียงอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเขาเองได้ตายไปแล้วจริงๆ
หลังจากสองนาทีผ่านไป ทุกอย่างก็กลับมาสู่สภาพปกติมีเหงื่อมากมายไหลออกมาที่หน้าผากของเซี่ยเหล่ยนอกจากนี้มีสิ่งหนึ่งที่เซี่ยเหล่ยรู้สึกและรับรู้ได้ทันทีที่กลับมาเป็นปกตินั่นก็คือองค์หญิงหยงเหม่ยได้หายไปแล้ว
“คุณอยู่ที่ไหน?” เซี่ยเหล่ยลองถามออกไปแต่ก็ไม่ได้ผลไม่มีเสียงตอบรับใดๆแม้แต่น้อย
ในใจของเซี่ยเหล่ยคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเธอหายไปไหน
ด้วยความสงสัยเซี่ยเหล่ยจึงปลุกความสามารถพร้อมกับหันไปดูที่อัลลอยโบราณก้อนแรกอีกครั้ง
วิสัยทัศน์ของเขากลับเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง เขาเหมือนกับถูกดูดเข้าไปในหลุมดำที่มืดมิดและหนาวเหน็บ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะเคยได้รับประสบการณ์นี้มาถึงสองครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เขาก็ยังคงตื่นตระหนกและรู้สึกหวาดกลัวอยู่ดี
เรื่องนี้แปลกมาจริงๆ
หลังจากนั้นสองนาทีทัศนวิสัยการมองของเซี่ยเหล่ยก็กลับเป็นปกติพร้อมกับ การปรากฏตัวขององค์หญิงหยงเหม่ยอีกครั้ง เธอยังคงเปลือยกายเช่นเดิม เธอมมองมาที่เซี่ยเหล่ยพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสงบ
นี้เป็นครั้งที่สองที่เธอยิ้มให้ มันทำให้เซี่ยเหล่ยอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าจริงๆแล้วเธออาจจะมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนก็เป็นไปได้
เซี่ยเหล่ยมองไปที่อัลลอยโบราณทั้งสองอันด้วยดวงตาธรรมดาก่อนที่จะคิดอะไรขึ้นมาได้ว่า ”หรือว่า…..ตัวอัลลอยโบราณจะมีเปรียบเทียบได้กับกล่อง? และด้วยความสามารถในการมองทะลุของเราเป็นตัวควบคุมการเปิดปิดของกล่อง เมื่อกล่องปิดองค์หญิงหยงเหม่ยจะหายไป แต่ถ้าเปิดกล่ององค์หญิงหยงเหม่ยจะปรากฏตัวขึ้น”
นี่เป็นการคาดเดาที่ค่อนข้างจะสมเหตุสมผลมาก “ฉันจำหน้าของคุณได้” องค์หญิงหยงเหม่ยพูด
“มีอะไรอีก นอกจากใบหน้าของผมที่คุณจำได้?” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมมองไปที่อัลลอยโบราณอีกชิ้นหนึ่ง
ทันใดนั้นทัศนวิสัยในการมองของเขาก็กลับมาเป็นปกติพร้อมกับการหายไปขององค์หญิงหยงเหม่ย
การคาดเดาของเซี่ยเหล่ยได้รับการพิสูจน์แล้วว่าอัลลอยโบราณทั้งสองชิ้นนี้ทำงานเหมือนกับ “กล่องกักเก็บวิญญาณ” หากเปิดออกองค์หญิงหยงเหม่ยจะปรากฏตัวขึ้นแต่ถ้าปิดองค์หญิงหยงเหม่ยก็จะหายตัวไป
หลังจากที่องค์หญิงหยงเหม่ยหายไปในครั้งนี้ เซี่ยเหล่ยก็ไม่ปล่อยให้เธอออกมาอีกเนื่องจากแม้จะให้เธอออกมาเธอก็ไม่ได้ช่วยไขความลับได้เพราะเธอสามารถพูดได้แค่สองประโยคเท่านั้น และอีกอย่างการที่มีเธอคอยตามติดชีวิตตลอดเวลาก็ทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกขนลุกอยู่เหมือนกัน “หากชิ้นส่วนอัลลอยโบราณถูกประกอบเข้าด้วยกันทั้งหมด รูปร่างมันจะเหมือนกล่องหรือไม่นะ? และหากถึงเวลานั้น หากเราใช้ความสามารถเปิดกล่องที่สมบูรณ์ องค์หญิงหยงเหม่ย เองก็จะมีตัวตนที่สมบูรณ์อย่างนั้นด้วยหรือเปล่านะ?” เซี่ยเหล่ยได้แต่สงสัยและคิดในใจ…..
ติดตามตอนต่อไป………