Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่342 คงเหลือร่องรอย !
TXV –
ตอนนี้อุปกรณ์ต่างๆถูกส่งถึงพื้นเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเหล่ยต้องสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำด้วยตัวคนเดียวซึ่งไม่รู้ว่าจะใช้เวลาทั้งหมดนานแค่ไหนกว่าจะได้กลับบ้าน นอกจากนี้ยิ่งอยู่ที่นี่นานแค่ไหนก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการถูกเจอตัวโดย CIA ของอเมริกา
อย่างไรก็ตามการที่มีอุปกรณ์พร้อมแล้วก็ไม่จำเป็นต้องกังวลมากจนเกินไป เพราะในอัฟกานิสถานเงินสามารถซื้อได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นช่างเทคนิคจำนวนกี่คนก็ตาม
นอกจากนี้การสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำจำเป็นจะต้องขุดช่องเพื่อสร้างเขื่อนก่อนที่จะติดตั้งชุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
เซี่ยเหล่ยพยายามคิดว่าจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำขึ้นตำแหน่งไหน เขาคิดเรื่องนี้อย่างหนักระหว่างที่คิดไปนั้นก็ทำปากพึมพัมเหมือนกับจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้นแคนลามี่ได้นำทหารหญิงกลุ่มหนึ่งไปทดสอบปืนที่เซี่ยเหล่ยเป็นคนให้ ส่วนเซี่ยเหล่ยก็ไปยังเมืองรุ่งอรุณสู่แสงสว่างคนเดียวพร้อมกับม้าหนึ่งตัวและเครื่องมือทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้ในการขุด
ความเร็วในการขุดครั้งนี้ของเขาเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก เนื่องจากเครื่องมือขุดเจาะที่ได้จากสำนักงานลับ 101 เป็นเครื่องขุดเจาะที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย เขาใช้เครื่องมือขุดเจาะขุดไปในแนวระนาบตามแผนที่คิดไว้เมื่อวานนี้ ในขณะที่ขุดไปเรื่อยๆ ดินที่ถูกขุดก็ได้ถูกย้ายไปวางซ้อนกันนอกหลุมซ้อนกันเป็นขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการขึ้นจากหลุม
ในวันนี้เขาสามารถขุดเป็นแนวระนาบได้ระยะทางห้าเมตร นอกจากนี้ความกว้างของหลุมยังมีขนาดใหญ่พอประมาณโดยลักษณะในการขุดของหลุมในแนวระนาบนี้มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันการถล่มของชั้นดิน
ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยเปลี่ยนอุปกรณ์จากเครื่องมือขุดเจาะของสำนักงานลับ 101 กลับมาเป็นพลั่วธรรมดาพร้อมสวมหมวกไฟฉายเข้าที่หัวแม้ว่าเครื่องมือขุดเจาะจะมีประสิทธิภาพซักแค่ไหนแต่ในบางสถานการณ์มันก็ไม่สามารถใช้ได้ดีไปกว่าพลั่วธรรมดา ไม่
เมื่อขุดไปได้ครู่หนึ่ง เขาก็สังเกตเห็นชั้นดินที่เขาขุดออกมามีลักษณะแปลกๆ เขาดึงพลั่วกลับมาเพื่อมองให้ชัดๆและละเอียดอีกครั้ง ความรู้สึกตื่นเต้นของเขาก็เอ่อล้นออกมาจากตัวทันที
ดินที่เขาขุดขึ้นมาแม้ว่าส่วนบนจะเป็นสีดำซึ่งเป็นสีปกติของดินแต่ส่วนปลายของดินกลับมีสีขาวอมเทา ดินสีขาวอมเทาในชั้นดินที่มีความลึกขนาดนี้ไม่ใช่ดินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างแน่นอน มันจะต้องมีอะไรแอบแฝง เขารู้ได้ทันทีว่าตอนนี้กำลังเข้าใกล้เป้าหมายเต็มทีแล้ว!
ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยไม่สามารถทนต่อความตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไหว เขาวางพลั่วไว้ข้างตัวจากนั้นก็กระตุกตาซ้ายเล็กน้อยเพื่อปลุกความสามารถในการมองทะลุของเขาขึ้นมา
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา ในระหว่างที่เขาขุดสำรวจนี้เขาได้ใช้ความสามารถของตาซ้ายอยู่ตลอดเพื่อพยายามจะมองหาตำแหน่งที่แน่นอนแต่มันก็ไม่สามารถหาตำแหน่งได้ เนื่องจากมันเป็นทั้งชั้นหินและชั้นดินที่ยิ่งลึกยิ่งมีความหนาแน่น ทำให้ความสามารถของเขาสามารถมองทะลุได้ไกลแค่เพียงสองเมตรเท่านั้น ซึ่งมันไม่เพียงพอต่อการหาตำแหน่งที่แน่นอนแต่ในตอนนี้เขาคิดว่าระยะมันเพียงพอต่อการใช้ความสามารถของเขาแล้ว
ผลจากการมองทะลุนี้ทำให้เซี่ยเหล่ยมองเห็นอะไรบางอย่างที่มีลักษณะเป็นเหมือนกับผนังแผ่นหิน
‘มีอะไรอยู่หลังแผ่นหินนี้กันแน่นะ?’ เซี่ยเหล่ยพูดกับตัวเองพร้อมกับความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเต็มหัวใจแม้ว่าเขาจะมองเห็นถึงแผ่นหินนี้แต่ก็ไม่สามารถมองผ่านทะลุมันไปได้ เนื่องจากแผ่นหินนั้นอยู่ในระยะสองเมตรพอดี
หลังจากเห็นถึงตำแหน่งที่แน่ชัดแล้ว เขาก็หยิบพลั่วขึ้นมาอีกครั้งและจัดการขุดต่อทันที
“เซี่ยเหล่ย! คุณอยู่ที่ไหน?” เสียงแคนลามี่ดังขึ้นที่ปากหลุม
”ผมอยู่ข้างใน” เซี่ยเหล่ยตะโกนออกไปพร้อมเดินออกมาจากหลุมที่ขุดไปในแนวระนาบ เมื่อมองขึ้นไปนอกหลุมเขาก็พบว่าตอนนี้เป็นกลางคืนซะแล้ว
”เจออะไรหรือยัง?” แคนลามี่ถาม
เซี่ยเหล่ยส่ายหัวพร้อมตอบกลับไปว่า “ยังเลย”
”งั้นก็ขึ้นมาเร็ว ค่ำแล้วเราจะกลับไปกินข้าวด้วยกัน” แคนลามี่ยิ้มหลังจากพูดจบ และพูดต่ออีกว่า “ฉันฆ่าแกะไว้รอแล้ว ตอนนี้มันถูกปรุงเสร็จเรียบร้อยและอยู่ในหม้อพร้อมเสริฟ เรากลับไปกินกันเถอะ”
ทำไมต้องฆ่าแกะ? มันมีราคาแพงนี่!” เซี่ยเหล่ยถาม
”คุณเหนื่อยมามากแล้วสำหรับทุกๆอย่างดังนั้นมันก็เหมือนเป็นการตอบแทนคุณ ความจริงแล้วฉันก็ไม่อยากให้คุณต้องเหนื่อยหรอกนะ” แคนลามี่พูดพร้อมรอยยิ้มที่สดใส
ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยได้โยนพลั่วกลับเข้าไปในหลุมแนวนอน เขาเลือกที่จะไม่หยิบเครื่องมือขุดเจาะกลับไปเลยแม้แต่ชิ้นเดียว หลังจากนั้นเขาก็รีบขึ้นจากหลุมโดยใช้เนินดินที่เขาสร้างไว้ก่อนหน้านี้
”มีปัญหาติดขัดอะไรมั้ย ?” เซี่ยเหล่ยถาม
”ไม่มีปัญหา ไม่มีใครเข้ามาที่นี่ด้วย” แคนลามี่พูดพร้อมกับคล้องแขนเซี่ยเหล่ยและพูดต่ออีกว่า “สถานที่แห่งนี้ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา หากใครเข้ามาที่นี่ก็จะถูกฆ่าตายทันทียกเว้นคุณ”
”อื้ม ผมขี้เกียจนำอุปกรณ์พวกนี้กลับไปด้วย เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องนำมันมาอีก มันค่อนข้างลำบากในการขนย้ายเหมือนหน่ะ” เซี่ยเหล่ยพูดกับแคนลามี่ในขณะที่กำลังจะกลับชนเผ่า.ไอลีนโนเวล.
หลังจากเซี่ยเหล่ยและแคนลามี่เดินออกจากซากปรักหักพัง ภายในของมันก็เงียบอย่างมากเนื่องจากไม่มีใครอยู่เลย จังหวะนี้จู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่แอบซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใกล้ๆกับทางเข้าของซากปรักหักพัง เธอสวมผ้าคลุมสีดำโพกหัวและสวมถุงน่องทั้งขา สิ่งเหล่านี้ปกปิดเนื้อหนังของเธออย่างหมดจด รวมถึงเสื้อผ้าของเธอก็แนบเนื้ออย่างมาก หากมองรูปลักษณ์ของเธอในตอนนี้จะพบกับส่วนโค้งเว้าและนูนของร่างกายเธออย่างชัดเจน มันเซ็กซี่อย่างมาก ด้วยการแต่งตัวของเธอในตอนนี้ถ้าไม่บอกจะไม่รู้เลยว่าเป็นเป็นคนอัฟกานิสถานเพราะเธอในตอนนี้ดูเหมือนกับผู้หญิงชาวยุโรปเป็นอย่างมาก
หลังจากรู้ว่าภายในไม่มีใครอยู่ เธอก็แอบเข้าไปภายในซากปรักหักพังคนเดียว เธอตรงไปยังปากหลุมที่เซี่ยเหล่ยขุดไว้ก่อนหน้านี้ทันทีและมองหาอะไรบางอย่าง หลังจากมองอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ได้พูดผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็กว่า “ในหลุมนี้ไม่มีเข็มทิศอยู่ ดูเหมือนเขาจะเอากลับไปด้วย”
หลังจากนั้นก็มีเสียงผู้ชายพูดออกมาผ่านเครื่องสื่อสารว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ชั่งมัน รีบออกมาได้แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องใช้เวลาอยู่ที่นั่นนานๆ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะเจอร่องรอยของคุณได้ ”
ผู้หญิงคนนั้นได้ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันจะบอกคุณไว้ก่อนว่าเขาจะไม่วางเข็มทิศไว้มั่วซั่วหรอกนะ เขาไม่ใช่เด็กแล้ว”
”อืม ว่าแต่เขาขุดได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว?” เสียงของผู้ชายคนนั้นพูดขึ้น
ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับไปว่า “เขาขุดลงลึกเป็นแนวดิ่งได้ประมานสามเมตรแล้ว ส่วนในแนวระนาบเขาขุดได้ประมาณ….” ผู้หญิงคนนั้นเดินลงไปในหลุมพร้อมพูดลากเสียงและส่องไฟฉายเพื่อดูระยะจริงที่เขาขุดได้ จากนั้นก็ตอบกลับไปว่า “คงซักประมาณห้าเมตรเห็นจะได้”
”รับทราบ รีบกลับออกมาได้แล้ว” ผู้ชายคนนั้นพูดเสร็จก็วางสายทันที
แม้จะได้รับคำสั่งว่าให้ถอยกลับออกไปในทันทีแต่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ออกไปในทันที เธอได้หยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาและถ่ายรูปทั้งในหลุมและปากหลุมรวมถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบด้วยหลังจากถ่ายจนพอใจเธอก็ได้กลบรอยเท้ารวมถึงร่องรอยอื่นๆที่จะสามารถบ่งชี้ได้ว่าเธอเข้ามาที่นี่หลังเซี่ยเหล่ยและแคนลามี่ออกไปแล้ว
เมื่อกลับไปที่ชนเผ่า เซี่ยเหล่ยก็ได้ใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายหนังสือโบราณอย่างละเอียด
”ทำอะไรหน่ะ? หนังสือมันจะพังเอานะ” แคนลามี่พูดต่ออีกว่า “ถ้าต้องการ ฉันจะให้มันกับคุณก็ได้นะ”
”จริงเหรอ?” เซี่ยเหล่ยพูดด้วยความรู้สึกตื่นเต้นแม้ว่าเขาจะรู้เนื้อหาของหนังสือโบราณเล่มนี้แล้ว แต่เขาก็อยากจะนำเนื้อหาของหนังสือโบราณมาเก็บไว้ให้ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ได้ศึกษาเพื่มเติม เผื่อว่าจะเจอข้อมูลอะไรเพิ่มเติมนอกจากที่แปลเอาไว้
ที่เซี่ยหล่ยจะตื่นเต้นก็ไม่แปลกเพราะถ้าได้หนังสือโบราณที่เป็นเล่มจริงเลยย่อมดีกว่าศึกษาข้อมูลจากภาพถ่ายเป็นร้อยๆเท่า
”ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่? ในห้องนี้มีแค่ฉันกับคุณแค่นั้น” แคนลามี่พูด
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดว่า “ขอบคุณคุณมาก หลังจากผมศึกษามันเรียบร้อยแล้วผมจะรีบคืนคุณทันที”
”คุณมาถ่ายรูปให้ฉันดีกว่า” แคนลามี่พูด
”คุณอยากจะถ่ายรูปงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถาม
”ใช่ ครั้งล่าสุดที่ถ่ายรูปมันก็นานมาแล้ว ถ่ายรูปให้ฉันหน่อย” แคนลามี่พูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดต่ออีกว่า “ถ้าถ่ายฉันออกมาไม่สวย ฉันยิงคุณแน่”
เซี่ยเหล่ย “…… ”
ชุดที่ทำด้วยมือที่แคนลามี่กำลังใส่อยู่นี้สบัดพริ้วไปตามการเคลื่อนไหวของเธอ เธอดูสวยเป็นธรรมชาติอย่างมากในขณะที่กำลังโพสท่า…
“แฉ๊ะ แฉ๊ะ แฉ๊ะ” เสียงกดชัตเตอร์ดังอยู่หลายครั้งพร้อมกับแสงแฟรชที่สว่างวาบเป็นช่วงๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นเซี่ยเหล่ยได้ขี่ม้าไปยังเมืองรุ่งอรุณสู่แสงสว่างเหมือนเดิม หลังจากถึงซากปรักหังพังแล้วเขาก็กระโดดลงจากหลังม้า เขาลูบเอว ท้อง และใบหน้าของม้าพร้อมพูดกับมันว่า “หวังว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมต้องมาที่นี่นะ เพราะผมเหนื่อยแล้วที่จะต้องมาที่นี่”
เซี่ยเหล่ยจูงม้าและไปผูกมันไว้ข้างๆหลุม หลังจากผูกเสร็จเขาก็กำลังจะลงไปในหลุมเพื่อขุดต่อ จู่ๆเขาก็สังเกตเห็นพื้นรอบๆหลุมมีอะไรผิดสังเกต
รอบๆปากหลุมมีรอยเท้าเล็กน้อยคล้ายกับรอยเท้าของสัตว์
เซี่ยเหล่ยตื่นตัวทันที เขากระตุกตาซ้ายเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปยังร่องรอยที่เหลืออยู่อย่างละเอียด แน่นอน…มันกลายเป็นร่องรอยที่ชัดเจนทันที
ตาซ้ายของเซี่ยเหล่ยไม่ได้เห็นแค่รอยเท้าเท่านั้น แต่มันยังละเอียดมากพอที่จะเห็นระยะระหว่างเม็ดดินกับเม็ดดินอย่างชัดเจน
เพียงเวลาไม่นานเขาก็กลับสู่สภาพปกติ แต่จิตใจของเขาเริ่มจะไม่ปกติขึ้นมาแทน เขาคิดขึ้นในใจว่า “ส่วนใหญ่เป็นรอยเท้าของคนแน่ๆ ถึงแม้ว่ามันจะพยายามลบรอยเท้าพวกนี้ไปแล้วก็ตาม แต่มันยังคงเหลือร่อยรอยอยู่ มีคนลงไปในหลุมงั้นเหรอ? คนอื่นในชนเผ่ามั้ยนะ? แต่ถ้าเป็นคนในชนเผ่าจะพยายามลบรอยเท้าพวกนี้ไปทำไม?”
เมื่อไม่มีข้อมูลมากพอทำให้เขาพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน จากนั้นก็เดินไปหยิบพลั่วเพื่อเตรียมตัวขุดต่อไป
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องรอยเท้าต่อเพราะมีข้อมูลไม่เพียงพอ แต่เขายังคอยกระตุกตาซ้ายเป็นช่วงๆเพื่อคอยดูว่าบริเวณรอบๆนี้มีใครซ่อนอยู่หรือไม่ แต่สุดท้ายก็ไม่พบอะไรเลย
หลังจากสองชั่วโมงผ่านไปกับการขุดระยะทางสองเมตรสุดท้าย เขาก็ขุดมาจนถึงแผ่นหินเป็นที่เรียบร้อย
‘มีอะไรอยู่หลังแผ่นหินนี้กันแน่นะ?’ เซี่ยเหล่ยคิดขึ้นในใจ
ก่อนจะลงมือทำสิ่งอื่น เซี่ยเหล่ยกระตุกตาซ้ายเล็กน้อยและมองทะลุผ่านแผ่นหินไป……