Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 402 เกลือเป็นหนอน !
ตอนที่– 402 เกลือเป็นหนอน !
ด้วยความช่วยเหลือของหลิงฮั่น ทำให้เซี่ยเหล่ยได้รับที่ดินเพิ่มขึ้นถึง 500 เอเคอร์ซึ่งหากโรงงานที่สร้างขึ้นเพิ่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว บริษัทผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยจะกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัยส่วนเรื่องเงินกู้จำนวนห้าพันล้านก็ได้รับการอนุมัติเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งโชคดีอย่างมากที่อัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าทั่วไปถึงร้อยละ 50 และยังสามาถรผ่อนจ่ายได้ถึงสิบปี
แต่ด้วยการพัฒนาและกำลังการผลิตทั้งหมดที่มีจะทำให้เซี่ยเหล่ยสามารถใช้เวลาไม่ถึงสิบปีก็สามารถจ่ายหนี้เงินกู้ได้ทั้งหมด
เมื่อเรื่องที่ดินและเงินกู้จัดการเรียบร้อยแล้วต่อไปก็คือการสร้างโรงงาน เซี่ยเหล่ยในตอนนี้แทบจะไม่มีเวลาว่างเลยเนื่องจากตัวเขาเองก็ต้องเร่งผลิตเครื่องจักรอัจฉริยะที่จะใช้ในการผลิตปืนไรเฟิล XL2500 นี่ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่หากต้องทำคนเดียวคงจะไม่มีทางเสร็จทันตามเวลาที่ต้องการ ถือเป็นโชคดีของเซี่ยเหล่ยที่เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเพราะเขามีอเลน่าเป็นผู้ช่วยที่ดีแถมยังมีทีมวิศวกรเครื่องกล วิศวกรรมไฟฟ้า รวมถึงพนักงานคนอื่นๆที่ร่วมช่วยกันทำงาน ทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี นอกจากนี้ยังมีฐานการผลิตอีกแห่งในเมืองห่ายจูและยังมีตระกูลถ่างที่เป็นฐานการผลิตที่คอยช่วยซัพพอร์ทได้อย่างมาก ทำให้เซี่ยเหล่ยเบาแรงขึ้นเยอะ อย่างไรก็ตามกุญแจสำคัญที่สุดสำหรับโครงการนี้คือเครื่องจักรอัจฉริยะที่ใช้สำหรับผลิตปืนไรเฟิลXL2500 ที่เขาต้องเพิ่มประสิทธิภาพให้ยอดเยี่ยมกว่าเก่าและก็ต้องเร่งให้เสร็จเช่นกัน
เซี่ยเหล่ยได้ตั้งชื่อให้เครื่องจักรอัจฉริยะเครื่องใหม่ที่ยอดเยี่ยมกว่าเครื่องเก่านี้ว่า Smart Machine “มังกรเพลิง”
ในส่วนของการออกแบบมังกรเพลิงนั้นถือว่ายากมากเพราะกว่าจะออกมาเป็นรูปร่างที่สมบูรณ์เซี่ยเหล่ยต้องใช้เวลาวาดพิมพ์เขียวแผ่นแล้วแผ่นเล่านับได้มากกว่าร้อยแผ่นกว่ามันจะออกมาเสร็จสมบูรณ์ ด้วยความใหญ่และความอลังการของมันทำให้มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ห้าร้อยตัน อย่างไรก็ตามในโลกนี้คนที่จะสร้างเครื่องจักรชนิดนี้ได้มีเพียงแค่เซี่ยเหล่ยเท่านั้น
ในขั้นตอนการร่างแบบ สมองของเซี่ยเหล่ยทำงานราวกับว่าเป็นซุปเปอร์คอมพิวเตอร์มีหลายขึ้นตอนที่ต้องใช้ทั้งการคิดและวิเคราะห์ที่ซับซ้อนหากเป็นมันสมองของวิศวกรทั่วไปจะต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนแต่สำหรับเซี่ยเหล่ยที่สมองทำงานได้รวดเร็ว เขาจึงใช้เวลาไม่นานเท่านั้นนอกจากนี้เวลาเจอปัญหาเขาจะสามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ!
ถือได้ว่าเซี่ยเหล่ยในตอนนี้เป็นวิศวกรไฟฟ้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ด้วยความรู้ที่เขาได้มาจากประเทศเยอรมันรวมกับความรู้ที่เขาเสาะหาเรียนรู้เพิ่มเติมด้วยตัวเองรวมถึงประสบการณ์ตลอดเวลาที่เขาได้รับทั้งหมดช่วยให้เขากลายเป็นวิศวกรไฟฟ้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก ความสามารถของเซี่ยเหล่ยในตอนนี้แม้จะเอาวิศวกรไฟฟ้าทั้งจากทวีปยุโรปหรืออเมริกามาหนี่งร้อยคนเพื่อสู้กับเซี่ยเหล่ย พวกเขาทั้งหนึ่งร้อยคนก็ไม่สามารถเอาชนะเซี่ยเหล่ยได้!
แม้ว่าจะเรียกมังกรเพลิงว่าเป็นเครื่องจักรแห่งปฏิหารแต่สำหรับเซี่ยเหล่ยนั้นยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเพราะเขาคือปาฏิหาริย์ท่ามกลางปาฏิหาริย์อีกขั้นหนึ่ง
ก่อนหน้านี้เซี่ยเหล่ยเคยสงสัยว่าสมองของเขาจะมีการพัฒนาไปมากน้อยแค่ไหน ในตอนนั้นเขายังไม่ได้คำตอบของคำถามแต่ในตอนนี้เขาสามารถหาคำตอบได้ด้วยตัวเองแล้ว
บางทีแม้ว่าเวลาจะผ่านไปแต่สมองของเขาก็ยังคงวิวัฒนาอย่างไม่สิ้นสุด
จุดสิ้นสุดคือที่ไหนและเมื่อไหร่? ไม่มีใครรู้ ในตอนนี้ยังไม่มีคำตอบ!
อย่างไรก็ตามในตอนนี้หนึ่งเรื่องที่สามารถยืนยันได้ก็คือมังกรเพลิงหากมันถูกสร้างจนเสร็จสมบูรณ์แล้วมันจะกลายเป็นเครื่องจักรที่อัจฉริยะและทันสมัยที่สุดในโลก ซึ่งมันจะเป็นเครื่องจักรที่ชูโรงให้กับโรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ย!
หลังจากยี่สิบวันผ่านไป เซี่ยเหล่ยออกแบบรวมถึงสร้างพิมพ์เขียนเสร็จสมบูรณ์ ภาพพิมพ์เขียวทั้งหมดกำลังจะถูกส่งไปให้กับโรงงานผลิตที่เมืองห่ายจูเพื่อสร้างชิ้นส่วนต่างๆให้เรียบร้อยตามที่กำหนดไว้ หลังจากเรื่องนี้มีหนึ่งสิ่งที่เซี่ยเหล่ยจำเป็นต้องทำก่อนที่จะส่งพิมพ์เขียวไปยังโรงงานผลิตนั่นก็คือการตรวจสอบหาข้อผิดพลาดของทุกชิ้นส่วน
ภายในออฟฟิศ เซี่ยเหล่ยได้นำพิมพ์เขียวทั้งหมดมาวางซ้อนกัน มันสูงถึงสองฟุตจากนั้นก็มองไปที่พิมพ์เขียวแผ่นแรกจากมุมมองด้านบน ก่อนกระตุกตาซ้ายเล็กน้อยเพื่อมองทะลุไปยังแผ่นถัดไป เขาทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนถึงแผ่นสุดท้าย
ในขณะเดียวกันนี้สมองที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องของเซี่ยเหล่ยทำให้เขาสามารถมองชิ้นส่วนต่างๆในพิมพ์เขียนถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นภาพสามมิติภายในสมอง นอกจากนี้สมองของเขายังสามารถจำลองวงจรไฟฟ้าจากชิ้นส่วนหนึ่งไปยังชิ้นส่วนหนึ่งและสามารถทยอยรวมเข้าเรื่อยๆจนค่อยๆเป็นรูปเป็นร่าง ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อพัฒนาให้มันกลายเป็นเครื่องจักรที่ยอดเยี่ยมที่สุด สมองของเขายังจำลองเครื่องจักรอื่นๆที่มีในโลกเพื่อนำมาดัดแปลงและประยุกต์ให้เหมาะสมกับมังกรเพลิงเข้าไปอีก!
“หืม? ตรงนี้…มันไม่ถูกต้องนี่! โชคดีจริงๆที่ตรวจสอบอีกครั้ง ตรงนี้มันผิดจริงๆ”หลังจากพูดกับตัวเองแล้วเซี่ยเหล่ยก็หยิบพิมพ์เขียวแผ่นที่ 88 ออกมาแก้ไขจากนั้นก็ทำทุกอย่างซ้ำอีกรอบ ดูเหมือนการตรวจสอบครั้งที่สองนี้จะทำให้เซี่ยเหล่ยพอใจกับมันแล้ว
ด้วยความสามารถของเซี่ยเหล่ยตอนนี้หากทุกคนรู้ มันจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นอย่างแน่นอน!
ในขณะนี้ตรงหน้าต่างของออฟฟิศมีดวงตาคู่หนึ่งแอบจ้องมองเซี่ยเหล่ยอย่างเงียบๆ
คนๆนั้นคือวิศวกรไฟฟ้าของบริษัทผลิตอาวุธที่ชื่อว่าฮวงเฉียดง
เมื่อฮวงเฉียดงปรากฏตัว เซี่ยเหล่ยก็เห็นเขาทันทีแม้ว่าเขาจะพยายามแอบแล้วก็ตาม
“แอบดูงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยคิดในใจและยังคิดต่ออีกว่า “เขาทำไปทำไม? ต้องการอะไร?”
“เฉียดง คุณมาทำอะไรที่นี่?“ นอกออฟฟิศอเลน่าพูดเป็นภาษาจีนด้วยสำเนียงที่ถูกต้องในตอนนี้ภาษาจีนของเธอดีขึ้นมาก
ฮวงเฉียดงหันไปหาเธอจากนั้นก็ยิ้มและตอบว่า “เอ่อ…ไม่มีอะไรหรอก ผมจะไปที่แผนกออกแบบเพื่อพบประธารนเซี่ย แต่เผื่อว่าเขาอาจจะอยู่ในออฟฟิศผมจึงพยายามมองเข้าไปแต่ก็ไม่เห็น คุณเข้าไปเถอะ ผมจะไปแล้ว” ปฏิกิริยาของฮวงเฉียดงที่เซี่ยเหล่ยสังเกตเห็น มันทำให้เขารู้สึกสงสัยอย่างมาก เขาคิดว่า “เขาเห็นเราอยู่ในออฟฟิศแน่นอน ทำไมเขาต้องโกหกด้วย?”
อเลน่าไม่ได้สนใจอะไรจึงเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมกับลิสต์รายการจำนวนมากจากนั้นก็พูดว่า “ลูคัส คุณตรวจสอบความถูกต้องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
เซี่ยเหล่ยรับลิสต์รายการทั้งหมดมาพร้อมกับพลิกดูไปเรื่อยๆและพูดไปด้วยว่า “อเลน่าการที่ฮวงเฉียดง มายืนอยู่ตรงนั้นเมื่อกี้นี้ ผมว่ามันไม่ดีเลย”
อเลน่าดูจะงงเล็กน้อยก่อนจะถามว่า “คุณหมายความว่ายังไง?”
เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า ”เขาอาจจะแอบถ่ายรูปภายในที่ทำงานของเราก็ได้? เมื่อกี้เขาถือโทรศัพท์อยู่ด้วยหรือเปล่า?”
อเลน่าก็คิดถึงเรื่องนี้และพูดว่า “ไม่นะ เมื่อกี้นี้เขาไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลย ว่าแต่…คุณถามทำไมงั้นเหรอ?”
“อ่อ…ไม่มีอะไรหรอก” เซี่ยเหล่ยตอบพร้อมกับยิ้มและพูดต่ออีกว่า “ช่วงที่ผมไม่อยู่ คุณทำงานหนักมากต้องขอบคุณจริงๆ”
อเลน่าเอนตัวเข้าหาเซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดว่า “คุณจะขอบคุณฉันอย่างไรหล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ปฏิกิริยาแรกของเซี่ยเหล่ยที่ตอบรับไม่ใช่สมองแต่เป็นร่างกายของเขา
ในขณะนี้เอง จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็ตัดสินใจมองทะลุออกไปนอกห้อง ไอรีนโนเวล
ฮวงเฉียดงยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้เดินไปไหน เขายืนดูอย่างใจเย็นเหมือนกับกำลังฟังว่าภายในห้องพูดอะไรกันอยู่
ความสงสัยของเซี่ยเหล่ยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ตัดสินใจพูดว่า“ อเลน่า เราไปที่ห้องรับรองกันเถอะ”
“ตอนนี้เลยเหรอ?” อเลน่าพูดพร้อมกับท่าทางเขินอายก่อนจะพูดอีกว่า “ลูคัส ตอนนี้เป็นเวลาทำงานนะ……ฉันคิดว่าเราไม่ควร…..”
“ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ เราไปกันเถอะ” เซี่ยเหล่ยรีบพูดแทรกจากนั้นก็เดินไปยังห้องรับรองทันที
“เข้าใจแล้ว” อเลน่าพูดพร้อมใบหน้าที่ยังคงแดงอยู่อย่างไรก็ตามเธอรีบเดินตามเซี่ยเหล่ยไปในทันที
ห้องรับรองอยู่ภายในออฟฟิศอีกชั้นหนึ่งซึ่งไกลกับประตูและหน้าต่างของออฟฟิศมาก
เมื่อเข้าไปในห้องรับรอง อเลน่าก็โยนลิสต์ทั้งหมดทิ้งลงบนโซฟาพร้อมกับโผเข้าไปกอดเซี่ยเหล่ยก่อนหน้านี้ตอนที่เธออยู่ภายในโรงงานเธอมีสถานะเป็นหนักงานคนหนึ่งของบริษัทอย่างไรก็ตามขณะอยู่ในห้องรับรองสถานะของเธอได้กลายเป็นความสัมพันธ์ที่อธิบายได้ยากต่อเซี่ยเหล่ย เธอใช้เวลาเปลี่ยนสถานะแค่เพียงสามวินาทีเท่านั้น
“คุณจะทำอะไร?” เซี่ยเหล่ยพูดแต่ไม่ได้มองไปที่เธอ สายตาของเขายังคงจ้องออกไปนอกออฟฟิศ อเลน่าไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น เธอเอื้อมมือของเธอไปยังเป้ากางเกงของเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็รูดซิปลงมาอย่างรวดเร็ว……
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วทันที เขาเรียกอเลน่าเข้ามาในห้องรับรองก็เพื่อต้องการจะจับสายลับ เขาไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองจะกลายเป็นเหยื่อทางอารมณ์ของผู้หญิงชาวเยอรมันคนนี้
ไม่กี่นาทีต่อมา ฮวงเฉียดงที่มองไปรอบๆเพื่อสังเกตว่าไม่มีใครภายในแล้ว เขาก็เดินเข้ามาข้างในออฟฟิศทันที เขารีบตรงไปยังโต๊ะทำงานของเซี่ยเหล่ย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและถ่ายรูปพิมพ์เขียวบนโต๊ะอย่างรีบร้อน
โชคไม่ดีเท่าไหร่ที่พิมพ์เขียวไม่ได้มีเพียงสิบหรือยี่สิบแผ่น แต่มันมีมากถึงร้อยแผ่นทำให้การจะถ่ายได้ทั้งหมดในเวลาสั้นๆเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย เขาดูวิตกกังวล มือของเขาจึงสั่นขณะที่ถ่ายรูป แถมหน้าผากก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ออกไปจับสายลับในทันทีเขาขมวดคิ้วมากขึ้นกว่าเดิมไม่ใช่เพราะว่าเขาเจอกับสายลับที่พยายามจะขโมยข้อมูลของโรงงานแต่เป็นเพราะการเล้าโลมของอเลน่า
ด้านฮวงเฉียดงที่ถ่ายรูปอย่างต่อเนื่องทำให้ในพิมพ์เขียวถัดๆไป ความเร็วในการถ่ายรูปของเขาค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มือซ้ายของเขาเริ่มชินกับการหยิบรูปขึ้นมาส่วนมือขวาก็ชินกับการจับภาพและกดชัตเตอร์ เขาตัดสินใจจะถ่ายรูปพิมพ์เขียวทั้งหมดให้ได้
“อีกนิดเดียวเท่านั้น!” ฮวงเฉียดงพูดพร้อมกับยิ้มก่อนจะพูดต่ออีกว่า ”ด้วยสิ่งนี้ บริษัทฮั่นสัญญาว่าจะจ่ายเงินให้สิบล้าน ฮ่าฮ่าฮ่า…เงินสิบล้านต้องเป็นของเรา!”
จังหวะเดียวกับที่ฮวงเฉียดงกำลังคิดว่าอีกไม่นานเงินจำนวนสิบล้านก็จะตกเป็นของเขา ประตูห้องรับรองก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเซี่ยเหล่ยที่ยืนอยู่ตรงประตู
ฮวงเฉียดงรีบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงอย่างรีบร้อนจากนั้นก็พูดว่า “ผู้อำนวยการเซี่ย ผมขอโทษ ผม….. ผมทำตกเลยเก็บขึ้นมาให้ ผมไม่ได้ตั้งใจนะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแล้ว ส่งโทรศัพท์มาให้ผมเดี๋ยวนี้”
“อะไร…โทรศัพท์อะไร?” ฮวงเฉียดงพูดด้วยความกังวล เขาพยายามแกล้งทำเป็นว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“ก็โทรศัพท์ที่คุณเพิ่งใช้ถ่ายรูปเมื่อกี้นี้ไงหล่ะ” เซี่ยเหล่ยพูดน้ำเสียงของเขาเย็นชามาก
ฮวงเฉียดงรู้ว่าถ้าส่งโทรศัพท์มือถือให้เซี่ยเหล่ย เขาจะต้องไม่รอดแน่ๆ ทางเดียวที่เขาคิดออกคือหนีให้เร็วที่สุด เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบตัววิ่งทันทีแต่อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาตอบสนองที่ยอดเยี่ยมของเซี่ยเหล่ยทำให้เขาพุ่งออกไปจับตัว ฮวงเฉียดง ในจังหวะเดียวกัน แน่นอนว่าเซี่ยเหล่ยไม่เคยพลาด เมื่อจับเขาได้แล้วก็ทุ่มลงพื้นไปหนึ่งครั้ง
ในเวลานี้ อเลน่าก็เดินออกมาจากห้องรับรองด้วยใบหน้าที่แดงกล่ำ เธอเดินออกมาพร้อมกับใช้ลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเอง ท่าทางของเธอเหมือนกับเด็กที่กำลังกินขนมหวานแต่ยังไม่ทันจะได้กินอย่างจุใจขนมก็หมดซะก่อน
เซี่ยเหล่ยรีบหาโทรศัพท์มือถือในกางเกงของฮวงเฉียดงจากนั้นก็เปิดดูรูปในอัลบั้มพบภาพพิมพ์เขียวของมังกรเพลิงมากมาย เซี่ยเหล่ยหัวเราะเบาะๆก่อนจะพูดอย่างเยือกเย็นว่า “เอาหล่ะ…ตอนนี้ผมจะให้โอกาสคุณ บอกมาว่าสายลับในบริษัทยังมีใครอีกบ้าง?”
“คุณพูดอะไร? ผมไม่รู้ สายลับอะไรกัน?” ฮวงเฉียดงโวยวายออกมา
เซี่ยเหล่ยเหยียบไปที่หน้าอกของฮวงเฉียดงอย่างแรงก่อนจะพูดว่า ”ถ้าคุณไม่บอกว่ายังมีใครอีกที่เป็นสายลับ ผมจะส่งคุณเข้าคุกและจะทำให้คุณต้องติดอยู่ในนั้นให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมขอสาบาน แต่กลับกัน…ถ้าคุณบอกมาว่ายังมีใครอีก ผมจะปล่อยคุณไป” ด้วยความกลัวฮวงเฉียดงจึงรีบพูดขึ้นทันทีว่า “ผมจะพูด ผมจะพูดแล้ว”
ในขณะเดียวกันนี้อเลน่าได้พูดขึ้นว่า “ประธานเซี่ย คุณยังไม่ได้รูดซิป มานี่…เดี๋ยวฉันช่วยเอง”
เซี่ยเหล่ย “…… ”
ติดตามตอนต่อไป…….