Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 419 วางแผนไว้หมดแล้ว
TXV– 419 วางแผนไว้หมดแล้ว
เป็นปกติที่ในบริษัทจะมีการกระทบกระทั่งกันบ้างซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าส่วนใหญ่จะเป็นชาวเกาหลีใต้ที่ก่อเรื่องขึ้นมาก่อนเพราะพวกเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน พวกเขาค่อนข้างที่จะมีปัญหากับพนักงานจากประเทศจีนและส่วนใหญ่พนักงานจากประเทศจีนจะไม่มีการร้องเรียนเลยด้วย เนื่องจากพวกเขากลัวว่าอาจจะทำให้เรื่องใหญ่โตและมีปัญหาจนอาจจะถูกไล่ออกได้
แม้ว่าเฉินตูเทียนหยินเองจะเป็นผู้บริหารควบคู่กับอันซูฮยอนแต่เนื่องจากคนเกาหลีดูจะหยิ่งและทนงตนในตัวเองมากกว่า ทำให้พวกเขาไม่ค่อยจะเคารพเธอซักเท่าไหร่!
สำหรับเซี่ยเหล่ย เขาเองคิดว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้ไม่ใช่เรื่องการตรวจสอบเครื่องจักรหรือตรวจสอบคุณภาพของการทำงาน แต่เป็นการจัดการสั่งสอนเหล่าพนักงานเกาหลีใต้ของบริษัทก็อดโดเมนนั่นเอง!
อย่างไรก็ตามส่วนหนึ่งของพนักงานในบริษัทเหวี้ยนเทียนก็ต้องไปทำงานที่เกาหลีใต้เช่นกัน ดูเหมือน สถานการณ์ก็ไม่ค่อยจะต่างกันซักเท่าไหร่ โดยรวมแล้วทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคนเกาหลีนั้นหยิ่งยโส!
เรื่องนี้เซี่ยเหล่ยรับรู้และเขาไม่สามารถปล่อยผ่านได้!
ดังนั้นเขาจึงต้องสั่งสอนให้ช่างบริษัทก็อดโดเมนเหล่านี้ได้รู้สำนึกเสียบ้าง จะได้ลดความหยิ่งยโสในตัวเองลง!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มีพนักงานมากมายเห็นเหตุการณ์แน่นอนว่าการกระทำของเซี่ยเหล่ยนั้นถูกใจและได้ใจพนักงานของบริษัทเหวี้ยนเทียนเป็นอย่างมาก พวกเขาแอบดูอยู่เงียบๆ บางคนก็แอบปรบมือให้เลยด้วย บางคนก็แอบยิ้มออกมาที่มุมปาก
แม้ว่าพนักงานจากบริษัทเหวี้ยนเทียนจะรู้สึกสะใจ ผิดกับอันซูฮยอน เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาโกรธจนไม่สามารถยืนอยู่เฉยๆได้ เขาจึงพุ่งตัวออกไปหาเซี่ยเหล่ยอย่างรวดเร็วเพื่อหวังจะหยุดเขาไว้ให้ได้ แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปอย่างที่หวัง นั่นก็เพราะทันทีที่เขาเข้าไปจับตัวของเซี่ยเหล่ยไว้ เซี่ยเหล่ยก็ได้ใช้ศอก ศอกไปที่ใบหน้าของอันซูฮยอนหนึ่งครั้ง มันโดนจมูกของเขาเต็มๆ จนทำให้จมูกของเขามีเลือดไหลออกมาเยอะมาก!
”ไอ้เลว!” อันซูฮยอนชี้ไปที่หน้าเซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า ”คุณทำร้ายผม!”
เซี่ยเหล่ยหยุดทันที พร้อมหันไปมองอันซูฮยอนและเดินเข้าไปหาเขา
“คุณ …… ” อันซูฮยอนที่เห็นว่าเซี่ยเหล่ยกำลังเดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่น่าไว้วางใจ เขาจึงพูดขึ้นด้วยความกระวนกระวายใจ
บอดี้การ์ดของอันซูฮยอนที่เห็นท่าทางของเซี่ยเหล่ยที่ไม่น่าไว้วางใจ พวกเขาจึงเดินเข้าไปขวางทางเอาไว้แม้ว่าพวกเขาจะกังวลเกี่ยวกับฝีมือของเซี่ยเหล่ย แต่พวกเขาก็ต้องทำตามหน้าที่เพราะมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้วยความสามารถของเซี่ยเหล่ยในตอนนี้แทบจะเรียกว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสู้กับเขาได้
เซี่ยเหล่ยหยุดเดินทันทีที่เห็นบอดี้การ์ดของอันซูฮยอนนั่นก็เพราะบอดี้การ์ดของอันซูฮยอนนั้นเป็นชาวตะวันตกซึ่งตัวโตมากแถมพวกเขายังส่งออร่าที่แสดงที่ถึงความเก่งกาจและอันตรายออกมาจนทำให้เขาต้องหยุดเดินชั่วขณะ
”เฉินตูเทียนหยิน!” อันซูฮยอนตะโกนเสียงดังพร้อมกับมองไปที่เฉินตูเทียนหยินอย่างไม่พอใจ ก่อนจะพูดต่ออีกว่า ”คุณจะจัดการเรื่องนี้ให้ยังไง ?”
การแสดงออกของเฉินตูเทียนหยินนั้นดูเรียบง่ายมาก เธอตอบกลับไปอย่างเป็นธรรมชาติว่า ”แล้วจะให้จัดการเรื่องอะไรหล่ะ?”
อันซูฮยอนพูดด้วยความโมโหว่า “เรื่องที่เซี่ยเหล่ยทำร้ายพนักงานชาวเกาหลีใต้ของผมยังไงหล่ะ คุณจะจัดการเรื่องนี้ยังไง?”
เฉินตูเทียนหยินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า ”ก่อนอื่นพวกเขาสมควรที่จะโดนแล้วนี่ บางทีถ้าสุนัขมันเลี้ยงไม่เชื่องก็ต้องสั่งสอนกันบ้าง ไม่อย่างนั้นพวกมันจะได้ใจจนเกินไปจากสิ่งที่เซี่ยเหล่ยทำไป ฉันคิดว่ามันถูกต้องแล้ว ฉันเป็นผู้บริหารแท้ๆแต่กลับไม่ฟังคำสั่งของฉัน ดังนั้นเมื่อไม่ฟังคำสั่งของฉัน ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเก็บพวกเขาเอาไว้ ออกไปจากโรงงานของฉันเดี๋ยวนี้”
อันซูฮยอนถามกลับทันทีว่า ”เฉินตูเทียนหยิน คุณหมายความว่ายังไง?”
“ฉันยังพูดไม่ชัดเจนอีกงั้นเหรอ?” เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมมองไปที่อันซูฮยอนและยังพูดต่ออีกว่า ”โครงการโทรศัพท์มือถือของเรามีฉันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มากถึง 70% ของหุ้นทั้งหมด ส่วนบริษัทก็อดโดเมน มีหุ้นเพียง 30% ของหุ้นทั้งหมดเท่านั้น อีกอย่างพนักงานของคุณได้รุมเข้ามาทำร้ายคู่หมั้นของฉันก่อน แถมยังไม่ฟังคำสั่งของฉันอีกต่างหาก ฉันจะเก็บพวกเขาเอาไว้ทำไมหล่ะ”
คำสั่งของเฉินตูเทียนหยินนั้นเด็ดขาดมาก เขาไล่พนักงานของบริษัทก็อดโดเมนออกโดยตรง โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากอันซูฮยอนเลย
“เฉินตูเทียนหยิน นี่มันไม่มากไปหน่อยงั้นเหรอ?” อันซูฮยอนพูดอย่างไม่พอใจ และพูดด้วยความโมโหอีกว่า ”ช่างของบริษัทก็อดโดเมนของเราที่มีหน้าที่สร้างติดตั้งและออกแบบได้นำเทคโนโลยีของเกาหลีใต้มาเพื่อสร้างจนทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย แต่ตอนนี้คุณกลับมาไล่พวกเขาออก มันไม่มากไปหน่อยงั้นเหรอ!”
“คุณไม่พอใจกับการตัดสินใจของฉันใช่มั้ย?” เฉินตูเทียนหยินพูดก่อนจะหัวเราะเยาะเย้ยและพูดต่ออีกว่า “ถ้าไม่พอใจ คุณจะถอนหุ้นออกไปก็ได้นะ”
“นี่คุณ …… ” อันซูฮยอนพูดอย่างตะกุกตะกักเพราะไม่คิดว่าเฉินตูเทียนหยินจะกล้าพูดกับเขาแบบนี้
เซี่ยเหล่ยรู้สึกมีความสุขมากนั่นก็เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เฉินตูเทียนหยินได้แสดงให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดและจุดยืนของตัวเองอย่างชัดเจน เธอนำคนและเทคโนโลยีของบริษัทก็อดโดเมนมาใช้ให้เป็นประโยชน์โดยที่ไม่ต้องเสียเงินซักบาทนั่นก็เพราะพวกเขาตกลงให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน หากผู้นำของทั้งสองบริษัทมีปากมีเสียงกัน แน่นอนว่าผู้ที่ถือหุ้นมากกว่าย่อมได้เปรียบกว่าเพราะมีสิทธิมีเสียงและอำนาจที่มากกว่าตามไปด้วย ดังนั้นเธอจึงสามารถเอาเรื่องนี้มาข่มขู่อันซูฮยอนให้ถอนหุ้นออกไปได้ เธอมีแต่ได้กับได้!
เฉินตูเทียนหยินยังพูดอย่างไม่แยแสต่อว่า ”ถ้าคุณไม่ต้องการถอนหุ้นออกไปละก็ คุณสามารถแลกเปลี่ยนมันกับบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ของฉันสองแห่งได้เช่นกัน คุณเป็นคนฉลาดเพราะฉะนั้นฉันจะพูดครั้งนี้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ลองคิดดูให้ดี”
เฉินตูเทียนหยินในตอนนี้ถือเป็นประธานบริษัทที่เด็ดขาดมาก!
เช่นเดียวกับเซี่ยเหล่ยที่สามาระจัดการเหล่าพนักงานของบริษัทก็อดโดเมนได้ทั้งหมด พวกเขาทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ!
อันซูฮยอนเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ตั้งแต่ต้น คุณหลอกใช้ผมงั้นเหรอ?”
เฉินตูเทียนหยินพูดว่า “ฉันไม่สนใจว่าคุณจะคิดยังไง เพราะฉันสนใจแค่ผลลัพธ์เท่านั้น ดังนั้นก่อนอื่นรีบให้คนของคุณออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
“คุณต้องทำถึงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?” อันซูฮยอนถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ฉันว่าฉันพูดอย่างชัดเจนแล้ว” เฉินตูเทียนหยินตอบ
“ถ้าคุณต้องการแบบนี้จริงๆก็ได้หลังจากพิธีเปิดเราจะกลับมาพูดคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง” อันซูฮยอนพูดและพูดต่ออีกว่า “หรือถ้าเลวร้ายที่สุดก็ไปคุยกันในชั้นศาลก็ได้”
“การแลกเปลี่ยนสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องถึงชั้นศาลหรอกนะ คุณนัดเวลาและสถานที่มาได้เลย” เฉินตูเทียนหยินพูด
“รอการติดต่อจากผมได้เลย” เซี่ยเหล่ยทิ้งท้ายคำพูดเอาไว้ก่อนจะเดินจากไป
เหล่าพนักงานของบริษัทก็อดโดเมนที่ถูกต่อยจนล่วงลงไปนอนกองอยู่กับพื้น แม้ว่าพวกเขาจะเจ็บตัว แต่หูของเขายังได้ยินเสียงปกติดี พวกเขาได้ยินทุกอย่างที่ประธานบริษัททั้งสองพูดคุยกัน พวกเขาต่างรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก
“เอาหล่ะทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานในส่วนของตัวเองได้แล้ว” เฉินตูเทียนหยินพูดเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน
เหล่าพนักงานแต่ละส่วนต่างแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง Aileen-novel
เมื่อทุกคนแยกย้ายกันไปแล้วเหลือเพียงเซี่ยเหล่ยเฉินตูเทียนหยิน ฟู่หมิงเหม่ยและกู๋เค่อเหวินเท่านั้นที่ยังไม่ไปไหน ด้านเซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปหาเฉินตูเทียนหยินก่อนจะถามว่า “ เทียนหยิน คุณต้องการให้บริษัทก็อดโดเมนถอนหุ้นออกไปจริงๆงั้นเหรอ?”
มุมปากของเฉินตูเทียนหยินมีรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า ”ในแผนของฉัน ฉันวางเอาไว้ว่าจะให้พวกเขาถอนหุ้นออกไปอยู่แล้วไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตอนแรกฉันมีความต้องการที่จะร่วมลงทุนกับพวกเขาเพื่อผลิตโทรศัพท์ขึ้นมาจริงๆ แต่ไม่ได้ต้องการจะร่วมมือตลอดรอดฝั่งหรอกนะ ฉันวางแผนจะใช้ความรู้และเทคโนโลยีจากพวกเขา จนตอนนี้ประสบความสำเร็จตามเป้าเรียบร้อยแล้ว เป้าหมายต่อไปก็คือทำให้พวกเขาถอนหุ้นออกไป ดังนั้นเรื่องในวันนี้ก็เป็นแค่การเร่งให้ส่วนหนึ่งในแผนการของฉันสำเร็จลุล่วงไปก่อนก็แค่นั้นเอง”
เซี่ยเหล่ยประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยินอย่างมาก เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าทั้งหมดนี้จะเป็นสิ่งที่เฉินตูเทียนหยินวางแผนไว้หมดแล้ว!
เฉินตูเทียนหยินพูดต่ออีกว่า ”จุดประสงค์อีกอย่างของฉันก็คือต้องการจะสั่งสอนพวกเขาไปในตัวเช่นกัน”
จริงๆแล้วแผนการของเธอก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก เธอเพียงแค่แสร้งร่วมมือกับบริษัทก็อดโดเมน เธอให้บริษัทก็อดโดเมนเข้ามามีส่วนในการคิดค้นและใช้เทคโนโลยีของพวกเขาในการสร้างโรงงานผลิตขึ้นมานั่นรวมไปถึงเครื่องมือและเครื่องจักรที่จำเป็นด้วย ส่วนเธอก็เสนอตัวเองให้เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่เพื่อจะได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโรงงานผลิตโทรศัพท์นั่นก็เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม สุดท้ายเธอก็จะหาทางกำจัดบริษัทก็อดโดเมนออกไปซะ โดยกดดันพวกเขาจนต้องถอนหุ้นออกไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง นี่ถือเป็นแผนที่เรียบง่ายแต่ได้ผลอย่างมาก
แม้ว่าตอนนี้เซี่ยเหล่ยจะไม่ลงมือจัดการทำอะไร สุดท้ายพวกเขาก็ต้องถอนตัวออกไปอยู่ดี มันต่างกันตรงระยะเวลาเท่านั้น
“ดังนั้นไม่ต้องใส่ใจว่าฉันตัดสินใจไปเพราะคุณไปทำร้ายพนักงานของอันซูฮยอน แต่มันเป็นแผนการที่ฉันวางเอาไว้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว คุณสบายใจได้” เฉินตูเทียนหยินอธิบายให้เซี่ยเหล่ยเข้าใจ
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ดูเหมือนว่าทักษะในการทำธุรกิจของผมจะด้อยกว่าคุณมาก สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเลยหล่ะ”
เฉินตูเทียนหยินยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าแขนของเซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดว่า ”คุณเป็นคู่หมั้นของฉัน มีอะไรหลายๆอย่างที่ฉันต้องเรียนรู้จากคุณ ฉันไม่อยากให้คุณคิดว่านี่เป็นสิ่งที่คุณต้องเรียนรู้จากฉัน ฉันอยากให้คุณคิดว่าพวกเราร่วมมือกันดีกว่า ต่อไปฉันจะทำหน้าที่ในการวางแผนด้านกลยุทธ์ ส่วนคุณทำหน้าที่ในการปกป้องและจัดการปัญหาเกี่ยวกับโรงงานผลิตด้วยการรวมกันของเราในครั้งนี้ พวกเราจะกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้านโทรศัพท์เลยก็ว่าได้นะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มและหัวเราะเล็กน้อย
เซี่ยเหล่ยเห็นด้วยกับความคิดของเธอเพราะเธอวางตำแหน่งได้ถูกต้อง เนื่องจากตลอดสองปีที่ผ่านมานี้เขาได้ศึกษาทั้งการเป็นช่างและการเป็นวิศวกรไม่ว่าจะเป็นด้านเครื่องกลหรือไฟฟ้าก็ตามยิ่งไปกว่านั้นตัวเขาเองยังมีวิชาหมัดหวิงชุนติดตัวอีกด้วย ส่วนตัวเธอเองนั้นในตอนแรกเธอยังเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่อ่อนแอแต่ต้องเข้ามายึดอำนาจในการบริหารบริษัทเหวี้ยนเทียนเพื่อรักษามันเอาไว้จากผู้ไม่ประสงค์ดี ตรงจุดนี้ถ้าเธอไม่มีกลยุทธ์ในการบริหาร เธอคงไม่สามารถรักษาบริษัทเอาไว้ได้จนถึงตอนนี้!
“ฉันพูดอะไรผิดงั้นเหรอ ทำไมคุณหัวเราะหล่ะ” เฉินตูเทียนหยินถามพร้อมกับทำหน้าน้อยใจและไม่พอใจ
เซี่ยเหล่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ผิดหรอก ผมหัวเราะออกมาเพราะผมชอบใจ”
จู่ๆเฉินตูเทียนหยินก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอยิ้มอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “คุณหัวเราะเพราะคำพูดของฉันก่อนหน้านี้ใช่ไหม ตอนที่ฉันพูดว่า “การรวมกัน” ใช่ไหม?“
เซี่ยเหล่ย “ …… ”
ผู้หญิงที่ฉลาดเกินไปบางครั้งก็ทำให้ลำบากใจได้เหมือนกัน
เมื่อพูดกันจบแล้วพวกเขาก็เดินออกจากเวิร์คช้อปไป
เหลือไว้แค่เพียงฟู่หมิงเหม่ยและกู๋เค่อเหวินที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“เห้ออ ดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่โดนสาปเลยนะ ไปที่ไหนก็มีเรื่องเกิดขึ้นตลอด” ฟู่หมิงเหม่ยพูดพร้อมกับถอนหายใจ
กู๋เค่อเหวินพูดอย่างเรียบง่ายว่า ”แต่ฉันว่าเขาทำได้ดีนะ คุณรู้หรือไม่ว่าส่วนที่ยากที่สุดของแผนการนี้ก็คือการทำให้บริษัทก็อดโดเมนถอนหุ้นออกไป ที่เธอบอกว่ามันเป็นการเร่งเวลาเร็วขึ้นเท่านั้นก็เพราะทั้งฉันและเธอยังคงหาวิธีไม่ได้ยังไงหล่ะแต่เขาสามารถจัดการปัญหาที่ยากที่สุดนี้ได้อย่างรวดเร็ว ฉันไม่คิดว่าเขาต้องสาปหรอกนะ”
ฟู่หมิงเหม่ยมองไปที่กู่เค่อเหวินทันทีก่อนจะพูดอย่างประหลาดใจว่า “ฉันละสงสัยจริงๆว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”
“คุณหมายความว่ายังไง?” กู๋เค่อเหวินถาม
ฟู่หมิงเหม่ยตอบว่า “ก่อนหน้านี้ทั้งคุณและเซี่ยเหล่ยมีปัญหากันมากมายเป็นปัญหาที่ไม่น่าจะใช่เรื่องที่ให้อภัยกันได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้คุณกลับมาร่วมมือกับเฉินตูเทียนหยิน แม้แต่เซี่ยเหล่ยเองก็ด้วย คุณกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?”
กู๋เค่อเหวินยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า ”เวลายังเปลี่ยนได้ ใจคนก็เปลี่ยนได้เช่นกัน ก่อนหน้านี้ฉันต้องเสียทั้งพ่อและพี่ชายไป ฉันต้องการที่พักพิงเรื่องนี้แม้ว่าคุณจะไม่เชื่อฉัน แต่ฉันก็ไม่สนใจหรอกนะ”
“ไม่หล่ะ ฉันเชื่อคุณ หลังจากหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น ฉันเชื่อว่าคุณเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ” ฟู่หมิงเหม่ยพูด
“ขอบคุณ” กู๋เค่อเหวินพูดพร้อมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนจะพูดต่ออีกว่า “เอาหล่ะ ตอนนี้เราออกไปเตรียมตัวต้อนรับผู้สื่อข่าวและแขกผู้มีเกียรติที่จะมาร่วมงานกันดีกว่า”
พูดจบทั้งคู่ก็เดินออกจากเวิร์คช้อปเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ตรงพื้นที่ในงานเปิดตัวเงียบกริบเพราะไม่มีผู้สื่อข่าวและแขกผู้มีเกียรติเลยซักคน แต่ตอนนี้มันเริ่มที่จะครึกครื้นและดูมีชีวิตอย่างมากเนื่องจากบรรดาผู้สื่อข่าวและแขกผู้มีเกียรติต่างทยอยเข้างานกันเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาเพิ่งจะมีปัญหากันมาเมื่อครู่นี้แต่มันก็ไม่ทำให้อันซูฮอนชิงหนีกลับไปก่อน เขาได้นั่งอยู่บนเวทีอย่างเรียบง่ายด้วยท่าทางที่ดูเยือกเย็น อย่างไรก็ตามเขาจ้องมองอยู่ที่เดียวเท่านั้น นั่นก็คือที่เฉินตูเทียนหยินซึ่งตอนนี้ยืนอยู่ด้านหลังของกู๋เค่อเหวิน
ในการมองครั้งนี้ของอันซูฮยอน กู๋เค่อเหวินก็มองเห็นสายตาของเขาเช่นกัน เธอไม่ได้หลบตาแม้แต่น้อย แถมยังมองกลับไปที่เขาและยิ้มออกมาเล็กน้อย
เธอยิ้มทำไมกัน?
ติดตามตอนต่อไป…………….