Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 420 ข้อห้าม ?
TXV– 420 ข้อห้าม ?
ในตอนนี้เฉินตูเทียนหยินยังไม่ได้ขึ้นไปบนเวทีเนื่องจากเธอและเซี่ยเหล่ยต่างถูกผู้สื่อข่าวล้อมรอบเอาไว้อยู่
“คุณเทียนหยิน จะแต่งงานเมื่อไหร่งั้นเหรอ?” นักข่าวคนหนึ่งถาม
”คุณเซี่ยและคุณเทียนหยินรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่งั้นเหรอ?” นักข่าวอีกคนหนึ่งถามต่อทันที
“คุณเทียนหยิน ต่อไปถ้าพวกคุณแต่งงานกันแล้วคุณจะรวมธุรกิจระหว่างบริษัทเหวี้ยนเทียนและบริษัทอาชาสายฟ้าเข้าด้วยกันหรือไม่?” นักข่าวคนหนึ่งถาม
”คุณเซี่ย พูดอะไรหน่อยสิ……” นักข่าวคนหนึ่งหันไปพูดกับเซี่ยเหล่ย
ดูเหมือนในตอนนี้ผู้สื่อข่าวไม่ได้ให้ความสนใจกับโครงการผลิตโทรศัพท์มือถือและความร่วมมือกันของบริษัทเหวี้ยนเทียนและบริษัทก็อดโดเมนเลย พวกเขาให้ความสนใจกับเรื่องการหมั้นของทั้งเซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินมากกว่า เนื่องจากข่าวบันเทิงย่อมมีผู้สนใจมากกว่าข่าวเทคโนโลยี
“ฉันสรุปประเด็นที่คุณถามและจะตอบเพียงข้อเดียวเท่านั้น” เฉินตูเทียนหยินพูดและพูดต่อทันทีว่า “เรื่องงานแต่งงานของพวกเรา มันจะเร็วกว่าที่พวกคุณคิดไว้ อย่างไรก็ตามฉันยังไม่สามารถบอกได้ แต่ไม่ต้องห่วงเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมฉันจะประกาศให้ทุกคนทราบอีกครั้งแน่นอน”
เซี่ยเหล่ยค่อนข้างแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินเนื่องจากตัวเขาเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่างานแต่งงานจะจัดขึ้นในวันไหนและทีนี่แปลกใจไปกว่านั้นคือเธอบอกกับผู้สื่อข่าวว่างานแต่งงานจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้!
หลังจากการตอบคำถามของเฉินตูเทียนหยิน ผู้สื่อข่าวก็ยังถามต่ออีกเรื่อยๆ แต่เธอก็ไม่ตอบอะไรอีกแล้ว เธอจับมือของเซี่ยเหล่ยก่อนจะพาเดินขึ้นเวทีไป
บนเวที ภายใต้การแนะนำของเฉินตูเทียนหยิน เซี่ยเหล่ยได้จับมือและทักทายกับแขกผู้มีเกียรติหลายคนทุกคนล้วนเป็นผู้นำในด้านต่างๆ แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะไม่รู้จักผู้นำเหล่านี้เลยแต่ไม่มีผู้นำคนไหนไม่รู้จักกับเซี่ยเหล่ยเพราะตั้งแต่การเปิดตัวของปืนไรเฟิลซุ่มยิง xl2500 มันก็ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังตามไปด้วย
ถ้าเทียบกันแล้วในตอนนี้ แม้ว่าจะเป็นดาราระดับแนวหน้าของประเทศจีนก็ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่ากับเซี่ยเหล่ยเลยด้วยซ้ำ
หลังจากการทักทายผ่านพ้นไป เฉินตูเทียนหยินก็ได้เดินไปยังโพเดี่ยมเพื่อเตรียมกล่าวสุนทรพจน์ส่วนเซี่ยเหล่ยก็เดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่เตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เขานั่งติดกับอันซูฮยอนเลย แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันแม้แต่น้อย
จู่ๆอันซูฮยอนก็พูดขึ้นมาว่า ”การที่เฉินตูเทียนหยินเลือกคุณ คุณเป็นฝ่ายชนะ ผมไม่มีอะไรจะพูดในเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตามผมก็คิดว่าพวกคุณคงอยู่ร่วมกันได้ไม่นานหรอกนะ ”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับอย่างไม่แยแสว่า ”เรื่องระหว่างผมและเฉินตูเทียนหยินว่าจะอยู่กันได้นานหรือไม่นั้นไม่เกี่ยวข้องกับคุณเลยนี่ ผมไม่รู้ว่าจู่ๆคุณจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม แต่อย่างไรก็ตามหากมีวันนั้นขึ้นมาจริง ยังไงคุณก็ไม่ได้ครอบครองหัวใจของเธออยู่ดีนั่นแหละ เพราะคุณมันทำอะไรไม่ได้ความ เอาจริงๆในสายตาของผมนั้นพ่อคุณสุดยอดมาก แต่น่าเสียดายที่คุณกลับไม่มีอะไรเทียบเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว”
อันซูฮยอนไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ต้องแสร้างว่าไม่เป็นอะไรก่อนจะยิ้มและพูดว่า ”แม้ว่าตัวผมอาจจะไม่มีความสามารถเทียบเท่ากับพ่อของผม แต่ผมก็มีโชคชะตาที่ดีมากเนื่องจากผมเกิดมาร่ำรวยและเพรียบพร้อมทุกอย่าง ผิดกับคุณและพ่อของคุณ…….”
อันซูฮยอนพูดไม่จบ เขาทิ้งท้ายเอาไว้และไม่ได้พูดต่อ
จู่ๆเซี่ยเหล่ยก็รู้สึกได้ถึงกลื่นอายที่ไม่น่าไว้วางใจที่ออกมาจากตัวของอันซูฮยอนพร้อมกับสายตาที่ดูเจ้าเล่ห์ของเขา มันทำให้เขาคิดในใจขึ้นมาว่า “เกิดอะไรขึ้นกับพ่อหรือเปล่านะ?”
“ฮ่าฮ่า” อันซูฮยอนหัวเราะเยาะเย้ยอย่างน่ารังเกียจก่อนจะพูดต่ออีกว่า ”ผมรู้ว่าพ่อของคุณเป็นใคร? และนั่นทำให้ผมรู้ด้วยว่าชาติกำเนิดของพ่อคุณเป็นเพียงคนงานในไซต์ก่อสร้างก็แค่นั้น คุณไม่ได้มีเชื้อหรือความสัมพันธ์ทางสายเลือดจากขุนนางเลย ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณจะรวยขึ้นมาแล้วก็ตาม แต่คุณก็เปลี่ยนชาติกำเนิดของตัวเองไม่ได้หรอกนะ”
ข้อมูลนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกตกใจมาก เขาคิดในใจว่า ”ตอนที่อยู่ในเกาหลีใต้ที่คาเฟ่ของโรงแรม เราได้เห็นอย่างชัดเจนว่าอันซูฮยอนและเจ้าหน้าที่ซีไอเอได้ร่วมมือกัน ถ้าคิดต่อไปอีกว่าพวกเขาคงจะไม่หยุดการติดต่อกันเพียงแค่ครั้งนั้นแน่ๆ ดังนั้นการที่อันซูฮยอนรู้ถึงเรื่องนี้ได้อาจจะเป็นเพราะได้ข้อมูลมาจากเจ้าหน้าที่ซีไอเอเป็นการแลกเปลี่ยนก็มีความเป็นไปได้สูง”
“เป็นอะไรไปหล่ะ? ถึงกับเงียบไปเลยงั้นเหรอ? ไม่มีอะไรจะพูดหน่อยงั้นเหรอ?” อันซูฮยอนพูดเยาะเย้ย
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยละทิ้งความสงสัยออกไป เขามองไปที่อันซูฮยอนก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า ”นี่ อันซูฮยอน ผมเคยบอกคุณไปแล้วนี่ ถึงแม้ว่าคุณจะมีพ่อหรือแม้แต่ซีไอเอคอยสนับสนุน แต่คุณควรจะอยู่นิ่งๆดีกว่านะ”
“ซีไอเองั้นเหรอ? สำนักข่าวกรองกลางแห่งสหรัฐอเมริกา? คุณพูดอะไรของคุณหน่ะ!” อันซูฮยอนพูดปฏิเสธอย่างเรียบง่ายก่อนจะพูดต่ออีกว่า “นี่คุณดูหนังมากเกินไปหรือเปล่า?”
เซี่ยเหล่ยพูดต่อทันทีว่า ”คุณควรจะฟังคำเตือนของผมนะ ในอัฟกานิสถานผมฆ่ากองกำลังพิเศษไปเป็นสิบๆคน รวมถึงเจ้าหน้าที่ซีไอเออีกสิบๆคนเช่นกัน พวกเขาพยายามจะจับผมแต่ก็พลาดครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วคุณเป็นใคร? ก็แค่คนเกาหลีใต้คนหนึ่ง ครั้งล่าสุด คุณได้ว่าจ้างให้นักฆ่าในรัสเซียมาลอบฆ่าผมแต่ก็ไม่สำเร็จและผมก็ฆ่าพวกเขาตายทั้งหมด ผมจะบอกอะไรให้นะผมไม่สนใจหรอกว่าศัตรูจะเป็นใคร ผมจะจัดการมันทั้งหมด และสิ่งที่ผมอยากให้คุณทำตอนนี้มากที่สุดก็คือหยุดทุกอย่างซะ…… ” เซี่ยเหล่ยพูดก่อนจะขยับเข้าไปใกล้หูของอันซูฮยอนและพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาไปว่า “เพราะถ้าคุณยังไม่หยุด ต่อไปสิ่งที่ผมจะทำคือเอาชีวิตคุณ!”
ทันทีที่ได้ยินร่างกายของอันซูฮยอนแข็งทื่อในทันทีแม้ว่าเขาจะพยายามบังคับตัวเองมากแค่ไหน แต่ร่างกายก็ไม่ยอมฟัง อีกอย่างเขาปฏิเสธตัวเองไม่ได้เลยว่าเขากลัวคำขู่ของเซี่ยเหล่ย!
ชั่วขณะหนึ่งภายในใจของอันซูฮยอนก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขาคิดว่าที่จริงแล้วเซี่ยเหล่ยไม่ใช่นักธุรกิจ เขาไม่ใช่คู่หมั้นของเฉินตูเทียนหยินแต่เขาเป็นนักฆ่าเลือดเย็นที่พร้อมจะฆ่าคนได้ตลอดเวลา เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกนี้ได้เลย!
ตั้งแต่ต้นจนมาถึงตอนนี้เซี่ยเหล่ยฆ่าคนไปแล้วกว่าหนึ่งร้อยคน เป็นตัวเลขที่มากพอสมควร!
ในขณะนี้เฉินตูเทียนหยินได้เริ่มกล่าวสุนทรพจน์ไปแล้ว ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตาฟังที่เธอพูดแต่มีเพียงอยู่หนึ่งคนเท่านั้นที่ในขณะนี้ไม่ได้ยินเสียงของเธอ เขาคืออันซูฮยอนนั่นก็เพราะตอนนี้เขาไม่ค่อยจะมีสติอยู่กับเนื้อกับตัว
กริ๊งง กริ๊งง……
โทรศัพท์มือถือของเซี่ยเหล่ยมีสายเรียกเข้า
เซี่ยเหล่ยลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาในขณะที่กำลังเดินลงจากเวที
สายที่โทรเข้ามาคือฉือโบเหยิยน เซี่ยเหล่ยกดรับสายจากนั้นก็มีเสียงออกมาจากลำโพงของโทรศัพท์ว่า ”นี่ คุณรู้ไหมว่าตัวเองมีความสำคัญกับประเทศมากแค่ไหน แต่คุณกลับเล็งเห็นถึงความสุขของตัวเองโดยการจะแต่งงานงั้นเหรอ? อย่างนี้แล้วผมจะไว้ใจในตัวคุณให้รับช่วงต่อการค้นคว้าได้ยังไงหล่ะ?”
แม้ว่าจะลงจากเวทีแล้วแต่เซี่ยเหล่ยก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆเพื่อมองหาสถานที่ที่ไม่มีใครอยู่ เมื่อพบแล้วเขาก็ตอบกลับไปทันทีว่า ”กลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้ศึกษาและค้นคว้ามาเป็นเวลาหนึ่งปีแต่ก็ยังไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันแต่นี่คุณต้องการคำตอบจากผมภายในหนึ่งสัปดาห์หรือหนึ่งเดือนงั้นเหรอ? มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว อีกอย่างเมื่อคุณให้อำนาจกับผมในการรับช่วงต่อแล้ว ผมก็มีวิธีดำเนินการตามที่วางแผนเอาไว้ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก” ไอรีนโนเวล
“เอาหล่ะ เอาหล่ะ ฟังผมนะ” ฉือโบเหยิยนพูดพร้อมหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ก่อนหน้านี้คุณต้องการจะถอนตัว จนตอนนี้คุณยังหมั้นกับเฉินตูเทียนหยินอีกต่างหาก คุณทำทุกอย่างโดยที่ไม่ได้บอกผมก่อนซักคำ ถ้าผมไม่รู้จากหนังสือพิมพ์คุณก็ไม่คิดจะบอกใช่ไหม?”
“ไม่ใช่นะ ผมแค่ยังไม่มีโอกาสก็เท่านั้น” เซี่ยเหล่ยพูด
“อีกอย่าง หลานสาวฉันก็ชอบคุณมากนี่ ผู้อาวุโสถ่างเองก็ชอบคุณมากเช่นกัน คุณจะไม่ตัดสินใจและคิดใหม่หน่อยงั้นเหรอ? นี่เป็นเรื่องสำคัญมากนะ มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ผมว่าคุณลองคิดดูอีกครั้งสิ ถ่างหยู่เหยี่ยเหมาะสมกับคุณมากกว่าเฉินตูเทียนหยินนะ เธอทำงานที่สำนักงานลับ101 เช่นเดียวกับคุณ เธอรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ แถมบางครั้งเธอก็ต้องทำภารกิจร่วมกับคุณด้วยได้อีกต่างหาก เห็นได้ชัดเลยว่าใครที่เหมาะสมกับคุณมากกว่ากัน ”
เซี่ยเหล่ย “ …… ”
‘เหตุผลจริงๆที่ฉือโบเหยิยนโทรมาก็คือต้องการให้เราเลิกกับเฉินตูเทียนหยิน เพื่อไปคบกับถ่างหยู่เหยี่ยงั้นเหรอ? เห้ออ…ปวดหัวจริงๆ’ เซี่ยเหล่ยคิดในใจ
กับถ่างหยู่เหยี่ยแม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะไม่ลืมเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่อยู่ในอัฟกานิสถานหรือแม้แต่ช่วงเวลาที่อยู่ในกรุงมอสโคก็ตาม ทั้งหมดล้วนเป็นความทรงจำที่สวยงาม
แต่ตระกูลถ่างไม่เหมาะกับเซี่ยเหล่ย!
แม้ว่าตระกูลถ่างจะมีอำนาจหรือแม้แต่ประวัติศาสตร์ของตระกูลที่ยาวนาน แต่พวกเขาก็มีกฏข้อห้ามที่มากจนเกินไป กฏข้อห้ามเหล่านั้นไม่เหมาะกับยุคสมัยนี้แล้ว อีกอย่างเขาไม่ชอบความรู้สึกที่จะต้องทำตามกฏที่มากมายขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลถ่างเป็นตระกูลที่รักษสันโดษและซื่อตรงที่มากจนเกินไป หากเรื่องพ่อของเซี่ยเหล่ย เซี่ยฉางห่ายถูกเปิดเผยขึ้นมา พวกเขาคงจะไม่อยากเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน!
นี่เห็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถเลือกถ่างหยู่เหยี่ยได้
“เอาหล่ะ ผมว่าจนถึงตอนนี้ พูดอะไรไปคุณก็ไม่ฟังอยู่ดีแล้ว” ฉือโบเหยิยนพูดพร้อมกับพูดต่ออีกว่า “ตอนนี้ผมมีข่าวที่เพิ่งได้รับแจ้งเข้ามาใหม่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเจอสมบัติชิ้นต่อไปแล้ว”
เซี่ยเหล่ยคิดในใจว่า ‘พบอัลลอยด์โบราณชิ้นใหม่แล้วงั้นเหรอ?’
“ผมได้รับแจ้งว่าคุณเขียนรายงานการค้นคว้าครั้งแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าจะให้คุณบอกผลทางโทรศัพท์ทั้งหมดคงจะลำบากเกินไป ดังนั้นผมได้ส่งถ่างหยู่เหยี่ยไปที่โรงงานผลิตอาวุธแล้ว คุณรีบกลับไปที่นั่นและนำมันไปมอบให้กับเธอด้วย” ฉือโบเหยิยนพูดต่อด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“เอาล่ะ ผมจะรีบไปทันที” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับวางสาย
ในเวลานี้เฉินตูเทียนหยินเองก็กล่าวสุนทรพจน์เสร็จพอดี ทั้งเธอและอันซูฮยอนในตอนนี้กำลังเตรียมตัวที่จะตัดริบบิ้นเพื่อเปิดโรงงานอย่างเป็นทางการ
หลังจากตัดริบบิ้นเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเหล่ยก็รีบเดินขึ้นเวทีและไปยืนข้างเธอก่อนจะกระซิบข้างหูเธอไปว่า “ที่โรงงานมีปัญหาเล็กน้อย ผมขอตัวกลับไปดูก่อนนะ”
“ได้สิ แต่เสร็จแล้วโทรหาฉันด้วยนะ” เฉินตูเทียนหยินพูด
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าพร้อมกระซิบต่ออีกว่า “ส่วนเรื่องอันซูฮยอนนั้น เขาเป็นคนไม่น่าไว้ใจ คุณทำเขาไม่พอใจผมมั่นใจว่าเขาจะเอาคืนคุณแน่ ดังนั้นถ้าเขาติดต่อมาแล้วคุณอย่าเพิ่งรีบทำอะไร ให้คุณบอกผมก่อนเป็นอันดับแรก ผมจะรีบมาหาทันที”
เฉินตูเทียนหยินยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “อือ”
“นอกจากนี้……” เซี่ยเหล่ยพูดแต่ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“มีอะไรอีกงั้นเหรอ?” เฉินตูเทียนหยินถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรแล้ว เอาหล่ะถ้าผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจะรีบโทรหาคุณนะ” เซี่ยเหล่ยกระซิบเสร็จก็เดินออกไปทันที
สิ่งที่เซี่ยเหล่ยต้องการจะพูดเมื่อครู่นี้แต่ก็ลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งนั้น นั่นก็คือเขาต้องการที่จะเตือนเธอให้ระวังกู๋เค่อเหวินเอาไว้ให้ดีแต่ดูเหมือนถ้าจะพูดย้ำอีกครั้ง ถ้าเธอไม่เห็นด้วยเธอก็จะไม่ฟังอยู่ดี นั่นจึงทำให้เซี่ยเหล่ยตัดสินใจไม่พูดออกไปดีกว่า เพราะพูดไปก็ไม่ได้อะไร
ด้านข้างเวทีกู๋เค่อเหวินที่เห็นท่าทางเดินอย่างรีบร้อนของเซี่ยเหล่ยจึงได้ถามเขาในขณะที่กำลังจะเดินผ่านไปว่า “ทำไมรีบกลับหล่ะ? ที่โรงงานมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยหยุดอยู่หน้าเธอก่อนจะหันไปหาเธอพร้อมกับพยัก เสร็จแล้วก็รีบเดินออกไปทันทีโดยไม่ได้พูดอะไร
ไม่รู้ว่าทำไมแม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะรับรู้ถึงการกระทำของกู๋เค่อเหวินตลอดที่ผ่านมาว่าเธอช่วยเหลือเฉินตูเทียนหยินมากแค่ไหนแต่ในความรู้สึกของเขา เขาก็ไม่เคยเชื่อเธอเลยว่าเธอไม่มีอะไรแอบแฝงจากการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมานี้
นั่นก็เพราะเซี่ยเหล่ยเป็นต้นเหตุในการล่มสลายของตระกูลกู๋ รวมถึงการที่เธอต้องสูญเสียกู๋ดิงชานไปด้วยด้วยนิสัยของเธอไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอจะต้องโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของเซี่ยเหล่ยแน่นอนดังนั้นการที่เธอบอกว่าจะช่วยเหลือเขานั้นแทบจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อเลยก็ว่าได้สำหรับเขา
อย่างไรก็ตามในขณะที่เซี่ยเหล่ยกำลังเดินออกไป กู๋เค่อเหวินก็มองตามหลังเซี่ยเหล่ยไป เธอยิ้มตลอดเวลา เธอยิ้มไม่หยุดแม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะเดินหายไปแล้วก็ตาม
ติดตามตอนต่อไป……….