Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 425 จังหวะหลบหนี !
TXV– 425 จังหวะหลบหนี !
มือของเจ้าหญิงหยงเหม่ยเข้าไปในหัวของเจ้าหน้าที่ซีไอเอ มันเป็นภาพที่แปลกมาก แขนที่เรียวยาวของเธอทะลุผ่านเข้าไปในหัวของชายคนนั้นโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย!
เจ้าหญิงหยงเหม่ยขยับมุมปากเล็กน้อยก่อนจะดึงมือออกมา
เซี่ยเหล่ยคิดว่าเธอต้องการฆ่าเจ้าหน้าที่ซีไอเอคนนั้น เธออาจจะคิดว่าตัวเองสามารถฆ่าเจ้าหน้าที่คนนั้นได้แต่อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ผล เขายังมีชีวิตอยู่
แต่จะว่าไปอย่าพูดถึงการฆ่าเลยเพราะแม้แต่แก้วไวน์เธอก็ยังขยับมันไม่ได้เลย แล้วเธอจะไปฆ่าใครได้ยังไง
อย่างไรก็ตามการกระทำของเธอเมื่อครู่นี้ก็ทำให้เซี่ยเหล่ยได้ค้นพบสิ่งใหม่เช่นกัน ดูเหมือนเจ้าหญิงหยงเหม่ยจะมีสติและอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดได้เอง!
ในตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเธอเป็นตัวอะไรกันแน่ แต่อย่างน้อยในตอนนี้ก็สามารถบอกได้อย่างหนึ่งแล้วว่าเธอไม่ใช่แค่ภาพลวงตา แต่เธอมีตัวตนอยู่จริง!
นี่เป็นการค้นพบที่น่าตกใจ แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะเริ่มศึกษาเกี่ยวกับเธอ เขากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง เขาต้องคิดหาวิธีการหลบหนีจากสถานการณ์ในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นเรื่องราวอาจเลยเถิดและมีโอกาศเกิดหายนะขึ้นอย่างแน่นอน!
“จ้องแบบนั้นหมายความว่ายังไง ไอบ้านี่!” เจ้าหน้าที่ซีไอเอพูดอย่างไม่พอใจพร้อมเล็งปืนไปที่หัวของเฉินตูเทียนหยินเมื่อเห็นว่าเซี่ยเหล่ยกำลังจ้องอยู่
เจ้าหน้าที่คนเดิมเดินเข้าไปหาเซี่ยเหล่ยพร้อมกับเตะไปที่ท้องน้อยหนึ่งครั้ง
มันเป็นการเตะที่รุนแรง ทำให้เซี่ยเหล่ยถอยหลังไปสองสามก้าว อย่างไรก็ตามตำแหน่งที่โดนเตะนั้นมันเป็นตำแหน่งที่ไวต่อความรู้สึก ดังนั้นเขาค่อนข้างที่จะเจ็บ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมา
“คุณทำบ้าอะไรหน่ะ?” เฉินตูเทียนหยินพูดอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนจะพูดต่อว่า “ปล่อยเขาไป! ฉันจะให้เงินคุณ! คุณต้องการเท่าไหร่ว่ามา 5,000,000มั้ย? ฉันจะให้คุณ 5,000,000 เลย! เพราะงั้นปล่อยเขาไป”
“หุบปาก!” เจ้าหน้าที่ซีไอเอตะคอกก่อนจะเตะเซี่ยเหล่ยอีกครั้ง
เฉินตูเทียนหยินจ้องไปที่เจ้าหน้าที่ซีไอเอคนนั้น แววตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่อย่างไรก็ตามมันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเซี่ยเหล่ย
“พอได้แล้ว แฮ้งค์” แลนด์เบริกพูดก่อนจะพูดต่อว่า “ผู้หญิงคนนี้มีประโยชน์กับพวกเรา เราไม่ควรจะทำให้เธอโกรธหรอกนะ”
เจ้าหน้าที่แฮ้งค์หยุดทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยจำชื่อเจ้าหน้าที่คนนั้นได้เรียบร้อยแล้ว
“จับเขา แล้วพาออกไปเดี๋ยวนี้” แลนด์เบริกสั่ง
เจ้าหน้าที่หนึ่งคนเดินเข้าไปหาเซี่ยเหล่ยพร้อมกับมัดข้อมือด้วยพลาสติกเหนียวพิเศษก่อนจะผลักเขาให้เดินไปพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เดินไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้!”
เซี่ยเหล่ยเอื้อมมือออกไปเพื่อต้องการจะดึงประตูรถแต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่คนนั้นเตะเข้าที่ข้อพับขา ก่อนที่เขาจะพูดเยาะเย้ยว่า “คุณไม่ดีที่จะนั่งบนเบาะหรอกนะ ท้ายรถคือที่ของคุณ”
เซี่ยเหล่ยถูกผลักให้เดินไปท้ายรถก่อนที่เจ้าหน้าที่ซีไอเอจะให้เขาปีนขึ้นไปบนท้ายกระบะของฟอร์ดแร็ปเตอร์ที่ถูกทำขึ้นใหม่ให้เป็นเหมือนกับตู้คอนเทนเนอร์ขนาดเล็ก
เฉินตูเทียนหยินเองก็เช่นกัน เธอถูกควบคุมตัวให้เดินไปที่ท้ายรถโดยเจ้าหน้าที่ แฮ้งค์ ก่อนที่เขาจะโยนเธอเข้าไปในท้ายกระบะ
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะพาคุณกลับบ้านเอง” เซี่ยเหล่ยพูดปลอบใจ
เฉินตูเทียนหยินในขณะนี้ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะเป็นเหมือนเซฟโซนให้กับเธอ แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ เธอไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าตัวเองจะถูกคนเหล่านี้จับตัวมาและถูกข่มขู่ เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ไม่เคยเลย ดังนั้นแม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะอยู่ตรงนี้กับเธอ แต่มันก็ไม่สามารถลบความกลัวภายในจิตใจของเธอได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตามสิ่งเดียวในตอนนี้ที่ยังดูสงบอย่างมากคือเจ้าหญิงหยงเหม่ย เธอลอยขึ้นมาบนท้ายกระบะก่อนจะนั่งลงใกล้กับเซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยิน
เซี่ยเหล่ยไม่ได้สนใจเธอในตอนนี้
แลนด์เบริกเองก็เดินมาที่ท้ายรถฟอร์ดแร็พเตอร์ ในมือของเขามีเข็มฉีดยาสองอัน เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูดว่า “ผมยอมรับว่าคุณเป็นคนเก่ง แต่โอกาสที่คุณจะพาเธอกลับบ้านนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ฮ่าฮ่า ตอนนี้ก็หลับไปก่อนนะ คงใช้เวลาพอสมควร คุณจะไปตื่นอีกทีก็อยู่บนเรือรบของพวกเราแล้ว เตรียมตัวกับชีวิตใหม่ที่พวกเราจะมอบให้ไว้หรือยังหล่ะคุณเซี่ย”
เซี่ยเหล่ยถามกลับไปอย่างเรียบง่ายทันทีว่า “คุณชื่ออะไร?”
แลนด์เบริกชะงักไปชั่วขณะ เขาหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะพูดว่า “อะไรนะ? คุณถามชื่อผมงั้นเหรอ? คุณต้องการแก้แค้นใช่มั้ย?” พูดจบก็มองไปที่ลูกน้องของเขาก่อนจะหัวเราะอีกครั้งและพูดว่า “เฮ้ ได้ยินหรือเปล่า? เขาต้องการแก้แค้นหน่ะ!”
เจ้าหน้าที่ซีไอเอต่างพากันหัวเราะเยาะ
“ผมจะให้โอกาสครั้งสุดท้ายแก่คุณ ปล่อยเฉินตูเทียนหยินไป” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเย็นชา
“คุณกำลังขู่ผมงั้นเหรอ? ห๊ะ? ถ้าผมไม่ปล่อยเธอไปแล้วคุณจะทำอะไรผมได้?” แลนด์เบริกพูด เขาไม่กลัวคำขู่ของเซี่ยเหล่ย
“ผมจะฆ่าคุณ ผมจะฆ่าคุณแม้ว่าเราจะไปอเมริกาแล้วก็ตาม” เซี่ยเหล่ยตอบอย่างสุขุมเยือกเย็น
ด้วยความไม่พอใจแลนด์เบริกชกเข้าที่หน้าของเซี่ยเหล่ยทันทีหนึ่งหมัด ด้วยแรงกระทบทำให้หัวของเซี่ยเหล่ยชนเข้ากับท้ายกระบะเสียงดังมาก
เฉินตูเทียนหยินที่เห็นท่าไม่ดีจึงใช้ร่างกายของเธอบังให้เซี่ยเหล่ยเพราะกลัวว่าเขาจะโดนชกอีกหมัด
“ช่างเป็นคู่ที่รักกันดีจริงๆนะ” แลนด์เบริกเยาะเย้ยก่อนจะแทงเข็มฉีดยาไปที่คอของเฉินตูเทียนหยิน ไม่นานเธอก็สลบไป
เฉินตูเทียนหยินล้มตัวลงไปนอนอยู่ในตักของเซี่ยเหล่ย
ต่อจากนั้นแลนด์เบริกก็จับคอของเซี่ยเหล่ยก่อนจะปักเข็มฉีดยาไปที่คอของเขาเช่นกัน
เซี่ยเหล่ยไม่มีท่าทีต่อต้าน เขาปล่อยให้แลนด์เบริกฉีดยาสลบใส่ร่างกายของเขาเองโดยไม่ขัดขืน
ร่างกายของเขามีภูมิต้านทานต่อยาชาหรือยาสลบ เรื่องนี้มีเพียงลูกน้องของอันซูฮยอนไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้อย่างไรก็ตามพวกเขาเหล่านั้นก็ตายไปหมดแล้ว ดังนั้น แลนด์เบริกจึงไม่มีทางรู้เรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
และเพื่อความแนบเนียนเมื่อโดยฉีดยาแล้วเซี่ยเหล่ยจึงแสร้งทำเป็นง่วงและทรุดตัวลงไปนอนกอง
เจ้าหญิงหยงเหม่ยขมวดคิ้วทันที เธอเอื้อมมือไปที่หัวของแลนด์เบริกก่อนจะทลวงเข้าไป อย่างไรก็ตามมันไร้ผล มือของเธอผ่านหัวของเขาไปและไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเลย Aileen-novel
“ไปได้แล้ว!” แลนด์เบริกออกคำสั่งพร้อมกับปิดฝาท้ายรถกระบะ
เจ้าหญิงหยงเหม่ยรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เธอกรีดร้องออกมาอย่างเกรี้ยวกราดราวกับแมวที่กำลังขมขู่ศัตรู!
การกระทำของเธอในตอนนี้ก็ไม่รอดพ้นจากสายตาของเซี่ยเหล่ย เขาเก็บข้อมูลไว้ทั้งหมดแล้ว
‘เธอแสดงความก้าวร้าวออกมาเมื่อมีคนทำร้ายเรา เธอพยายามโจมตีใครก็ตามที่ทำให้เราเจ็บ แต่การโจมตีของเธอนั้นไร้ผล เธอไม่สามารถทำร้ายใครได้ดูเหมือนว่าการปล่อยเธอให้เป็นอิสระจะเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว เธอเริ่มมีปฏิกิริยาต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น บางทีถ้าปล่อยให้เธออยู่ในโลกนี้ต่อไป เธออาจจะเผยเบาะแสของอัลลอยโบราณและหนังสือสำริดก็ได้… ‘ เซี่ยเหล่ยคิดในใจ
แต่ไม่นานเจ้าหน้าที่แฮ้งค์ ก็ได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจว่า “พวกคุณได้ยินเสียงอะไรไหม?”
“เสียงอะไรหล่ะ?” เจ้าหน้าที่บางคนพูดก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ผมไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลย คุณได้ยินเสียงอะไรงั้นเหรอ?”
“บ้าเอ๊ยย!! ผมก็ไม่แน่ใจ แต่มันเป็นเสียงที่ฟังดูแปลกมาก” แฮ้งค์พูด
“ไปกันได้แล้ว!” แลนด์เบริกออกคำสั่งอีกครั้งก่อนจะพูดต่อว่า “เรามีเวลาไม่มากหรอกนะ ดังนั้นอย่าปล่อยให้มันเสียเปล่า! ไปไปไป!”
เซี่ยเหล่ยใช้ความสามารถของตาซ้ายเพื่อมองทะลุออกไป เขามองไปที่เจ้าหน้าที่แฮ้งค์ ใบหน้าและสายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยอย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาพยายามที่จะสลัดเรื่องเสียงออกไปจากหัวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อ
ขณะนี้เซี่ยเหล่ยก็หันไปมองเจ้าหญิงหยงเหม่ย
เจ้าหญิงหยงเหม่ยเองก็มองมาที่เซี่ยเหล่ยด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสาเช่นกัน
‘ก่อนหน้านี้เธอยื่นมือเข้าไปในหัวของเจ้าหน้าที่แฮ้งค์และตอนนี้เขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆอยู่คนเดียว นี่เป็นสิ่งเดียวกับที่บรรดานักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญเสียชีวิตเคยเจอใช่หรือไม่? เธอเป็นสาเหตุการตายหรือเสียสติของพวกเขาหรือเปล่า?’ เซี่ยเหล่ยคิดในใจ
แต่ไม่นานเขาก็ทิ้งความคิดนี้ไป เจ้าหญิงหยงเหม่ยไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญที่เสียชีวิตไปทั้งสองคนนั้น แม้ว่าการตายของพวกเขาจะยังเป็นปริศนาแต่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ มันมีความเป็นไปได้ที่การตายของพวกเขาจะเชื่อมโยงอะไรบางอย่างกับอัลลอยโบราณและหนังสือสำริด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
หลังจากทิ้งความคิดนี้ไป เขาก็พยายามมองหาความเป็นไปได้อื่นต่อ
บางทีเจ้าหญิงหยงเหม่ยอาจจะมีความสามารถคล้ายกับอัลลอยโบราณหรือหนังสือสำริดก็เป็นไปได้ ด้วยคุณลักษณะนี้เธออาจจะทำให้ผู้คนเสียสติหรือตายได้
จากข้อนี้มีความเป็นไปได้สูงมากเนื่องจากก่อนหน้านี้ชิ้นส่วนของอัลลอยโบราณได้อยู่ในร่างกายของเธอ บางทีมันอาจจะมีผลไม่ทางตรงก็ทางอ้อม!
ฟอร์ดแร็ปเตอร์เริ่มออกตัวในขณะที่เซี่ยเหล่ยกำลังคิดในเรื่องนี้
นอกจากรถที่บรรทุกเซี่ยเหล่ยอยู่ในตอนนี้ก็ยังมีรถออฟโรดอีกสองคันขับไปพร้อมๆกัน
พวกเขาขับรถออกจากโรงงานร้างโดยการขับเป็นขบวน ซึ่งมีรถออฟโรดขับอยู่ด้านหน้าและหลังฟอร์ดแร็ปเตอร์ พวกเขาขับไปบนถนนที่เงียบสงบ
เซี่ยเหล่ยเอื้อมมือเข้าไปในกางเกงในก่อนจะหยิบเข็มออกมา เขาพยายามเจาะพลาสติกเหนียวที่พันข้อมือของเขาอยู่ให้เป็นห้ารู เพื่อทำให้ความเหนียวของมันลดลง ก่อนจะกระชากออกอย่างรุนแรงเพื่อให้มันขาดออกจากกัน
ป๊อก! มีเสียงเล็กน้อยจากการฉีดขาดของพลาสติกเหนียว
ต่อมาเซี่ยเหล่ยก็ใช้วิธีเดียวกันกับเฉินตูเทียนหยิน แน่นอนว่ามันขาดออกจากกันโดยที่เธอยังคงหมดสติอยู่
หลังจากนั้นเซี่ยเหล่ยก็พยายามที่จะเปิดล็อกของตัวกระบะท้าย
นี่คือสาเหตุที่ก่อนหน้านี้เขาซื้อเข็มและซ่อนมันไว้ เขาเรียนรู้วิธีการซ่อนและทักษะการใช้เข็มจากตระกูลถ่าง และเรียนรู้การปลดล็อคและหลบหนีจากฉิงเสวียง
อย่างไรก็ตามตอนนี้รถทั้งสามคันได้ขับมาถึงจุดที่เซี่ยเหล่ยซ่อนรถไว้ก่อนหน้านี้ จากสภาพแวดล้อมตามเส้นทางรถที่กำลังขับไป หากเขาไม่หลบหนีในตอนนี้ ต่อไปคงไม่สามารถหนีได้อีกแล้วเนื่องจากบริเวณข้างหน้าจะเป็นทางหลวง
เขาจึงตัดสินใจเปิดช่องประตูท้ายรถออกก่อนจะรวบเฉินตูเทียนหยินเข้ามาไว้ในอ้อมแขมและพุ่งตัวออกจากรถทันที
เขากลิ้งลงไปข้างทางที่เต็มไปด้วยพงหญ้า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บมาก
อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีรถออฟโรดที่ขับตามท้ายรถของพวกเขา รถออฟโรดคนนั้นเห็นเหตุการณ์จึงแจ้งทุกคันให้ทราบทันที รถทุกคันหยุดอย่างกะทันหันพร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ซีไอเอกว่ายี่สิบคนลงจากรถพร้อมอาวุธ
เซี่ยเหล่ยไม่รอช้ารีบอุ้มเฉินตูเทียนหยินก่อนจะหาที่กำบังชั่วคราว
ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว … ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว …
เจ้าหน้าที่แฮ้งค์ยิงกระสุนไปตามทางที่เซี่ยเหล่ยหลบหนี ในขณะนี้เขาใช้ปืนไรเฟิลจู่โจม M16A1 ซึ่งติดที่เก็บเสียงอยู่ เสียงปืนของเขาจึงไม่ดังมาก
“ไอ้โง่!” แลนด์เบริกกดปืนลงพร้อมกับตะคอกไปว่า “เราต้องการจับเป็นไม่ใช่จับตาย!”
เจ้าหน้าที่แฮ้งค์ส่ายหัว ดวงตาของเขาแปลกไปอย่างไรก็ตามเขาส่ายหัวอีกครั้งก่อนจะพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น…ดูเหมือนในหัวของผมจะได้ยินคอยสั่งการอยู่ ผมไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ!”
“เมื่อกลับไปแล้ว ผมจะนัดจิตแพทย์ให้” แลนด์เบริกพูดก่อนจะเห็นอะไรบางอยู่อยู่ถัดไปจากด้านหลังของเจ้าหน้าที่แฮ้งค์เขาจึงพูดขึ้นทันทีว่า “นั่นใครอยู่ตรงนั้น?”
เจ้าหน้าที่ซีไอเอหลายคนที่ยืนอยู่บริเวณนั้นหันไปทิศเดียวกับที่แลนด์เบริกพูด พวกเขารู้สึกแปลกใจอย่างมากเนื่องจากไม่เห็นใครเลย ตรงนั้นมีแค่วัชพืชและพงหญ้าสูงเท่านั้น
แลนด์เบริกส่ายหัวของเขาเช่นกันก่อนจะพูดว่า “เอาหล่ะ รีบไปตามจับพวกเขากลับมาเดี๋ยวนี้! เราต้องจับพวกเขากลับมาให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ตอนนี้ทั้งเขาและผู้หญิงของเขายังคงไปได้ไม่ไกลหรอก รีบตามไปเดี๋ยวนี้!”
เจ้าหน้าที่ซีไอเอแยกตัวออกเป็นสามกลุ่ม โดยมีกลุ่มหนึ่งตามรอยเซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินไป ส่วนอีกสองกลุ่มที่เหลือได้เดินออกไปตามทิศที่พวกเขาคิดว่าเซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินน่าจะเดินไปเพื่อไปรอดักอยู่ข้างหน้า
เจ้าหน้าที่ซีไอเอเหล่านี้เป็นถึงระดับมืออาชีพ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าทำไมยาสลบถึงใช้ไม่ได้กับเซี่ยเหล่ย แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้พวกเขาไม่เป็นกังวลเลยสำหรับการตามจับกุมตัวเซี่ยเหล่ยกลับมา
ติดตามตอนต่อไป…….