Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 429 ความขัดเขินที่ผลิบานอย่างเงียบงัน
TXV– 429 ความขัดเขินที่ผลิบานอย่างเงียบงัน
เมื่อกลับมาถึงชิงตู่สิ่งแรกที่เซี่ยเหล่ยทำคือกลับไปยังโรงงานทหารอาชาสายฟ้าแล้วผนึกเจ้าหญิงหยงเหม่ยเอาไว้ ตอนนี้เขาคงไม่กล้าปล่อยเธอออกมาอีกหลังจากพบว่าเธอทำให้คนเป็นบ้าหรือถึงตายได้ จากนั้นเซี่ยเหล่ยก็เดินทางต่อไปที่โรงพยาบาลโป๋อ้ายกับเฉินตูเทียนหยินเพื่อไปเยี่ยมฟู่หมิงเหม่ย
ฟู่หมิงเหม่ยออกจากห้องผ่าตัดแล้วแต่ยังไม่ตื่นจากฤทธิ์ยาชา เฉินตูเทียนหยินสั่งให้คนมาคอยดูแลเธอ ก่อนจะออกจากโรงพยาบาลไปพร้อมเซี่ยเหล่ย
”ผมว่าเราควรบอกพ่อของหมิงเหม่ยนะ เขาควรรู้เรื่องนี้” เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นระหว่างเดินออกมาจากโรงพยาบาล
”เอาไว้บอกเขาพรุ่งนี้เถอะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องนี้เอง” เฉินตูเทียนหยินกล่าว
เซี่ยเหล่ยถอนหายใจ “โชคดีที่คนพวกนั้นไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเธออยู่แล้ว ไม่งั้นเธอคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแน่ๆ หลังจากนี้เราต้องระวังตัวให้มากขึ้นถ้าคุณจะออกไปข้างนอกก็พาบอดี้การ์ดไปด้วยเยอะๆนะ”
เฉินตูเทียนหยินจับแขนเซี่ยเหล่ย “อืม ฉันจะทำแบบนั้นนะ” เธอกล่าวก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ “อ้อจริงสิ ฉันจะโทรหากู๋เค่อเหวินนะ ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะโอเครึเปล่า”
”ไม่ต้องหรอกตอนนี้เธอปิดเครื่องอยู่แน่นอน” เซี่ยเหล่ยพูด
”ไม่มีทาง ฉันบอกให้เธอเปิดเครื่องไว้ตลอดเวลาเลยนะ” เฉินตูเทียนหยินไม่เชื่อเขา เธอหยิบมือถือออกมาโทรทันทีแต่เซี่ยเหล่ยพูดถูก โทรศัพท์กู๋เค่อเหวินปิดเครื่องอยู่จริงๆ
เฉินตูเทียนหยินเป็นผู้หญิงฉลาดดูเหมือนเธอจะเข้าใจได้ทันที “กู๋เค่อเหวิน เธอ…”
”เธอทำงานให้ CIA พวกเขาฝึกเธอช่วงระหว่างที่เธอเงียบหายไปแล้วเธอก็กลับมาทำงานให้คุณช่วยคุณในการเก็บรวบรวมทรัพย์สินตระกูลกู๋ตระกูลเดิมของเธอเพื่อทำให้คุณไว้ใจ ถ้าเธอไม่ทำหน้าที่เป็นหนอนบ่อนไส้คอยติดต่อจากภายใน คุณก็คงไม่โดนลักพาตัวไปส่วนฟู่หมิงเหม่ยก็คงไม่ต้องบาดเจ็บแบบนี้”
ความละอายใจปรากฏขึ้นในแววตาเฉินตูเทียนหยิน เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “คุณเตือนฉันแล้วก่อนหน้านี้ว่าฉันไม่ควรไว้ใจกู๋เค่อเหวิน ฉันก็ยังเลือกเชื่อเธออยู่ดีแต่มันไม่ใช่เพราะฉันไม่เชื่อการตัดสินของคุณนะ มันเป็นเพราะฉันคิดว่าฉันยังสามารถควบคุมเธอได้อยู่ ฉันไม่คิดเลยว่า…”
เซี่ยเหล่ยยกยิ้มให้เธอ “ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นหรอก ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องอดีตแล้วนะ กู๋เค่อเหวินก็หนีออกนอกประเทศไปแล้ว โอกาสที่พวกคุณสองคนจะได้เจอกันคงเป็นศูนย์ ยิ่งไปกว่านั้นอันซูฮยอนก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย คุณต้องระวังตัวให้มากๆเลยนะ”
เฉินตูเทียนหยินมองเข้าไปในดวงตาเซี่ยเหล่ย “คุณจะจัดการเขาทันทีที่เขาทำร้ายฉันใช่มั้ย?”
”ไม่หรอก” เซี่ยเหล่ยตอบ
”หืม?” เฉินตูเทียนหยินประหลาดใจ
เซี่ยเหล่ยยิ้มกว้าง “เพราะผมจะจัดการเขาก่อนที่เขาจะแตะต้องตัวคุณได้ซะอีก”
เมื่อได้รับคำตอบ เธอก็ตีเขาเบาๆด้วยความโกรธที่น่ารัก
เซี่ยเหล่ยจับมือเธอเอาไว้ “เทียนหยิน มีคนมากมายไล่ล่าเพื่อเอาชีวิตและสิ่งที่อยู่ในหัวผม มันยังมีอันตรายที่เราไม่คาดคิดอีกมากถ้าคุณยังอยู่ใกล้ผมต่อไปในเมื่อมันเป็นแบบนั้น แล้ว… คุณจะยังอยากอยู่กับผมต่อไปมั้ย?”
เฉินตูเทียนหยินจ้องมองเขากลับ “คุณห้ามพูดอะไรแบบนี้อีกนะ คุณเป็นคู่หมั้นของฉันแล้ว คุณคือคนที่โชคชะตากำหนดมาให้อยู่กับฉันไปตลอดช่วงชีวิตที่เหลือของเรา การตกลงคำขอหมั้นของคุณคือการที่ฉันตกลงยอมรับทั้งหมดที่เป็นคุณ และฉันก็ไม่สนอันตรายอะไรทั้งนั้นด้วย มันพรากเราจากกันไปไม่ได้หรอก”
เซี่ยเหล่ยรู้สึกซาบซึ้งใจมากกับสิ่งที่ได้ฟัง “ผม…” ไอรีนโนเวล
จู่ๆเฉินตูเทียนหยินก็จูบลงบนริมฝีปากเขา ไม่ยอมให้เขาพูดอะไรอีกแล้ว
จูบนี้ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด คำพูดใดๆก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
มีคนจำนวนหนึ่งหยุดยืนอยู่ที่ทางเข้าโรงพยาบาลเพื่อมองและเป็นพยานเหตุการณ์ของเซี่ยเหล่ยกับเฉินตูเทียนหยินเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วตั้งแต่ที่ทั้งสองคนได้พบกันจนตกลงหมั้นหมายกันและกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ผ่านจุดพลิกผันมามากมายโดยที่ทั้งสองคนต้องคอยเก็บความรู้สึกไว้ในใจมาตลอด แล้วทำไมพวกเขาจะต้องสนด้วยล่ะว่าคนอื่นจะมองยังไง? เมื่อในที่สุดทั้งสองคนก็มีโอกาสได้แสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทั้งเฉินตูเทียนหยินและเซี่ยเหล่ยก็ยังอยู่ในที่สาธารณะ หลังจากคุยกันจบ ทั้งสองคนก็ตรงออกจากโรงพยาบาลทันทีที่อารมณ์เย็นลงแล้ว
เมื่อกลับมาถึงบ้านของเฉินตูเทียนหยินในชิงตู่ พ่อของเธอเฉินตูเหยินก็เข้านอนเรียบร้อยแล้วแต่ยังไงเธอก็ไม่ได้วางแผนจะบอกเขาเรื่องการถูกลักพาตัวไปอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไร ดีเสียด้วยซ้ำเพราะถ้าต้องอธิบายจริงๆก็คงมีปัญหาตามมาแน่ๆ
ทั้งสองขึ้นเดินขึ้นชั้นบน เฉินตูเทียนหยินคว้ามือเซี่ยเหล่ยไปกุมไว้ “มาที่ห้องฉันสิ เดี๋ยวฉันจะทำแผลให้”
เซี่ยเหล่ยรู้สึกเขินและกังวลนิดหน่อยแต่ไม่นานความรู้สึกนั้นก็หายไป ยังไงทั้งสองคนก็หมั้นกันแล้วซึ่งนั่นก็ก้าวหน้าไปมากกว่าเขากับหลางซือเหยาหนึ่งขั้นเต็มๆ แล้วแบบนี้จะยังต้องอายหรือกังวลอะไรกันอีกล่ะ?
”ฉันจะไปเอากล่องปฐมพยาบาลมา รอนี่นะ” เธอพูดหลังจากนำทางเขามาที่ห้องตัวเองแล้ว
”งั้นผมขออาบน้ำก่อนนะ ผมเริ่มคันนิดหน่อยแล้วเนี่ย” เซี่ยเหล่ยพูดต่อ
เฉินตูเทียนหยินหัวเราะออกมา “งั้นคุณก็ต้องใช้ผ้าขนหนูกับเสื้อคลุมของฉันแล้วล่ะ พ่อฉันหลับไปแล้วและฉันก็ไม่อยากเข้าไปเอาผ้าขนหนูกับเสื้อคลุมเขาในห้องเขาแล้วด้วย”
เซี่ยเหล่ยพยายามผลักความอายออกไปจากหัวตัวเองแต่เมื่อนึกถึงผ้าขนหนูและเสื้อคลุมอาบน้ำของผู้หญิงแล้ว ความอายนั่นก็กลับมาได้อยู่ดี
เซี่ยเหล่ยเดินเข้ามาในห้องน้ำหลังจากที่เฉินตูเทียนหยินออกจากห้องไปแล้ว เขาไม่ได้ใช้อ่างอาบน้ำของเธอเพียงแต่ใช้หัวฝักบัวมาล้างเลือดและเหงื่อบนร่างกาย รวมถึงเกสรดอกหน้าที่ติดมาตามตัวและสิ่งสกปรกต่างๆ ระหว่างที่อาบน้ำ เซี่ยเหล่ยก็พบว่าบนตัวเขามีแผลรอยบาดเล็กๆจากใบหญ้าพวกนั้นอยู่เต็มไปหมด
เขามองแผลบนหลังตัวเองผ่านกระจกแล้วขมวดคิ้ว พึมพำเบาๆ “นี่เทียนหยินก็จะทำแผลตรงนี้ให้เราด้วยใช่มั้ย? น่าอายไปหน่อยเนอะ?”
ยังไงๆมันก็น่าเขินอยู่ดี
เซี่ยเหล่ยหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำของเฉินตูเทียนหยินมาใส่แล้วออกมาจากห้องน้ำ เสื้อคลุมสีชมพูลายดอกไม้ดูเป็นของใช้สำหรับผู้หญิงมากๆ
เซี่ยเหล่ยนั่งลงบนที่นอนเพื่อรอเฉินตูเทียนหยินหลังจากที่เขายืดเส้นยืดสายเรียบร้อยแล้ว ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงก็ยังไร้วี่แววเจ้าของห้อง เซี่ยเหล่ยเริ่มงุนงง ‘นี่เธอหากล่องปฐมพยาบาลที่บ้านไม่เจอเลยออกไปซื้อรึเปล่านะ?’ เขายิ้มแห้งๆกับตัวเอง ‘ดีนะที่แผลเราแค่เล็กน้อย ถ้าแผลใหญ่แล้วต้องรอนานขนาดนี้ ป่านนี้เราคงตายไปแล้วแน่ๆ’
มันยากที่เซี่ยเหล่ยจะไม่ปล่อยความคิดให้ฟุ้งซ่านไปเรื่อยเมื่อเขาต้องอยู่ในห้องคนเดียว
เซี่ยเหล่ยรอต่อไปอีก 2-3 นาทีและในที่สุดเฉินตูเทียนหยินกกลับมา เธอหายไปอาบน้ำมาและตอนนี้เธอก็อยู่ในชุดคลุมสีขาวล้วน เรือนผมดำขลับของเธอเป็นประกายบนบ่าทั้งสอง ที่ปลายผมยังมีหยดน้ำแทรกตัวอยู่บ้าง กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเธอลอยมาแตะจมูกและดูเหมือนว่าเฉินตูเทียนหยินจะแต่งหน้ามานิดหน่อยด้วย เธอเป็นผู้หญิงที่สวยด้วยดวงตาทรงอัลมอนด์ รูปร่างมีน้ำมีนวล ริมฝีปากสีพีชนุ่มหยุ่น และใบหน้าที่งดงามราวกับหยกชั้นดี ความสวยทั้งหมดของเธอนั้นราวกับเป็นความงามของนางฟ้าเลยทีเดียว
เฉินตูเทียนหยินถือกล่องปฐมพยาบาลไว้ในมือพร้อมด้วยสายตาที่ดูแฝงความหมายอะไรไว้หลายอย่าง ถ้าเธอเอาชุดพยาบาลมาใส่ เธอก็คงเป็นคุณพยาบาลที่สวยที่สุดในโลกแล้ว
เซี่ยเหล่ยอดมองเธอไม่วางตาไม่ได้ ผู้หญิงของเขาสวยมากจริงๆ สวยจนแทบเกินจำเป็นและนั่นทำให้หัวใจเขามีความสุขจนล้นเอ่อ
ปฏิกิริยาของเซี่ยเหล่ยทำเอาเฉินตูเทียนหยินต้องยิ้มออกมา เธอเดินเข้าไปหาเขาแล้วตรงเข้าประเด็นทันที “ถอดเสื้อคลุมออกสิ ฉันจะทำแผลให้”
เซี่ยเหล่ยจึงได้สติกลับมา เขาค่อยๆถอดเข็มขัดเสื้อคลุมอาบน้ำออก
”ฮิฮิ…” จู่ๆเฉินตูเทียนหยินก็ยกมือขึ้นป้องปากเพื่อกลั้นหัวเราะ
เซี่ยเหล่ยเพิ่งรู้ตัวว่าเขากำลังเปิดให้เธอเห็นชั้นในลูกไม้สีแดงที่ใส่อยู่ เขาควรจะบอกเธอให้เตรียมใจก่อนมองแต่ก็ลืมไปเสียสนิท
”เอ่อ… ของผมมันขาดแล้วก็สกปรกด้วย” เซี่ยเหล่ยอธิบายอย่างอาย ๆ “ผมเลย… เลยใส่ของคุณก่อน คุณคงไม่รังเกียจอะไรใช่มั้ย?”
เฉินตูเทียนหยินหัวเราะออกมาทั้งที่ยังเอามือป้องปากอยู่ “เราเกือบจะเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ ยังจะต้องรังเกียจอะไรกันอีกล่ะ? ถ้าคุณอยากใส่ งั้นฉันก็มีแบบนี้ให้คุณเลือกอีกหลายสีหลายดีไซน์เลยล่ะ”
ตอนนี้สีหน้าเซี่ยเหล่ยก็คงเปรียบได้กับตัวอักษรจีน ‘冏’ แล้ว
”คุณใส่แล้วดูดีเลยนะ” เฉินตูเทียนหยินหัวเราะออกมาอีกรอบ
”คุณเลิกพูดเรื่องนั้นก่อนได้มั้ยเนี่ย?” เซี่ยเหล่ยยิ้มแห้ง “ผมอายพอแล้วนะ”
”โอเคๆ ฉันไม่ล้อคุณแล้วก็ได้ จะทำแผลให้จริงๆแล้ว” เธอพูดพร้อมกับเปิดกล่องปฐมพยาบาลออก แล้วหยิบไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มาฉีดใส่แผลให้เซี่ยเหล่ย
เขากัดฟันแน่นจนปวดกรามทันทีที่ตัวยาสัมผัสกับแผลสดของเขา
เมื่อฉีดสเปรย์ด้านหน้าเสร็จแล้ว เฉินตูเทียนหยินก็พูดขึ้น “นอนลงสิ ฉันจะฉีดแผลที่หลังให้”
เซี่ยเหล่ยนอนราบลงกับเตียง ความคิดในหัวเขากำลังตีกันจนโกลาหลไปหมด
เฉินตูเทียนหยินฉีดยาลงบนแผลที่หลังและขาให้เขาอย่างรวดเร็ว
เซี่ยเหล่ยเริ่มกังวล “เทียนหยิน…”
ละอองไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ตกลงมาบนแผลเขาตามแรงฉีด
เซี่ยเหล่ยหลุดเสียงคร่ำครวญเบาๆออกมาเมื่อยาทำความสะอาดแผลกำลังทำให้ผิวเขารู้สึกเหมือนกำลังมอดไหม้ ความรู้สึกนั้นทำเอาเซี่ยเหล่ยต้องกลืนคำที่จะพูดเมื่อครู่ลงคอไปจนหมด…
ติดตามตอนต่อไป………