Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 430 วีรบุรุษ ?
TXV– 430 วีรบุรุษ ?
แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ส่องเข้ามาภายในห้องผ่านทางหน้าต่าง เซี่ยเหล่ยค่อยๆรู้สึกตัวและตื่นขึ้นอย่างช้าๆแม้ว่าในเช้านี้เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเฉินตูเทียนหยินจะไม่ได้นอนอยู่ข้างๆเขาแต่กลิ่นกายของเธอก็ยังคงติดอยู่บนเตียงไม่หายไปไหน กลิ่นมันหอมหวนชวนให้นึกถึงช่วงเวลาที่พวกเขามีความสุขด้วยกันเมื่อคืน เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยก็หยุดฝันหวานพร้อมกับความรู้สึกเมื่อยเนื้อตัว เขาบิดคอไปทางซ้ายและขวาจากนั้นก็พบว่าโต๊ะข้างเตียงมีสูทใหม่เอี่ยมวางเอาไว้อยู่ นอกจากนั้นยังมีเสื้อเชิ้ต กางเกง และรองเท้าหนังคู่ใหม่วางไว้ใกล้กัน แน่นอนว่าเธอเตรียมไว้ให้ทุกอย่างแล้ว แม้แต่ถุงเท้าเธอก็เตรียมไว้แล้วเช่นกัน
เฉินตูเทียนหยินเป็นผู้หญิงที่ละเอียดอ่อนมาก มากจนทำให้เซี่ยเหล่ยอดที่จะอมยิ้มไม่ได้กับสิ่งที่เธอเตรียมไว้ให้ เขารู้สึกมีความสุขอย่างมาก เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตคู่จะดีอย่างนี้ เขามีพร้อมทุกอย่างแล้ว มีบ้านที่อบอุ่นและมีผู้หญิงที่เขารัก และรักเขา
เซี่ยเหล่ยลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปอาบน้ำ หลังจากนั้นก็กลับมาแต่งตัวก่อนจะเดินออกจากห้อง จังหวะเดียวกันนี้เขาก็พบว่าเฉินตูเหยิยนก็กำลังเดินออกมาจากห้องของตัวเองเช่นกัน
เฉินตูเหยิยนหยุดชะงักอยู่ครู่หนึ่งด้วยความตกใจ เนื่องจากเขาไม่ชินที่เห็นผู้ชายเดินออกมาจากห้องของลูกสาวตัวเอง อย่างไรก็ตามเขากลับสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดทักทายว่า “อะแฮ่ม! คุณตื่นเช้านะ”
“โอ้…พ่อก็ตื่นเช้าเหมือนกันนะ” เซี่ยเหล่ยพูดด้วยท่าทางเขินอาย
คำพูดทักทายของพวกเขาในเช้านี้แม้ว่าในบางสถานการณ์จะดูเป็นคำพูดทักทายที่ดูปกติ แต่ดูเหมือนในสถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างที่จะอึดอัดเล็กน้อย
จังหวะนี้เฉินตูเทียนหยินก็เดินขิ้นบันไดมาและพบกับพวกเขาทั้งสองพอดี เธอต้องการมาบอกทุกคนว่าอาหารพร้อมแล้ว เธอจึงพูดว่า “พ่อ เซี่ยเหล่ย มาทานข้าวเช้ากัน ฉันทำโจ๊กและกับข้าวเป็นพิเศษไว้แล้ว เราไปกินกันเถอะ”
”โอเค เราไปกินกันเถอะ” เฉินตูเหยิยนพูดอย่างโล่งใจเพราะเขาต้องการหนีออกจากความอึดอัดก่อนหน้านี้
ในฐานะของคนเป็นพ่อ เขารู้สึกใจหายไม่น้อยที่ลูกสาวของตัวเองซึ่งเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเด็กในตอนนี้กลับต้องไปอยู่และเป็นของชายคนอื่น
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเรื่องธรรมชาติที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะต้องรู้สึกเมื่อพวกเขามีลูกสาว แม้ว่าเฉินตูเหยิยนเต็มใจที่จะยกลูกสาวของเขาให้กับเซี่ยเหล่ย แต่เขาก็ยังคงรู้สึกใจหายอยู่บ้าง
แต่ยังไงซะความรู้สึกของเขาเป็นไงไม่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่ลูกสาวของเขาจะได้คู่ครองที่ดีและมีความสามารถรวมไปถึงสามารถดูแลและปกป้องเธอได้ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งเซี่ยเหล่ยมีครบทุกอย่าง
ที่ห้องอาหาร มีชายสูงอายุหนึ่งคนและหญิงชายอีกคู่หนึ่งนั่งอยู่ บนโต๊ะมีโจ๊กสามถ้วยและมีเครื่องเคียงอีกสองจาน ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบง่ายนี่เป็นภาพที่ดูปกติทั่วไปแต่สามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของคนในครอบครัว
“พ่อว่าจะให้ฟู่หมิงเหม่ยพาพ่อไปวัดเส้าหลินเพื่อให้ท่านเจ้าอาวาสดูวันมงคลสมรสให้กับลูก” เฉินตูเหยิยนพูดอย่างมีความสุข
“พ่อ…” เฉินตูเทียนหยินพูดเสียงดังด้วยความเขินอายพร้อมจ้องไปที่ใบหน้าของผู้เป็นพ่อทันที อย่างไรก็ตามเธอแอบยิ้มเล็กน้อย
เฉินตูเหยิยนไม่สนใจ เขามองไปที่เซี่ยเหล่ยและถามออกไปว่า “เซี่ยเหล่ย คุณคิดว่าดีไหม?”
เซี่ยเหล่ยรีบตอบว่า “ผมไม่ขัดข้อง แล้วแต่พ่อจะจัดการตามสมควรเลย”
“อืม อืมม… ดีมาก” เฉินตูเหยิยนพูดและยิ้มอย่างดีใจและมีความสุข
ผิดกลับเฉินตูเทียนหยิน เธอศอกไปที่เซี่ยเหล่ยและหันไปมองหน้าเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจก่อนจะพูดประชดประชันว่า “คุณและพ่อเข้าขากันดีจริงๆนะ นี่จะแกล้งฉันใช่มั้ย?”
“ดูจากสีหน้าของลูกที่แอบอมยิ้มก่อนหน้านี้ก็รู้ว่าลูกพอใจกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกันนะ อย่างนี้แล้วจะมาบอกว่าพวกเราแกล้งลูกได้ยังไงกันหล่ะ? จะว่าไปจากสีหน้าของลูก มันบ่งบอกชัดเจนเลยนะว่าอดใจรอที่จะแต่งงานไม่ไหวแล้วหน่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า…” เฉินตูเหยิยนพูดแทนเซี่ยเหล่ย เขาพูดหยอกล้อลูกสาวตัวเอง
“พ่อ!” เฉินตูเทียนหยินพูดเสียงดังอย่างเขินอายพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดง
ในความเป็นจริงหากเธออยู่ในสภาวะการทำงาน ท่าทีและวาจาของเธอจะดูเย็นชาและสง่างามราวกับราชินี แต่เมื่อเธออยู่ที่บ้าน เธอจะเป็นผู้หญิงที่อบอุ่น ใจดีและมีน้ำใจ เธอเป็นผู้หญิงที่มีหลายๆด้านภายในคนๆเดียวแน่นอนว่าคนที่จะได้เห็นทุกๆด้านของเธอจะต้องเป็นคนสำคัญเท่านั้น นอกจากพ่อและคนสนิทของเธอแล้ว เซี่ยเหล่ยเองก็มีโอกาสได้เห็มันเช่นกัน
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ไปส่งเฉินตูเทียนหยินที่ทำงานของเธอซึ่งก็คือตึก Angel Wings เมื่อไปถึงแล้วเขาก็สังเกตเห็นรถออฟโรดคันหนึ่งจอดอยู่และมีหลงบิงนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ
เฉินตูเทียนหยินเองก็เห็นรถออฟโรดและหลงบิงเช่นกัน เธอขมวดคิ้วทันทีที่เห็น
“ที่จริงผมจะต้องไปช่วยเลือกบอดี้การ์ดแต่การที่หลงบิงมาดักรอแบบนี้ ผมว่าอาจจะต้องเลื่อนการเลือกออกไปก่อน” เซี่ยเหล่ยหันไปกระซิบกับเฉินตูเทียนหยินเบาๆ
“ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องเลือกแล้ว คุณยังจำชายสี่คนที่ลุงฟู่จ้างก่อนหน้านี้ได้มั้ย? ฉันคิดว่าจะขอให้ลุงฟู่จ้างพวกเขาอีกครั้ง” เฉินตูเทียนหยินพูด
เซี่ยเหล่ยจำทั้งสี่คนได้แน่นอน พวกเขาเป็นทหารรับจ้างที่มีประสบการณ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขามีความภักดีและไม่กลัวตาย เซี่ยเหล่ยรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อยเมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ เขาจึงพูดออกไปว่า “ใช่ ผมจำพวกเขาทั้ง 4 คนได้ พวกเขาเป็นคนเก่งและปฏิบัติหน้าที่ได้ดี ผมจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นหากได้พวกเขาคุ้มกันคุณแต่อย่างไรก็ตามคุณเองก็ยังต้องระมัดระวังตัวเองให้มากอยู่ดีหากเกิดอะไรขึ้นจำไว้ว่ารีบติดต่อผมทันที ผมก็จะรีบส่งคนที่ไว้ใจได้มาช่วยคุณให้เร็วที่สุด”
“เข้าใจแล้ว ฉันจะระมัดระวัง” เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมเดินลงจากรถ
เซี่ยเหล่ยเองก็ลงจากรถพร้อมกับเดินไปส่งเธอถึงหน้าล็อบบี้
ด้านหลงบิง เธอไม่ได้ลงจากรถและตามพวกเขาไป เธอยังคงนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับและมองดูทั้งเซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินจากทางหน้าต่างรถ
ตรงทางเดินของห้องโถงหน้าล็อบบี้จู่ๆเฉินตูเทียนหยินก็หยุดเดินพร้อมกับยื่นแขนออกไปและโอบเอวของเซี่ยเหล่ยก่อนจะเข้าไปจูบเขาที่ริมฝีปาก การเคลื่อนไหวของเธอในตอนนี้เป็นธรรมชาติอย่างมาก
การจูบนี้มีพนักงานของบริษัทเหวี้ยนเทียนเห็นกันหลายคน พวกเขาต่างชะงักไปครู่หนึ่งด้วยความตกใจ เนื่องจากเฉินตูเทียนหยินเองมีภาพลักษณ์ที่เยือกเย็นและดูสง่าเวลาทำงานแต่ตอนนี้เธอกลับมายืนจูบกับผู้ชายอย่างดูดดื่มแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นคู่หมั้นของเธอก็ตาม แต่พวกเขาก็คิดว่าภาพนี้ไม่เหมาะกับราชินีอย่างเธอเลย! ไอลีนโนเวล
อีกหนึ่งนาทีต่อมาเฉินตูเทียนหยินก็ปล่อยเซี่ยเหล่ยและกระซิบเบาๆว่า “คุณเองก็ต้องระวังตัวให้ดีเหมือนกันด้วยนะ”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าพร้อมตอบว่า “อืม”
จากนั้นเฉินตูเทียนหยินก็หันไปที่รถออฟโรดและมองไปที่หลงบิงที่นั่งอยู่ภายใน ภาพที่เธอจูบกับเซี่ยเหล่ยเมื่อครู่นี้ เธอต้องการให้หลงบิงเห็นเพื่อบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ!
อย่างไรก็ตามหลงบิงเองก็ยิ้มตอบเธออย่างไม่เต็มใจในขณะเดียวกันเธอก็ยังคงมองไปที่เฉินตูเทียนหยินและเซี่ยเหล่ยอยู่ตลอดเวลา
หลังจากส่งเฉินตูเทียนหยินเรียบร้อยแล้วเซี่ยเหล่ยก็เดินไปยังรถออฟโรดก่อนจะเคาะกระจกเพื่อให้เธอลดกระจกหน้าต่างลงก่อนจะพูดว่า “คุณสามารถโทรหาผมก็ได้นี่ ไม่เห็นจะต้องมาดักรอด้วยตัวเองเลย”
“ผู้บริหารฉือต้องการให้คุณไปยังสำนักงานลับ101 ฉันเองก็ต้องไปอยู่แล้วจึงมาดักรอคุณที่นี่” หลงบิงพูด
“ผู้บริหารฉือมีอะไรกับผมงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถามด้วยความสงสัย
”ไม่รู้สิ เราไปกันเถอะ ถึงแล้วเดี๋ยวคุณก็รู้เองแหละ” หลงบิงพูดและยังพูดแซวอีกว่า “ว่าแต่ดูพวกคุณตอนนี้ดูเหมือนเป็นคู่ข้าวใหม่ปลามันกันจริงๆเลยนะ ตัวติดกันตลอดแถมยังแสดงความหวานทุกที่เลยจริงๆ”
“อะแฮ่ม เอาหล่ะ ผมจะไปด้วยรถของผมเอง” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมเดินไปที่รถของตัวเองทันที เขาพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องส่วนตัว
หลงบิงเองถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะสตาร์ทรถของตัวเอง
ทั้งคู่ใช้เวลาเดินทางอยู่พักหนึ่งก็มาถึงสำนักงานลับ101
ณ สำนักงานลับ101 ที่ชั้นใต้ดิน
ฉือโบเหยิยนส่งชาให้กับหลิงฮั่นก่อนจะพูดอย่างสุภาพว่า “คุณหลิง คุณสามารถโทรหาผมก็ได้นี่ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาด้วยตัวเองเลย หรือว่าเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?”
หลิงฮั่นจิบชาก่อนจะตอบว่า “ผู้บริหารฉือ ที่ผมมาวันนี้ก็เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เซี่ยเหล่ยส่งรายงานให้คุณหรือยัง?”
ฉือโบเหยิยนขมวดคิ้วก่อนจะตอบว่า “เจ้านั่น.. ผมสั่งให้เขาเขียนรายงานไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่เขาดันไปค้างที่บ้านของเฉินตูเทียนหยิน ผมเดาว่าเขายังไม่ได้เริ่มเลยด้วยซ้ำ”
“ผู้บริหารฉือ เรื่องนี้ค่อนข้างจะเป็นเรื่องใหญ่ เบื้องบนสั่งผมมาโดยตรงเป็นการส่วนตัว ดังนั้นเราต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะถ้าจัดการไม่ดีเรื่องราวมันจะต้องเลยเถิดแน่นอน ว่าแต่…นี่เซี่ยเหล่ยจะมาถึงตอนไหนหล่ะ?”
“ผมคิดว่าคงอีกไม่นาน” ฉือโบเหยิยนพูดและยังพูดต่ออีกว่า “ผมได้มอบหมายให้หลงบิงไปพาเขามาแล้ว”
หลิงฮั่นยิ้มกว้างก่อนจะพูดว่า “สำหรับเขา ผมยอมรับทั้งความสามารถและชื่นชมที่เขายอมเสียสละทำเพื่อประเทศชาติแต่อีกด้านหนึ่งเขาก็เป็นเหมือนแม่เหล็กคอยดึงดูดปัญหาตลอดเวลาเช่นกัน อย่างเช่นตอนไปรัสเซีย เขาก็โดนมือปืนลอบสังหาร มาตอนนี้เขากำลังหมั้นกับเฉินตูเทียนหยิน เธอก็ถูกลักพาตัวอีก” พูดจบก็ถอนหายใจก่อนจะถามว่า “แล้วคุณหล่ะ คิดว่าเขาเป็นยังไงผู้บริหารฉือ?”
“ความเห็นของผมงั้นเหรอ?” ฉือโบเหยิยนพูดและหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามอย่างไม่แน่ใจว่า “คุณต้องการให้ผมพูดอะไรงั้นเหรอ?”
“เอาล่ะ งั้นผมจะพูดตรงๆเลยและกัน ผมกำลังหมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน” หลิงฮั่นพูดอย่างจริงจัง
ฉือโบเหยิยนคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบไปว่า “ในความเห็นของผม ผมคิดว่าพวกอเมริกาคงรู้ว่าเรากำลังทำการค้นคว้าอยู่ พวกเขาจะต้องขัดขวางเราอย่างแน่นอน คิดง่ายๆเลย…ถ้าเราไขความลับของอัลลอยโบราณได้ เทคโนโลยีด้านวัสดุของเราจะกลายเป็นผู้นำของโลกทันที สิ่งที่จะตามมาคือนวัตกรรมด้านเครื่องยนต์ ด้านการบิน การต่อเรือหรือแม้แต่ด้านพานิชย์ของเราก็จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นพวกอเมริกาจะต้องหยุดและขัดขวางการค้นคว้าของเรา เพราถ้ามันสำเร็จจริง พวกเขาสูญเสียการเป็นผู้นำ นี่คือสิ่งที่ผมคิด”
เมื่อได้ฟังแล้วหยิงฮั่นก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ผมเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่…ผมยังคิดมันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ และอีกอย่างจะว่ายังไงดีหล่ะ เซี่ยเหล่ยคนนี้ ผมมองเขาไม่ออกจริงๆ”
“คุณมีอะไรกับเขาหรือเปล่าคุณหลิง?” ฉือโบเหยิยนถาม
“ไม่มีอะไร” หลิงฮั่นมีบางอย่างอยู่ในใจแต่เขาคิดว่าไม่ควรพูดออกไปจะดีกว่า
“คุณหลิง ผมรู้ว่าคุณกำลังจับตาดูเซี่ยเหล่ยอย่างลับๆ ผมไม่ว่าหรือคัดค้านอะไรเรื่องนี้หรอกนะเพราะมันเป็นสิทธิ์และอำนาจของคุณ แต่ในความเห็นของผม ผมคิดว่าคุณไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนี้หรอกนะ เซี่ยเหล่ยอาจจะมีความลับที่ปกปิดเราอยู่ก็จริง แต่คนเราไม่ว่าจะเป็นใครบนโลกนี้ก็มีความลับกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ? ในส่วนของผม ผมให้ความสำคัญกับผลงานที่เขาทำเพื่อประเทศมากกว่าและอีกอย่าง เราก็ไม่สามารถหาข้อกังขาจากตัวเขาได้เลยเพราะผลงานที่ผ่านมาของเขาเป็นตัวการันตีได้อย่างดี”
หลิงฮั่นหัวเราะก่อนจะพูดว่า “โอเค โอเคผู้บริหารฉือ เมื่อคุณพูดถึงเขา คุณก็เริ่มชมเขาอีกแล้วอันที่จริงผมไม่ได้จะคอยจับตาดูเขาหรอกนะ ทั้งหมดนี้มันคือธุรกิจดังนั้นอย่ากังวลไปเลย”
จู่ๆเสียงเคาะประตูสำนักงานก็ดังขึ้นในระหว่างที่พวกเขากำลังอยู่ในช่วงสนทนากัน
“เอาหล่ะ จบเรื่องทุกอย่างที่พูดเมื่อกี้ไว้ตรงนี้ดีกว่า ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมากันแล้ว” หลิงฮั่นพูด
ฉือโบเหยิยนพยักหน้าก่อนจะพูดสั้นๆว่า “อืม”
ตรงประตูสำนักงาน หลงบิงเปิดประตูพร้อมกับเดินเข้ามา เซี่ยเหล่ยเองก็เช่นกัน
“สวัสดีผู้บริหารฉือ คุณหลิง” เซี่ยเหล่ยกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้ม
ด้านฉือโบเหยิยนเขาทำหน้าไม่พอใจก่อนจะพูดว่า “ก่อนหน้านี้ผมบอกให้คุณเขียนรายงาน คุณได้เขียนมันหรือยัง?”
“อ้า…ผมลืมไปเลย ผมจะรีบเขียนมันเดี๋ยวนี้แหละ” เซี่ยเหล่ยพูดอันที่จริงเขาไม่ได้ลืมมันเพียงแต่ช่วงเวลาเมื่อคืนของเขาเป็นค่ำคืนที่มีความสุข เขาจะเอาเวลาไหนไปเขียนรายงานกัน?
ฉือโบเหยิยนจ้องไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดว่า “นี่ วีรบุรุษและผู้คนมากมายในอดีตส่วนใหญ่มักจะตายก็เพราะเรื่องของผู้หญิง คุณต้องการจะเป็นแบบพวกเขาด้วยงั้นเหรอ?”
การเปรียบเทียบแบบนี้มันคืออะไร? เขาต้องการจะสื่ออะไร?
อย่างไรก็ตามด้วยคำพูดของฉือโบเหยิยนก็ทำให้เซี่ยเหล่ยจุกอกถึงกับพูดไม่ออก
“อะแฮ่ม” หลงบิงกระแอมเพื่อขัดจังหวะพวกเขา
ฉือโบเหยิยนจ้องไปที่เธอทันทีก่อนจะพูดว่า “คุณมัวทำอะไรอยู่ รีบพาเขาไปเขียนรายงานเดี๋ยวนี้”
“เข้าใจแล้ว” หลงบิงพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดต่อว่า “คุณไปเขียนรายงานที่ออฟฟิศของฉันเดี๋ยวนี้”
“โอเค” เซี่ยเหล่ยตอบ
“ผมจะให้คนจัดเตรียมพื้นที่สำนักงานให้คุณภายหลังก็แล้วกัน คุณเป็นที่ปรึกษาของเรานี่ คุณจะไม่มีออฟฟิศเป็นของตัวเองได้อย่างไรกันหล่ะ ว่าแต่คุณต้องการเลขาไหม? ผมจะได้หาเลขาเด็กๆน่ารักๆให้คุณซักสองคน โอเคหรึอเปล่า?”
“….” เซี่ยเหล่ยไม่ได้ตอบ เขากัดริมฝีปากล่างของตัวเองไว้เพื่อกันไม่ให้หัวเราะออกไป
ติดตามตอนต่อไป……….