Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 432 ภายใต้หน้ากาก
TXV– 432 ภายใต้หน้ากาก
วันรุ่งขึ้น ในช่วงบ่าย
หลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันทั้งคู่เป็นผู้หญิงที่สูงและโดดเด่นและพวกเธอกำลังเดินอยู่ในโรงงานผลิตอาวุธ
“สาวสวยสองคนนี้มาหาผู้อำนวยการเซี่ยอย่างนั้นเหรอ?” พนักงานหนุ่มคนหนึ่งพูดด้วยความอิจฉาและยังพูดต่อว่า “จะดีมากเลยถ้าเราได้ทำความรู้จักกับสาวสวยแบบพวกเธอ แค่ซักคนก็ยังดี ”
“หึ ฝันต่อไปเถอะ” พนักงานหนุ่มอีกคนพูดและยังพูดต่ออีกว่า “คุณกล้าทำแบบนั้นกับผู้หญิงของผู้อำนวยการเซี่ยเลยอย่างนั้นเหรอ? เดี๋ยวก็โดนไล่ออกหรอก”
“ผู้อำนวยการเซี่ยของเราได้ก็หมั้นกับเฉินตูเทียนหยิน ประธานของบริษัทเหวี้ยนเทียนแล้วนี่ แสดงว่าสองคนนี้ไม่ใช่แฟนของเขาใช่ไหม?”
”ผู้อำนวยการเซี่ยของเรามีร่างกายกำยำและมีความสามารถมากมายแถมเขายังร่ำรวยและอัธยาศัยดีด้วย ก็ไม่เห็นจะแปลกนี่ถ้าเขาจะมีแฟนหลายคน พวกเธออาจจะเป็นตัวสำรองสำหรับเขาก็ได้นี่”
บทสนทนาของพนักงานหนุ่มสองคนนี้ทั้งถ่างหยู่เหยี่ยและหลงบิงได้ยินอย่างชัดเจน พวกเธอมองตาโตไปที่พวกเขาทำเขาพวกเขารีบวิ่งหนีไปทันที
“ทำไมพวกเขาถึงพูดกับเราแบบนั้นหล่ะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดด้วยความรำคาญก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ใครเป็นตัวสำรองของเฉินตูเทียนหยินกัน”
หลงบิงพูดอย่างไม่แยแสว่า “มันก็แค่คำพูดของใครก็ไม่รู้ เธอจะสนใจไปทำไม?”
ถ่างหยู่เหยี่ยเหลือบไปมองหลงบิงก่อนจะพูดว่า “วันนี้ฉันไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนก่อนหน้านี้หรอกนะ อย่ามายั่วประสาทฉัน”
“เฮ้ เฮ้ ไม่เอาหน่า ไปหาเซี่ยเหล่ยกันดีกว่า” หลงบิงพูดพร้อมเดินไปที่เวิร์คช็อปของเซี่ยเหล่ย ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็ตามไปด้วย
ประตูและหน้าต่างเวิร์คช้อปของเซี่ยเหล่ยถูกปิดอย่างแน่นหนาจนไม่สามารถมองเห็นภายในได้
หลงบิงเคาะประตูทันทีพร้อมกับพูดว่า “เซี่ยเหล่ย นี่ฉันเอง เปิดประตูหน่อย ”
ประตูเวิร์คช้อปถูกเปิดออกภายในมีผู้ชาวผิวคล้ำวัยกลางคนคนเดียวเท่านั้นที่ปรากฏตัวต่อหน้าถ่างหยู่เหยี่ยและหลงบิง
หลงบิงคิดว่าเซี่ยเหล่ยอาจจะอยู่ข้างในจึงเดินเข้าไปแต่สุดท้ายก็ไม่พบจึงถามชายคนนั้นด้วยความสงสัยทันทีว่า “คุณเป็นใคร?”
“ผม…” ชายคนนั้นพูดด้วยความกังวลและจู่ๆเขาก็เริ่มออกตัววิ่ง
ถ่างหยู่เหยี่ยเห็นท่าไม่ดีจึงกระโดดเตะไปยังชายคนนั้นทันที เธอเองก็คิดว่าชายคนนี้น่าสงสัยจึงต้องการจับตัวเขาไว้!
ถ่างหยู่เหยี่ยใช้ความสามารถที่เธอฝึกมาอย่างเต็มที่ ลูกเตะของเธอนั้นรุนแรงและทรงพลังอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่างไรก็ตามชายคนนั้นหลบลูกเตะของเธอได้อย่างง่ายดาย
“หึ จะหนีไปไหน!” ถ่างหยู่เหยี่ยกลับตัวและพยายามจะล็อคคอเขาให้ได้
แต่ชายวัยกลางคนก็เอี้ยวตัวและสามารถหลบได้อีกครั้ง
หลงบิงมองการพวกเขาทั้งคู่ตลอดเวลา เธอคอยหาโอกาสเหมาะในการเข้าไปจับตัวผู้ชายคนนั้น ทันใดนั้นเธอก็เห็นจังหวะเหมาะและวิ่งตรงเข้าไปเพื่อจะเตะเขา
อย่างไรก็ตามชายคนนั้นได้ยื่นมือออกมาและจับขาของเธอและยกขึ้นจนสูงเหนือหัวโชคดีที่หลงบิงสวมกางเกงยีนมาในวันนี้จึงไม่ต้องระวังอะไรแต่เนื่องจากกางเกงยีนส์ของเธอเป็นแบบรัดรูปทำให้กางเกงของเธอปริเล็กน้อย เธอจึงโกรธอย่างมาก
“ลงไปกองกับพื้นซะ!” หลงบิงตะโกนออกมาพร้อมกับกระโดดขึ้นไปบนอากาศพร้อมกับยกเท้าขึ้นสูงเหนือหัว เธอคิดจะใช้ส้นเท้าเป็นอาวุธในการโจมตี การที่เธอกระโดดขึ้นไปก็เพื่อเพิ่มความรุนแรงให้กับมันนั่นเอง
ชายคนนั้นบิดตัวเล็กน้อยพร้อมกับถอยเท้าซ้ายไปด้านหลังหนึ่งก้าวเพื่อหลบส้นเท้าของเธอ มันสามารถหลบการโจมตีของเธอได้อย่างฉิวเฉียด อย่างไรก็ตามจังหวะเดียวกันนี้ชายคนนั้นก็ได้เอื้อมมือไปที่เอวของเธอพร้อมกับหมุนตัวเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนของเขา!
หลงบิงเป็นนักสู้แข็งแกร่งและดุเดือดแต่อย่างไรก็ตามสภาพของเธอตอนนี้ที่อยู่ในอ้อมแขนของเซี่ยเหล่ย คราบนักสู้ของเธอก็หายไปทันทีเหลือไว้เพียงสภาพของนกในกรงเท่านั้น!
จังหวะเดียวกันนี้ถ่างหยู่เหยี่ยคว้าปืนพกขึ้นมาและเล็งไปที่ชายคนนั้นพร้อมกับพูดว่า “อย่าขยับ! ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!”
ชายคนนั้นปล่อยหลงบิงทันที
หลงบิงเตะไปที่หว่างขาของชายคนนั้นทันทีที่เธอถูกปล่อยตัว
“โอ๊ะ…” ชายคนนั้นอ้าปากกว้างด้วยความเจ็บปวด
หลงบิงยังไม่หยุดแค่นั้น เธอเตรียมที่จะปล่อยหมัดไปอีกหนึ่งหมัด
“นี่ผมเอง!” ชายคนนั้นรีบตะโกนขึ้นมาทันทีและยังพูดต่ออีกว่า “ผมเซี่ยเหล่ยเอง!”
กำปั้นหยุดอยู่ใกล้กับแก้มของเขามาก โชคดีที่เธอจำเสียงของเขาได้จึงหยุดมือเอาไว้ได้ทัน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” ถ่างหยู่เหยี่ยถามด้วยความสงสัยพร้อมกับเก็บปืนลง
เซี่ยเหล่ยยกมือขึ้นมาจากนั้นก็คลำไปที่คอของเขาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถอดหน้ากากออก
“นี่มัน…” หลงบิงพูดอย่างประหลาดใจพร้อมกับหยิบหน้ากากของเซี่ยเหล่ยมาจากมือและถามทันทีว่า “คุณได้มันมาจากไหน?”
“ผมทำมันขึ้นมาเอง” เซี่ยเหล่ยตอบ
ถ่างหยู่เหยี่ยเองก็เดินเข้าไปหาพวกเขา เธอแตะหน้ากากอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับส่ายหัวและพูดว่า “ฉันไม่เชื่อว่าคุณทำเองหรอกนะ”
เซี่ยเหล่ยยักไหล่หนึ่งครั้งก่อนจะพูดว่า “เดี๋ยวผมทำให้ดู แต่ก่อนอื่นผมโทรหาคุณสองคนเพื่อให้มาดูหน้ากากที่ผมทำ ผมคิดว่ามันค่อนข้างจะวุ่นวายและอันตรายในขณะที่พวกเราอยู่ที่เมืองเยรูซาเล็ม เพราะนอกจากจะต้องหลบหลีกพวกซีไอเอก็ยังต้องระวังหน่วยข่าวกรองมอสสาดของอิสราเอลอีกด้วย ดังนั้นผมคิดว่าในขณะที่อยู่ที่นั่นเราไม่ควรจะใช้ใบหน้าจริงของตัวเองแต่ใช้ใบหน้าสมมติเหล่านี้แทน นอกจากมันจะช่วยให้เราปลอดภัยมากขึ้นและมันจะช่วยให้เราทำอะไรได้ง่ายมากขึ้นเช่นกัน”
“แล้วคุณจะสร้างหน้ากากแบบนี้ให้พวกเราด้วยงั้นเหรอ?” หลงบิงถาม
“ใช่ นั่นแหละ…ผมถึงเรียกพวกคุณมา” เซี่ยเหล่ยตอบ Aileen-novel
“แต่นี่มันน่าเกลียดเหลือเกินแถมยังเป็นผู้ชายด้วย ฉันจะใส่ของแบบนี้ไปได้ยังไงหล่ะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมขมวดคิ้วก่อนจะพูดต่อว่า “นี่ ที่จริงหลงบิงกับฉันเป็นผู้หญิง เราจะปลอมตัวเป็นผู้ชายได้อย่างไรหล่ะ?”
ทันทีที่เธอพูดจบ เซี่ยเหล่ยไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้มองไปที่หน้าอกของถ่างหยู่เหยี่ยและหลงบิงได้เลย มันเป็นไปโดยสัญชาตญาณ
“นั่นคุณมองอะไรของคุณหน่ะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดเสียงดังอย่างเขินอายและไม่พอใจเนื่องจากเธอเห็นว่าเซี่ยเหล่ยกำลังมองหน้าอกของเธออยู่ จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า “อยากให้ฉันเตะคุณอีกครั้งอย่างนั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะเจื่อนๆก่อนจะพูดว่า “พวกคุณก็ต้องใส่เหมือนกัน แต่ไม่ต้องปลอมเป็นผู้ชายหรอกนะ พวกคุณก็ปลอมเป็นผู้หญิงนี้แหละก่อนอื่นผมต้องวัดใบหน้าของพวกคุณก่อนเพราะต้องสร้างขึ้นจากโครงหน้าจริงของพวกคุณ จากนั้นผมจะค่อยดัดแปลงจนกลายเป็นใบหน้าของผู้หญิงคนอื่น ตามผมมาทางนี้”
ทั้งหลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยตามเซี่ยเหล่ยไปแต่โดยดี เมื่อไปถึงพวกเธอก็พบว่าบนโต๊ะทำงานมีแม่พิมพ์โลหะ ปูนปลาสเตอร์และวัสดุบางอย่างที่พวกเธอไม่รู้จัก
เซี่ยเหล่ยปล่อยให้หลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยสำรวจเครื่องมือและอุปกรณ์ไปพลาง โดยที่เขาดึงเทปออกมาเพื่อเตรียมวัดขนาดใบหน้าของพวกเธออย่างละเอียด
“อยู่นิ่งๆ อย่าหันไปหันมาสิมองหน้าตรงเข้าไว้” เซี่ยเหล่ยพูดเพื่อให้หลงบิงไม่หันหน้าไปทางอื่นก่อนจะเริ่มวัดใบหน้าของเธอ
เมื่อวัดขนาดใบหน้าของหลงบิงเสร็จ เขาก็หันไปวัดขนาดใบหน้าของถ่างหยู่เหยี่ย เขาทำทุกวิธีเหมือนกับที่ทำกับหลงบิงทุกขั้นตอนเพียงแต่ใช้เทปวัดน้อยกว่าก็เท่านั้น
ถ่างหยู่เหยี่ยรู้สึกอึดอัดใจและพูดด้วยความกังวลออกไปว่า “ฉันไม่ได้ทำร้ายคุณเลยนะ คุณเข้าใจใช่ไหมว่าฉันหมายความว่ายังไง?”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะก่อนจะพูดว่า “ผมเข้าใจ ผมจะทำให้คุณสวยๆเลยนะ”
หลงบิงพูดอย่างไม่พอใจทันทีว่า “นี่ แสดงว่าที่ฉันเตะคุณไป คุณตั้งใจจะทำหน้ากากให้ฉันน่าเกลียดกว่าของถ่างหยู่เหยี่ยงั้นเหรอ!”
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อยแต่เขาไม่ได้ตอบอะไรไป
เขาเริ่มปรับเปลี่ยนรูปร่างของแม่พิมพ์หลังจากทำการวัดใบหน้าของพวกเธอเสร็จแล้วเพื่อให้หน้ากากสองอันนี้เป็นไปตามแบบที่เขาวัด เขาใช้เวลาอยู่ครึ่งวันในการทำในที่สุดมันก็เสร็จสมบูรณ์ทั้งสองอัน
เมื่อเสร็จแล้วเซี่ยเหล่ยก็ส่งหน้ากากให้กับหลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยทันที พวกเธอรับหน้ากากมาพร้อมกับยืนใส่มันอยู่หน้ากระจก ระยะเวลาในการทำให้หน้ากากกระชับเข้ากับใบหน้าอยู่ที่สิบห้าวินาทีระหว่างนั้นพวกเธอคอยดูกระจกตลอดเวลา และไม่ขยับหน้าไปไหนแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามเมื่อถึงวินาทีสิบหกพวกเธอทั้งคู่ก็รีบวิ่งเข้าไปหาเซี่ยเหล่ยพร้อมกับต้องการจะเตะผ่าหมากเขาให้ได้
เซี่ยเหล่ยเห็นท่าทางของพวกเธอที่พุ่งเข้ามาพร้อมจะเตะเขาก็รีบหลบทันที!
เซี่ยเหล่ยหลบไปด้านข้างพร้อมกับรีบพูดขึ้นว่า “ที่ทำไปก็เพื่อภารกิจของเรานะ! ลองคิดดูสิ ถ้าพวกคุณมีใบหน้าที่สวยและงดงามมันจะต้องดึงความสนใจจากผู้คนแน่นอนซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นมันจะยิ่งเพิ่มความอันตรายและความยากให้กับภารกิจของเรา ดังนั้นผมจึงทำหน้ากากให้พวกคุณทั้งสองคนน่าเกลียด!”
พวกเธอยังไม่หยุด พวกเธอคว้าอะไรใกล้ตัวได้ก็ขว้างใส่เซี่ยเหล่ยตลอด
“เจอกันพรุ่งนี้นะ” เซี่ยเหล่ยพูดทิ้งท้ายและรีบวิ่งหนีทันที
หลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยมองหน้ากัน สีหน้าของพวกเธอแสดงออกว่ากำลังแค้นเซี่ยเหล่ยอย่างมากที่ทำหน้ากากของพวกเธอให้น่าเกลียด
“นี่ ถ้าเขาสร้างหน้ากากให้กับเฉินตูเทียนหยิน คุณคิดว่ามันจะออกมาเป็นยังไง?” จู่ๆถ่างหยู่เหยี่ยถามอย่างไม่พอใจเซี่ยเหล่ย
“ฉันคิดว่าเธอคงจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่เขาสามารถจะทำได้” หลงบิงพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเศร้า
“เขากับเฉินตูเทียนหยิน …จะแต่งงานกันจริงๆไหมนะ” ถ่างหยูเหยี่ยพูด
“ไปถามเขาสิ ฉันไม่รู้หรอก ฉันไม่ใช่แม่ของเขา” หลงบิงตอบด้วยความหงุดหงิด
ถ่างหยู่เหยี่ยเม้มริมฝีปากก่อนจะพูดว่า “ไม่น่าแปลกใจที่คุณไม่มีแฟนเพราะคุณมีทัศนะคติแบบนี้ยังไงหล่ะ”
หลงบิงตอกกลับไปว่า “คุณก็เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่แพ้ให้กับเฉินตูเทียนหยินหรอก”
ถ่างหยู่เหยี่ยถึงกับพูดไม่ออก
ค่ำคืนที่มืดมิด มีดวงดาวเต็มท้องฟ้า ช่างเป็นภาพที่สวยงามอย่างมาก
“เปิดปากของคุณสิ” เฉินตูเทียนหยินพูดพร้อมกับขยับไม้จิ้มฟันที่จิ้มองุ่นไปที่ปากของเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยอ้าปากทันทีแต่จังหวะที่กำลังจะเข้าปากนั้น จู่ๆเธอก็หดมือกลับและใส่องุ่นเข้าปากของตัวเองแทน เธอต้องการจะหยอกล้อเซี่ยเหล่ย!
”เปิดปากของคุณอีกสิ ครั้งนี้ฉันจะไม่แกล้งแล้ว” เฉินตูเทียนหยินพูดอย่างจริงใจ
เซี่ยเหล่ยอ้าปากอีกครั้งและเหมือนเดิมเฉินตูเทียนหยินจิ้มองุ่นและกำลังจะป้อนให้เขา แต่อย่างไรก็ตามครั้งนี้เธอก็หดมือกลับและตั้งใจจะกินเองอีกครั้ง แม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะจับทางเธอได้แล้ว แต่ก็ไม่ทันความไวของเธอ
เฉินตูเทียนหยินหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “พ่อโทรมาจากวัดเส้าหลิน เขาบอกว่าท่านเจ้าอาวาสดูดวงของพวกเราให้แล้ว พวกเราเป็นคู่สวรรค์สร้างเลยนะ นอกจากนื้ท่านเจ้าอาวาสยังคำนวนวันมงคลสมรสให้แล้วด้วย เป็นวันที่ 29 ของเดือนที่สิบสองตามปฏิทินคุณคิดดีไหม?”
“แน่นอนว่าวันที่ท่านเจ้าอาวาสเลือกจะต้องเป็นวันที่ดีแล้ว เราจะแต่งงานกันในวันนั้น” เซี่ยเหล่ยตอบ
ในขณะเดียวกันห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรในห้องห้องหนึ่งภายในวัดเส้าหลิน เฉินตูเหยินกำลังยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ท่านเจ้าอาวาสพอจะคำนวนวันที่หลานของผมจะมาเกิดได้หรือไม่?”
ท่านเจ้าอาวาสทำท่าทางคำนวนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “หลังจากนั้นอีกเก้าเดือน”
ติดตามตอนต่อไป…………