Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 436 รูปร่างที่คุ้นเคย
TXV– 436 รูปร่างที่คุ้นเคย
เมื่อพวกเขาเข้าไปใน The Church of the Holy Sepulchre จะเจอกับรูปปั้นของพระเยซู รอบด้านรายล้อมไปด้วยพื้นหินอ่อนสีแดงกล่าวกันว่าถ้าได้คุกเข่าลงบนแผ่นหินอ่อนสีแดงพร้อมกับสวดมนต์และเช็ดรูปปั้นด้วยเสื้อผ้าที่สวมใส่เท่ากับเป็นการปล่อยทุกข์ให้ออกไปและนำความโชคดีเข้ามา
โคมไฟวิหารสีขาวถูกติดตั้งไว้หลายแห่งภายในตัวโบสถ์ พวกมันถูกสร้างโดยคณะฟรานซิสกัน มันเป็นสถาปัตยกรรมแบบกรีกออร์ทอด็อกซ์ผสมกับอาเมเนียนเซคต์ ซึ่งโคมไฟเหล่านี้เป็นที่รู้จักในนาม ‘Light of Life’
เซี่ยเหลียเดินไปที่หินอ่อนสีแดงจากนั้นก็คุกเข่าต่อหน้ารูปปั้นพระเยซูก่อนจะสวดอ้อนวอน
ถ่างหยุ่เหยี่ยและหลงบิงเองก็คุกเข่าลง พวกเธอเองก็จะสวดอ้อนวอนเช่นกัน พวกเธอทำตามเซี่ยเหล่ยทุกอย่าง
‘ผมไม่ใช่คริสเตียน แต่ผมก็เชื่อในการมีอยู่ของคุณหากคุณได้ยินโปรดอวยพรให้ครอบครัวของผมอยู่อย่างสงบสุข ถ้าเป็นไปได้หากว่าพวกเขาทำบาปทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม โปรดถ่ายทอดบาปนั้นมาสู่ผม ผมจะรับมันไว้เองนอกจากนี้โปรดอวยพรให้กับคู่หมั้นของผมเฉินตูเทียนหยินมีความสุขตลอดไป’ นี่ไม่ใช่คำอธิษฐานสากลที่ใช้กันแต่มันเป็นคำพูดที่ออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจเซี่ยเหล่ย
เมื่อเขาสวดอ้อนวอนเสร็จ เขาก็ถอดแจ็คเก็ตของเขาออกพร้อมกับนำมันไปลูบเบาๆที่หินอ่อนสีแดง ในขณะเดียวกันนั้นเขาก็กระตุกตาซ้ายเล็กน้อยและมองทะลุลงไปใต้แผ่นหิน
ใต้แผ่นหินอ่อนสีแดงนั้นมีแผ่นหินแผ่นอื่นวางซ้อนอยู่ มันค่อนข้างจะสกปรก อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยมองไม่สามารถมองลึกลงไปมากได้เนื่องจากข้อจำกัดของความสามารถ ตอนแรกเขาคิดว่ามันอาจจะมีทางลับซ่อนอยู่แต่ความคิดนั้นก็ถูกทิ้งไปในที่สุด
สายตาของเซี่ยเหล่ยเปลี่ยนจากมองแผ่นหินไปมองที่กระเป๋าของหลงบิงแทน ภายในกระเป๋า เขาพบว่าเข็มของเข็มทิศกำลังสั่งอย่างรุนแรงและมันชี้ไปที่จุดๆเดียวเท่านั้น
‘ดูเหมือนว่าสมบัติชิ้นต่อไปจะถูกซ่อนอยู่ข้างใต้จริงๆ แต่เราจะขุดมันได้ยังไง?’ เซี่ยเหล่ยคิดพร้อมกับขมวดคิ้วก่อนจะคิดต่อว่า ‘ไม่มีใครสามารถขุดได้ที่นี่ได้แต่หากไม่ขุดหรือทำอะไรเลย ความลับของอัลลอยโบราณและหนังสือสำริดก็จะยังเป็นความลับอยู่ต่อไป การมีอยู่ของเจ้าหญิงหยงเหม่ยก็เช่นกัน เราจะทำอย่างไรดี?’
หลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยเมื่อสวดอ้อนวอนเสร็จ พวกเธอก็ถอดแจ็คเก็ตและนำมันมาถูแผ่นหินอ่อนสีแดงเช่นกัน
หลงบิงเหลือบไปมองในกระเป๋าของตัวเองแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ดูออกว่าเธอกำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก
ทั้งสามคนเดินออกจากแผ่นหินสีแดงพร้อมกับไปขึ้นบันไดเพื่อไปยังชั้นที่สอง ชั้นนี้มีไม้กางเขนอยู่ใจกลาง มันคือไม้กางเขนที่พระเยซูโดนตรึงไว้ ทั้งสามคนไม่ได้ขึ้นมาที่นี่เพื่อเที่ยวชมสถานที่แต่พวกเขาขึ้นมาเพื่อต้องการจะมองสภาพแวดล้อมโดบรอบจากมุมมองที่สูงขึ้น
หลงบิงเหลือบมองไปที่เข็มทิศซึ่งอยู่ในกระเป๋าอีกครั้ง เธอขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “เข็มทิศชี้ไปยังสถานที่ที่เราเพิ่งเดินมา มันคงอยู่ที่นั่นจริงๆ”
“เข็มยังสั่นอยู่หรือเปล่า?” ถ่างหยู่เหยี่ยถาม
หลงบิงส่ายหัวพร้อมกับตอบว่า “ ไม่มาก พอจะเห็นว่ายังสั่นอยู่”
“มันอยู่ที่นั่นจริงๆ ทีนี้เราจะทำยังไงกันดีหล่ะ? เราไม่สามารถขุดมันได้เลยนะ” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
หลงบิงศอกข้อศอกไปที่เอวของเซี่ยเหล่ยเบาๆก่อนจะพูดว่า “นี่ พูดอะไรซักอย่างสิ คุณมีความเห็นอย่างไรบ้าง?”
“ตอนนี้ยังไม่มีเลยเราไม่สามารถขุดพื้นที่ตรงนั้นได้จริงๆ” เซี่ยเหล่ยตอบ
“ใครฝังมันไว้ที่นั่นกันนะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดอย่างหงุดหงิดก่อนจะพูดต่ออีกว่า “หรือเขาอาจจะฝังไว้ที่นั่นเพราะคิดว่าคงไม่มีใครกล้าขุดมันขึ้นมา”
“ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ฉันจะจัดการเขาแน่นอน โทษฐานที่ทำให้เราต้องลำบาก!” หลงบิงเองก็พูดอย่างหงุดหงิดเช่นกัน
อย่างไรก็ตามด้วยคำพูดของทั้งถ่างหยู่เหยี่ยและหลงบิงที่ดูจะไม่ช่วยอะไรเลย แต่มันกลับไปจุดประกายความคิดให้กับเซี่ยเหล่ยได้
‘ ” The ‘Scared Heart ” ที่เรามอบให้เฉินตูเทียนหยินถูกสร้างขึ้นในช่วงของ Kings of Jerusalem ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็ไปอยู่ในสุสานของเจ้าหญิงหยงเหม่ย ไทม์ไลน์ของทั้งสองยุคนี้แต่กต่างกันถึงสองร้อยปี ถ้าอย่างนั้นเจ้าหญิงหยงเหม่ยเคยมาที่เมืองเยรูซาเล็มแล้วงั้นเหรอ? แต่เดี๋ยวก่อน…เราลืมเรื่องสำคัญไปนี่! The Church of the Holy Sepulchure ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยจักรพรรดิคอนสแตนตินเมื่อปี ค.ศ. 335 ซึ่งมันเก่าแก่กว่าทั้งสองยุคเยอะมาก และดูเหมือนช่วงเวลาที่ผ่านมาจะไม่มีใครขุดและฝังอะไรไว้ที่นี่เลยเพราะไม่เคยมีบันทึกมาก่อนแสดงว่าสมบัติที่ซ่อนอยู่ชิ้นนี้ถูกฝังก่อนปี ค.ศ.335 เสียอีก!’
แม้ว่าเรื่องราวที่เขาคิดมันจะน่าตกใจ แต่มันก็มีความเป็นไปได้สูง
‘เข็มทิศเป็นสิ่งของจากราชวงศ์หมิง แต่อัลลอยโบราณไม่ใช่สิ่งของจากราชวงศ์หมิง เจ้าหญิงหยงเหม่ยจึงเดินทางไปที่อัฟกานิสถานเพื่อค้นหาอัลลอยโบราณและก็ทำสำเร็จ เธอค้นพบมันที่นั่น นอกจากนี้เธอก็ยังมีสร้อยคอของ Princess Sibylla ด้วย’ เซี่ยเหล่ยกำลังใช้ความคิดอย่างหนักด้วยความเร็วสูงและยังคงคิดต่ออีกว่า ‘แต่เธอเสียชีวิตตอนยังเยาว์วัยเพราะศพของเธอยังดูอายุน้อยอยู่เลยหรือว่า….อัลลอยโบราณจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเธอ? ‘
มาถึงจุดนี้ เซี่ยเหล่ยค่อนข้างตะลึงกับความคิดของตัวเอง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคิดเกี่ยวกับสาเหตุการตายของเจ้าหญิงหยงเหม่ย
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่?” หลงบิงถามเสียงของเธอทำลายความคิดของเขา
“แน่นอน…..ว่ามันเป็นทางออกสำหรับเรื่องนี้” เซี่ยเหล่ยพูด
“ฉันคิดว่า…เรื่องนี้ด็อกเตอร์ชิงและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆคงไม่สามารถจัดการอะไรได้แล้วเหมือนกันถ้าเราจะให้เขาอยู่ที่นี่ต่อดูจะเป็นอันตรายสำหรับพวกเขาจนเกินไป ฉันคิดว่าเราควรจะส่งเขาไปอยู่ที่สถานทูตหรือไม่ก็ส่งพวกเขากลับประเทศไปเลยน่าจะดีที่สุด” หลงบิงพูดก่อนจะหันไปหาเซี่ยเหล่ยและพูดต่อว่า “แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ คุณคิดว่าพวกเขายังจะมีประโยชน์กับเราอีกหรือไม่ถ้าพวกเขายังอยู่ต่อที่นี่?”
เซี่ยเหล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบไปว่า “ผมรู้สึกว่า เราไม่ต้องการพวกเขาแล้ว ดังนั้นส่งพวกเขากลับน่าจะดีที่สุด” ไอรีนโนเวล
ถ่างหยู่เหยี่ยพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “โอเค ฉันจะส่งพวกเขากลับประเทศจีนทันทีที่เรากลับถึงโรงแรม”
อันที่จริงสิ่งที่เซี่ยเหล่ยต้องการคือไม่ว่าจะเป็นการค้นหาหรือรวมไปถึงการขุด เขาไม่อยากให้ด็อกเตอร์ชิง ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆต้องมาเสี่ยงอันตรายไปด้วยซึ่งมันจะดีกว่าถ้าส่งพวกเขากลับประเทศไปซะ เรื่องนี้รวมไปถึงถ่างหยู่เหยี่ยและหลงบิงเช่นกัน เขาไม่ยอมให้พวกเธอเข้ามาเสี่ยงอันตรายไปด้วย เขาต้องการจะทำงานคนเดียว
ทั้งสามคนเดินขึ้นไปบนจุดสูงสุดของเขา Golgotha พวกเขาสามารถเห็นตัวโบสถ์โดยรอบ มีชาวคริสเตียนจำนวนมากยืนต่อแถวเพื่อต้องการชื่นชมสถาปัตยกรรมหรือสวดอ้อนวอน อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีผู้คนมากมายแต่บรรยากาศก็เงียบและค่อนข้างจะอึมครึม
เซี่ยเหล่ยเดินขึ้นไปยืนอยู่บนก้อนหินก้อนหนึ่งที่สามารถมองเห็นตัวโบสถ์และพื้นที่โดยรอบได้ชัดเจนมากขึ้น เขาสังเกตโดยรอบอยู่ครู่หนึ่งขณะเดียวกันนี้แผนที่สามมิติก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง เขาลองเปรียบเทียบภาพที่เห็นกับภาพสามมิติที่ปรากฏขึ้นในหัวเพื่อสังเกตถึงสิ่งผิดปกติอย่างรอบคอบ
ในขณะนี้มีชาวคริสเตียนสามคนเดินมาจากตัวโบสถ์มายังทางที่พวกเขายืนอยู่
ในกลุ่มนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งเป็นคนจีนที่ย้อมผมสีบลอนด์ ร่างกายของเธอมีความเซ็กซี่ยั่วยวนเพศตรงข้ามอย่างมาก โดยเฉพาะขาที่เรียวยาวของเธอ
เซี่ยเหล่ยหันไปเห็นเธอเข้าโดยบังเอิญอย่างไรก็ตามทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นเห็นว่าเซี่ยเหล่ยกำลังมองมาเธอก็หยุดเดินทันที
พวกเขาหยุดนิ่งและสบตาซึ่งกันและกันอยู่ครู่หนึ่ง มันทำให้เซี่ยเหล่ยชะงักเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ส่วนผู้หญิงคนนั้นเธอไม่ได้สนใจอะไรและก็เดินต่อไปพร้อมกับเพื่อนของเธอ
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยรู้สึกแปลกใจกับรูปร่างและท่าทางของเธอที่คุ้นตาอย่างมาก เขากระตุกตาซ้ายเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่ใบหน้าของเธอ
ทันใดนั้นเขาก็พบว่าผู้หญิงคนนี้คือหลางซือเหยา เธอปลอมตัวโดยสวมหน้ากากเช่นกัน
เซี่ยเหล่ยรู้สึกเอะใจตั้งแต่แรกที่เขาเห็นเธอแล้วไม่ว่าจะเป็นท่าเดินและอิริยาบทอื่นๆของเธอ ยิ่งไปกว่านั้นขาของเธอที่ดูคุ้นตาของเขามาก เขาคุ้นเคยกับมัน เนื่องจากน้อยคนนักที่จะมีขาที่สมบูรณ์แบบแบบเธอ การใช้ความสามารถในการมองทะลุก็เพื่อเป็นการยืนยันสิ่งที่สงสัยนั่นเอง
กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงสามวินาทีเท่านั้น
’ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?’ เซี่ยเหล่ยคิดในใจด้วยความสงสัย
หลางซือเหยายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ในใจของเธอก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เธอคิดว่า ’คนๆนั้น…ฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคุ้นเคยกับเขามากนะ อีกอย่าง…ทำไมท่าทางมันคล้ายกับเขามากนักนะ’
เซี่ยเหล่ยสามารถสร้างหน้ากากที่เหมือนจริงมากขึ้นมาได้ มันทำให้หน้าตาของเขาเปลี่ยนเป็นคนอื่นแต่อย่างไรก็ตามส่วนที่เปลี่ยนไม่ได้ก็คือความสูงและรูปร่างของเขา มันจึงพอมีเค้าโครงของตัวตนที่แท้อยู่ ไม่แปลกที่ไหร่ที่เธอจะรู้สึกคุ้นเคยแต่อย่างไรก็ตามเธอไม่มีดวงตาในการมองทะลุเธอจึงไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คือเซี่ยเหล่ย
เมื่อหลางซือเหยาเดินผ่านไปอีกประมาณห้าเมตรเธอก็เหลือบมองกลับไปที่ผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง เธอพบว่าผู้ชายคนนั้นยังคงมองเธออยู่ เธอยังเหลือบไปมองผู้หญิงอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างเขา เธอรู้สึกว่าผู้หญิงทั้งสองนั้นมีรูปร่างที่คุ้นเคยเช่นกัน แต่เธอก็ไม่รู้อยู่ดีว่าพวกเธอเป็นใคร เนื่องจากทั้งถ่างหยู่เหยี่ยและหลงบิงสวมหน้ากากอยู่เช่นกัน
ด้านหลงบิงเองก็สะดุดตาหลางซือเหยา เธอมองอย่างไม่ละสายตาด้วยความแปลกใจ
“ผู้หญิงคนนั้น…” หลงบิงพูดและพูดต่อว่า “ทำไมฉันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นเหมือนใครซักคน”
“เหมือนใครงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถาม
หลงบิงส่ายหัวก่อนจะตอบว่า “ฉันไม่แน่ใจ แต่ช่างเหอะ” พูดเสร็จก็เปลี่ยนหัวข้อว่า “ตอนนี้คุณคิดอะไรออกเพิ่มบ้างไหม?”
เซี่ยเหล่ยพยายามเลิกสนใจหลางซือเหยาก่อนจะตอบไปว่า “ผมรู้สึกว่าสมบัติซ่อยอยู่ใต้เนินเขานี้”
ถ่างหยู่เหยี่ยถามทันทีว่า “อยู่ใต้เขานี้งั้นเหรอ? จุดนี้มันขุดยากกว่าที่ the Church of the Holy Sepulchre ใช่ไหม?”
เซี่ยเหล่ยส่ายหน้าก่อนพูดว่า “ไม่ มันง่ายกว่าที่คุณคิด”
หลงบิงและถ่างหยู่เหยี่ยหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัยหนึ่งครั้งก่อนจะหันไปมองที่เซี่ยเหล่ยและถามพร้อมกันเลยว่า “คุณหมายความว่ายังไง?”
”เดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง ตอนนี้เรากลับกันก่อนดีกว่า ผมต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับการขุดเจาะหลายอย่างและจะยิ่งดีมากถ้าเราสามารถเตรียมสิ่งที่ผมต้องการได้โดยเร็วที่สุด” เซี่ยเหล่ยพูด
ถ่างหยู่เหยี่ยและหลงบิงหันมามองหน้ากันอีกครั้ง…
ติดตามตอนต่อไป………..