Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 472 สองนัดหักขา
รุ่งอรุณมาถึงแล้ว ท้องฟ้าเปลี่ยนหมุน ในความมืดเริ่มมีแสงสว่างส่องเข้ามา
แต่ทุกชีวิตบนเกาะยังคงไม่เคลื่อนไหวไปไหน คนเตรียมบุกกำลังวุ่นอยู่กับงานที่พวกเขาต้องทำ คนของอันซูฮยอนเริ่มจุดไฟเผากองไม้โดยมีน้ำมันช่วยอีกแรงเปลวไฟลุกโชนอย่างรวดเร็วส่งควันหนาทึบออกมา ลมยามเช้าช่วยพัดหอบควันพวกนั้นขึ้นไปถึงยอดเขาในเวลาไม่นาน พื้นที่ที่ควันหนาที่สุดคือบริเวณ ‘เส้นตาย’ ของเซี่ยเหล่ย ไม่มีใครมองเห็นแม้กระทั่งหินหรือพืชพันธุ์ตรงนั้นเลย
เราน่าจะเริ่มกันได้แล้ว เสียงไฮยีน่าดังออกมาจากวิทยุสื่อสาร เสียงเขาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
รับทราบ อันซูฮยอนตอบรับก่อนจะตะโกนสั่ง ไปเลย!
มือปืนกว่า20ชีวิตต่างมุ่งหน้าตรงไปยังยอดเขาภายใต้ควันไฟหนาทึบปกคลุม พวกเขาแยกกลุ่มกันไปและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพียงพริบตาก็ไปถึง ‘เส้นตาย’ ของเซี่ยเหล่ยแล้ว
ไม่มีคนยิงและไม่มีใครถูกยิง เซี่ยเหล่ยยิ่งดูเหมือนป่วยอยู่บนยอดเขาจนสู้ไม่ไหวจริงๆมากขึ้นไปอีก แผนอันแยบยลนี้ทำเอาเหล่ามือปืนต่างเข้าใจผิดไปว่าเขาอาจจะตายอยู่ข้างบนแล้วก็ได้
แต่ท่ามกลางความเข้าใจผิดนั้น มือปืนรัสเซียคนหนึ่งในกลุ่มควันก็โดนกระสุนเป่ากระจุยไปครึ่งศีรษะ เขาตายอย่างรวดเร็ว ไร้ซึ่งความเจ็บปวด และไร้ซึ่งคนเห็นเหตุการณ์ ควันหนาที่พรางตัวนั่นก็พรางศพเขาจากเพื่อนร่วมงานเช่นกัน
ฟิ้ว! กระสุนอีกนัดพุ่งตรงเข้ามาเงียบๆก่อนที่ร่างของมือปืนเกาหลีจะร่วงลงกับพื้น ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร เพื่อนร่วมงานชาวเกาหลีของเขายังคงมุ่งหน้าต่อไปตามคำสั่งโดยไม่เห็นศพแม้แต่น้อย แต่เพียง 5 วินาทีต่อมา ชะตากรรมเดียวกันก็ไปหาเขา ศีรษะครึ่งหนึ่งถูกระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว
เซี่ยเหล่ยยังคงสังหารอย่างไร้ปรานีต่อไป ควันหนาส่งผลกระทบต่อเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นเพราะกลุ่มควันไม่ได้บังการมองเห็นของเขาในระยะใกล้ แต่ก่อตัวหนาประมาณ 2-3 เมตรด้านล่าง ตาซ้ายของเขาสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ ทำให้เขาเลือกฆ่าทีละคนได้อย่างง่ายดาย
แต่นั่นก็ยังไม่ผ่อนคลายเท่าคนที่อยู่ในควัน พวกเขาคิดไปเองว่าเซี่ยเหล่ยมองไม่เห็นพวกเขาแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังคิดว่าเซี่ยเหล่ยกำลังป่วยเพราะฝนเมื่อวานเสียด้วย
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ…
เฮลิคอปเตอร์เริ่มบินขึ้นจากชายหาด และค่อยๆไต่ระดับไปที่ยอดเขาเรื่อยๆ
อันซูฮยอนอยากใช้เฮลิคอปเตอร์สำรวจสถานการณ์ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วแต่ถูกไฮยีน่าขัดไว้ก่อนด้วยกลัวว่าจะเป็นการทำให้เป้าหมายรู้ตัว อันซูฮยอนจึงยอมล้มเลิกไปหลังจากคิดไตร่ตรองตาม เขาเองก็กลัวว่าเซี่ยเหล่ยจะเห็นเฮลิคอปเตอร์แล้วหนีไปก่อนการโจมตีหลักเพราะกลัวโดนจู่โจมทางอากาศขึ้นมา
แต่ทั้งสองคนลืมคิดไปว่าเซี่ยเหล่ยก็เคยทำลายเฮลิคอปเตอร์มาก่อนหลายลำแล้ว ถึงพวกเขาจะใช้มันสำรวจเมื่อวานจริงๆ เฮลิคอปเตอร์นั่นก็จะถูกทำลายในวันนั้นด้วยอยู่ดี
ในที่สุดอันซูฮยอนก็ออกมาจากป่าและเดินเท้าไปยังยอดเขา ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์ก็บินขึ้นไปด้วย เขาเดาทางไว้ว่าแม้เซี่ยเหล่ยจะสู้ไม่ไหว แต่เขาก็ยังต้องระวังตัวอยู่ดี อันซูฮยอนมีโล่กันกระสุนอยู่ในมือพร้อมด้วยชุดเกราะกันกระสุนพิเศษแบบเต็มยศบนตัว
อันซูฮยอนนั้นนับว่าเหมาะจะเป็นตัวเอกในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดแนวๆ กัปตันอเมริกา แบทแมน หรืออะไรทำนองนั้นที่สุด เพราะเขาเท่มากทีเดียว ในระหว่างที่อันซูฮยอนและคนของเขาเริ่มฉากต่อสู้ ไฮยีน่าก็ดูเหมือนจะหายไปจากสนามรบอย่างไร้ร่องรอย
เขาอยู่ที่ไหนนะ?
ไม่มีใครรู้เลย ไอรีนโนเวล
แม้แต่เซี่ยเหล่ย
ไม่นานเฮลิคอปเตอร์ก็บินขึ้นมาถึงยอดเขา
มือปืนเกาหลีสำรวจหินก้อนใหญ่ด้วยกล้องส่องทางไกลพลางรายงานสถานการณ์ไปด้วย นายน้อย มีหินก้อนใหญ่บนยอดเขา แต่ผมไม่เห็นเซี่ยเหล่ยกับผู้หญิงคนนั้นเลยครับ
เป็นไปไม่ได้! เสียงอันซูฮยอนดังตอบกลับมาจากวิทยุสื่อสาร เขาตะโกน ดูให้ดีๆสิ!
เดี๋ยว นั่น… เสียงเขาขาดไป กระสุนนัดหนึ่งพุ่งมายังกล้องส่องทางไกลและทะลุตรงเข้าตาเขาเต็มๆ เกิดอะไรขึ้น? คนเป็นนายถามต่อเมื่อสัมผัสได้ว่าเกิดบางอย่างขึ้น
แต่โชคร้ายสำหรับมือปืนเกาหลีคนนั้น ร่างของเขาร่วงลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ลอยอยู่ในอากาศไม่กี่วินาทีก่อนจะกระแทกพื้น
และโชคร้ายสำหรับอันซูฮยอนและคนของเขา เพราะทุกคนไม่มีใครเห็นศพเลยเนื่องจากติดอยู่ในกลุ่มควันหนาที่สร้างขึ้นเอง
แต่มือปืนอีกคนบนเฮลิคอปเตอร์เห็น เขาตะโกนใส่วิทยุทันที เขาอยู่บนหิน! เขาพรางตัวอยู่!
จริงๆมันไม่ใช่การพรางตัวสักเท่าไหร่ แต่เป็นที่กันฝนแบบพิเศษของเซี่ยเหล่ยซึ่งเป็นลายพรางและเข้ากับสีของหินได้อย่างพอดิบพอดี
เพียงจบการรายงานเมื่อครู่ กระสุนอีกนัดก็พุ่งมาทันที ครั้งนี้มันผ่านกระจกหน้าเข้าไปยังสมองของนักบินอย่างจัง เมื่อยานพาหนะไร้การควบคุม มันก็บินผ่านยอดเขาและร่วงลงไประเบิดในป่าอีกด้านหนึ่งแทน อันซูฮยอนเริ่มรู้ตัวแล้วว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นข้างบน มือปืนที่เหลือบนเฮลิคอปเตอร์ต่างร้องให้ช่วยผ่านวิทยุสื่อสารด้วยความหวาดกลัว ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังสนั่นจากอีกฝั่งของยอดเขา
ในใจอันซูฮยอนเริ่มรู้สึกเย็นวาบจากความกลัว ความเย็นนั่นแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างกายเขา ตามแผนแล้วเฮลิคอปเตอร์จะต้องโจมตีเซี่ยเหล่ยจากด้านบนสิ แต่นี่ยังบินได้ไม่ถึงนาทีเลย
เรื่องนี้พิสูจน์อะไรได้น่ะเหรอ?
ก็เซี่ยเหล่ยยังไม่ตายและไม่ได้ป่วยเลยสักนิดไงล่ะ!
อันซูฮยอนในกลุ่มควันเริ่มก้าวไม่ออก เขาปรารถนาที่จะได้เห็นฉากเซี่ยเหล่ยนอนตายโดยมีเขาเป็นคนยิงและฉีกเซี่ยเหล่ยเป็นชิ้นๆ แต่สถานการณ์ตรงหน้าเขากลับต่างจากที่คิดไว้โดยสิ้นเชิง เขายืนนิ่งอยู่สองสามวินาที ก่อนจะหันหลังและวิ่งกลับเข้าป่าทันที
ตอนนี้อันซูฮยอนเปลี่ยนแผนแล้ว ถ้าคนของเขากับไฮยีน่าฆ่าเซี่ยเหล่ยได้ก็นับว่าดีไปแต่ถ้าไม่อย่างน้อยเขาก็ยังพอเหลือเวลาให้หนีไปจากที่นี่อยู่!
วิ่งหนี? ด้านบนยอดเขารอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นจางๆบนมุมปากเซี่ยเหล่ย พร้อมกับนิ้วมือที่ออกแรงบนไกปืน
XL2500 สั่นเล็กน้อยกระสุนนัดหนึ่งพุ่งออกจากปากกระบอกปืนไป เพียงพริบตามันก็เจาะเข้าข้อพับขาขวาของอันซูฮยอนอย่างรุนแรง
เขาล้มคะมำลงกับพื้น
อันซูฮยอนใส่ชุดเกราะอย่างดี แต่เซี่ยเหล่ยเลือกแล้วว่าจะยิงที่ข้อพับเข่าเพราะจุดนั้นเป็นจุดที่อ่อนที่สุดของชุดเกราะ ง่ายๆเลยก็คือ การจะทำเกราะที่ข้อพับนั้นยากพอๆกับบริเวณหน้าอกเลยทีเดียว ถ้าแข็งเกินไปคนใส่ก็จะขยับได้ไม่คล่องตัว
เซี่ยเหล่ยมองมาดีและเลือกจุดโจมตีอย่างดีแล้ว ข้อต่อของอันซูฮยอนไม่ใช่คาร์บอนไฟเบอร์อย่างส่วนอื่นๆของเกราะ มันเป็นแค่วัสดุเชื่อมต่อแบบพิเศษที่เหนียวและยืดหยุ่นได้เพื่อให้ขยับคล่องตัว แต่ไม่ได้กันกระสุนปืน
อ๊าก! อันซูฮยอนร้องออกมาหลังจากล้มกระแทกพื้น ความเจ็บปวดอันท่วมท้นทำเขาแทบหมดสติ เขาพยายามจะยืนขึ้นแต่ฉากต่อมานั้นน่ากลัวยิ่งกว่า เพราะเขาเพิ่งพบว่าขาขวานั้นถูกฉีกจนขาดด้วยแรงกระสุน ถ้าไม่มีเกราะยึดไว้ท่อนขาใต้เข่าของเขาคงร่วงลงพื้นนานแล้ว!
ช้าไป เซี่ยเหล่ยปรับปืนของเขาแล้วจึงยิงอีกนัดในวินาทีต่อมา ครั้งนี้ตรงเข้าข้อพับซ้ายของอันซูฮยอนและฉีกขาเขาออกเช่นเดิม
จนในที่สุดอันซูฮยอนก็หมดสติไปเพราะขาที่หักทั้งสองข้าง
ปัง! กระสุนปืนเฉี่ยวผ่านศีรษะเซี่ยเหล่ยไปชน ‘กำแพงหิน’ ที่อยู่ขวามือ จนเศษหินที่แตกออกกระเด็นมาเฉือนแก้มเขา
เซี่ยเหล่ยถอยหลบ และทันทีที่เขาขยับกระสุนอีกนัดก็ตามมาชนเข้ากับ ‘กำแพงหิน’อย่างเดิม
ในที่สุดไฮยีน่าก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
สองนัดเมื่อครู่ของไฮยีน่าถูกยิงมาจากทางซ้ายของป่า
นัดแรกเป็นแค่การทดสอบ เขาแค่ต้องการดูว่าความเร็วลมมีผลต่อกระสุนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นการทดสอบที่นับว่าเข้าใกล้เป้าหมายมากเลยทีเดียว
ถ้าเซี่ยเหล่ยไม่หลบเขาคงโดนยิงในนัดที่สองแน่ๆ!
เพียงนัดเดียวไฮยีน่าก็ได้ข้อมูลทั้งหมดที่เขาต้องใช้เพื่อควบคุมสถานการณ์แล้ว ประสบการณ์และความแข็งแกร่งของเขาช่างน่ากลัวจริงๆ!
เซี่ยเหล่ยคว้าเอาหมวกกันน็อคที่เขาวางไว้รับน้ำฝนมาวางและค่อยๆขยับไปที่ริมขอบหินช้าๆ
หมวกกันน็อคนั่นเพิ่งจะโผล่พ้นหินไปนิดเดียวตอนที่มันถูกกระสุนเจาะเกราะเป่าจนแหลกเป็นชิ้นๆ!
ไฮยีน่าล็อคตำแหน่งเขาไว้แล้ว แถมยังไม่เปิดโอกาสให้เซี่ยเหล่ยได้ยิงลงไปข้างล่างเลย!
พวกมือปืนอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ300เมตรเท่านั้น เสียงไรเฟิลจู่โจมระดมสาดกระสุนใส่หินราวกับเม็ดฝน ฟังดูแล้วก็ไม่ต่างไปจากเสียงกลองแห่งความตายซักเท่าไหร่
เซี่ยเหล่ยจะปล่อยให้พวกเขาเข้ามาใกล้กว่านี้ไม่ได้เพราะไม่เช่นนั้นพวกเขาจะเริ่มขว้างระเบิดดังนั้นถ้าเซี่ยเหล่ยไม่ตายเพราะถูกยิงก็คงตายเพราะแรงระเบิดแทน
หยูยี่! ยิงสกัดไว้! เซี่ยเหล่ยตะโกน
เจียงหยูยี่ยกแขนขึ้นกันศีรษะแน่น ใบหน้าซีดเผือดส่ายปฏิเสธทันทีตอนนี้ในหัวของเธอว่างเปล่าไม่พร้อมจะสู้เลยแม้แต่น้อย
เซี่ยเหล่ยคว้า M16A2 และเครื่องยิงลูกระเบิดที่เธอติดมาก่อนจะยกเครื่องยิงขึ้นส่งระเบิดขึ้นฟ้า ปล่อยมันร่วงลงพื้นข้างล่างและระเบิดในพริบตาเดียว
ตู้ม! มือปืนเกาหลีคนหนึ่งโดนแรงระเบิดไปเต็มๆ
หยูยี่! เชื่อมั่นในตัวเองหน่อย! เห็นมั้ย? ใช้เครื่องยิงเหมือนที่ผมใช้เมื่อกี้ไง ผมต้องให้คุณช่วยนะ! เซี่ยเหล่ยจับเข้าที่ไหล่เธอและเขย่าเบาๆ
เจียงหยูยี่เริ่มได้สติ เธอพยักหน้ารับรัวๆ
เซี่ยเหล่ยโหลดระเบิดเข้าเครื่องยิงใหม่และส่งไรเฟิลจู่โจม M16A2 ให้เธอ
เจียงหยูยี่เลียนแบบตามที่เซี่ยเหล่ยทำ เธอยิงระเบิดออกไปอีกครั้ง
ตู้ม! เสียงระเบิดดังตามมา แต่เพราะเจียงหยูยี่ไม่ได้คำนวณองศา ระเบิดลูกนี้จึงไม่ได้ฆ่าใครสักคน เพียงแต่ทำให้มือปืนข้างล่างกลัวจนเคลื่อนไหวช้าลงเท่านั้น
แต่เซี่ยเหล่ยไม่มีเวลาสอนเธอใช้อาวุธแล้ว เขาคว้าปืน XL2500 มาแล้วส่องหาเป้าหมายที่ริมขอบหินอย่างระมัดระวัง เจียงหยูยี่จะซื้อเวลาให้เขาได้อีกสักพัก และเซี่ยเหล่ยจะต้องใช้เวลาตอนนี้ฆ่าไฮยีน่าให้ได้!