Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 483 แผนซ้อนแผน !
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่นในเมืองชิงตู่
เย่คุนกำลังเทน้ำชาลงในถ้วยอย่างสุภาพให้กับผู้เป็นอาจารย์ของเขาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะพูดว่า อาจารย์มีข่าวคราวอะไรบ้างหรือไม่?
มู๋เจียนเฟิงหยิบน้ำชาขึ้นมาจิบก่อนจะพูดว่า คุณหมายถึงอะไร? ผมไม่ค่อยเข้าใจ
เย่คุนยิ้มก่อนจะพูดว่า คุณคืออาจารย์ของผม ผมรู้ว่าคุณเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดไป
มู๋เจียนเฟิงจิบน้ำชาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้พูดอะไรออกมา
เย่คุนแสร้งยิ้มพร้อมกับพูดอีกครั้งว่า เอาหล่ะ ผมจะพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยละกัน ตอนนี้ผมมีสายสืบแฝงตัวอยู่ในโรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ย แต่ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้วยังไม่มีข้อมูลอะไรส่งกลับมาเลยวันที่จัดแสดงงานนิทรรศการก็เข้าใกล้มาเรื่อยๆ ผมรู้สึกกังวลจริงๆ
มู๋เจียนเฟิงพูดอย่างเรียบง่ายว่า คุณคิดว่าผมส่งสายลับไปที่นั่นด้วยใช่มั้ย? คุณจึงถามว่าผมมีข่าวคราวอะไรบ้าง? ลองคิดดูสิ…ผมจะมาที่นี่ทำไมถ้าผมได้รับข้อมูลมาแล้ว
ด้วยคำพูดนี้ ดูเหมือนว่ามู๋เจียนเฟิงจะยอมรับว่าตัวเขาเองส่งสายสืบเข้าไปแฝงตัวในโรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยเช่นกัน
เย่คุนขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า อืมม…ดูเหมือนว่าคนของอาจารย์ก็ไม่ได้ส่งข่าวมาเหมือนกัน แต่เร็วๆนี้ก็มีเรื่องน่าแปลกเช่นกัน เซี่ยเหล่ยเพิ่งจะมีมาตรการเมื่อเร็วๆนี้ว่าไม่ให้พนักงานออกนอกโรงงานโดยเด็ดขาด นอกจากนี้เขายังไม่ยอมให้ใครเข้าไปในโรงงานอีกด้วย ดูเหมือนเขากำลังแอบทำอะไรบางอย่างอยู่ ผมเป็นห่วงเรื่องนี้จริงๆ ผมกลัวว่าเขาจะทำให้เราเซอไฟร้เหมือนอย่างตอนที่อยู่มอสโค
มู๋เจียนเฟิงถอนหายใจก่อนจะพูดว่า ผมเองก็เป็นห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้เซี่ยเหล่ยกำลังคิดและทำอะไรอยู่
ตอนนี้ผมต้องชัดเจนและจริงจังมากขึ้นในฐานะของผู้ผลิตรายใหญ่อาวุธเบา ถ้าเราให้เซี่ยเหล่ยเหนือกว่าพวกเราได้ พวกเราจบแน่ เย่คุนพูด
เซี่ยเหล่ยถือเป็นภัยคุกคามต่อพวกเราอย่างมาก โรงงานของเขาค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆและเมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราไม่สามารถบอกเลยได้ว่าเขาจะไม่สร้างอาวุธหนักขึ้นมาเพื่อเป็นคู่แข่งกับเรา นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด คุณเป็นศิษย์ของผม ผมจะรู้สึกไม่ค่อยดีถ้าคุณแพ้ให้กับเซี่ยเหล่ย มู๋เจียนเฟิงพูดจบก็ถอนหายใจ
หรือเราจะไปที่โรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยอีกครั้งเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ดู? เย่คุนเสนอก่อนจะพูดต่อว่า เราสามารถใช้ข้ออ้างเดียวกับครั้งที่แล้วได้
มู๋เจียนเฟิงส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า แผนเดิมจะใช้ไม่ได้กับเขาเป็นครั้งที่สอง เขาคงเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์แบบคราวที่แล้วไว้แน่นอน ดังนั้นไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไป นอกจากนี้ครั้งก่อนยังอายไม่พออย่างนั้นเหรอถึงต้องการจะไปที่นั่นอีกครั้ง?
เย่คุนนึกถึงความอัปยศครั้งก่อนได้ทันที เขาพูดขึ้นว่า อาจารย์ คุณเองก็คิดว่าที่วิลล่ามีอะไรแอบซ่อนอยู่ใช่มั้ย? เพราะขนาดอำนาจของคุณยังไม่สามารถเข้าไปได้เลย
มันจะต้องมีอะไรแอบซ่อนอยู่ในวิลล่าแน่นอนแต่การที่อำนาจของผมไม่สามารถเข้าไปที่นั่นได้ ไม่อยากจะคิดแบบนี้เลย…แต่มันน่ากลัวเหลือเกินถ้ารัฐจะให้โครงการระดับสูงบางอย่างกับโรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยเพื่อทำวิจัย
ใช่เลย ผมเองก็คิดแบบเดียวกับที่อาจารย์คิด เพราะไม่มีเหตุผลเลยที่ทหารจะเฝ้าที่นั่นถ้าไม่มีอะไรสำคัญ และอำนาจของคุณก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ มันมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นโครงการระดับสูงเกินกว่าสถานะของพวกเรา อย่างไรก็ตามแม้ว่ามู๋เจียนเฟิงจะมีประสบการณ์มากในวงการนี้ แต่เขาก็ไม่มีวันจะรู้ได้ว่าโครงการที่เซี่ยเหล่ยรับผิดชอบอยู่นั้นคือโครงการอะไร
จู่ๆที่หน้าออฟฟิศของเขาก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เธอเห็นมู๋เจียนเฟิงก็ทักทายเขาอย่างสุภาพว่า สวัสดีผู้อาวุโสมู๋
มู๋เจียนเฟิงตอบสนองโดยการพยักหน้าเล็กน้อย
นั่นเสี่ยวฉีงั้นเหรอ? เย่คุนถามขณะที่ยังไม่ได้หันไปมอง
ผู้หญิงคนนี้ชื่อเสี่ยวฉี เธอเป็นเลขาของเย่คุน เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอเพียงแค่จ้องไปที่มู๋เจียนเฟิงเท่านั้น
มู๋เจียนเฟิงเห็นปฏิกิริยาของเธอก็ขมวดคิ้วก่อนจะพูดขึ้นว่า จ้องผมแบบนั้นทำไม มีอะไรหรือเปล่า?
เสี่ยวฉี คุณเป็นอะไรไปหน่ะ? ผู้อาวุโสมู๋เป็นอาจารย์ของผมไม่มีอะไรต้องกังวล มีอะไรก็พูดมาได้เลย เย่คุนพูด
คนๆนั้นมีชื่อว่า หวู่บิง เขาเป็นคนที่ฉันส่งเข้าไป เขาบอกว่าเขาได้ข้อมูลมาแล้วและอยากจะนัดผมเราเพื่อมอบของ เขาต้องการพบเราที่ร้านกาแฟตรงข้ามกับบริษัทของเรานี่เอง อ้อ…นอกจากนี้เขายังขอให้ฉันเตรียมเงินให้เขาหนึ่งล้านหยวนอีกด้วย เสี่ยวฉีพูด
1,000,000 หยวนเลยงั้นเหรอ? เย่คุนหัวเราะก่อนจะพูดว่า ช่างเป็นคนที่โลภมากซะจริง!
เดี๋ยวก่อน มู๋เจียนเฟิงพูดก่อนจะพูดต่อว่า เขาได้บอกอะไรมาก่อนบ้างหรือไม่ เพราะถ้าเป็นข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์ มันก็ไม่คุ้มที่จะต้องเสียเงินมากถึงหนึ่งล้านหยวนหรอกนะ
ฉันถามข้อมูลคร่าวๆมาแล้ว เขาบอกว่าเขาได้รับข้อมูลเกี่ยวกับปืนไรเฟิลจู่โจมรุ่นใหม่ที่โรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยกำลังแอบพัฒนาอยู่ เขามีแผนภาพและข้อมูลที่จำเป็นของมัน เสี่ยวฉีพูด ตาของเย่คุนและมู๋เจียนฟิงเป็นประกายทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้
เขาจะมาถึงที่ร้านกาแฟเมื่อไหร่? เย่คุนรีบถามอย่างตื่นเต้น
เขากำลังมา คงอีกไม่นาน เสี่ยวฉี ตอบ
เย่คุนตบต้นขาของตัวเองก่อนจะหัวเพราะพร้อมกับพูดว่า เซี่ยเหล่ย เซี่ยเหล่ย คุณนี่ฉลาดจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามมันหมดเวลาของคุณแล้ว! พูดจบก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า เสี่ยวฉี ไปที่แผนกการเงินและเบิกเงินสดให้ผมจำนวน 1,000,000 หยวนเดี๋ยวนี้เลย ผมจะไปพบกับหวู่บิงด้วยตัวเอง
เข้าใจแล้ว เสี่ยวฉีพูดพร้อมเดินจากไป
อย่าเพิ่งไป มู๋เจียนเฟิงรีบพูดขึ้นมาทันทีเพื่อให้เธอหยุด ก่อนจะพูดต่อว่า หวู่บิงที่ว่านี่ คุณติดสินบนให้เขาด้วยใช่มั้ย?
เสี่ยวฉีพยักหน้าก่อนจะพูดว่า ใช่แล้ว ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อติดสินบนกับเขา
หวู่บิง ทำหน้าที่อะไรในโรงงานของเซี่ยเหล่ย? มู๋เจียนเฟิงถาม
เขาเป็นส่วนหนึ่งของแผนกวิจัยและพัฒนา เสี่ยวฉียิ้มก่อนจะพูดต่อว่า อาวุโสมู๋ ฉันไม่ติดสินบนพนักงานทำความสะอาดหรอกนะ ไม่ต้องห่วงฉันรู้ว่าต้องจัดการกับเรื่องนี้ยังไง?
มู๋เจียนเฟิงพูดว่า แต่จะว่าไปดูเหมือนเวลาจะเหมาะเจาะซะเหลือเกิน อยู่ดีๆข้อมูลก็มาในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้…ผมรู้สึกเหมือน…
เย่คุนขัดจังหวะก่อนจะพูดแทรกขึ้นมาว่า อาจารย์ พวกเราทั้งคู่ติดสินบนพนักงานของโรงงานของเซี่ยเหล่ย นอกจากนี้เสี่ยวฉีก็รอบคอบมากขึ้นเพราะมีประสบการณ์ที่ผิดพลาดจากครั้งก่อน อีกอย่างเซี่ยเหล่ยไม่ใช่พระเจ้า เขาไม่น่าจะรู้เรื่องนี้ได้หรอกนะ
สุดท้ายแล้วคนของคุณก็ได้ข่าวมา ผิดกับคนของผมที่… มู๋เจียนเฟิงพูดแต่ก็พูดไม่สามารถพูดให้จบได้เพราะตอนนี้คนของเย่คุนนำข่าวกลับมาบอกแล้ว ผิดกับคนของเขาที่ยังไม่ส่งข่าวอะไรกลับมาเลย
อาจารย์ นี่ก็ถือว่าดีแล้ว อย่างน้อยเราก็ได้ข่าวมา เย่คุนพูด
มู๋เจียนเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปด้วยตัวเอง ปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของเลขาคุณไป
เย่คุนหัวเราะก่อนจะพูดว่า คุณระวังตัวเกินไปแล้วอาจารย์ แต่เอาเถอะผมจะเชื่อคุณ ผมจะให้เสี่ยวฉีเอาเงินไปทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเขาและแน่นอนถ้าเรื่องนี้สามารถผ่านไปได้ด้วยดี คุณจะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงาม
ขอบคุณท่านประธานเย่ เสี่ยวฉีพูดอย่างมีความสุขก่อนจะเดินออกจากห้องไป
เวลาผ่านไปในออฟฟิศ มู๋เจียนเฟิงกำลังรอพร้อมกับลิ้มรสชาติของชาอย่างใจเย็น ผิดกับเย่คุนที่กำลังรอพร้อมกับเดินไปเดินมาด้วยความกังวลใจ ใจเย็นๆ มู่เจียนเฟิงพูดก่อนจะพูดต่อว่า คุณต้องฝึกสงบจิตสงบใจให้อยู่ในสภาวะปกติให้ได้ในสถานการณ์แบบนี้
เย่คุนยิ้มให้กับมู๋เจียนเฟิงก่อนจะพูดว่า อาจารย์ ผมทึ่งกับความใจเย็นของอาจารย์จริงๆ แม้ว่าผมจะรู้และเข้าใจดีแต่ในสถานการณ์แบบนี้ ปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 ของเซี่ยเหล่ยสร้างผลกระทบต่อพวกเราอย่างมาก แถมตอนนี้เขายังออกแบบปืนไรเฟิลจู่โจมขึ้นใหม่อีกด้วย ผมกล้าการันตีเลยว่าเขากำลังเล็งสัญญาการสั่งซื้อล็อตใหญ่เอาไว้อยู่จากงานแสดงนิทรรศการครั้งนี้ เมื่อรู้แบบนี้แล้วผมไม่สามารถสงบสติอารมณ์และใจเย็นอยู่ได้เลย
คุณวางแผนจะทำอะไรหลังจากได้รับแผนภาพและตัวเลขสัดส่วนของปืนมาแล้ว มู๋เจียนเฟิงถาม
เย่คุนไม่ได้หยุดคิด เขาตอบกลับทันทีเลยว่า ผมจะให้พนักงานทำงานล่วงเวลาเพื่อผลิตมันขึ้นมา เรามีกำลังผลิตมากกว่าโรงงานของเซี่ยเหล่ยมากกว่าสิบเท่า ดังนั้นเราสามารถผลิตได้มากกว่าพวกเขาแน่นอน นอกจากนี้ในงานนิทรรศการ หากเขาเปิดตัวปืนไรเฟิลจู่โจมขึ้นมา ผมจะทำการฟ้องร้องเขาข้อหาละเมิดลิขสิทธ์ทันที!
ยอดเยี่ยม! มู๋เจียนเฟิงพูดพร้อมกับยิ้มก่อนจะพูดต่อว่า นี่เป็นแผนที่ดี แต่ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ควรจะทำเพิ่มจากที่ว่ามานี้
มันคืออะไร? เย่คุนถาม
ก่อนอื่นให้ตรวจสอบความถูกต้องของแผนภาพและตัวเลขสัดส่วนซะก่อน ส่งมันให้กับวิศวกรของเราตรวจสอบทั้งหมดอย่างระเอียด หากปืนไรเฟิลจู่โจมของเขาดีจริง เราถึงจะผลิตมันขึ้นมา ถ้ามันไม่ได้ดีจริงเราก็ไม่จำเป็นจะต้องนำมันมาผลิต มู๋เจียนเฟิงพูด
อาจารย์ยังคงยอดเยี่ยมในทุกสถานการณ์จริงๆ เย่คุนพูดชม
ไม่ใช่ว่าผมเก่งกว่าหรืออะไรหรอกนะ เพียงแต่ผมมีความสุขุมมากกว่าในสถานการณ์แบบนี้ การคิดและวิเคราะห์จึงมีเหตุมีผลและผิดพลาดน้อยกว่า มู๋เจียนเฟิงพูด
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะเสียงดัง
ครึ่งชั่วโมงต่อมาหวู่บิงก็ปรากฏตัวที่หน้าประตูร้านกาแฟซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสำนักงานใหญ่ของบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่น
ด้านเย่คุนและมู๋เจียนเฟิงเห็นการกระทำทุกอย่างของพวกเขาผ่านกล้องส่องทางไกลที่ยืนส่องมาจากสำนักงานใหญ่
ในร้านกาแฟหวู่บิงเดินเข้าไปพร้อมกับเลือกโต๊ะข้างหน้าต่าง เขาถือกระเป๋าเอกสารสีดำเอสไว้ตลอดเวลา เขาไม่วางเลยซักวินาทีเดียวแม้ว่าพนักงานเสิฟจะยืนรอรับออเดอร์อยู่ก็ตาม
ขณะที่พนักงานกำลังรอรับออเดอร์อยู่นั้น เสี่ยวฉีก็ไปนั่งตรงข้ามกับหวู่บิง พร้อมกับพูดว่า กาแฟหนึ่งแล้วพร้อมกับของหวาน
รับออเดอร์เรียบร้อยแล้ว โปรดรอซักครู่ พนักงานพูดจบก็เดินออกไป เสี่ยวฉีเริ่มพูดเข้าประเด็นทันทีว่า คุณนำของมาแล้วใช่มั้ย?
หวู่บิงพยักหน้าก่อนจะพูดว่า คุณหล่ะนำเงินมาด้วยหรือเปล่า?
คุณนี่โลภจริงๆเลยนะ เสี่ยวฉีพูดพร้อมทำหน้าไม่พอใจ
คุณก็พูดได้สิ คุณไม่รู้หรอกว่าผมต้องเจอกับความเสี่ยงมากขนาดไหนกว่าจะเอาข้อมูลออกมาได้ ผมกลัวจนไม่กล้ากลับไปทำงานที่นั่นต่อแล้วด้วย ผมจึงต้องการเงินเพิ่มมากขึ้นเพื่อไปเลี้ยงครอบครัวของผม หากคุณไม่เห็นด้วยผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะแต่ผมจะกลับทันที ผมเชื่อว่ามีโรงงานอีกมากมายต้องการแผนภาพเหล่านี้ หวู่บิง พูด
โอเค เรื่องนั้นไม่มีปัญหา เอาแผนภาพมาดูกันเลยดีกว่า เซี่ยวฉีพูด
เอาเงินให้ผมดูก่อน หวู่บิง พูด
คุณไม่เชื่อใจฉันเหรอ? เสี่ยวฉีพูดพร้อมมองหน้าหวู่บิงก่อนที่จะหยิบกระเป๋าเอกสารที่เธอเดินถือเข้ามาด้วยขึ้นมาวางบนโต๊ะพร้อมกับปลดล็อคก่อนจะส่งให้กับ หวู่บิงตรวจเช็คภายใน
ภายในมีเงินสดจำนวนมากบรรจุเอาไว้เต็มกระเป๋า
ดวงตาของหวู่บิงเปิดกว้างทันที เขาไม่สามารถละสายตาจากเงินที่อยู่ตรงหน้าได้เลย
เสี่ยวฉีดึงกระเป๋ากลับมาพร้อมกับปิดและวางไว้ที่เท้าของเธอก่อนที่จะพูดประชดขึ้นทันทีว่า คงไม่ต้องนับหรอกนะ
ไม่จำเป็น หวู่บิงพูด
ทีนี้จะแสดงสิ่งที่คุณนำมาได้หรือยังหล่ะ? เสี่ยวฉี ถาม
หวู่บิงส่งกระเป๋าเอกสารให้กับเสี่ยวฉี
เธอเปิดกระเป๋า ภายในมีแผนภาพวางซ้อนกันอยู่หลายแผ่น มันเขียนตัวเลขสัดส่วนไว้อย่างชัดเจน เธออยู่กับบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่นมานาน เธอรู้ว่าสิ่งนี้คือของจริง เธอเตะกระเป๋าเอกสารที่มีเงินอยู่ของเธอไปให้กับหวู่บิงจากนั้นก็เอากระเป๋าของเขามาแทน
คุณผู้หญิง กาแฟและของหวานมาเสิร์ฟแล้ว พนักงานเสิร์ฟพูดพร้อมนำของที่สั่งมาวางที่โต๊ะ
เสี่ยวฉีไม่สนใจกาแฟแลของหวานที่มาเสิร์ฟแล้วแม้แต่น้อย เธอไม่รอช้า เธอรีบกลับทันที เธอรอแทบไม่ไหวที่จะกลับไปหาเย่คุนเจ้านายของเธอเพื่อมองสิ่งนี้ให้กับเขา
หวู่บิงเองดื่มกาแฟเล็กน้อยก่อนจะจ่ายเงินแล้วเดินออกจากร้าน เขาเดินข้ามถนนไปยังตู้โทรศัพท์สาธารณะ เขาหยอดเหรียญพร้อมกับกดเบอร์โทรออก เมื่อปลายสายรับสายเขาก็พูดขึ้นทันทีว่า ผู้อำนวยการเซี่ย ผมทำตามที่สั่งเรียบร้อยแล้ว
เซี่ยเหล่ยตอบกลับมาว่า แบ่งให้ฮู่ฮุย 400,000 ที่เหลือเป็นของคุณ จากนี้ก็ไปซ่อนตัวซะ