Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 492 ระวังตัว !
สองสัปดาห์ต่อมา ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเมืองชิงตู่
โรลส์รอยซ์สีเงินขับเข้ามาจอดที่ประตูหน้าของศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติทันทีที่รถจอดก็มีชายหนุ่มที่ดูสง่างามพร้อมกับหญิงสาวที่งดงามราวกับราชินีเดินลงมาจากรถโดยมุ่งหน้าไปยังศูนย์ประชุม
นั่นคือเซียเหล่ยเจ้าของโรงงานผลิตอาวุธใช่มั้ยนะ? ใครคนหนึ่งพูด
นั่นใช่เฉินตูเทียนหยินแห่งบริษัทเหวี้ยนเทียนหรือเปล่า? ใครคนหนึ่งพูด
ผมได้ยินมาว่าทั้งสองคนแอบจดทะเบียนสมรสกันอย่างลับๆ นอกจากนี้ดูเหมือนพวกเขาวางแผนจะจัดงานแต่งงานปลายปีนี้ด้วย ใครคนหนึ่งพูด
มันไม่ได้เป็นเรื่องลับอะไรเลยนี่? สื่อเองก็รู้เรื่องนี้อยุ่แล้วด้วย ใครคนหนึ่งพูด ทั้งสองคนดูเข้ากันดีจริงๆ ฉันละอิจฉาคู่ของเขามากเหลือเกิน ใครคนหนึ่งพูด
เซี่ยเหล่ยไม่ได้เข้าหาเฉินตูเทียนหยินเพราะเงินอย่างนั้นเหรอ? ใครคนหนึ่งพูด
คุณพูดอะไรของคุณ? เซี่ยเหล่ยทำงานและหาเงินได้มากพออยู่แล้ว เขากลายเป็นมหาเศรษฐีได้ภายในเวลาแค่สองปีเท่านั้น เขาประสบความสำเร็จแบบนี้แล้วจะมาคบกับเฉินตูเทียนหยินเพราะเงินทำไม? ใครคนหนึ่งพูด
ผมละสงสัยจริงๆว่าอาวุธใหม่ของโรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยในงานครั้งนี้จะเป็นอะไร ครั้งที่แล้วปืนไรเฟิลซุ่มยิงของเขาสุดยอดมาก
ธุรกิจของเขาเป็นเพียงธุรกิจขนาดเล็กเท่านั้น แม้ว่าครั้งก่อนอาวุธของเขาจะเป็นที่ฮือฮา แต่ผมว่าเขาแค่โชคดีก็เท่านั้น โรงงานผลิตอาวุธของเขาไม่มี่ทางเทียบเท่ากับบริษัทฮั่นยุทโธปกรณ์หรือกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนได้หรอก ผมว่าครั้งนี้คงไม่มีอะไรแน่นอน
อะไรก็ไม่แน่นอนหรอกนะ เวลาเปลี่ยนอุตสาหกรรมระดับประเทศก็ค่อยๆยกระดับตัวเองขึ้นแน่นอนว่าอุตสาหกรรมระดับครัวเรือนหรือภูมิภาคก็ค่อยๆยกระดับตัวเองขึ้นเช่นกัน ดังนั้นผมเชื่อว่าในงานครั้งนี้เซี่ยเหล่ยจะต้องสร้างความฮือฮาให้กับคนทั้งงานได้แน่
มีการพูดคุยเกี่ยวกับเซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินมากมาย มีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป
ระหว่างทางที่กำลังเดินเข้างาน ทั้งเซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินต่างก็ได้ยินคำพูดเหล่านี้ทั้งหมดแต่พวกเขาเลือกที่จะไม่สนใจและตอบสนองกลับไป พวกเขาปล่อยคำพูดเหล่านั้นไปเหมือนกับสายลมที่พัดผ่าน พวกเขารู้ดีว่าในโลกนี้ถ้ามีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด
การจัดงานนั้นมีความหรูหราอย่างมาก ในงานก็มีแขกมากมายดังนั้นเมื่อเซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยินเดินเข้าไป ผู้คนก็เริ่มกระซิบนินทาและพูดคุยกันเองเกี่ยวกับเซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยิน พวกเขาทั้งสองคนสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนในงานได้มากจริงๆ
นี่อาจจะเป็นเพราะความหล่อเหลาของเซี่ยเหล่ยด้วยท่าทางที่องอาจและรูปร่างที่บึกบึนทำให้เขาสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากจริงๆ ส่วนเฉินตูเทียนหยินเองก็เช่นกัน ความงามของเธอเป็นที่ประจักษ์แก่คนทั้งงาน เธอมีออร่าของความเป็นราชินีแสดงออกมาอย่างชัดเจน นี่จึงเป็นจุดดึงดูดความสนใจของเธอได้อย่างดี
นอกจากรูปร่างหน้าตาและท่าทางของพวกเขาแล้ว สิ่งที่เป็นจุดดึงดูดได้มากที่สุดจากพวกเขาคือความสามารถ พวกเขาถือว่าเป็นคู่ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน หลายๆคนอิจฉาพวกเขา นั่นจึงทำให้มีบางคนไม่ค่อยจะชอบเขาและนินทาเขาเสียๆหายๆ
อย่างไรก็ตามในขณะนี้มีอยู่สองคนที่ไม่พอใจกับการมาของเซี่ยเหล่ยอย่างชัดเจน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใคร พวกเขาคือเย่คุนและมู๋เจียนเฟิงนั่นเอง เซี่ยเหล่ยมาถึงที่นี่แล้ว รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่คุน เขายืนอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องโถงของงานจัดแสดง อย่างไรก็ตามเขายังพูดต่ออีกว่า ดูเขาสิ ตอนนี้เขายังยิ้มแย้มและมีท่าทีสบายใจ แต่มันก็จะได้แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละนะ ยิ้มซะให้พอ เพราะต่อจากนี้คุณจะต้องพบเจอกับความเจ็บปวดที่คุณจะต้องจดจำไปตลอดชีวิตแน่นอน
มู๋เจียนเฟิงจิบไวน์แดงที่อยู่ในมือก่อนจะพูดขึ้นว่า คุณเตรียมทนายมาเรียบร้อยแล้วหรือยัง?
แน่นอน ผมพาพวกเขามาแล้ว เย่คุนพูดพร้อมกับหัวเราะก่อนจะพูดต่ออีกว่า เราจะรอให้โรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหล่ยเปิดตัวปืนไรเฟิลจู่โจมของพวกเขาในวันพรุ่งนี้ และในทันทีที่เขาเปิดตัว ผมก็จะจัดการส่งเขาไปสู่จุดจบทันที
ดี เอาหล่ะ…ผมขอตัวไปคุยกับคนอื่นๆก่อน มู๋เจียนเฟิงพูดพร้อมกับเดินออกไป เย่เสี่ยวฉีนำน้ำส้มหนึ่งแก้วมาให้กับเย่คุนพร้อมพูดอย่างอ่อนหวานว่า น้ำสมสซักแก้วสิประธานเย่ มันดีกับร่างกายของคุณมากกว่าที่จะดื่มแอลกอฮอล์
คุณนี่ละเอียดอ่อนจริงๆ เย่คุนพูดพร้อมกับยื่นมือออกไปจับมือของเย่เสี่ยวฉีก่อนแล้วค่อยหยิบแก้วน้ำส้มทีหลัง
เย่เสี่ยวฉีแสร้งทำเป็นเขินก่อนจะพูดว่า ฉันเป็นของคุณแล้ว ถ้าฉันไม่ดูและคุณแล้วใครจะดูแลคุณหล่ะ
หืมมมแล้วคาโตะริวซุเกะหล่ะ คุณเอาเขาไปไว้ที่ไหน เขาได้ติดต่อคุณมาบ้างหรือเปล่า? เย่คุนถาม
เมื่อได้ยินชื่อของคาโตะริวซุเกะสายตาของเย่เสี่ยวฉีก็เปลี่ยนไปทันที เธอแสดงความไม่พอใจออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า อย่าพูดถึงไอ้บ้านั่นอีก เขาหลอกฉัน ตั้งแต่ตอนนั้นฉันก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้อีกเลย เย่เสี่ยวฉีพูดจบก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า แต่คุณอย่าเข้าใจผิดนะ การที่ฉันติดต่อเขาไปก็เพื่อบริษัทเท่านั้น มันเป็นเรื่องงาน ฉันไม่ได้พิษวาทผู้ชายพรรนั้นอีกต่อไปแล้ว
เย่คุนยิ้มก่อนจะพูดว่า ผมเคยบอกคุณไปแล้วว่าผู้ชายชาวญี่ปุ่นคนนี้ไว้ใจไม่ได้ ถ้าคุณเลือกที่จะอยู่กับผม ชีวิตคุณจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
ใช่ ตอนนี้ฉันเชื่อคุณแล้ว เย่เสี่ยวฉีพูดก่อนจะมองไปที่เย่คุนด้วยสายตาที่ยั่วยวน
ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปดูคู่แข่งของผม เย่คุนพูดพร้อมกับเริ่มเดินไปหาเซี่ยเหล่ยและเฉินตูเทียนหยิน
เย่เสี่ยวฉีเองก็เดินตามเย่คุนไปขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นเธอก็จ้องไปที่เซี่ยเหล่ยนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอเขาแต่แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกแต่ความรู้สึกของเธอก็บอกว่าเขาเหมือนคนคุ้นเคย เธอคิดว่าเขานั้นมีความสูงและรูปร่างคล้ายกับคาโตะริวซุเกะมาก เมื่อเธอเห็นท่าทางของเซี่ยเหล่ยก็ทำให้เธอคิดถึงคาโตะริวซุเกะเล็กน้อย
เซี่ยเหล่ยหันไปมองที่เย่เสี่ยวฉีด้วยเช่นกัน เขาสบตากับเธอหนึ่งครั้งก่อนจะหันไปมองทางอื่น เขายังคงแสดงได้ดีมากเหมือนกับว่าเขาไม่เคยเจอและไม่เคยรู้จักกับเธอมาก่อน
ผมหวังว่าคุณจะสบายดีมาโดยตลอดในช่วงเวลาที่เราไม่ได้เจอกันนะ คุณเซี่ย เย่คุนพูด ก่อนจะแอบยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปากเล็กน้อย
คุณเย่ เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมกับยิ้มก่อนจะพูดต่อว่า พวกเราเองก็รู้จักกันมาซักพักนึงแล้ว ดังนั้นเราเองก็เป็นเหมือนเพื่อนของคุณ ผมจึงอยากจะเตือนคุณซักเล็กน้อยในฐานะเพื่อน ผมเห็นโหงวเฮ้งในช่วงนี้ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ ดูเหมือนเร็วๆนี้คุณอาจจะมีเคราะห์นะ
ฮึ คุณดูโหงวเฮ้งเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่? เย่คุนพูดเยาะเย้ยก่อนจะพูดต่อว่า แต่ถ้าคุณพูดแบบนี้ ผมว่าคุณเองก็คงได้เวลาเปลี่ยนเส้นทางในการทำมาหากินซะแล้วแหละ ดีเลยผมว่าคุณควรไปเปิดร้านรับดูฮวงจุ้ยเลยก็ดีนะผมว่ามันจะต้องรุ่งอย่างแน่นอน
เซี่ยเหล่ยไม่หลงโกรธไปกับคำพูดยั่วยุของเย่คุน เขาตอบกลับไปอย่างเรียบง่ายโดยการเปลี่ยนประเด็นว่า โอ้ คุณเย่ ถุงใต้ตาของคุณค่อนข้างบวม ดูเหมือนช่วงนี้คุณจะพักผ่อนไม่เพียงพอสินะ เป็นเพราะใครงั้นเหรอ? พูดจบก็มองไปที่เย่เสี่ยวฉี
เย่เสี่ยวฉีไม่ได้สนใจอะไร เธอไม่ได้ตอบโต้
เย่คุนมองไปที่เฉินตูเทียนหยินก่อนจะพูดว่า เทียนหยิน ดูสิ่งที่สามึคุณพูดสิ มันไม่มีความเป็นจริงเอาซะเลย เขาจะดูโหงวเฮ้งเป็นได้ยังไง
เฉินตูเทียนหยินพูดอย่างไม่สนใจว่า สามีของฉันพูดเพราะเป็นห่วงคุณ ดังนั้นคุณควรที่จะฟังเขาหน่อยนะ
เฮ้ เฮ้ เฮ้ เย่คุนหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อว่า ผมว่าผมคงพูดกับผิดซะแล้ว คุณเป็นภรรยาของเขา ยังไงคุณก็ต้องเข้าข้างเขาสินะ พูดจบก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปพูดกับเซี่ยเหล่ยว่า เอาเถอะ เรามาคุยเรื่องธุรกิจกันดีกว่า คุณเซี่ย
คุณต้องการจะพูดอะไรกับผมงั้นเหรอ? เซี่ยเหล่ยถาม
งานนิทรรศการอาวุธจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ ผมจึงสงสัยว่าโรงงานของคุณจะผลิตอาวุธอะไรเพื่อมาจัดแสดงในงานหรือไม่? เย่คุนพูด
ทำไมผมจะต้องบอกคุณด้วย? เซี่ยเหล่ยพูดลองเชิง
เฮ้ คุณจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วยอย่างนั้นเหรอ? แต่ก็เอาเถอะ…ไม่เป็นไร ไม่รู้วันนี้ยังไงก็รุ้พรุ่งนี้อยู่ดี เย่คุนพูดก่อนจะพูดต่อว่า แต่ยังไงก็ตาม ผมต้องเตือนคุณไว้ก่อนเลยว่าในโลกของการทำธุรกิจ การลอกเลียนแบบเป็นสิ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาด หากคุณฝ่าฝืนหล่ะก็ คุณจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่แน่
คุณหมายความว่ายังไง? เซี่ยเหล่ยถามพร้อมแสดงท่าทางมึนงงและสงสัย ไม่รู้สิ เย่คุนพูดพร้อมกับหัวเราะก่อนจะพูดว่า คุณยังเด็กอยู่ เลยอาจจะไม่รู้ว่าผมต้องการจะสื่ออะไรก็ได้ แต่คงไม่นานหรอก คุณจะรู้เองเมื่อถึงเวลา
ฉันเกรงว่าจะมีบางคนที่คิดว่าตัวเองฉลาดมากจนไม่จำเป็นจะต้องเรียนรู้จากคนอื่นแล้วก็ได้ เย่เสี่ยวฉีพูดลอยๆ ดูเหมือนเธอต้องการช่วยเสริมให้กับเย่คุน
เซี่ยเหล่ยรู้ว่าเธอหมายถึงตัวเขาแต่เขาก็สงวนท่าทีและไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป
ในทางตรงกันข้าม เฉินตูเทียนหยินที่เข้าใจก็มองไปที่เย่เสี่ยวฉีก่อนจะพูดว่า คุณพูดอะไรของคุณ? คุณเป็นใคร?
เย่เสี่ยวฉีไม่ได้ตอบอะไร เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองตาของเฉินตูเทียนหยิน
เธอเป็นเลขาของผม คุณมีอะไรงั้นเหรอ? เย่คุนพูด
เฉินตูเทียนหยินพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า โอ้คุณเป็นเลขาของเขางั้นเหรอ เป็นแค่เลขาของเขาแต่กลับกล้ามาพูดจบอวดเบ่งกับผู้บริหารได้อย่างนั้นเหรอ? คนอย่างคุณไม่มีสิทธิหรอกนะ คุณควรจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรซะบ้าง
คุณ… เย่เสี่ยวฉีโกรธมากแต่เธอก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ เธอยังไม่มีความกล้าพอที่จะต่อสู้กับเฉินตูเทียนหยิน
พอได้แล้ว เดี๋ยวนี้คุณมีรสนิยมในข่มขู่และถากถางคนอื่นแล้วอย่างนั้นเหรอ? เย่คุนตอบโต้แทนเธอ เขายังพูดต่ออีกว่า แต่ตอนนี้คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ผมจะคอยดูต่อไปว่าความผยองที่คุณมีอยู่ตอนนี้จะไปได้ถึงไหน
คุณเองก็เช่นกัน เฉินตูเทียนหยินพูด
ระวังตัวไว้เถอะ เย่คุนทิ้งคำพูดก่อนจะพาเย่เสี่ยวฉีเดินออกไป
ไม่จำต้องพูดจาให้มากความไปมากกว่านี้เพราะพวกเขาไม่มีใครยอมใคร นี่ถือเป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่องระหว่างการต่อสู้ของพวกเขาในงานนิทรรศการครั้งนี้ก็แค่นั้น ในขณะที่เย่คุนพาเย่เสี่ยวฉีเดินออกไปแล้วนั้น เฉินตูเทียนหยินก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า ฉันอดคิดไม่ได้เลยว่าเขาจะมีสภาพยังไง หากเขากำลังตกอยู่ในกับดักของคุณ
ชู่วว เซี่ยเหล่ยยกนิ้วชี้ขึ้นมาปิดปากก่อนจะทำเสียงเพื่อต้องการให้เธอเงียบและอย่าพูดถึงเรื่องนี้ในเวลานี้
เฉินตูเทียนหยินเข้าใจและเธอก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ต่ออีก
เซี่ยเหล่ย! มีเสียงเรียกชื่อของเซี่ยเหล่ยดังมาจากด้านหลังของเขา
เซี่ยเหล่ยหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นถ่างยุนห่ายและถ่างหยู่เหยี่ยที่กำลังเดินมาหาเขา ถ่างหยู่เหยี่ยในวันนี้มาด้วยชุดราตรีสีขาวพร้อมกับปื่นปักผมที่สวยงามระยิบระยับ รอบคอของเธอก็ประดับด้วยสร้อยที่เซี่ยเหล่ยเคยมอบให้ เธอดูงดงามแบบคลาสสิค มันดูเรียบง่ายและอ่อนหวานแต่ก็ทรงเสน่ห์ในเวลาเดียวกัน
อาจจะพูดได้ว่าถ่างหยูเหยี่ยจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในงานก็ได้ถ้าเฉินตูเทียนหยินไม่ได้มาที่งานนี้
สายตาของเฉินตูเทียนหยินมองไปที่สร้อยคอของถ่างหยู่เหยี่ยและก็มองกลับไปที่สร้อยคอของตัวเองโดยไม่รู้ตัวเพราะมันมีความคล้ายคลึงกันมาก เธอรู้สึกเอะใจเล็กน้อยแต่ก็ปล่อยผ่านไปเพราะในงานก็มีผู้คนอีกมากมายที่สวมใส่สร้อยคอที่ทำมาจากพลอย นอกจากนี้เฉินตูเทียนหยินยังคิดว่าสร้อยคอของเธอนั้นพิเศษกว่าแน่นอนเพราะมันเป็นสร้อยที่เป็นสมบัติล้ำค่าของราชินี
อย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยรู้สึกปวดหัวทันทีที่เห็นถ่างหยู่เหยี่ยอยู่ในงานแห่งนี้ นอกจากนี้เขาก็อดคิดเรื่องสร้อยคอของเธอไม่ได้เช่นกันเซี่ยเหล่ยคิดในใจว่า ‘ทำไม ผู้อาวุโสและถ่างหยู่เหยี่ยถึงมาที่งานนี้ได้กันนะ พวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยนี่ หวังว่าการมาของพวกเขาจะไม่พาเรื่องเลวร้ายมาด้วยนะ’
ขณะนี้ถ่างยุนห่ายและถ่างหยู่เหยี่ยก็เดินมาถึงเซี่ยเหล่ยแล้ว อย่างไรก็ตามถัดไปด้านหลังของพวกเขาก็เป็นมู๋เจียนเฟิง
ในงานแห่งนี้แม้ว่าจะมีพื้นที่กว้างใหญ่แต่ก็ดูแคบมากจริงๆสำหรับเซี่ยเหล่ย