Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - 503 จากไปตลอดกาล
สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่านิทรรศการอาวุธยังไม่ถึงวันสุดท้ายแต่เย่คุนและมู๋เจียนเฟิงก็ไม่เข้ามาที่งานอีกเลยนับตั้งแต่วันเปิดตัวดังนั้นงานนิทรรศการในครั้งนี้สำหรับเซี่ยเหล่ยแล้วเหมือนกับม้าที่กำลังติดปีก นอกจากนี้ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะจัดตั้งทีมสืบสวนขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อสืบสวนสอบสวนเย่คุนและมู๋เจียนเฟิงโดยเฉพาะอีกด้วย
ในขณะนี้ภายในบริษัทของบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่นและบริษัทของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนทุกคนต่างก็อยู่ในสภาวะเคร่งเครียดและสภาวะเสี่ยง แต่อย่างไรก็ตามในเหตุการณ์นี้ยังมีอยู่หนึ่งคนที่ไม่รู้สึกอะไรเลยนั่นก็คือเย่เสี่ยวฉี เธอยังคงทำตัวตามสบายและไม่วิตกกังวลแม้แต่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ส่วนหนึ่งนั้นก็เป็นเพราะวันนี้จะเป็นวันที่คาโตะทาคาซึเกะจะมารับของตามที่ตกลงกันไว้ ดังนั้นเธอจึงอารมณ์ดีนอกจากนี้วันนี้เธอก็พยายามแต่งตัวให้ดูสวยที่สุดเป็นพิเศษเพื่อต้องการจะมัดใจคาโตะ ทาคาซึเกะไว้ให้ได้ตั้งแต่แรกเห็น
ณ ห้องทำงานของเย่คุน บริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่น
คุณมีความคิดยังไงเกี่ยวกับเลขาของคุณในตอนนี้? มู่เจียนเฟิงถามอย่างไม่พอใจ
เย่คุนตอบไปว่า ผมให้เงินปิดปากเธอไปแล้ว 500,000 หยวน เพื่อให้เธอปิดเรื่องทั้งหมดเอาไว้
ฮึ! มู๋เจียนเฟิงทำเสียงในลำคอก่อนจะพูดต่อทันทีว่า ผมต้องการคำตอบที่แน่ใจ ไม่ใช่แค่การคิดเอาเอง
เย่คุนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดผ่านโทรศัพท์ของสำนักงานว่า เสี่ยวฉีเข้ามาข้างในตอนนี้เลย
มีอะไร ? เย่เสี่ยวฉีพูดน้ำเสียงและคำพูดของเธอแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าเธอในขณะนี้ไม่เคารพเย่คุนเหมือนเมื่อก่อน
ด้วยน้ำเสียงและคำพูดของเธอทำให้เย่คุนไม่พอใจอย่างมาก เขาจึงทุบโต๊ะก่อนจะพูดอย่างไม่พอใจออกไปว่า ผมบอกให้คุณเข้ามายังไงหล่ะ…ไม่ได้ยินที่พูดยังงั้นเรอะ?
เย่เสี่ยวฉีวางสายก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของเย่คุนพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเฉื่อยชาว่า มีอะไรงั้นเหรอประธานเย่?
ให้คาโตะ ทาคาซึเกะมาที่นี่ทันที ผมจะดูท่าทีของเขา เย่คุนพูด
อย่างไรก็ตามเย่เสี่ยวฉียังคงชะงักอยู่ที่เดิมและไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น
ทำให้มู๋เจียนเฟิงพูดต่อว่า คุณเย่ คุณยังทำงานให้กับเย่คุนอยู่ ทำไมถึงแสดงทัศนคติที่ไม่เคารพต่อเจ้านายของคุณแบบนี้หรือคุณคิดว่าพอคาโตะ ทาคาซึเกะมาแล้ว คุณก็หวังจะสลัดเย่คุนและหันไปเกาะเขาแทนอย่างนั้นใช่มั้ย? ฉัน… เย่เสี่ยวฉีพูดแต่ก็ไม่จบ เธอไม่กลัวเย่คุนก็จริงแต่กับมู๋เจียนเฟิงนั้นไม่ใช่
ขณะเดียวกันนี้ดวงตาของมู๋เจียนเฟิงที่จ้องไปที่เย่เสี่ยวฉีก็เปลี่ยนไป มันกลายเป็นดวงตาที่ดูเย็นชาและกดดันฝ่ายตรงข้าม เขาใช้ดวงตาคู่นี้จ้องไปที่เย่เสี่ยวฉีอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า ผมจะบอกคุณไว้นะ ต่อให้เรื่องนี้จะทำให้เย่คุนตกต่ำไป แต่มันทำอะไรผมไม่ได้ นอกจากนี้สำหรับคุณ มันง่ายมากที่จะลบคุณให้หายไปจากโลกใบนี้โดยที่ไม่มีใครสงสัยอะไร
เย่เสี่ยวฉีแสดงใบหน้าที่เคร่งเครียดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยิ้มพร้อมกับพูดว่า คุณกำลังจะพูดอะไรงั้นเหรอประธานมู๋ ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรนอกเหนือจากที่พวกคุณบอกฉันเลย นอกจากนี้ฉันไม่มีทางหักหลังพวกคุณได้อยู่แล้ว
ดูเหมือนคุณจะเข้าใจดีอยู่แล้วนะ คุณเองก็เป็นผู้หญิงที่ฉลาดดังนั้นคุณน่าจะรู้นะว่าอะไรที่ควรพูดและอะไรที่ไม่ควรพูดเข้าใจใช่มั้ย? มู่เจียนเฟืงยังคงพูดอย่างกดดันต่อ
เย่เสี่ยวฉีพยักหน้าก่อนจะพูดต่อว่า แน่นอน ฉันเข้าใจ เชื่อมือฉันได้เลย ฉันจะไม่พูดอะไรที่ไม่จำเป็น
ถ้าอย่างนั้นคุณจะรออะไร โทรเรียกคาโตะ ทาคาซึเกะมาที่นี่เดี๋ยวนี้ มู๋เจียนเฟิงพูดต่อ
เย่เสี่ยวฉีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที ก่อนจะกดหมายเลขโทรศัพท์เพื่อโทรหาคาโตะ ทาคาซึเกะ
‘บ้าเอ๊ยย!’ เย่คุนสบทเงียบๆคนเดียว
สิบวินาทีต่อมาหลังจากกดโทรออก ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มก็ค่อยๆจางหายไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็กลายเป็นใบหน้าที่หม่นหมอง เนื่องจากหมายเลขที่โทรออกไปนั้นเป็นเบอร์โทรศัพท์ของคาโตะ ทาคาซึเกะที่เคยใช้ติดต่อได้จริงแต่ในตอนนี้โอเปอร์เรเตอร์กลับตอบว่านี่คือหมายเลขที่ยังไม่เปิดให้บริการ เกิดอะไรขึ้น? เย่คุนถามด้วยความสงสัยเนื่องจากเห็นปฏิกิริยาของเย่เสี่ยวฉีเปลี่ยนไป
เย่เสี่ยวฉีตอบไปว่า ท่านประธาน…ฉันไม่สามารถติดต่อเขาได้
คุณกับคาโตะ ทาคาซึเกะสนิทกันมากไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงติดต่อเขาไม่ได้? มู่เจียนเฟิงเองก็ถามด้วยความสงสัยเช่นกัน
ฉันคิดว่าใช่ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่ามันไม่มากพอ เย่เสี่ยวฉีพูดอย่างผิดหวัง
ขณะนั้นจู่ๆโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเย่คุนก็ดังขึ้น
เย่คุนกดลำโพงก่อนจะรับสายพร้อมกับพูดขึ้นว่า มีอะไร?
ปลายสายเป็นเสียงของผู้ชายดังออกมาจากลำโพงว่า ประธานเย่ มีชาวอาหรับหลายคนปรากฏตัวขึ้นที่ประตูเอ และ…
และอะไร? เย่คุนถามแทรก และเซี่ยเหล่ยแห่งโรงงานผลิตอาวุธอาชาสายฟ้า ชายคนนั้นพูดก่อนจะพูดต่ออีกว่า เขาต้องการพบคุณ แต่ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการพบเขาหรือไม่ดังนั้นจึงโทรมาถามก่อน
ปล่อยให้เขาเข้ามา! เย่คุนพูดจบก็วางสายทันที
มู๋เจียนเฟิงที่ได้ยินทุกอย่างนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาว่า ชายชาวอาหรับงั้นเหรอ? พวกเขาอาจเป็นลูกค้าที่ซื้อปืนไรเฟิลจู่โจมเฉิงหวู่ก็ได้ว่าแต่ทำไมเขาถึงมากับเซี่ยเหล่ยได้หล่ะ?
ใบหน้าของเย่คุนเต็มไปด้วยความโกรธก่อนจะพูดขึ้นว่า ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ไอบ้านั่นเป็นแค่เจ้าของโรงงานเล็กๆแต่กล้ามาเหยียบบริษัทของเราถึงที่แบบนี้ เขาช่างหยิ่งเหลือเกิน!
เป็นแค่เจ้าของโรงงานเล็กๆ นั่นเป็นคำที่สามารถใช้เรียกเซี่ยเหล่ยในอดีตได้แต่ไม่ใช่กับตอนนี้เพราะเขาได้รับตำแหน่งกิตติมศักดิ์จากประเทศ นอกจากนี้เขายังมีคนคอยหนุนหลังซึ่งเป็นระดับผู้บริหารอีกต่างหาก เซี่ยเหล่ยในตอนนี้เรียกได้ว่าไม่ใช่คนที่ใครจะแตะต้องได้ง่ายๆแล้วด้วยซ้ำ
ภายใต้การนำของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทยุทโธปกรณ์ฮั่นทำให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีพวกเขาก็มาถึงหน้าห้องทำงานของเย่คุน
นอกจากเซี่ยเหล่ยแล้วก็ยังมีชายชาวอาหรับอีกสามคนซึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวและมีผ้าคลุมศีรษะสีขาวคลุมไว้
หนึ่งในสามคนนั้นคือเจ้านายของอีกสองคนที่เป็นผู้ช่วยซึ่งกำลังเดินตามเขาอยู่ ผู้ช่วยคนหนึ่งกำลังถือกระเป๋าเอกสารและเดินอยู่ด้านข้างเยื้องไปด้านหลังของผู้เป็นเจ้านาย ที่เป็นแบบนี้เพราะในประเทศอาหรับจะให้ความสำคัญกับชนชั้นวรรณะเป็นอย่างมากคนที่มีฐานะต่ำกว่าไม่มีสิทธิจะเดินนำหน้าหรือเทียบเคียงคนที่มีฐานะสูงกว่า
ผู้ที่เป็นเจ้านายดูค่อนข้างเด็กมากดูเหมือนเขาจะมีอายุอยู่ช่วงสามสิบปีหรืออาจจะมากกว่านั้นเล็กน้อย เขามีดวงตาสีฟ้า มีใบหน้าที่ยาวและค่อนข้างตอนนอกจากนี้เขาก็ยังไว้หนวดเคราพอประมาณ เมื่อมองไปที่เขาจะพบว่าเขาดูดีมากทีเดียว
เซี่ยเหล่ยแนะนำตัวทันทีเมื่อเข้าไปในห้องทำงานของเย่คุนเขาพูดขึ้นว่า ประธานเย่ ประธานมู๋ ผมจะแนะนำให้พวกคุณได้รู้จักกับคาลิฟา มูฮัมมัด เจ้าชายแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตามประเพณีแล้ว เราจะเรียกเขาว่า ‘เจ้าชายคาลิฟา’
มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนตะลึงทันทีที่ได้ยิน เขาไม่คิดว่าคนระดับเจ้าชายจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เจ้าชายคาลิฟาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดเป็นภาษาจีนด้วยความหยิ่งทนงตนว่า สวัสดี ท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย
เย่คุนในขณะนี้อยู่ในอาการสับสนและมึนงง เขาไม่มีอารมณ์ที่จะมาเอาใจเจ้าชายเขามองไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่หยาบคายว่า คุณมาที่นี่เพื่ออะไร…เซี่ยเหล่ย? ที่นี่ไม่ต้องรับคุณหรอกนะ?
เซี่ยเหล่ยยักไหล่ก่อนจะพูดว่า ผมมาที่นี่เพื่อเจ้าชายคาลิฟาในการจัดการเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงในการซื้อขายระหว่างบริษัทของคุณกับบริษัทของเจ้าชาย
มู๋เจียนเฟิง เย่คุนและเย่เสี่ยวฉีต่างก็หันมาสบตากันทันทีทั้งสามคนรู้ว่าคาโตะ ทาคาซึเกะเป็นผู้เซ็นสัญญากับพวกเขาแต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าเซี่ยเหล่ยรู้และเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?
ทันใดนั้นหนึ่งในผู้ช่วยของเจ้าชายคาลิฟาก็พูดขึ้นว่า ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวก่อนก็แล้วกัน ผมมีชื่อว่าอลี คานเป็นผู้ช่วยของเจ้าชาย เจ้าชายของเราพูดภาษาจีนได้ไม่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพูดกับพวกคุณได้โดยตรง ดังนั้นเจ้าชายของเราจึงได้มอบสิทธิ์ต่างๆให้กับคุณเซี่ยเหล่ยในการจัดการพูดคุยทั้งหมด เขาจะเป็นตัวแทนให้กับเจ้าชายของเราสำหรับการเจรจากับพวกคุณ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เย่คุนพูดพร้อมใบหน้าที่มืดมนก่อนจะพูดต่อว่า แล้วชาวญี่ปุ่นคนนั้นล่ะ คาโตะ ทาคาซึเกะหล่ะเขาหายไปไหน? ผมรู้ว่าคุณเข้าใจว่าผมกำลังหมายถึงใคร
คาโตะ ทาคาซึเกะงั้นหรือ ? เมื่อเขากลับไปที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เขาก็หายตัวไปพร้อมกับที่เราก็ได้รับจดหมายเรียกค่าไถ่อย่างไรก็ตามเราไม่ได้ดำเนินการอะไรกับผู้ก่อการร้ายเพราะแม้ว่าเขาจะเป็นพนักงานของเราแต่เขาไม่ใช่คนของประเทศเรา ดังนั้นเราไม่อยากจะเอาบริษัทไปเสี่ยงกับพวกมัน อลี คานพูด
เป็นไปได้ยังไง? เย่เสี่ยวฉีพูดอย่างไม่พอใจก่อนจะพูดต่ออย่างกับคนที่กำลังจะสูญเสียไปว่า ช่วยเขาสิ! ไปช่วยเขาตอนนี้เลย!
อลี คานพูดอย่างไม่ใส่ใจ เราต้องแสดงความเสียใจกับเรื่องนี้ด้วยแต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่สามาระจัดการอะไรให้ได้ นอกจากนี้นับตั้งแต่วันที่เราได้รับข่าวมา มันก็หลายวันแล้ว ตอนนี้เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้
คุณ… อ๊ากก … เย่เสี่ยวฉีส่งเสียงครวญครางและร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง
ตั๋วใบสุดท้ายที่จะส่งเธอไปสู่ชีวิตที่หรูหราได้หายไปเสียแล้ว!
หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้! เย่คุนพูดด้วยความโกรธก่อนจะพูดต่อว่า เขาก็แค่คนที่คุณเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน ไม่ใช่พ่อหรือแม่ของคุณซักหน่อย จะร้องไห้อะไรมากมายขนาดนั้น?
ฉัน… เย่เสี่ยวฉีกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดและก็พยายามหยุดร้องไห้
เดี๋ยวนะ! มู๋เจียนเฟิงพูดพร้อมกับมองไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดต่อว่า แม้ว่าคาโตะ ทาคาซึเกะจะหายตัวไปแล้ว แต่ทำไมอำนาจหน้าที่ในการเจรจาและตัดสินใจถึงมาอยู่ในมือของคุณได้
คุณก็ได้ยินแล้วนี่…ประธานมู๋ เจ้าชายคาลิฟาให้สิทธิกับผมในการจัดการ ผมอุตส่าห์ได้รับเกียรติขนาดนี้แล้วจะปฏิเสธได้อย่างไร?
แล้วเจ้าชายคาลิฟา หาคุณเจอได้ยังไง? รู้จักคุณได้ยังไง…แล้วทำไมถึงต้องเป็นคุณด้วย? มู๋เจียนเฟิงจ้องไปที่เจ้าชายคาลิฟาด้วยความสงสัย
เซี่ยเหล่ยหัวเราะ ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ประธานมู๋แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็สามารถตรวจสอบทุกอย่างได้ คุณสามารถตรวจสอบกับยูเออีได้ว่าคาโตะ ทาคาซึเกะนั้นเป็นพนักงานและทำงานให้กับเจ้าชายจริงนอกจากนี้เจ้าชายคาลิฟาเองก็มีตัวตนจริงและเป็นเจ้าของบริษัทจริง คุณก็รู้แล้วว่าบริษัทของเขาคือดีเสริจน์ กาเดี้ยนดังนั้นแม้ว่าคาโตะ ทาคาซึเกะจะหายหรือตายไปแล้วแต่สัญญาก็ยังคงมีผลอยู่ตามกฎหมายซึ่งผมก็ได้รับหน้าที่ต่อจากเขา เอาหล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า?
มู๋เจียนเฟิงและเย่คุนมีสีหน้าที่มืดมนทันทีเพราะดูเหมือนการวางแผนทั้งหมดของพวกเขาจะสูญเปล่า!
เอาล่ะ ผมจะพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยก็แล้วกันบริษัทดีเสริจน์ กาเดี้ยน ได้สั่งซื้อปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 นอกจากนี้พวกเขาที่เสียคาโตะ ทาคาซึเกะไปและต้องการความช่วยเหลือ พวกเขาจึงยื่นโอกาสและข้อเสนอให้กับผมเพราะเล็งเห็นว่าการที่ได้คนในประเทศเดียวกันคอยเป็นธุระจัดการให้คงจะดีกว่าส่งคนของเขามาอีก ดังนั้นเราจึงทำข้อตกลงกัน และแน่นอนลูกค้าชาวตะวันออกกลางเป็นที่รู้กันดีว่าพวกเขากระเป๋าหนักและใจถึงขนาดไหน เมื่อมีโอกาสผมจึงรับข้อเสนอทันที
เย่คุนพูดขึ้นต่อทันทีว่า โอเค งั้นเรากลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่า ตอนนี้ปืนของเราอยู่ในโกดังและพร้อมส่งได้ตลอดเวลา คุณเตรียมเรื่องเงินที่ต้องชำระไว้แล้วหรือยัง? ตามสัญญาคุณจะต้องจ่ายก่อน 50% ของราคาทั้งหมดและส่วนที่เหลือก็จะจ่ายอีกครั้งในการจัดส่งรอบต่อไป
เซี่ยเหล่ยหัวเราะเบาๆก่อนจะพูดว่า คุณอลี คาน ประธานเย่คนนี้ต้องการให้ท่านยอมรับข้อบกพร่องที่ร้ายแรงในผลิตภัณฑ์ปืนไรเฟิลของเขาแถมยังต้องการให้ท่านจ่ายเงินก่อน 50% ของยอดสั่งซื้อทั้งหมด ท่านจะยอมรับหรือไม่?
อลี คานถ่ายทอดคำพูดให้กับเจ้าชายคาลิฟา
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เจ้าชายคาลิฟาพูดเป็นภาษาอังกฤษเพียงคำสั้นๆเท่านั้น
เย่คุนและมู๋เจียนเฟิงแสดงท่าทีหงุดหงิดและไม่พอใจอย่างมากทันที…