Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1409
ณ เรือนพักของเย่หยวน สีหน้าของอัสนีคำรนดูอึดอัดไม่ค่อยสู้ดีนัก
เมื่อตอนที่อยู่ในดินแดนลึกลับ เขายังกระฉับกระเฉงเดือดดาลและสาบานต่อหน้าเย่หยวนว่า ตนจะเอาผิดฉินเทียนและพวกตระกูลฉินให้ถึงที่สุด แต่ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายจะจบลงแค่ตักเตือนและมิได้ดำเนินการอันใดอีกเลย
“เย่หยวน เจ้าสร้างผลลงานโดดเด่นอย่างมากให้แก่เมืองหลวงหวูเมิง นี่คือรางวัลที่ท่านเจ้าเมืองมอบให้เจ้า!” อัสนีคำรนกล่าว
รางวัลที่เจ้าเมืองให้มาก็มิได้น่าเกลียดเลย คะแนนหนึ่งแสนห้าหมื่นแต้ม พร้อมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสองชั้นต่ำอีกห้าสิบเม็ด รวมไปถึงเกราะอ่อนซึ่งเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เลิศล้ำ! หนึ่งแสนแต้มก่อนหน้าเย่หยวนได้รับมือเขาใช้หมดไปแล้ว ดังนั้นหนึ่งแสนห้าหมื่นแต้มที่ให้เย่หยวนมาในรอบนี้เปรียบเสมือนส่งถ่านหินกลางหิมะอย่างแท้จริง!
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเกราะอ่อนที่เป็นถึงเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เลิศล้ำ ประสิทธิภาพการป้องกันสูงส่ง ต้านรับการโจมตีของเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้อย่างสบายๆ เว้นเสียแต่ว่าการจะหลอกเย่หยวนหาใช่เรื่องง่าย เห็นของรางวัลเหล่านี้เขาคลี่ยิ้มบางเอ่ยขึ้นว่า “ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า อิทธิพลของตระกูลฉินจะยอดเยี่ยมปานนี้ และยังทำให้ท่านอาจารย์อัสนีคำรนเข้าตาจนด้วยเช่นกัน”
อัสนีคำรนยังไม่ทันเอ่ยเล่าถึงเหตุการณ์ในตอนที่ไปพบท่านเจ้าเมือง แต่เย่หยวนกลับคาดเดาทุกอย่างได้แล้วจริงๆ ได้ฟังเช่นนั้นพลันฉายแววประหลาดใจ เจ้าหนุ่มคนนี้ฉลาดหัวไวโดยแท้
เดิมทีเขาวางแผนให้ท่านเจ้าเมืองเป็นคนลงมือจัดการปัญหาทุกอย่างให้เสร็จสิ้นไป และตบรางวัลเย่หยวนอย่างงาม ทว่าหากพินิจมองสถานการณ์ในตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว
ในเมื่อเย่หยวนเปิดหน้าไพ่ขนาดนี้ อัสนีคำรนเองก็ไม่มีอะไรจะปิดบังเช่นกัน เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่และกล่าวว่า “ตระกูลฉินเป็นหนึ่งในตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองหลวงหวูเมิ่ง แถมยังเคยเป็นเจ้าเมืองหลวงหวูเมิ่งอีกด้วย! ดังนั้นอิทธิพลอำนาจของตระกูลฉินจนขจรกว้างขวางไปทั่วทุกมุมเมือง หากท่านเจ้าเมืองคิดตะลงมือเคลื่อนไหว จำต้องชั่งใจหนักเช่นกัน”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า “เป็นเช่นนั้นนี่เอง ขอบคุณท่านอาจารย์อัสนีคำรนที่รุดมาหา”
อัสนีคำรนแปลกใจไม่น้อยที่เห็นปฏิกิริยา เดิมทีเขาคิดว่เย่หยวนอาจใช้วาจาตำหนิตนด้วยความโกรธเกรี้ยว ที่ทำไม่ได้อย่างที่พูดไว้ แต่ใครจะไปคิด เย่หยวนกลับรับฟังและข้ามเรื่องนี้ไปหน้าตาเฉย
เย่หยวนแตกต่างไปจากเยาวชนคนอื่นอย่างแท้จริง
อัสนีคำรนถอนหายใจลากเสียวยาว หากเย่หยวนเลือกที่จะไม่กล่าวเช่นนี้ต่อ เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะตอบคำต่อประโยคอย่างไรต่อ
“ฮ่าๆ เจ้าสุภาพเกินไปแล้ว! หวังว่าเจ้าจะไม่เก็บเรื่องนี้ไปคิดมาก ขอเพียงเจ้าตั้งใจฝึกปรือให้ดี ท้ายที่สุดนี้ผู้ที่มีอำนาจตัดสินมากที่สุดก็ยังคงเป็นท่านเจ้าเมือง!” อัสนีคำรนกล่าวตอบอย่างไม่กล้าสู้หน้านัก
เย่หยวนพยักหน้าและยิ้มกล่าวว่า “เย่หยวนเข้าใจดี! หลังจากนี้อีกสักพักหนึ่ง ข้าวางแผนที่จะออกไปฝึกปรือภายนอก ไม่ทำให้ท่านอาจารย์อัสนีคำรนผิดหวังแน่นอน”
คล้อยหลังได้ยินแบบนั้น สีหน้าของอัสนีคำรนแปรเปลี่ยนฉับพรันและกล่าวว่า “ออกไปฝึกปรือภายนอก? เจ้าเพิ่งเลื่อนระดับขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นสุด รอทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเต็มตัวก่อนก็ยังไม่สายที่จะออกไป! เดินทางออกไปตอนนี้เกรงว่าเสี่ยงอันตรายเกินไป!”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์อัสนีคำรนโปรดวางใจ เย่หยวนมีแผนเตรียมรับมือแล้ว”
เมื่อเห็นว่าเย่หยวนได้ตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว เขาทำได้เพียงนึกถึงความแกร่งกล้าอันน่าทึ่งของอีกฝ่ายในครานั้น ก่อนพยักหน้ากล่าวว่า “เอาล่ะ เช่นนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้มาก นี่คือยันต์ประกายอัสนีสวรรค์ทั้งสามชิ้นที่ข้าหลอมสร้างขึ้นมาเอง เจ้าสิ่งนี้สามารถช่วยเพิ่มความเร็วของเจ้าเป็นหลายสิบทวีเท่า และยังเร็วกว่าดาบบินของเจ้ามาก สิ่งนี้อาจพอช่วยเหลือเจ้าได้ในยามฉุกเฉิน”
อัสนีคำรนหยิบยันต์สีเหลืองทองออกมาให้สามแผ่นและส่งให้เย่หยวน รัศมีกลิ่นอายธาตุอัสนีอันทรงพลังเปี่ยมล้นเป็นประกายาสุดแกร่งกร้าว
เย่หยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็รับยันต์ประกายอัสนีสวรรค์มาโดยไม่ลังเลและกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย
“เช่นนั้น เย่หยวนคนนี้ต้องขอบคุณท่านอาจารย์อัสนีคำรนเป็นอย่างยิ่ง!”
หลังจากที่อัสนีคำรนจากไป ใบหน้าเย่หยวนพลันมืดลงทันที เขารู้สึกได้ว่าเรื่องนี้กลับจบไม่ง่ายอย่างที่คิด!
ขุมกำลังอำนาจของตระกูลฉินในเมืองหลวงหวูเมิ่งค่อนข้างแข็งแกร่งอย่างมาก ในจุดนี้เย่หยวนประจักชัดแจ่มแจ้งดีแล้วรากฐานอันหยั่งลึกของตระกูลฉิน แม้แต่ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าก็ยังต้องให้ความเกรงใจ?
ดูเหมือนว่าเรื่องราวระหว่างเมืองหลวงหวูเมิ่งกับตระกูลฉินจะมิใช่เรื่องเล็กน้อยเลย
“ในความเห็นของข้า ดูเหมือนทางฝ่ายเจ้าเมืองต้องการมอบสิ่งของเหล่านี้เพื่อปลอบโยนและต้องการให้เจ้ากับตระกูลฉินอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เขาไม่ต้องการสร้างความขุ่นเคืองให้แก่ทั้งสองฝ่าย” หวูเฉินกล่าว
เย่หยวนแสยะยิ้มชืดและกล่าวว่า “ไม่อยากให้ตระกูลฉินขุ่นเคือง แต่ตอบแทนข้าแบบนี้? ข้าช่วยให้เขาได้รับโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ไปครอง แต่กระทั่งออกหน้ามาพบเจอข้ายังไม่มี ในสายตาอีกฝ่าย ข้าคงเป็นศิษย์ธรรมดาทั่วไป ย่อมให้ท้ายตระกูลฉินมากกว่าอยู่แล้ว”
หวูเฉินพยักหน้ากล่าวตอบว่า “สิ่งที่เจ้ากล่าวนั้นถูกต้องแล้ว! ในอนาคตต่อไปหาเจ้าเมืองนันเล็งเป้ามาทางเจ้าเมืองใด ยามนั้นเจ้าจะต้องอยู่ในอันตรายทันที”
เย่หยวนยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “เจ้าเมืองหลวงหวูเมิ่งคนนี้ทำให้ข้าผิดหวังเสียจริง! ตอนนี้ข้าทั้งรักทั้งเกลียดเมืองหลวงหวูเมิ่งโดยแท้!”
ท้ายที่สุดนี้ ที่สยบดาราของเย่หยวนเกิดขึ้นได้ก็เพราะสถานศึกษาหวูเมิ่ง นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนมากมายจากที่แห่งนี้อีก แต่วิธีการที่เจ้าเมืองหลวงหวูเฉินใช้แก้ปัญหาในคราวนี้ กลับทำให้เย่หยวนค่อนข้างผิดหวังเป็นอย่างมาก
เย่หยวนได้มอบกระบวนดาบสยบดาราให้ขึ้นเป็นหนึ่งในเจ็ดสุดยอดวิชาลับแห่งสถานศึกษาหวูเมิ่ง และยังสร้างความภาคภูมิใจให้แก่เมืองหลวงหวูเมิ่งอีกโดยการคว้าอันดับหนึ่งของงานชุมนุมร้อยเมืองมา นี่อาจกล่าวได้ว่า เย่หยวนชำระหนี้บุญคุณคืนให้แก่สถานศึกษาหวูเมิ่งมากเกินพอแล้ว
แค่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่เพียงเม็ดเดียวก็มีค่ากว่าหลายเขตเมืองรวมกันแล้ว!
แต่ท้ายที่สุดนี้ สิ่งที่เย่หยวนได้กลับมาคือผลลัพธ์อันน่าผิดหวัง
หวูเฉินกล่าวว่า “เจ้าควรระมัดระวังตัวให้มากในอนาคตต่อไป อย่าไปมีเรื่องกับตระกูลฉินอีก มิฉะนั้นเจ้าเมืองนั้นจะเคลื่อนไหวอย่างไร พวกเรากลับไม่มีทางทราบได้เลย!”
…
เย่หยวนฝึกปรืออยู่ในสุสานดาบระดับห้าเป็นเวลานานถึงห้าปีเต็ม! และห้าปีต่อมา ในที่สุดสยบดาราก็หลอมสร้างเสร็จสมบูรณ์! เกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา เย่หยวนก็สามารถหลอมสร้างกระบวนท่าแรกของเพลงดาบสวรรค์เบิกฟ้าได้สำเร็จ ในตอนนี้ เมื่อเย่หยวนสำแดงใช้สยบดาราผนวกกับบัญญัติเทพแห่งถงเทียนเต็มกำลัง เขามั่นใจยิ่งว่าตนมิได้ด้อยกว่าเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าแน่นอน!
ทั้งวรยุทธ์ต่อสู้และวรยุทธ์บ่มเพาะพลังของเขาที่ได้รับการพัฒนาขึ้นนี้ มันเพียงพอแล้วที่จะชดเชยช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างอาณาจักรปฐมพระเจ้าและอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้ อย่างน้อยที่สุดเขาก็พอมีพลังที่จะต่อกร
เย่หยวนเดินทางออกจากสุสานดาบและตรงไปยังหอยุทธต่อทันทีเพื่อรับภารกิจของสถานศึกษา
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หยวนเดินทางมาที่นี่ ซึ่งศิษย์ชั้นในผู้มีหน้าที่ดูแลในส่วนนี้ก็รู้จักเย่หยวนเป็นอย่างดี เห็นเขารุดมาที่นี่จึงเอ่ยถามพลางหัวเราะขึ้นว่า “โอ้ ลมอะไรพัดอันดับหนึ่งแห่งงานชุมนุมร้อยเมืองมาที่นี่ได้? หุหุ ศิษย์น้องเย่ยังไม่ทันเข้าเป็นศิษย์ชั้นใน หากให้ข้าเดา เจ้าคงมารับภารกิจระดับสูงแล้ว?”
เย่หยวนยิ้มตอบว่า “ศิษย์พี่อาวุโสช่างรู้ทัน ข้ามีแผนจักออกไปฝึกปรือภายนอกสักครา ไม่ทราบว่าท่านมีรายการภารกิจในส่วนนี้ให้ข้าดูหน่อยหรือไม่?”
สีหน้าการแสดงออกของศิษย์ชั้นในคนนั้นแปรเปลี่ยนไปทันที เขากล่าวอย่างจริงจังขึ้นว่า “ศิษย์น้องเย่มีแผนจะออกไปฝึกปรือด้านนอก? ภารกิจระดับนี้จัดได้ว่าเสี่ยงอันตรายกว่าภารกิจระดับสูงทั่วไปมาก ต่อให้เป็นศิษย์ชั้นในยังมีอัตรารอดชีวิตกลับมาต่ำมาก! ข้าทราบดีว่าเจ้าทรงพลังปานใด แต่…โลกภายนอกตัวแปรกลับมากมายนัก เจ้าไม่ควรเสี่ยงอันตรายขนาดนี้ ลองเลือกดูภารกิจระดับสูงอื่นแทนดีหรือไม่?”
เย่หยวนเห็นถึงความวิตกกังวลของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนและนี่ก็หาใช่การเสแสร้งแต่อย่างใด เขารู้สึกซาบซึ้งไม่น้อยเลยที่ศิษย์ชั้นในคนนี้มีน้ำใจเป็นห่วงเป็นใย เรื่องนี้เองก็ว่าไม่ได้ เพราะชื่อเสียงของเย่หยวนก็ดังกระฉ่อนมากในบรรดาศิษย์ชั้นในทั้งหลาย เรียกได้ว่าทุกคนต่างเลื่อมใสนัก
ท้ายที่สุดนี้ เย่หยวนช่วยให้เมืองหลวงหวูเมิ่งคว้าชัยในงานชุมนุม แถมยังล่าสังหารพวกเมืองหลวงจั้วเซียงจนไม่เหลือ วีรกรรมในครั้งนี้ทำให้ศิษย์ทุกคนของสถานศึกษาหวูเมิ่งเชิดหน้าชูตาขึ้นได้อีกครั้ง
ไม่นานหลังจากนั้น บารมีแผ่ไพศาล ทุกคนต่างเลื่องลือวีรกรรมของเย่หยวนในครั้งนี้จนเซ็งแซ่ไปทั่วทุกมุมเมืองดังนั้นแล้ว จึงไม่มีศิษย์พี่อาวุโสคนนั้นไม่เต็มใจเข้าหาผูกมิตร พวกเขาล้วนแล้วแต่ปฏิบัติกับเย่หยวนดั่งพี่น้องด้วยความอบอุ่น
เย่หยวนยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้นและกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของศิษย์พี่อาวุโส แต่หลังจากอยู่ฝึกฝนภายในสถานศึกษาเป็นเวลานาน ข้ารู้สึกถึงปัญหาคอขวดที่ข้ามไม่พ้นเสียที จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ข้าต้องออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์บนโลกภายนอกเสียบ้าง”
………………………………………………..