Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1436
“ผู้อาวุโสระดับสูง รับไป!”
เย่หยวนชักนำกระแสพลังสายหนึ่งกรอกเทพเข้าฝ่ามือ ซัดก้อนทรายม่วงทองขนาดใหญ่และหนักอย่างหาที่เปรียบไม่บินตรงไปยังต้วนเฟย สีหน้าต้วนเฟยรวนเรแปรเปลี่ยนอยู่หลายหน จนท้ายที่สุดตั้งท่าเตรียมรับพร้อมโยนมันลงแหวนเก็บของทันที
แต่ในขณะนี้เอง สีหน้าการแสดงออกของทุกคนบิดเบี้ยวน่าเกลียดเกินพรรณนา ทั้งด้านหน้าและด้านหลังสะพานหินถูกพวกยักษ์หินโลกันตร์ดักไว้ทุกที่ทุกทาง ยักษ์หินโลกันตร์เหล่านี้ล้วนกอปรกลิ่นอายสุดแกร่งกล้าทรงพลังไร้เทียมทาน เห็นได้ชัดแจ้ง หาใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการให้สิ้น
“โดยปกติแล้ว จะมียักษ์หินโลกันตร์คอยคุ้มกันทรายม่วงทองแค่ตัวหรือสองตัวมิใช่รึ? ไฉนถึงมีมากมายปานนี้ได้?”
“นี่… กลิ่นอายของพวกมันกล้าแกรงยิ่ง มีจำนวนไม่น้อยทัดเทียมได้กับอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า! เรา…เราตายแน่นครานี้!”
“พวกเจ้าดูนั้น! ข้างล่างยังมีพวกมันอีก! พวกมัน…พวกมันกำลังปีนขึ้นมา!”
ทันทีทันใดทุกคนต่างกดสายตามองลงไปใต้สะพานหินในทันใด ก่อนพบว่ายังมียักษ์โลกันตร์อีกจำนวนมากที่กำลังปีนไต่ขึ้นมาจริงๆ! ด้วยเหตุนี้กล่าวได้ว่า พวกเขาทั้งหมดถูกยักษ์หินโลกันตร์ล้อมไว้ทั่วสารทิศโดยสมบูรณ์!
รอยยิ้มเยียบเย็นกระตุกฉีกกว้างบนมุมปากเย่หยวน เขาตะโกนลั่นน้ำเสียงเดือดดุว่า “ตามข้ามา! เร็วเข้า!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ เย่หยวนก็กระชับดาบพิชิตมารฟ้าแน่นอนและปราดพุ่งออกไปประจันหน้ากับเหล่ายักษ์หินโลกันตร์ที่อยู่ตรงหน้าทันที เหล่าเซียนของวังเทวะรัตติกาลฉายไม่มีลังเลแม้สักนิด แต่ละคนรีบพุ่งติดตามเย่หยวนไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งทิศทางที่กำลังมุ่งหน้าไปนั้นคือส่วนลึกของซากอักขระเทวะ
ชวิ้ง!
เย่หยวนดับสังหารฟาดฟันยักษ์หินโลกันตร์ไปหนึ่งกระบวนใหญ่ คมคลื่นสยบดาราเข้าปะทะกับร่างกายอันแกร่งกร้าวดุจเหล็กกล้า ประกายไฟสาดกระเซ็นออกมา ยักษ์หินโลกันตร์ตนนั้นยกกำปั้นขึ้นและทุบใส่เย่หยวนสุดแรง ทว่าหมัดยังไม่ทันลุถึง กลับเป็นกระแสพลังศาสตร์แห่งเปลวไฟอันทรงพลังบดขยี้บีบเย่หยวนแทน! เป็นศาสตร์แห่งเปลวไฟที่แข็งแกร่งมาก!
ขั้วหัวใจเย่หยวนเฉียบเย็นสุดขั้วชั่วขณะ นี่เป็นเพียงยักษ์หินโลกันตร์อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นเท่านั้น แต่มันกลับทรงพลังยิ่งจนแทบบดขยี้ผู้คึนในระดับพลังเดียวกันได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเย่หยวนจะตื่นตกใจไม่น้อยกลับภาพฉากตรงหน้า แต่เขาก็มิได้ขวัญหายเสียรูปกระบวนอย่างใด ยามนั้นฟาดสะบั้นสยบดาราไปอีกระลอก!
บูมมม!
กำปั้นหินแหลกระเบิดโดยตรง ในขณะที่เย่หยวนเคลื่อนไหวจู่โจม แขนข้างหนึ่งของยักษ์หินโลกันตร์ตัวนั้นก็ด้วนไปทันที
“เหล่าผู้อาวุโส ตรึงพวกยักษ์หินไป่ก่อน ส่วนที่เหลือรอจังหวะเข้าพิฆาตทันที!” เย่หยวนตะโกนสั่งการโดยไว “รับทราบ!” ทุกคนเอ่ยปากรับคำทันที
แต่คล้อยหลังที่พ่วงท้ายอยู่นั้นเอง สีหน้าของต้วนเฟยมืดทมิฬลงเล็กน้อย เขากล่าวว่า “พวกเราจะไปด้วย!” ทว่าสุ้มเสียงยังไม่ทันจางหาย กลับมียักษ์หินโลกันตร์สุดแกร่งกล้าตัวหนึ่งพุ่งออกมาจากบ่อหินหนืดข้างใต้ เข้าประจันหน้ากับต้วนเฟยโดยตรง สีหน้าการแสดงออกของต้วนเฟยพลันผลันแปรในทันใด เขาอุทานร้องลั่นด้วยความตกตะลึงว่า
“ยักษ์หินโลกันตร์ระดับชั้นอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า!!”
ยักษ์หินตนนั้นไม่เปิดโอกาสรั้งรอให้เขาประหลาดใจมากนัก พร้อมประเคนหมัดหนักซัดใส่เขาทันทีอย่างไม่มีเหตุผล
บูมมม!
ต้วนเฟยถูกบีบให้ต้องสัประยุทธ์รับมือ เขาแลกกระบวนโจมตีใส่ยักษ์โลกันตร์นั้นเต็มสูบ จนร่างคล้อยหลังรนถอยออกไปหลายสิบก้าว ก่อนจะทรงตัวได้ดังเดิม อีกหนึ่งหมัดของมันก็ซัดต่อไม่มีเวลาให้หายใจหายคอ
“บัดซบ! เจ้ากล้าหลอกข้า?! เขารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่จะมียักษ์หินโลกันตร์ระดับชั้นนี้?!”
ต้วนเฟยในยามนี้กัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชังสุดหัวใจ! เขาจะยังไม่ทราบได้อย่างไรว่า เย่หยวนขุดหลุมพรางให้เขากระโดดลงไปเต็มๆ?
เย่หยวนที่มอบทรายมวงทองให้แก่เขา ทั้งหมดก็เพื่อล่อเป้าให้ยักษ์หินโลกันตร์ตนนี้จัดการตัวเขาให้สิ้นซากในพริบตาเดียว ยังมียักษ์หินโลกันตร์อีกหลายตัวตรงเข้ามาสมทบ และเข้าล้อมกรอกต้วนเฟยทั่วสารทิศ ต้วนเฟยเองก็ทราบ เขาเสียท่าให้เย่หยวนแล้ว แต่มันก็สร้างความหายนะให้แก่เขาได้จริงๆ
ท้ายที่สุดนี้เย่หยวนลงมือตามแผนได้อย่างแนบเนียน เรียกได้ว่าแม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ตัว ทุกคนต่างมองว่า เย่หยวนและพวกของเขาเป็นตัวล่อชั้นดีในการเดินทางครั้งนี้ แต่ใครจะไปคิด กลับเป็นพวกเขาเสียเองที่เป็นตัวล่อในท้ายที่สุด!
พวกเย่หยวนเดินทางมาถึงปลายสะพานหินแล้ว ซึ่งเบื้องหน้าต่อไปเป็นถ้ำขนาดใหญ่ และยักษ์หินโลกันตร์ที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าถ้ำนั้นก็มีจำนวนแค่ห้าถึงหกตัวเทานั่น ในขณะที่อีกกองใหญ่นับไม่ถ้วนอยู่ทางด้านต้นสะพานที่พวกต้วนเฟยต้องรับมือ ยักษ์หินโลกันตร์พวกนี้ทรงพลังอย่างมาก
เย่หยวนที่มาถึงตรงนี้ก็มิกล้าประมาทเช่นกัน เขาคำรามสั่งการอีกครั้งว่า “เร่งปิดฉากโดยไว อย่ายืดเวลาสู้ให้นานนัก!” เย่หยวนกล่าวเสียงดังฟังชัด
จากนั้นเขาก็นำกุ้ยหยุนออกมา พร้อมเข้าสัประยุทธ์เดือดกับพวกยักษ์หินโลกันตร์อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นปลาย เย่หยวนเพิ่งเลื่อนระดับชั้นมา ดังนั้นการสำแดงใช้สยบดาราฉบับสมบูรณ์จึงไม่กินแรงเขาอีกต่อไป
ชวิ้ง!
ชวิ้ง!
ชวิ้ง!
เย่หยวนปลดปล่อยเพลงดาบออกไปสามกระบวนต่อเนื่อง! ถึงกระนั้นเองผลจากการปลดปล่อยสามกระบวนติดเช่นนี้ พลังปราณเทวะของเย่หยวนก็ถูกหยิบใช้ไปมากกว่าครึ่ง เขาเร่งรับโอสถฟื้นคืนพลังปราณเทวะตบเข้าปากทันทีและโดยไม่ต้องกังวลว่าใครจจะมาเห็น เพราะบริเวณโดยรอบนั้นถูกไป๋เฉินบังมุมจนมิด
บูมมม!
กรงเล็บของกุ้ยหยุนตบเข้าใส่ยักษ์หินโลกันตร์ตัวนั้นจนแหลกเป็นผุยผง เมื่อเหลียวมองไปทางด้านคนอื่นๆ รวมไปถึงตัวไป๋เฉินเอง ยามนี้พวกเขาทั้งหมดล้วนก่อศึกสัประยุทธ์เดือดเหมือนกันทั้งสิ้น
“เจ้าไปช่วยไป๋ซิ่ว ขาจะไปช่วยที่เหลือเอง!” เย่หยวนตะโกนสั่งการกุ้ยหยุน
“รับทราบนายท่าน!” กุ้ยหยุนเปล่งเสียงขานตอบและเร่งรุดไปช่วยโดยเร็ว หลังจากที่เขาฝึกปรืออักขระร้อยภูตเต๋า พลังการต่อสู้ของเขาก์ทรงพลังขึ้นเป็นอย่างมากเป็นทวีทบ
แม้ว่ายักษ์หินเหล่านี้จะแกร่งกล้า แต่พวกมันล้วนถูกบดขยี้ไม่เหลือ ภายใต้เงื้อมมือเขาในเวลาอันสั้น โชคยังดีที่ทางด้านคนที่เหลือไม่มียักษ์หินโลกันตร์ระดับชั้นอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า สิ่งเหล่านี้จึงหาใช่เรื่องยากเกินไปที่จะสัประยุทธ์ต่อกร
ไม่นานหลังจากนั้น ภายใต้ความร่วมมือของเย่หยวนและกุ้ยหยุน เหล่ายักษ์หินโลกันตร์ห้าหกตัวเหล่านั้น ก็ถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระเด็นเป็นสะเก็ตลูกไฟเกลือนทั่วทุกพื้นที่ พวกเขาเหล่าวังเทวะรัตติกาลฉายปราศจากเจตนาหันกลับไปช่วยเหลือ พวกที่อยู่ท้ายหลังแม้แต่น้อย
“เย่หยวน เจ้ากล้า!?”
ต้วนเฟยที่กำลังสัประยุทธ์เดือดกับยักษ์หินโลกันตร์อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าที่อยู่คล้อยหลัง รู้สึกพิโรธโกรธเกรี้ยวเป็นที่สุด พรอมตะโกนลันใส่เย่หยวน
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสระดับสูง หาใช่ว่าเย่คนนี้ไม่อยากช่วยท่าน แต่ยักษ์หินโลกันตร์ตนนั้นมีพลังมากเกินไป ข้าเองก็มีหัวใจความรู้สึก แต่ไร้ซึ่งพลัง! และที่สำคัญเลย หน้าที่ของข้าคือการสำเร็จเส้นทางนำพวกท่านไปแต่แรกแล้ว เช่นนั้นหวังว่าจะได้พบหน้ากันอีก…หากยังไม่เป็นอะไรตายก่อน!”
บูมมม
!คำกล่าวของเย่หยวนได้ยั่วโทสะของต้วนเฟยเข้าอย่างจัง แต่ระหว่างนั้นเอง กำปั้นหนักของยักษ์หินโลกันตร์ตนนั้นเองก็ซัดเข้าใบหน้าของเขาเต็มกำลังสูบจนกระเด็นออกไปไกล
“อ๊ากกก!!”
ต้วนเฟยร้องคร่ำครวญลั่นน้ำเสียงน่าเวทนายิ่ง ยามนี้กล่าวได้ว่าใบหน้าของเขาเสียโฉมไปกว่าครึ่ง การถูกเผาโดยศาสตร์แห่งไฟอันลึกซึ้งเช่นนี้ หาใช่เรื่องง่ายที่จะรักษา
“ไป๋เฉิน! วังเทวะรัตติกาลฉายต้องการเป็นศัตรูกับวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่?!” ต้วนเฟยหาได้ใส่ใจรอยแผลบนใบหน้า เขาตะโกนลั่นสุดเสียงอย่างเดือดดุ
สีหน้าการแสดงออกของไป๋เฉินแปรเปลี่ยนในทันที ก่อนชะงักหยุดฝีเท้าลง
“ท่านอาจารย์…” ไปเฉินเอ่ยขึ้นดูค่อนข้างลังเลใจ
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า “รอให้มันรอดชีวิตออกมาได้ก่อนค่อยข่มขู่เรา! หากไม่รีบไปตอนนี้ กลับเป็นฝ่ายเราที่ต้องตายแทน!”
แววตาไสวคู่นั้นของไป่เฉินแลดูมุ่งมั่นขึ้นหลายส่วน เขากัดฟันแน่นกล่าวว่า “ไปกันต่อ!”
ไป๋ซิ่วและที่เหลือย่อมเข้าใจสิ่งที่เย่หยวนกล่าวไปเช่นกัน นอกจากนี้พวกเขาเองก็ยังขุ่นเคืองต้วนเฟยไม่นอย ปล่อยให้แล้วแต่บุญแต่กรรมไปย่อมดีกว่า
เมื่อตอนที่พวกเขาประสบภัยจากการู่โจมของพวกอสูรปีศาจโลกันตร์ คนพวกนั้นเองก็มิได้ให้ความช่วยเหลือเช่นกัน ความอาฆาตแค้นภายในใจของพวกเขาลุมาถึงขีดสุดแล้วเช่นกัน หากไม่มีเย่หยวน ป่านนี้พวกเขาทั้งหมดถูกฆ่าตายอยู่ภายในนั้นนานแล้ว มีหรือยังมีโอกาสยืนดูเรื่องตลกตรงนี้ได้? เมื่อเห็นพวกวังเทวะอีกเจ็ดแห่งที่เหลือ กรีดร้องระงมด้วยความทรมานบนสะพานหินนั้น พวกไป๋ซิ่วรู้สึกยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง!
ก่อนหน้านี้ก็เอาแต่ยืนดูมิใช่รึ? คราวนี้ถึงตาพวกข้าบ้างแล้ว!
“ซากอักขระเทวะแห่งดูจะผิดประหลาดมิใช่น้อย เบื้องหน้าต่อไปไม่น่าปลอดภัยแม้สักนิด เช่นนั้นทุกคนจำต้องระวังตัวกันให้มากขึ้น!” เย่หยวนกล่าวเตือน
…………………………………