Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1441
ปรากฏวัตถุคล้ายผลไม้แขวนค้างอยู่เหนือเกาะอย่างเงียบงัน รัศมีกลิ่นอายที่แผ่ออกมาช่างศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งยิ่ง
“นั้นมันกลิ่นอายแห่งเต๋า! นั้นกลิ่นอายแห่งเต๋าจริงๆ! มัน…มันคือสิ่งใดกัน?”
“ข้าเองก็รู้สึกได้เช่นกัน! กลิ่นอายแห่งเต๋านี้ทั้งทรงพลังและอบอุ่น ประดุจดั่งว่าข้าได้ย้อนกลับสู่ครรภ์มารดาอีกครั้งหนึ่ง!”
“ช่างวิเศษโดยแท้! ไฉนข้ารู้สึกดั่งว่า ตรงหน้าเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง?”
…
เมื่อทุกคนเห็นผลไม้นั้น พวกเขาแต่ละคนต่างเผยท่าทีตื่นตะลึงอย่างหาที่เปรียบไม่
พวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งเต๋าได้อย่างชัดเจน แต่กลับไม่รู้จักว่าสิ่งนี้คือผลวิญญาณเต๋า!
แต่เย่หยวนรู้จัก!
“นั้นคือผลวิญญาณเต๋า! ผลวิญญาณเต๋าแห่งดินแดนนภาบรรพต! ข้าไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า จะได้พบมันที่นี่จริงๆ!”
เย่หยวนกล่าวขึ้นเจือน้ำเสียงมากอารมณ์
“ผลวิญญาณเต๋า?”
ไป๋เฉินอุทานกล่าวพร้อมท่าทีแสนงุนงง
เย่หยวนยิ้มและกล่วว่า
“หากกินมันเข้าไปแล้วเจ้าจะกลายมาเป็นจักรพรรดิแห่งดินแดนนภาบรรพต เต๋าแห่งดินแดนนี้จะยอมรับเจ้าเป็นผู้ปกครองคนใหญ่ ในดินแดนแห่งนี้จะไม่มีใครไร้เทียมทานไปกว่าเจ้าอีกแล้ว! จากนั้นเจ้าจะสามารถเดินทางออกจากดินแดนเล็กๆแห่งนี้สู่มหาพิภพที่กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่าได้!”
“ฟู่ววว…”
ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นต่างพากันสูดไอเย็นแช่มลึกสุดขั้วปอดด้วยความเหลือเชื่อ เจือตื่นตะลึงต่อวาจาคำกล่าวของเย่หยวน
แววตาของแต่ละคนเริ่มจับจ้องไปที่ผลวิญญาณเต๋าประดุจแผดเผามันทั้งเป็น เสมือนต้องการจะไขว่คว้ามาเป็นของตน
“หากพวกเจ้าคิดอยากแสวงหาความตายนักก็เชิญ! ข้าจะไม่ห้ามปรามใดๆ!”
เย่หยวนกล่าวเตือนเสียงเย็นชืด
เขาจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าคนพวกนี้กำลังคิดอะไรอยู่? ใครก็ตามที่ได้ฟังดังนั้นต่างรู้สึกโลภกันทั้งสิ้น
“ผู้อาวุโสสูงสุด ท่าน…ท่านหมายความว่าอย่างไรรึ?”
เย่หยวนเอ่ยตอบทีท่าเฉยเมยว่า
“สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ เจ้าคิดหรือว่าจะได้มาโดยง่าย? หากไม่เชื่อกลองดูได้ แต่ก่อนไปเลาะกระดูกมาให้พวกข้าสักชิ้น เผื่อเป็นของดูต่างหน้ายามเจ้าไม่อยู่แล้ว!”
เขาคนนี้ขนลุกซู่วเย็นสะท้านยันหนังศีรษะในทันใด เปลวเพลิงแห่งความโลภของแต่ละคนดับมอดลงในพริบตา
“เย่หยวน ภายในนั้นมีศิลาชีวิตนิจนิรันดร์อยู่ด้วย! มันอยู่ภายในเกาะนั้น!”
ทันทีทันใดหวู่เฉินโพล่งกล่าวขึ้นทันทีอย่างกระวนกระวายใจ
เย่หยวนเบิกตากว้างสว่างประกายตื่นเต้นสุดขีด
ส่วนเศษหินสีขาวน้ำนมทั่กระจัดกระจายอยู่โดยรอบเกาะ พวกมันเหล่านั้นหาใชใดอื่นนอกเสียจากศิลาชีวิตนิจนิรันดร์!
สำหรับเขาแล้วศิลาชีวิตนิจรันดร์เหล่านี้มีค่าเสียยิ่งกว่าผลวิญญาณของดินแดนนภาบรรพตเสียอีก
“ผู้อาวุโสสูงสุด ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? คงมิใช่ว่าได้แต่ยืนดูอยู่เฉยๆ?”
เย่หยวนกล่าวตอบว่า
“ด้วยสภาพตอนนี้ของข้า ข้าไม่สามารถผ่านจุดนี้ไปได้เลย! รั้งรออยู่ตรงนี้ไปก่อนจะปลอดภัยกว่า รอจนข้าจะฟื้นพลังเสร็จ”
กล่าวจบเย่หยวนก็ปลีกตัวนั่งขัดสมาธิ ณ มุมหนึ่ง และตบโอสถเข้าปาก นั่งดูดซับฤทธิ์โอสถโดยไว
เวลาค่อยๆผ่านไป ความกังวลเริ่มสั่งสมมากขึ้นต่อเนื่อง
เสน่ห์ความน่าดึงดูดของผลวิญญาณเต๋ามันแสนยั่วยวนเกินไป แม้เย่หยวนจะเอ่ยปากเตือนแล้วตาม แต่หลายต่อหลายคนในยามนี้ก็เริ่มต้านทานความโลภไม่ไหวแล้วเช่นกัน
“ทุกคนอยู่นิ่งๆอย่าขยับไปไหน! หากใครผลีผลามออกไปโดยปราศจากความยั้งคิด ก็อย่าตำหนิว่าข้าไร้ซึ่งความเมตตา!”
ไป๋ซิ่วกดเสียงทุ้มต่ำเอ่ยเตือนทุกคนอีกระลอก
เขายังคงรู้สึกผิดที่ตัวเองบันดาลโทสะตบฝ่ามือใส่เย่หยวน ตราบาปยังคงสลักลึกฝังใจ
ดังนั้นคำเตือนของเย่หยวนก่อนหน้า กล่าวได้เป็นคำสั่งของจักรพรรดิหยกที่จำต้องเชื่อฟังอย่างไร้ข้อกังขา
นอกจากนี้อย่างที่เย่หยวนกล่าวไปล้วนถูกต้องแล้ว ของวิเศษระดับนี้จะได้มาโดยง่ายได้อย่างไร?
ดังนั้นเมื่อเย่หยวนบอกว่ามันอันตราย แสดงว่าหนทางเบื้องหน้าต้องอันตรายอย่างแน่นอน!
ทันทีทันใดพลังปราณเทวะในร่างเย่หยวนก็ปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
เย่หยวนเบิกตาโตทั้งสองข้าง และกรอกโอสถทั้งขวดเทเข้าปากในคราวเดียว!
นอกเหนือจากผลที่ได้รับจากงานชุมนุมร้อยเมืองแล้ว เย่หยวนยังกลืนโอสถที่หลอมกลั่นมากรอกใส่ปากไม่มีลังเล
เมื่อทุกคนพบเห็นภาพฉากนี้ต่างก็ตกตะลึงกันใหญ่
“กรอก…กรอกโอสถเข้าปากไปขนาดนั้น ตัวไม่ระเบิดตายเลยรึ?”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว! ผู้อาวุโสสูงสุดหยิบใช้วรยุทธบ่มเพาะพลังวิปลาสใดกันแน่ ถึงมีวิธีการผิดประหลาดขนาดนี้?”
“ผู้อาวุโสสูงสุดกำลังจะก้าวข้ามขีดจำกัดแล้ว! ความเร็วในการบ่มเพาะขนาดนี้…ทอดสายตาเสาะคนเกรงว่าไม่มีอีกแล้ว! หรือเป็นไปได้ไหมว่า เซียนจากโลกภายนอกล้วนมีพัฒนาการรวดเร็วขนาดนี้กันทุกคน?”
…
อาการบาดเจ็บของเย่หยวนเพิ่งหายสนิทได้ไม่นาน จู่ๆหนึ่งความรู้สึกโฉบแล่นขึ้นมาสู่ห้วงจิตใจ เย่หยวนทราบทันทีว่า ในที่สุดโอกาสก้าวข้ามขีดจำกัดก็มาถึง พร้อมทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า!
แน่นอนว่านี่เกิดจากตัวเขาที่สั่งสมประสบการณ์จนบ่มได้ที่ เมื่อโอกาสมาถึงพลังปราณเทวะที่ปะทุออกมาก็พวยพุ่งอย่างแรงประดุจเขื่อนแตก
หลังจากเดินทางเข้าสู่ดินแดนธารบรรพตมา เย่หยวนก็ประสบพบเจอกับศึกสัประยุทธ์มากมาย รวมไปถึงฝ่าวิกฤตความเป็นความตายนับไม่ถ้วน ดังนั้นสิ่งเดียวที่เขายังขาดตกไปก็คือโอกาส
และศึกสัประยุทธ์เดือดรอบล่าสุดกับฉินเทียน ในที่สุดเย่หยวนก็ควาโอกาสนั้นและประสบความสำเร็จ
แต่พลังเนื่องจากพลังวิญญาณภายในดินแดนนภาบรรพตเบาบางเกินไป จึงไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนให้เขาทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าไปได้ ดังนันเขาจึงตัดสินใจกรอกโอสถศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดลงไปเพื่อชดเชยในจุดที่ขาดเหลือ
พลังปราณเทวะจำนวนมหาศาลเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งสำหรับพัฒนาการของบัญญัติเทพแห่งถงเทียน
ไม่! ยังไม่พอ!
แค่นี้ยังไม่เพียงพอ!
พลังปราณเทวะจำนวนเพียงแค่นี้กลับไม่เพียงพอสำหรับตัวเขาที่จะฝ่าปัญหาคอขวดออกไป พลังที่สนับสนุนเขายังน้อยเกินไป!
ทันทีทันใด เย่หยวนตัดสินใจกระโดดลงสู่บ่อหินหนืดอันร้อนระอุโดยไม่มีลังเล!
ผืนล่างเป็นบ่อหินหนืดขนาดมหึมาไร้ที่สิ้นสุด!
สถานการณ์ในยามนี้กะทันหันเกินไปที่จะหักห้ามได้ทัน กว่าจะรู้สึกตัวกัน เย่หยวนก็กระโดดลงไปเสียแล้ว!
“ท่านอาจารย์!”
“ผู้อาวุโสสูงสุด!”
…
ทุกคนต่างกดสายตามองเบื้องล่างหน้าซีดเซียวตื่นตกใจ พร้อมร้องอุทานลั่นจนเสียงหลง
เย่หยวนนั่งขัดสมาธิบนเสาหินขนาดมหึมาต้นหนึ่งข้างใต้นั้น เสาหินก้อนนี้พินิจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งยุคบรรพกาล กอปรคลื่นความผันผวนของชีวิตเกินคนานับ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมันยังดูแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าผลวิญญาณเต๋ามาก!
ด้านล่างบริเวณบ่อหินหนืด ปรากฏเป็นเย่หยวนอยู่ ณ จุดศูนย์กลาง ทันทีทันใดเกลียวคลื่นหินหนิดพลันก่อตัวขึ้นก่อนหมุนวนเป็นพายุวังวนพลังวิญญาณอันร้อนระอุ
หากกล่าวถึงความหนาแน่นของพลังวิญญาณนี้ กล่าวได้ว่าเหนือกว่าชั้นหินด้านบนมาก มิฉะนันเหล่ายักษ์หินโลกันตร์ที่ถือกำเนิดจากบ่อหินหนืดเหล่านี้จะแกร่งกล้าทรงพลังขนาดนั้นได้อย่างไร?
ดังนั้นเย่หยวนจึงพลันฉุกคิดขึ้นมาได้ และกระโจนลงในบ่อหินหนืดเพื่อดูดซับพลังวิญญาณภายในนั้นโดยตรง!
แต่เนื่องด้วยอุณหภูมิภายในบ่อหินหนืดนี้สูงเกินไปจนมนุษย์ไม่สามารถอยู่ได้ เย่หยวนจึงเรียกใช้ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพออกมาเพื่อนั่งอยู่บนนั้น มิให้สัมผัสกับตัวหินหนืดโดยตรง
เขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเสาหินนั้นก็มิใช่ใดอื่น แต่เป็นศิลาจารึกบัลลังก์พิภพนั้นเอง
“เสาหินก้อนนั้นต้องทนทานเพียงใดถึงสามารถทนรับบ่อหินหนืดเหล่านั้นได้! บ่อหินหนืดภายในซากอักขระเทวะ แม้แต่ยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้ด้วยซ้ำ!”
“ผู้อาวุโสสูงสุดต้องการดูดซับพลังวิญญาณผ่านบ่อหินโดยตรงเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัด นี่หาใช่ติดพันความตายงั้นรึ?”
“ถูกต้อง! การดูดซับพลังวิญญาณผ่านหินหนืดโดยตรง กระแสพลังเหล่านั้นจะมีอุณหภูมิที่สูงมาก และมากเกินกว่าที่เส้นลมปราณภายในร่างจะสามารถทนไหวได้!”
…
อย่างไรก็ตามแต่ เย่หยวนกลับหาได้สนใจไม่เลย!
เขายังคงดูดซับพลังวิญญาณจากภายในบ่อหินหนืดอย่างบ้าคลั่ง โคจรพลังปราณเทวะด้วยบัญญัติเทพแห่งถงเทียนบทที่สอง แปรเปลี่ยนพลังวิญญาเหล่านั้นมาเป็นกระแสพลังปราณหอบใหญ่ ก่อนจะไหลบ่าลงในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์
กระบวนการทั้งหมดตั้งแต่เริ่มจวบจนตอนนี้เป็นไปได้ด้วยความราบรื่นดี
ทันทีที่พลังวิญญาณดูดซับเข้าร่างกายไอความร้อนเหล่านั้นก็ถูกสกัดออกจากร่างไปเช่นกัน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนก็หยุดขยายตัวขึ้นในท้ายที่สุด บัดนี้ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนอุดมสมบูรณ์ยิ่ง และเปี่ยมล้นไปด้วยพลังปราณเทวะอันบริสุทธิ์
แต่กระนั้นเองพลังปราณเทวะของเย่หยวนจะข้นหนืดกว่าคนอื่นเป็นพิเศษหลายสิบเท่า!
“นี่…ผู้อาวุโสสูงสุดยังเป็นมนุษย์จริงๆใช่ไหม? เขาดูดซับพลังวิญญาณจากภายในหินหนืดได้จริงๆ!”
“สวรรค์… เขาเพิ่งทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้น แต่ไฉนข้ารู้สึกว่าเขาแกร่งกร้าวดุจอสูรปีศาจระดับสูงก็มิปาน…”
“เหลือเชื่อโดยแท้! ผู้อาวุโสสูงสุดวิปลาสเกินจะตัดสินได้ด้วยสามัญสำนึกโดยแท้!”
…………………………………