Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1453
วูบบ!
ณ ปัจจุบัน ฉินเป่ยใส่สุดกำลังเกิดเพื่อรับมือกับกรงเล็บรัตติกาลสังหาร ทันทีทันใดขนแขนทุกอณูยันหนังศีรษะพลันเสียวซ่าน สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามครั้งใหญ่ปรากฏขึ้นในใจ
ร่างของเย่หยวนแปรเปลี่ยนเป็นกระแสพลังสายหนึ่ง ปราดพุ่งมาหาฉินเป่ยด้วยความเร็วเกินพรรณนา
นี่มันกะทันหันเกินไป ความเร็วของเย่หยวนเร็วเกินไปจนไม่มีผู้ใดตอบสนองได้ทัน
ความรู้สึกดั่งภัยคุกคามนี้แสนยิ่งใหญ่เสียกว่ากรงเล็บรัตติกาลสังหารเสียอีก!
ยามนี้กลับสายเกินไปแล้วที่หันไปตอบโต้ ฉินเป่ยฟาดพลังหลังมือกลับไปทันที
ในขณะเดียวกัน มืออีกข้างของเขาก็เข้าผนวกรับมือกับกรงเล็บรัตติกาลสังหาร!
ปฏิกิริยาของฉินเป่ยมิอาจกล่าวได้ว่าไม่ช้า แต่ก็หาได้เร็วกว่าเย่หยวนไม่!
ชวิ้ง!
“พร๊วดด!”
“พร๊วดดด!”
ทั้งเย่หยวนและฉินเป่ยแทบกระอักพ้นเลือดสดออกมาพร้อมเพรียง ร่างเย่หยวนร้นถอยกระเด็นออกไป
อย่างไรก็ตาม สภาพของฉินเป่ยดูเลวร้ายกว่าเย่หยวนมาก
ผสานการโจมตีระหว่างเย่หยวนกับกุ้ยหยุนร่วมมือกัน ไม่จำต้องบรรยายเลยว่า อานุภาพทำลายล้างจะขนาดไหน
ขณะที่เย่หยวนขยับตัว กุ้ยหยุนก็เข้าใจเจตนาความคิดของอีกฝ่ายในทันใด พร้อมผนึกกำลังโจมตีใส่ฉินเป่ยอีกแรง
ถูกทั้งสองโจมตีพร้อมกันหน้าหลัง มีหรือแค่ฉินเป่ยคนเดียวจะต้านรับได้ไหว?
ภาพฉากนี้เกิดขึ้นไวเกินไปจนหลินซิ่งและฉินเจิ้งไม่สามารถตอบสนองได้ทันท่วงที
นอกจากนี้พลังโดยส่วนใหญ่ของฉินเป่ยยังมุ่งเน้นไปทางต้านทานกรงเล็บของกุ้ยหยุนมากกว่า ทำให้อาการบาดเจ็บที่เย่หยวนได้รับมิค่อยรุนแรงนัก
มิฉะนั้นแล้ว ด้วยขุมพลังของอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุด ยามปะทะเต็มสูบ เย่หยวนอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถึงขั้นเจียนตาย
หากไร้ซึ่งความช่วยเหลือจากยันต์ประกายอัสนีสวรรค์ เย่หยวนยังคงเสียเปรียบกว่าเล็กน้อยเมื่อประจันหน้ากับเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุด
“จันทร์สลาย!”
เย่หยวนสำแดงกระบวนโจมตีอีกครา ครั้งนี้ใช้สัญชาตญาณการต่อสู้ผนวกเข้าตามดั่งจินอวี้ที่พึ่งพาสัญชาตญาณในตอนนั้น
แต่ ณ ขณะนี้ วิธีนำใช้ของเย่หยวนกลับแตกต่างไปจากเขาเล็กน้อย อาศัยจังหวะคาบเกี่ยวชั่วอึดใจ เหวี่ยงวงดาบให้สั้นลงเพื่อรีดเร้นความเร็วให้ถึงขีดสุด
ปิดโอกาสของฉินเป่ย แม้แต่เวลาหายใจยังไม่มี! เย่หยวนสับคมดาบใส่อีกฝ่ายไร้ปรานี!
ชวิ้ง!
คมเขี้ยวทรงจันทร์เสี้ยวพวยพุ่งเป็นกระแสพลังคลื่นคมดาบปราดใส่ฉินเป่ย
แต่หากเวลานี้คนที่รับกระบวนท่าเป็นฉินเทียน แค่การโจมตีกระบวนหนักเพียงสองท่า นับว่ายังเอาไม่ถึงตาย
เวลานี้อวัยวะภายในของฉินเป่ยสับสนอลหม่าน ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเย่หยวนจะกระหน่ำซ้ำได้ถี่เพียงนี้
ซวบบ!
ดาบพิชิตมารฟ้าเสียบทะลุกลางอกของฉินเป่ยโดยไร้ซึ่งความเมตตาใดๆ!
ดวงตาของฉินเป่ยเบิกกว้าง จนถึงยามนี้ที่เขากำลังจะตาย ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าคนที่ฆ่าตนกลับเป็นเย่หยวนจริงๆ
แน่นอน เย่หยวนไม่ให้โอกาสเขาหรือไว้ชีวิตใดๆ!
ดาบพิชิตมารฟ้ากระซวกซ้ำดั่งตอกฝาโลง
สายตาของฉินเป่ยค่อยๆคลายอ่อนดูเลื่อนลอย แต่ดวงตาคู่นั้นยังไม่ยอมปิดลงสงบใจ
เขาตายลงพร้อมกับความขมขื่นชั่วนิรันดร์!
เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นต้นจะสามารถฆ่าเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดได้อย่างไร?
“นี่…เมื่อครู่มันอะไรกัน? เพลงดาบของเย่หยวนรวดเร็วเกินไป! กระทั่งข้ายังเห็นไม่ชัด!”
“ขะ-แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! เย่หยวนสำแดงใช้เพียงกระบวนดาบสองท่าก็สังหารเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดได้แล้ว! แม้จะมีวิญญาณชั่วสองดาวขั้นสุดคอยช่วยเหลือ แต่การกระทำเช่นนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเขย่าเมืองหลวง!”
“นี่ข้าต้องฝันเป็นแน่! ฉินเป่ยนับเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานคนหนึ่ง เป็นศิษย์ชั้นในระดับแนวหน้า ทว่าตอนนี้กลับถูกฆ่าโดยเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นเท่านั้น!”
…
เดิมทีในสายตาของทุกคนต่างมองเย่หยวนเปรียบดั่งตัวตลก
แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า ตัวตลกเช่นนี้จะสามารถสร้างถนนนองเลือดอันสยดสยองได้ขนาดนี้
ขุมพลังของกุ้ยหยุนนับว่าแกร่งกล้ายิ่ง ต่อให้สัประยุทธ์รับมือกับสามอัจฉริยะยังสามารถรับมือได้โดยไม่เสียเปรียบอยู่เป็นเวลานาน
แต่แน่นอนว่า เมื่อเวลาผ่านไปเขาย่อมเสียท่าอ่อนแรงลงเป็นธรรมดา
ทว่าทันใดนั้นเอง เย่หยวนก็เข้าร่วมศึกสับประยุทธ์ช่วยเหลือ ส่งผลให้สถานการณ์การต่อสู้พลิกกลับมาได้เปรียบทันที
จากการปรากฏตัวของเย่หยวน ยามนี้เขาสังหารไปถึงสามคนติดต่อกันแล้ว โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก และเร็วเกินไปจนไม่มีใครตอบสนองได้ทันเลยสักคน ศึกสัประยุทธ์นี้ได้ดำเนินไปกว่าครึ่งทางแล้ว
ด้วยความแกร่งกล้าในปัจจุบันของเย่หยวน หากสู้แบบตัวต่อตัวกับหลินซิ่ง คือเขาคว้าชัยไปได้แน่นอน
เพียงว่ายามนี้มีฉินเจิ้งผูกติดมาด้วย
ถึงกระทั่งเย่หยวนแค่คนเดียวก็สร้างภัยคุกคามให้แก่ทั้งสองเป็นอย่างมาก
จันทร์สลายของเย่หยวน กระบวนท่านี้รวดเร็วเกินบรรยาย เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะป้องกันกระบวนท่านี้ได้โดยสมบูรณ์
เมื่อดเย่หยวนคว้าโอกาสโจมตีเปิดช่องโหว่ได้ พวกเขาเตรียมตัวตายได้เลย
ซวบ!
เย่หยวนกะซวกดาบออกจากกลางอกของฉินเป่ยที่ยามนี้ไร้ซึ่งวิญญาณหลงเหลือออกมา พร้อมจับจ้องไปยังทิศสัประยุทธ์อีกครั้ง
ร่างฉินเป่ยทรุดลงกับพื้นทั้งแบบนั้น จนวันตายเขาก็ยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงสายตาอันเย็นสะท้านที่จับจ้องเข้ามา หลินซิ่งและฉินเจิ้งต่างขนลุกซู่วโดยมิตั้งใจ ก่อนเบี่ยงความสนใจหันมารับมือกับกรงเล็บรัตติกาลสังหารต่อทันที
ชวิ้งง!
เย่หยวนหรือจะพลาดโอกาสทองเช่นนี้ไป? เขาปลดปล่อยจันทร์สลายอีกครั้งทันทีโดยไม่มีลังเล!
ร่างไสววูบกลายเป็นเงาซ้อน เป้าหมายจับตายในคราวนี้คือฉินเจิ้ง!
เกร๊ง!
ดาบพิชิตมารฟ้าซัดเหวี่ยง เข้าปะทะกับดาบยาวในมือฉินเป่ยได้ทันอย่างหวุดหวิด
“พร๊วดด!”
ขุมพลังอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดได้สร้างอาการบาดเจ็บแก่เย่หยวนอีกครั้ง
ทว่าฉินเจิ้งเองกลับมิได้มีสภาพดีไปกว่าเย่หยวนนัก ขณะเดียวกันกุ้ยหยุนใช้ประโยชน์ในจังหวะนี้โจมตีสวนอีกทางในทันใด
เย่หยวนเห็นเช่นนั้นกัดฟันแน่นข่มกลั้นความเจ็บปวด พร้อมปลดปล่อยจันทร์สลายเป็นระลอกสอง!
เกร๊ง!
เกร๊ง!
เกร๊ง!
แสงคมดาบสีเย็นสายใหญ่เข้าโหมปะทะอีกคราว ภาพฉากนี้ทำเอาทุกคนใจสั่นวิตกกังวลหนัก
การโจมตีแต่ละครั้งของเย่หยวนหวังเอาชีวิตมิให้เหลือซาก!
เห็นได้ชัดว่าการกระทำเช่นนี้มันค่อนข้างเสี่ยงตายไม่น้อย!
เย่หยวนในยามนี้ได้รับบาดเจ็บ แต่ฉินเจิ้งกลับแย่กว่าเขามาก
เขาหลบเลี่ยงกรงเล็บรัตติกาลสังหารได้อย่างหวุดหวิดหลายต่อหลายครั้ง ตาศาสตร์แห่งสวรรค์ที่กอปรออกมาด้วยได้สร้างอาการบาดเจ็บฝังลึกลงไป
อาการบาดเจ็บของฉินเจิ้งตอนนี้ร้ายแรงกว่าเย่หยวนเป็นอย่างมาก!
“นี่ไปโกรธแค้นกันมาจากไหน? เย่หยวนเสี่ยงตายขนาดนี้ หวังเอาชีวิตแลกชีวิตเลยกระมัง?”
“ฟังว่าฉินเทียนออกไปดินแดนนอกเพื่อฝึกปรือขัดเกลาฝีมือ แต่แท้ที่จริงแล้ว เขาออกไปตามล่าเย่หยวนต่างหาก ระหว่างเย่หยวนกับตระกูลฉินมันอยู่ใต้แผ่นฟ้าเดียวกันไม่ได้นานแล้ว!”
“เป็นไปได้ไหมว่า วันนี้เย่หยวนจะฆ่าอัจฉริยะระดับแนวหน้าของสถานศึกษาหวูเมิ่งเหล่านี้จนหมด? ข้าสงสัยเสียจริงว่าทางสถานศึกษากับตระกูลฉินจะมีปฏิกิริยากันอย่างไร?”
“เย่หยวนคนนี้ประมาทเกินไป! ตระกูลฉินหยั่งรากลึกลงในเมืองหลวงหวูเมิ่งมาเนิ่นนาน แม้เบื้องหลังเย่หยวนจะมีหอมหาสมบัติคอยคุ้มกะลาหัวอยู่ แต่นั่นก็เรียกได้ว่าเปล่าประโยชน์เช่นกัน”
…
ทุกคนต่างเฝ้าดูเย่หยวนกำลังเสี่ยงตาย พลางร้องอุทานด้วยความตกใจเจือชื่นชม
พวกเราย่อมไม่รู้ว่าเย่หยวนที่ยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายขนาดนี้หาใช่เพื่อตนเองไม่ แต่ทั้งหมดก็เพื่อล้างแค้นให้เจ้าท้วม!
ในปัจจุบัน ยิ่งหลินซิ่งต่อสู้มากเท่าไหร่นางก็ยิ่งตื่นตกใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งกุ้ยหยุนหรือเย่หยวนก็ตาม พวกมันต่างทรงพลังน่ากลัวเกินไป
ความแกร่งกล้าของนางได้ชื่อว่าเป็นอันดับสองของสถานศึกษา ในขณะที่ฉินเจิ้งอยู่ในอันดับห้า
แต่เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับการผนึกกำลังกันระหว่างเย่หยวนและกุ้ยหยุน พวกเขากลับไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะต่อกรได้เลย!
“ไม่มีทาง! ข้าไม่ยอมตายเช่นนี้แน่! ข้าต้องรีบหาทางกลับไปยังสถานศึกษา!”
หลินซิ่งเร่งคิดหาทางออกทันที
ในขณะนี้เย่หยวนกับกุ้ยหยุนยังคงผสานกำลังช่วยกันโจมตีฉินเจิ้งอยู่
เสี้ยวอึดใจต่อมาหลินซิ่งตัดสินใจเด็ดขาดฉับไว ร่างของนางกู่ถอยถีบตัวออกจากวงสัประยุทธ์และทะยานหนีออกไปทันที!
……………………………………………….