Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1542
“รับจ้างหลอมกลั่นสารพัด? เหอะ เหอะ ขี้โม้ไร้ยางอายเกินไป! เราชายชราคนนี้หมกมุ่นศึกษาศาสตร์แห่งโอสถมานานไม่รู้กี่หมื่นปี แต่ยังไม่มีหน้าอวดอ้างใหญ่โตปานนี้! ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก อีกไม่กี่วันเหล่าฝูงชนเดี๋ยวก็ไล่ทุบป้ายไปเอง!”
เรื่องของร้านค้าโอสถรับจ้างสารพัดกลายเป็นข่าวดังที่กล่าวกันปากต่อปาก แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งเขตเมืองทางตอนใต้อย่างรวดเร็ว
อู๋เฟินที่ได้ยินดังนั้นก็เอ่ยปากเย้ยหยันหัวเราะเยาะอย่างสนุกสนาน
ในมหาพิภพแห่งนี้นยังมีใครบางคนกล้าอวดอ้างว่า รับจ้างหลอมกลั่นสารพัดจริงๆ!
“ท่านปรมาจารย์? ไม่จำเป็นต้องสนใจจริงๆรึ? ข้าได้ยินมาว่า เหล่าผู้คนต่างเห็นนักหลอมโอสถคนนั้นหลอมกลั่นกับตาตัวเอง! แถมยังหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามขั้นเทวะได้ด้วย!”
อู๋เฟินตะคอกสวนกลับไปทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นว่า
“โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามขั้นเทวะ? ต่อให้เป็นข่าวปลอมเจ้าเองกลับเชื่อเช่นกัน? คงมีร้านขายโอสถเล็กๆในเขตเมืองทางตอนใต้สามารถหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามขั้นเทวะได้จริงๆกระมัง? เช่นนั้นข้าไม่ลาออกไปขายเต้าหู้เลยกระมัง?!”
แต่เถ้าแก่ยังคงกล่าวต่อว่า
“ท่านปรมาจารย์ข้าจะบอกว่า…ท่านจพเด็กที่รักษาจู้โหย่วได้หรือไม่? ตอนนี้เขาเปิดร้านขายโอสถรับจ้างสารพัด ซึ่งเป็นธุรกิจของกลุ่มอัสนีคำรนในปัจจุบัน”
สีหน้าการแสดงออกของอู๋เฟินแข็งค้างโดยพลัน ยามนี้บิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่!
หากเป็นเจ้าเด็กนั้น…มันอาจเป็นไปได้จริงๆ!
“หึ! มันจะมีความสามารถขนาดนั้น? ได้! ข้าจักส่งมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้มันเอง! ขอดูเสียหน่อยว่า มันจะทำตามคำขอของข้าทั้งหมดได้หรือไม่!”
อู๋เฟินกดล่าวขึ้นพลางแสยะยิ้มสุดเย็นชา
…
หลัวอวี้และเหอเซียวนั่งสนทนากันอยู่ที่รังใหญ่ของกลุ่มสุริยันจันทรา พวกเขาเองต่างก็ให้ความสนใจอย่างมากกับร้านขายโอสถสารพัดรับจ้างที่เพิ่งเปิดเช่นกัน
“ข้าได้สอบถามท่านปรมาจารย์อู๋เฟินแล้ว ดูเหมือนว่าเขาเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือชีวิตของจู้โหย่ว แต่ดูเหมือนว่าที่เขากลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง จะเป็นเพราะเด็กใหม่ที่อยู่ในร้านขายโอสถสารพัดรับจ้าง!”
สีหน้าการแสดงออกของหลัวอวี้บิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่ง ปรากฏว่ากลับมีเด็กที่ไหนไม่ทราบโผล่ออกมาทำลายแผนการของพวกเขาทั้งหมดโดยไม่ทันรู้ตัว
จู้โหย่วถือได้เป็นมือขวาคนสำคัญของซิงกวน หากมันตายได้นี่นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของกลุ่มอัสรีคำรน
แต่กลับไม่คิดไม่ฝันเลยว่า จู้โหย่วคนนี้จะได้รับความช่วยเหลือจากใครบางคน ไม่เพียงฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว และยังเดินเหินสบายดีราวกับมิได้เจ็บป่วยอันใดมาก่อน พบเห็นเช่นนี้แล้วหลัวอวี้จะไม่โมโหได้อย่างไร?
เห่อเซียวยิ้มกล่าวว่า
“ไอ้เก็กนี่ฟังดูน่าสนใจ! อย่าว่าแต่ท่านปรมาจารย์อู๋เฟินเลย แม้แต่เหล่าปรมาจารย์ในเขตเมืองชั้นในยังไม่กล้าแขวนป้ายแบบนี้!”
หลัวอวี้กล่าวต่อว่า
“แต่อย่างไรเขายังคงเป็นเด็กในท้ายที่สุด หลังจากช่วยชีวิตจู้โหย่วได้ มันคงคิดว่าตนเองเป็นเทพเซียนนักหลอมโอสถกระมัง ถึงได้บางชื่อเสียงหาญกล้าวางป้ายเช่นนั้นได้?”
เห่อเซียวแสยะยิ้มกว้างกล่าวว่า
“ในเมื่อมันต้องการชื่อเสียงปานนี้ เช่นนั้นพวกเรามาสนองให้มันกันเถอะ!”
จากนั้นทั้งคู่พลันสบสายตากันก่อนฉีกยิ้มกว้างราวกับรู้ใจ
…
หนิงซื่ออวี๋ยังคงเฝ้ามองเย่หยวนที่กำลังจับชีพจรวินิจฉัยผู้คน ซึ่งยามนี้สามารถบอกได้อย่างเต็มปากว่า แววตาตาที่จับจ้องนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความหลงใหล
เจ้าหนุ่มคนนี้อายุใกล้เคียงกับนางจริงๆรึ?
ไฉนถึงน่าประทับใจขนาดนี้?
หลายวันที่ผ่านมา นางยังคงตามตื๊อเย่หยวนไม่ห่างกายราวกับเด็กน้อยขอขนม แต่นางก็มิได้จุ้นจ้านทำตัวก่อปัญหาใดๆ
เนื่องจากความตื๊อหนักของนาง ในที่สุดเย่หยวนก็ยอมให้นางอยู่ต่อติดตามเขาอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อข่าวร้านขายโอสถรับจ้างสารพัดกระจายออกไป ก็มีผู้คนมากมายเข้ามาท้าทายต้องการลองของเย่หยวนเช่นกัน
ซึ่งในระหว่างนั้นเองก็มีคนที่เจ็บปวดจริงๆและมีอาการค่อนข้างซับซ้อน ยากต่อการรักษาแวะเวียนมาบ้าง บางคนถึงขั้นลากสังขารเจียนตายมาหาถึงที่
แต่เมื่อมาถึงต่อหน้าเย่หยวน อันตรายเหล่านั้นพลันหมดไปในพริบตา
กล่าวได้ว่าโอสถทุกเม็ดที่เย่หยวนหลอมกลั่นล้วนได้ผลดีเป็นอย่างมาก
อย่างน้อยที่สุด ตั้งแต่เปิดร้านมาปัญหาก็ยังไม่เคยเกิดขึ้นสักครั้ง
มาตรฐานหลอมกลั่นโอสถของหนิงซื่ออวี้เองก็สูงส่งมากเช่นกัน ดังนั้นบางทีนางก็อาสาลงมือช่วยเหลือเช่นกัน
แต่จะมีบางกรณีจริงๆที่แม้แต่นางก็ทำอะไรไม่ถูก
อย่างไรก็ตามแต่ ราวกับเย่หยวนมีพลังวิเศษเปลี่ยนสิ่งที่เน่าเสียให้กลายเป็นทองได้ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยพลาดหรือล้มเหลวเลยสักครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละคนที่เข้ารักษา ยามออกไปกลับเดินเหินราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
หนิงซื่ออวี๋ได้แต่เฝ้ามองพลันนึกจินตนาการอยู่ในใจ หากเปลี่ยนเป็นตัวนางคงไม่มีทางทำได้เช่นเดียวกับเย่หยวนแน่นอน
ไม่…บางทีผลลัพธ์ที่ได้อาจแย่กว่านี้มาก!
บางที…ชายคนนี้อาจมิใช่มนุษย์!
หลายวันผ่านไป ในที่สุดความหยิ่งผยองของหนิงซื่ออวี๋ก็ถูกเย่หยวนปราบจนเชื่อง
“ถึงชายคนนี้จะอวดเก่งเพียงใด แต่เขากลับมีทุนรอนมากพอจริงๆ!”
หนิงซื่ออวึ๋พึมพำกับตัวเอง
ส่วนฮ้วนน้อยจ้องหนิงซื่ออวี๋เขม็งพลันสงสัยยิ่งว่า นี่ยังเป็นคุณหนูที่นางรู้จักอยู่หรือไม่?
หญิงสาวที่เองแต่ใจอาละวาดไปทั่วตอนนี้หายไปไหนแล้ว?
ไม่กี่วันนี้คุณหนูของนางประพฤติตัวดีราวกับสาวใช้ต่อหน้าท่านปรมาจารย์เย่
หากท่านปรมาจารย์ชี้ให้นางไปทิศตะวันออก พนันได้เลยว่านางจะไม่กล้าไปทิศตะวันตกโดยเด็ดขาด
แม้แต่คุณนายของนางก็ยังไม่สามารถปราบพยศได้เช่นกัน!
อย่างไรก็ตามแต่ ท่านปรมาจารย์เย่ผู้นี้ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!
และดูท่า…เขายังน่าเหลือเชื่อเสียยิ่งกว่าท่านปาจารย์ของคุณหนูอีก!
“หลบไป! พวกเจ้าหลีกทางไปให้หมด! ข้าจะต้องการหานักหลอมโอสถผู้นั้น! ไสหัวไปไกลๆเลย!”
ทันทีทันเชายร่างกำยำจำนวนสี่ถึงห้าคนก็พุ่งตรงเข้ามาในร้านขายโอสถสารพัดรับจ้าง โดยผลักไสผู้คนที่ยืนต่อแถวออกไปทั้งหมด
ปัง!
ชายร่างกำยคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้นำทุบโต๊ะหินอ่อนตรงหน้าหน้าอย่างแรง จนแตกละเอียดเป็นผุยผงและกล่าวเสียงดังสนั่นว่า
“ไอ้หนูออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้!”
ขณะนี้เองเย่หยวนที่กำลังหลับตาจับชีพจรผู้คนอยู่ เขาเอ่ยปากตอบทั้งๆที่ไม่แม้แต่จะเปิดเปลือกตากล่าวว่า
“ข้าไม่สามารถรักษาเจ้าได้หรอก ไสหัวไป”
ชายร่างกำยำตื่นตกใจยิ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น พลันคำรามขึ้นว่า
“บิดาเจ้าเถอะ! ยังไม่ทันลืมตามองด้วยซ้ำ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่สามารถรักษาอาการป่วยของข้าได้! บังอาจไล่คนไข้งั้นรึ? หรือกำลังดูถูกข้า? ได้! ข้าจะทุบป้ายทิ้งเดี๋ยวนี้! เจ้ามันพวกหลอกลวงต้มตุ๋น!”
เย่หยวนยังคงหลับตาจับชีพจรคนไข่คนนั้น พลางเอ่ยปากกล่าวขึ้นอีกระลอกว่า
“ความโง่กลับไม่สามารถให้หายได้ เจ้าไปตายและเกิดใหม่เสียดีกว่า”
“ฮ่าๆๆๆ…”
คำกล่าวของเย่หยวนทำเอาผู้คนโดยรอบระเบิดหัวเราะลั่น
สีหน้าของชายร่างกำยำแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาขึ้นเสียงตะโกนลั่น
“หุบปากซะ! หากใครมันกล้าหัวเราะอีกครั้ง บิดาคนนี้จะฉีกปากเจ้ามิให้ส่งเสียงได้อีกเลย!”
ทุกคนต่างหน้าเสียปิดปากเงียบโดยเร็ว
ก่อนจะนึกขึ้นได้ทันทีว่าชายร่างกำยำนี้คือใคร เขาเป็นหัวหน้าหกแห่งกลุ่มขนนกเงิน เฉินเปา ผู้สังหารผู้คนได้โดยไม่ต้องขยับเปลือกตาด้วยซ้ำ
หากเขาบอกว่าจะฆ่า มันผู้นั้นต้องตาย
“ไอ้เด็กเวร เจ้ากล้าปั่นประสาทข้ารึ? รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”
เฉินเปาชี้หน้าใส่เย่หยวนพลางเชิดจมูกดั่งผู้สูงส่ง
เย่หยวนกล่าวตอบอย่างไม่แยแสว่า
“อย่าไปสนใจให้เสียเวลาเลยว่าเจ้าคือใคร ท้ายหลังเจ้ายังมีคนป่วยมากมายที่รอต่อแถวอยู่ ผู้ใดก่อปัญหาหรือรบกวนการรักษา จัดการสิ้นไม่มีข้อยกเว้น!”
ได้ยินแบบนั้นเฉินเปาโกรธจัด ยามนี้เตรียมปราดพุ่งทะยานโจมตีเย่หยวนทันที แต่ทันใดนั้นเอง
“เฉินเปา! เจ้ากล้าก่อปัญหาในเขตของกลุ่มอัสนีคำรนงั้นรึ?! เจ้าเชื่อหรือไม่ว่ข้าสามารถสะบั้นคอเจ้าได้ตอนนี้!”
ปรากฏชายกำยำอีกคนเข้ามาสกัดห้ามปรามไว้ทันที ซึ่งนี่มิใช่ใครอื่นนอกเสียจากหัวหน้าห้าแห่งกลุ่มอัสนีคำรน
ทันทีที่ได้ยินว่าเฉินเปากำลังเดินทางมาที่ร้านขายโอสถรับจ้างสารพัด เขาก็รีบพาคนของตนมุ่งตรงเข้ามาทันที
คู่ดวงตาของเฉินเปากรอกกลิ้งไปมาเล็กน้อยและยิ้มกล่าวว่า
“ก่อปัญหาอันใด? ข้ามาที่นี่เพื่อพบนักหลอมโอสถ! น้องชายข้าเป็นโรคผิดประหลาดไม่สามารถรักษาให้หายได้ ดังนั้นเมื่อทราบว่าที่แห่งนี้วิเศษวิโสนักจึงลองพามาก็เท่านั้น!”
ทันทีที่หัวหน้าห้าได้ฟังดังนั้นพลันเลิกคิ้วขึ้นทันทีโดยมิตั้งใจ ก่อนมองไปยังเปลหนึ่งที่กลุ่มคนของเฉินเปาแบกเข้ามา
ปรากฏร่างของชายวัยกลางคนที่กำลังนอนโทรมอยู่ ผิวพรรณทั่วทั้งร่างของเขากลายเป็นสีขี้ผึ้ง ดวงตาทั้งสองจมลึกโบ๋ พร้อมกับลมหายใจแสนรวยรินใกล้ตาย
เป็นที่ชัดเจนว่า เฉินเปาพาคนแบบนี้มาเพื่อหาเรื่องโดยเฉพาะ
อาการเจ็บป่วยแบบนี้มิใช่เรื่องง่ายที่จะรักษา
“แล้วนี่มันอะไรกัน?”
หัวหน้าห้าชี้ไปที่โต๊ะหินอ่อนที่แตกเป็นเสี่ยงๆ
เฉินเปาเอ่ยตอบอย่างไม่แยแสว่า
“ก็โต๊ะมันเก่าและผุพังมากแล้วจับนิดจับหน่อยย่อมเสียหายเป็นธรรมดา แต่นี่…กะจิตกะใจเจ้าจะไม่สนใจคนป่วยหนักเลยรึไง?”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวขึ้นเสียงเย็นว่า
“อยากพบข้าต้องต่อแถว หากไม่พอใจก็ไสหัวไป!”
เฉินเปาแสยะยิ้มกล่าวว่า
“ฮ่าๆ มีผู้คนมากมายเป็นพยาน หากน้องชายของข้าตายลงตรงนี้ เจ้าจะรับผิดชอบหรือไม่?”
เย่หยวนตอบกลับดั่งคร้านจักใส่ใจ
“หากเขาตายก็คือตาย จะให้ข้าทำอย่างไร? นี่มันเขตร้านของข้า หากไม่ต่อแถวรอก็ไปรักษาที่อื่น!”
…………………………………