Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1552
ด้านนอกหอโอสถ ปรากฏชายหนุ่มคนหนึ่งตรงเข้ามาทักทาย
เมื่อเห็นการมาถึงของบุคคลนั้น หนิงซื่ออวี๋ก็ตรงเข้าไปทักทายตอบด้วยรอยยิ้ม
“หุหุ ศิษย์พี่สอง ท่านถูกอาจารย์ลงโทษมาอีกแล้วกระมัง?”
ชายคนนี้เป็นศิษย์พี่สองของหนิงซื่ออวี๋ นามว่าติงซุนเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาวชั้นต้น!
ติงซุนประหลาดใจเล็กน้อย พร้อมกล่าวว่า
“นี่เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
หนิงซื่ออวี๋เปล่งเสียงดังกล่าวขึ้นว่า
“พลังปราณเทวะในร่างกายไม่คงที่ น่าจะเกิดจากหักโหมหยิบใช้ไฟศักดิ์สิทธิ์มากเกินไป คงถูกอาจารย์ลงโทษให้ควบคุมไฟร้อยครั้งกระมัง?”
ติงซุนมุ่ยหน้าใส่กล่าวว่า
“ศิษย์น้องหญิง เจ้ายังมีเวลาห่วงข้าอีกงั้นรึ? ยามนี้ห่วงตัวเองก่อนดีกว่า!”
หนิงซื่ออวี๋ยิ้มคิกคักกล่าวว่า
“ศิษย์พี่สอง ไฉนเราไม่เดิมพันกันเสียหน่อย?”
ติงซุนเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยว่า
“เจ้าเด็กคนนี้ คิดใช้แผนอะไรอีกล่ะ?”
หนิงซื่ออวี๋ยิ้มกล่าวว่า
“ข้าจะบอกว่า ไม่เพียงท่านอาจารย์จะไม่ลงโทษข้าเท่านั้น แต่เขายังจะชื่นชมข้าอีกด้วย!”
ติงซุนระเบิดหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินและกล่าวว่า
“เจ้าทั้งขี้เกียจซ้ำยังหนีเที่ยวตั้งหลายวัน อย่าว่าแต่ปริปากบ่น คราวนี้เจ้าน่าจะถูกกักบริเวณประมาณสามปี! เขาหรือจะชื่นชมเจ้า?”
หนิงซื่ออวี๋กล่าวขึ้นพร้อมท่าทีแสนเจ้าเล่ห์
“แค่บอกมาก็พอว่า ท่านกล้าเดิมพันหรือไม่!”
ติงซุนอดหัวเราะมิได้ขณะกล่าวขึ้นว่า
“นี่อยากได้อะไรอีกล่ะ? แต่ครั้งนี้ข้าไม่แพ้เจ้าแน่นอน”
หนิงซื่ออวี๋แสยะยิ้มกล่าวว่า
“หากศิษย์พี่สองแพ้ ท่านต้องมอบเพลิงเทวะครามไพศาลของท่าน!”
คู่ดวงตาของติงซุนหรี่แคบลงในทันใด เขากล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า
“เจ้าตัวแสบ เพลิงสมุทรจ้าวสวรรค์ของเจ้าแข็งแกร่งเสียยิ่งหว่าเพลิงเทวะครามไพศาลเสียอีก แล้วเจ้าจะเอาไฟศักดิ์สิทธิ์ของข้าไปทำอะไร?”
หนิงซื่ออวี๋กล่าวตอบว่า
“ท่านไม่จำเป็นต้องรู้ แค่บอกมาก็พอว่ากล้าเดิมพันหรือไม่! ส่วนถ้าหากข้าแพ้ ข้าจะมอบเคล็ดวิชาลับค่ายหลอมสวรรค์ให้!”
ติงซุนดวงตาเป็นประกายขึ้นทันใด เขากล่าวย้ำขึ้นทันทีว่า
“นี่เจ้าพูดจริงรึ?”
“จริงยิ่งกว่านี้ก็ทองแท้แล้ว!”
หนิงซื่ออวี๋กล่าว
ติงซุนพยักหน้าและกล่าวรับคำว่า
“ได้เลยเจ้าตัวแสบ ศิษย์พี่คนนี้ขอท้าพนันกับเจ้า! และข้าไม่เชื่อว่าคราวนี้ เจ้าจะหนีรอดจากการลงโทษของท่านอาจารย์ไปได้!”
หนิงฟางหรงที่อยู่ข้างๆมิได้ส่งเสียงอันใดเอ่ยออกไปเลย เขายังคงจับจ้องไปที่น้องสาวของตนด้วยความประหลาดใจ
เขาเองก็คิดเฉกเช่นเดียวกับติงซุน มั่นใจว่านางไม่มีทางรอดพ้นการลงโทษของอาจารย์ไปได้
นางไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน?
ภายในห้วงความคิดของเขา ภาพเย่หยวนพลันปรากฏขึ้นในทันที
หรืออาจจะ…เกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มคนนั้น?
แต่หนิงฟางหรงกลับปฏิเสธความคิดนี้ไปอย่างรวดเร็ว นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!
…
ภายในโถง ปราจารย์ซวนอี้กำลังหลับตาเพื่อพักผ่อน
เมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังลั่นเข้าหู เขาก็เปิดปากกล่าวว่า
“เจ้าตัวแสบ ยังจำทางกลับบ้านได้รึ?!”
สุ้มเสียงของอาจารย์ซวนอี้เอ่ยดังฟังดูน่าเกรงขามยิ่ง ทั้งนี้ยังดูโมโหไม่น้อยเลย
ดั่งคำกล่าวที่ว่า รักมากก็ยิ่งเคี้ยวมาก
อาจารย์ซวนอี้รักหนิงซื่ออวี๋ซึ่งเป็นศิษย์น้องเล็กอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ปวดเศียรกับนางมากเช่นกัน
พรสวรรค์ของสาวน้อยนางนี้ช่างน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง แต่นางกลับคร้านที่จะขยันฝึกปรือ
ศาสตร์แห่งโอสถหาใช่เส้นทางฉาบฉวย หากมีแต่พรสวรรค์กลับยากยิ่งที่จะประสบความสำเร็จ
ดังนั้นเขาจึงวางแผนให้นางกลับมารับโทษ โดยใช้เวลาในช่วงนี้ในการคิดทบทวนกับตัวเอง
หนิงซื่ออวี๋หัวเราะคิกคักและรับตรงเข้าไปกอดแขนของอาจารย์ซวนอี้ทันที และกล่าวอ้อนขึ้นว่า
“ท่านอาจารย์ ข้ามิได้ออกไปเที่ยวเล่น แต่ออกไปเพื่อฝึกปรือเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ!”
อาจารย์ซวนอี้มักหลงคารมศิษย์รักและถูกหลอกมาโดยตลอด แต่คราวนี้เขาตัดสินใจแน่วแน่จะไม่หลงเชื่อนางอีกต่อไป วันนี้เขาต้องลงโทษนังตัวแสบให้จงได้!
เขาลูบหนวดเคราเล็กน้อยและกล่าวเสียงเย็นกระด้างตอบไปว่า
“เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ? ข้าว่าเจ้ามีทักษะเหล่านี้ดีอยู่แล้ว! ไม่จำเป็นต้องเอ่ยกล่าวอันใดอีก เข้าไปในห้องอักขระสวรรค์หมายเลขสาม เพื่อทำสมาธิตั้งสติใหม่ว่าสิ่งใดควรไม่ควร และเจ้ามิได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องนั้นเป็นเวลาสามปี!”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น มุมปากของติงซุนพลันเชิดขึ้นทันที
เจ้าตัวแสบนางนี้ประเมินความโกรธเกรี้ยวของท่านอาจารย์ในครั้งนี้ต่ำเกินไป
ส่วนเคล็ดวิชาลับค่ายหลอมสวรรค์ เขาเองก็ปรารถนามาแสนนานแล้ว
ในที่สุดคราวนี้เขาก็ได้มา!
แต่หนิงซื่ออวี๋กลับไม่กลัวแม้แต่น้อย นางยังคงแกว่งแขนอาจารย์ซวนอี้ไปมาและกล่าวว่า
“ท่านอาจารย์ คราวนี้ข้าออกไปเรียนรู้ทักษะใหม่มาจริงๆ! หากไม่เชื่อ ข้าสจะหลอมกลั่นโอสถต่อหน้าท่านเลย!”
ซวนอี้เหลือบมองนางเล็กน้อย พลันแสยะยิ้มเย็นกล่าวว่า
“เหอะ เจ้าตัวแสบไม่ว่าจะใช้กลอุบายใดๆ คราวนี้มิอาจรอดพ้นการกักบริเวณไปได้”
รอยยิ้มบนใบหน้าของติงซุนยิ่งทวีความสุขเป็นเท่าตัว ในขณะที่หนิงฟางหรงยังคงหรี่ตาแคบจับจ้องไม่คลายอ่อน
คราวนี้อาจารย์ซวนอี้ดูเหมือนจะโกรธจริงๆ!
“โถ่ว ท่านอาจารย์ที่รักของข้า ข้าออกไปเรียนรู้ทักษะใหม่มาจริงๆ! ครั้งนี้มีสหายคนหนึ่งที่ทรงพลังมากฝีมืออย่างมาก ข้าไปเจอเขาในร้านขายโอสถเล็กๆแห่งหนึ่ง! หากท่านอาจารย์ยังไม่เหลือ ซื่ออวี๋จะหลอมกลั่นโอสถตรงหน้าท่านเลย หลังจากนั้นหากยังต้องการลงโทษข้าอยู่ ข้าขอน้อมรับแต่โดยดี!”
หนิงซื่ออวี๋กล่าว
แน่นอนว่าซวนอี้ไม่เชื่อในคำกล่าวของหนิงซื่ออวี๋แน่นอน สหายจากร้านขายโอสถเล็กๆ แห่งหนึ่ง? สถานที่แบบนั้นยังมีปรมาจารย์ยอดฝีมือซ่อนตัวอยู่กระมัง?
เจ้าตัวแสบคิดเล่นตุกติกชัดๆ!
แต่เขายังคงใจดีกล่าวว่า
“เอาล่ะ หลอมกลั่นโอสถให้ข้าดูหน่อย อยากจะเห็นเสียจริงสิ่งใดที่เจ้าเรียนรู้มาในหลายวันนี้!”
ต้องล้อเล่นไปแล้วกระมัง!
เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ทักษะหลอมกลั่นโอสถของนางจะพัฒนาปานนั้น?
แม้พรสวรรค์ของหนิงซื่ออวี๋จะสูงส่งปานใด แต่ระยะเวลาแค่ไม่กี่วัน ย่อมไม่มีทางก้าวล้ำจนเห็นผลขนาดนั้น
ไม่นานหนิงซื่ออวี๋ก็ยกกองสมุนไพรวิญญาณเข้าไปในห้องหลอมกลั่นโอสถ
ซวนอี้กวาดสายตาจับจ้องกองสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้น และอดเอ่ยปากกล่าวมิได้เลยว่า
“เจ้ากำลังจะหลอมกลั่นโอสถฤทัยปราณสวรรค์? แต่เจ้าไม่เคยทำสำเร็จมาก่อน!”
หนิงซื่ออวี๋ยิ้มแช่มพึงพอใจยิ่งว่า
“เป็นเพราะข้าไม่เคยประสบความสำเร็จมาก่อน ดังนั้นข้าจึงต้องการแสดงให้เห็นว่า ตัวข้าพัฒนาไปมากเพียงใด!”
ซวนอี้เม้มปากและมิได้แสดงความคิดเห็นใดๆอีก
เขาไม่เชื่อว่า แค่กี่วันที่ผ่านมาจะทำให้หนิงซื่ออวี๋หลอมกลั่นโอสถฤทัยปราณสวรรค์ได้สำเร็จจริงๆ
แต่หลังจากที่หนิงซื่ออวี๋เริ่มหลอมกลั่นโอสถ ซวนอี้ก็เริ่มค้นพบได้ถึงอะไรบางอย่าง
มีบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจริงๆ!
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ…สมาธิ!
ด้วยนิสัยของหนิงซื่ออวี๋กล่าวได้ว่า นางไม่เคยอยู่ไม่สุขหรืออยู่นิ่งเกินสิบอึดใจด้วยซ้ำ นางมักจะคิดโน้นทำนี่ไปเรื่อยไม่หยุด ดังนั้นแล้วในขณะที่นางหลอมกลั่นโอสถ จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะรวบรวมสมาธิ
แต่ครั้งนี้หนิงซื่ออวี๋กลับจดจ่ออยู่กับหม้อหลอมชนิดที่ว่านิ่งจนซวนอี้ไม่อยากเชื่อสายตา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ความตื่นตะลึงบนใบหน้าของพวกซวนอี้ทั้งสามก็ปรากฏชัดขึ้นและชัดขึ้น
ในอดีต ยามนี้หนิงซื่ออวี๋หลอมกลั่นโอสถ เมื่อเวลาผ่านไปชั่วระยะหนึ่งนางจะเริ่มเสียสมาธิจนทำให้เกิดเหตุผิดพลาดไปในท้ายที่สุด
แต่คราวนี้ราวกับว่านางจมอยู่ในห้วงสมาธิโดยสมบูรณ์ ทุกอย่างดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อยๆ!
ในที่สุดหนิงซื่ออวี๋ก็ส่งเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นว่า
“ขึ้นรูปโอสถ!”
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนสุดท้าย หนิงซื่ออวี๋ก็กอดอกจับจ้องหลอมภาพฉากตรงหน้าด้วยความภาคภูมิใจ
นางทำได้แล้วจริงๆ!
ไม่กี่วันก่อน นางได้รับอิทธิพลอย่างมากจากร้านขายโอสถสารพัดรับจ้าง กล่าวได้ว่าฝีมือของนางได้รับการปรีบปรุงจนพัฒนาขึ้นมาก!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยามที่ได้เห็นเย่หยวนหลอมกลั่นโอสถกับตา ทำให้นางเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มาได้มากมาย
เมื่อเห็นท่าทางตื่นตะลึงของท่านอาจารย์และพี่ชายทั้งสอง หนิงซื่ออวี๋ก็ยิ่งคลี่ยิ้มกว้าง
“ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่สอง พี่ใหญ่ ลองเปิดหม้อหลอมออกดูสิ! ข้าเองก็ตั้งตารออยู่เช่นกัน!”
หนิงซื่ออวี๋กล่าว
ฝ่ามือของซวนอี้สั่นกระตุกเล็กน้อย ปรากฏโอสถเม็ดหนึ่งพุ่งออกมาจากหม้อหลอมกลั่นทันที
ทั้งสี่ต่างจับจ้องไปที่โอสถเม็ดนั้นที่ร้อนลงบนถาดหยก ก่อนเผยสีหน้าตื่นตะลึงสุดขีด
แม้แต่หนิงซื่ออวี๋เองก็ยังไม่อยากเชื่อสายตา
นางคิดกับตนเองว่า หลังจากที่ฝีมือขอตนพัฒนาสูงขึ้นย่อมสามารถหลอมกลั่นโอสถฤทัยปราณสวรรค์ได้สำเร็จแน่นอน
แต่นางกลับคิดไม่ถึงเลยว่า ตนจะสามารถทำได้ขนาดนี้!
……………………………………….