Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1611
หลังจากตั้งใจหลอมอย่างยากลำบากในที่สุดเขาก็สามารถหลอมโอสถดวงใจเมฆาอมตะได้สำเร็จ
นั่นทำให้เขาต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พร้อมยกมือขึ้นปานเหงื่อที่ไหลท่วมพร้อมบ่นในใจว่า “เหนื่อยแท้!”
แม้ว่าจะมีระดับแค่ไหนแต่ความยากในการหลอมของโอสถดวงใจเมฆาอมตะนั้นมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ขั้นต่ำเลย
แต่ตอนนั้นเองที่จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งหัวเราะเยาะเย้ยเขาดังขึ้น
“ดูเจ้าสิ แค่หลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามทำไมถึงต้องทำท่าทางเหนื่อยอ่อนปานนั้นด้วย? ข้าชักเริ่มสงสัยแล้วสิว่าเจ้าเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาวจริง ๆ ใช่ไหม? ได้ยินเขาว่ากันว่าเจ้าเคยเป็นถึงจอมเทพโอสถสามดาวอันดับหนึ่ง แต่ถ้าได้แค่นี้มันก็ไม่เท่าไหร่ล่ะนะ!” กู่ฮั่นเย้ยหยันเขาออกมาอย่างไม่คิดจะไว้หน้าใด ๆ
เพราะฝั่งกู่ฮั่นนั้นหลอมโอสถเสร็จไปนานแล้ว และได้มานั่งมองดูซ่งฉีหยางหลอมต่ออย่างสบายใจ
ซ่งฉีหยางนั้นโกรธจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานก่อนจะตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาล “เด็กเวร เจ้าอย่าได้ทำตัวอวดดีให้มากนัก! เอาโอสถของเจ้าออกมาให้ทุกผู้คนได้ดูเถอะว่ามันจะเทียบเคียงกับของที่ข้าหลอมได้จริงไหม!”
กู่ฮั่นจึงยักไหล่ตอบ “ดูก็ดูสิ คิดว่าข้ากลัวเรอะ?! หลังข้าจัดการหลอมมันเสร็จแล้วข้าก็ได้มาดูเจ้าหลอมต่อ และข้าขอบอกเลยว่าข้ามั่นใจสุด ๆ ว่าจะชนะมือใหม่อย่างเจ้าได้ง่าย ๆ”
พูดจบทางกู่ฮั่นก็เปิดเตาหลอมออก
เมื่อทุกคนเห็นโอสถของกู่ฮั่นสายตาของพวกเขาก็ปรากฏความสิ้นหวังขึ้นทันที
“ทำไมกัน? เจ้าเด็กคนนี้มันสามารถหลอมโอสถดวงใจเมฆาอมตะขั้นสูงได้จริง ๆ”
“จะห่างชั้นกันเกินไปแล้ว! ด้วยสภาพซ่งฉีหยางระหว่างหลอมเขาคงทำได้ดีสุดแค่ขั้นกลาง หรืออาจจะต่ำ”
“เฮ้อ หรือเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราจะไม่มีใครสามารถจัดการเจ้าเด็กคนนี้ลงได้แล้ว?”
…
ผู้คนเหล่านี้ต่างถอนหายใจออกมาอย่างไม่หยุดพัก หลายวันมานี้พวกเขาพ่ายแพ้ให้แก่กู่ฮั่นอย่างราบคาบ
แต่ก็ไม่มีใครคิดถึงเย่หยวนขึ้นมาเลย ด้วยตำแหน่งของเย่หยวนในตอนนี้มันทำให้เขาหลุดจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ไปนานแล้ว
เย่หยวนนั้นเป็นผู้อาวุโสหอโอสถ เป็นตัวตนที่มีสถานะสูงส่ง มีหรือจะมาร่วมกับการแข่งขันประลองเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้?
แต่หากไม่ใช่เย่หยวนแล้วใครจะสามารถจัดการอัจฉริยะอย่างกู่ฮั่นลงได้อีกกัน
เขาคนนี้ได้ทำให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เสียหน้าไปอย่างกู่ไม่กลับแล้ว
สีหน้าของซ่งฉีหยางในตอนนี้มันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะตัวคนทำย่อมรู้ตัวเองดี ซ่งฉีหยางรู้ดีว่าโอสถที่เขาหลอมขึ้นมันมีคุณภาพแค่ขั้นต่ำ
โอสถที่เขาทนหลอมขึ้นมาอย่างยากเย็นนี้
กู่ฮั่นหันมามองอย่างเยาะเย้ยและถามขึ้น “มีอะไรอีก? ทำไมยังไม่เปิดเตาของตัวเอง? หรือเจ้าจะยอมรับแล้วว่าตัวเองแพ้? ช่างเถอะ ตามที่เราได้ตกลงกันไว้ ผู้แพ้ต้องก้มคารวะผู้ชนะสามครั้ง พร้อมพูดว่า ‘ข้าน้อยเป็นแค่มือใหม่ขอคารวะนายท่านกู่ฮั่น’ แล้วถือว่าจบเรื่องกัน”
ใบหน้าของซ่งฉีหยางแดงขึ้นมาอีกครา เขาเอาแต่ยืนนิ่งไม่รู้ต้องทำยังไง
ส่วนที่มุมหนึ่งของตัวอาคาร ผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ก็พูดออกมาด้วยสีหน้าเสียดาย “พี่หรงซู ดูท่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของท่านจะไม่มีผู้สืบทอดเสียแล้วกระมัง! ข้าได้ยินว่านี่คือศิษย์เอกของท่านรึ? เขาทำได้แค่นี้จริง ๆ น่ะรึ?”
ใบหน้าของหรงซูหมองหม่นลงพร้อมพูดเข้าเรื่องทันที “หลิงจี้คุน เจ้าก็แค่บังเอิญโชคดีไปได้ศิษย์เก่งกาจมา จะภูมิใจอะไรนักหนา?”
หลิงจี้คุนจึงยิ้มตอบไป “พี่หรงซูอย่าได้โกรธเกี้ยวไป แค่เด็กมันประลองกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำไมต้องเดือดดาลขนาดนั้นด้วย? ดูอย่างตอนที่ศิษย์หญิงของซวนอี้แพ้ไปวันนั้นสิ ทางนั้นเขายังใจเย็นกว่าพี่เยอะเลย!”
หรงซูจึงหัวเราะเยาะออกมา “หลิงจี้คุนเจ้ามาที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เพื่ออวดอ้างตัวรีว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยจริง ๆ ? หากไม่มีก็กลับเมื่องของเจ้าไปเสียเถอะ!”
หลิงจี้คุนยิ้มตอบ “ดูสิว่าท่านพูดอะไรออกมา ชายแก่คนนี้ย่อมมาที่นี่เพราะมีธุระสำคัญแน่อยู่แล้ว แต่มันไม่ได้เป็นเรื่องด่วน ข้าจึงมาอยู่ได้นานเท่าที่ต้องการ และระหว่างนั้น… ก็ให้เด็ก ๆ มันได้ประลองกันไปเพื่อทำความรู้จักมักคุ้นกันไว้!”
“เฮอะ!” หรงซูได้แต่พ่นล่มออกมาเยาะเย้ยคำแก้ตัวหน้าด้าน ๆ นี้และเงียบปากลง
ในมุมหนึ่งของฝูงชนที่มามุงดู เย่หยวนหันไปถามหนิงเทียนปิงที่ด้านข้างอย่างแผ่วเบา “คนอื่น ๆ ก็โดนเช่นนี้รึ?”
หนิงเทียนปิงจึงตอบกลับมาอย่างไม่พอใจนัก “ไม่เช่นนั้นมันจะกล้า? ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้มันโอหังเกินไป และที่ผ่าน ๆ มาก็ไม่มีใครทำอะไรมันได้มันถึงได้ใจมาจนทุกวันนี้”
นั่นก็หมายความว่าหนิงซืออวี๋เองก็ต้องก้มหัวให้กู่ฮั่นเช่นกัน
เย่หยวนนั้นไม่ได้มีอารมณ์โกรธเคืองใด ๆ เรื่องแค่นี้มันเล็กน้อยเหมือนการทะเลาะกันของเด็ก ๆ สำหรับตัวเขา
สายตาของเขานั้นกว้างไกลกว่าเด็กน้อยอย่างกู่ฮั่นมาก การกระทำเช่นนี้เขาเองก็เข้าใจได้
แต่ปัญหาคือหนิงซืออวี๋ก็นับว่าเป็นศิษย์ของเขาด้วยครึ่งหนึ่ง การต้องมาแพ้จนเสียหน้าแบบนั้นมันก็ทำให้เย่หยวนเสียหน้าไปด้วย
“ทำไม? หรือศิษย์พี่ซ่งที่ผู้อาวุโสใหญ่รักนักรักหนาคนนั้นจะไม่สามารถทนความพ่ายแพ้และไม่ทำตามข้อตกลง?” กู่ฮั่นยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
ตอนนี้ใบหน้าของซ่งฉีหยางนั้นแดงเดือด การที่เขา จอมเทพโอสถสี่ดาวต้องมาก้มหัวให้จอมเทพโอสถสามดาวเช่นนี้ แถมยังต้องเรียกอีกฝ่ายว่านายท่านอีก มันยากเสียยิ่งกว่าให้กลืนแมลงเป็น ๆ ทั้งตัว
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนมากขนาดนี้ การกลับคำพูดของตัวเองมันก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ เพราะนี่คือสายตาของคนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ทั้งเมือง
“ให้ตายสิ โลกนี้มันเป็นอะไรกัน? ทำไมถึงได้มีตัวประหลาดมากมายขนาดนี้?”
ซ่งฉีหยางได้แต่บ่นด่าในใจ เมื่อตัดสินใจได้เขาตอนที่เขากำลังจะก้มหัวลง กลับมีมือขึ้นมาจับคอเสื้อของเขาไว้จากด้านหลัง
เมื่อหันไปมองว่าเป็นใครเขาก็ต้องเปิดอ้าปากค้าง
เมื่อคนรอบ ๆ ได้เห็นชายหนุ่มคนนี้ พวกเขาทั้งหลายต่างเกิดอาการตื่นเต้นดีใจขึ้นจนหลายคนเกือบตะโกนออกมา
แต่เป็นเย่หยวนที่ยกมือขึ้นมาห้ามไว้ก่อน ส่งสัญญาณว่าอย่าได้เรียกชื่อเขาตอนนี้
คนเหล่านั้นต่างเข้าใจได้ในทันทีและเงียบปากลง
แต่ความตื่นเต้นที่ปรากฏออกมาบนใบหน้านั้นมันก็ไม่สามารถที่จะปกปิดได้
กู่ฮั่นที่เห็นท่าทางของคนรอบ ๆ แบบนั้นจึงเกิดสงสัยขึ้นมา
ใครกัน? ทำไมคนรอบ ๆ ถึงได้ทำสีหน้าแบบนั้นออกมา?
เหมือนว่าตั้งแต่วินาทีที่เด็กคนนี้ปรากฏตัว ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นดีใจอย่างท่วมท้น
แต่เด็กคนนี้เป็นเพียงแค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุด
ในด้านพลังบ่มเพาะนั้นเขาดูจะต่ำกว่าตัวกู่ฮั่นเสียด้วยซ้ำ!
จะบอกว่าเด็กพรรค์นี้คิดจะล้มเขาหรือ?
ฝันไปเถอะ!
เขาไม่เห็นหรือว่าแม้แต่จอมเทพโอสถสี่ดาวตรงหน้านี้ยังต้องพ่ายแพ้?
“เย่…”
วินาทีที่ซ่งฉีหยางกำลังจะพูด เขาก็ถูกเย่หยวนพูดขึ้นขัด “เอาล่ะ ๆ ปล่อยให้ข้าจัดการเอง เจ้าไปนั่งดูเถอะ”
เมื่อเย่หยวนพูดแบบนั้นออกมา ซ่งฉีหยางก็รู้สึกเหมือนได้รับยาวิเศษจนต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่หยวนจะออกมาช่วยเขาไว้ในเวลานี้
เพราะอดีตของเขาและเย่หยวนนั้นมันไม่ดีนัก!
หากซ่งฉีหยางเป็นเย่หยวน เขาคงไม่ออกมา ปล่อยให้เย่หยวนเสียหน้าและค่อยขึ้นมาจัดการเจ้าเด็กคนนี้เอาทีหลัง
คิดได้แบบนั้นซ่งฉีหยางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจขึ้นมา
เขาได้รู้แล้วเมื่อเทียบกับเย่หยวนแล้วเขามันเป็นได้เพียงแค่คนใจแคบคนหนึ่งเท่านั้น!
เย่หยวนคนนี้ชำระแค้นด้วยบุญคุณ ช่วยให้เขาสามารถรอดออกจากสถานการณ์ในตอนนี้ได้ มันเรียกได้ว่าเป็นการช่วยรักษาหน้าเขาไว้อย่างถึงที่สุด
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ซ่งฉีหยางรู้สึกเสียใจกับการหาเรื่องเย่หยวนที่ผ่านมา
“หยุดเลย! ศิษย์พี่ซ่ง นี่เจ้าคิดจะกลับคำอย่างนั้นรึ? หากคิดทำแบบนั้นข้าล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าผู้อาวุโสใหญ่หรงซูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?” กู่ฮั่นไม่คิดสนใจเย่หยวนแม้แต่น้อยและหันไปว่าซ่งฉีหยางแทน
ซ่งฉีหยางหยุดเท้าลงทันที แน่นอนว่าเขาไม่กล้าเดินต่อไปหลังได้ยินแบบนั้น
แต่เย่หยวนกลับยกมือขึ้นไล่เขาไปนั่งพร้อมหันมาบอกกู่ฮั่น “เขาไม่ได้กลับคำ สัญญาที่ตกลงกันไว้ข้าจะเป็นคนรับช่วงต่อเอง”
กู่ฮั่นจึงหันมามองเย่หยวนอย่างหัวจรดเท้าและหัวเราะขึ้น “เจ้า? จอมเทพโอสถสามดาวอย่างเจ้าจะมาช่วยรับคำแทนจอมเทพโอสถสี่ดาว? อย่างเจ้าจะมีปัญญาทำอะไร!”
………………………………………………………