Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1633
ตอนที่ 1633 หมากัดกัน
ข่านซัวนั้นอึดอัดมากๆ หากนี่เป็นคำพูดของนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนอื่นๆ เขาคงสามารถหัวเราะเยาะเย้ยออกมาได้อย่างเต็มที่
เพราะขยะพวกนั้นมันไม่มีทางที่จะไล่ตามเขาทันได้ไปชั่วชีวิต
แต่เย่หยวนั้นต่างออกไป!
เด็กน้อยคนนี้มันมีพรสวรรค์ที่มากล้นเกินไป ที่สำคัญด้วยพลังการต่อสู้ที่เหนือฟ้านั้นทั้งๆ ที่ยังอยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเขากลับสามารถต่อสู้รับมือกับยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวได้อย่างไม่ยากเย็น
หากคนเช่นนี้เติบโตขึ้นไปได้ เขาคงเป็นภัยร้ายที่วัดค่าความอันตรายไม่ได้เลย!
“การจะสังหารเจ้าลงตอนนี้มันคงเป็นเรื่องที่ยากเกินมือข้า แต่หากแค่ทำให้เจ้าต้องพบความลำบากในชีวิตต่อจากนี้ไปมันก็พอทำได้”
เย่หยวนยิ้มออกมาระหว่างพูด เป็นรอยยิ้มที่แม้แต่ข่านซัวยังต้องขนลุก
“เจ้า… เจ้าคิดจะทำอะไร? เด็กน้อยอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากลับคิดจะมาทำร้ายผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้รึ?” ข่านซัวปั้นหน้าเข้าสู้ด้วยคำขู่ แต่ภายในใจของเขานั้นไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่แสดงออกมา
เย่หยวนขยับนิ้ว แสดงให้เห็นเข็มสีเงินปรากฏออกมาที่ปลายนิ้ว
เข็มสีเงินนี้มันคือสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ!
เขามองดูใบหน้าของข่านซัวด้วยรอยยิ้มที่แสนเยือกเย็น “เฮอะ แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า? ข้าจะบอกให้นะว่านายน้อยคนนี้คือผู้อาวุโสแห่งหอโอสถเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์! เห็นเข็มเงินนี่ไหม? นี่คือเข็มที่อาบไปด้วยน้ำตาปีศาจสวรรค์สลายกระดูกระดับสาม ของแบบนี้… เจ้าเองก็คงเคยได้ยินชื่อมันมาก่อนกระมัง?”
ข่านซัวจ้องมองไปอย่างรุนแรงท่าร่างของเขาอ่อนแรงลงทันทีที่ได้ยินจนเกือบจะถูกแรงโน้มถ่วงกดจนตัวตาย
“เจ้า… เจ้าไปรู้วิธีหลอมของแบบนั้นมาจากไหนกัน?” ข่านซัวกล่าวขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ
น้ำตาปีศาจสวรรค์สลายกระดูกนั้นคือพิษร้ายที่แสนรุนแรงในหมู่เผ่าปีศาจ มันรุนแรงจนไม่มีพิษใดเทียบเคียง
ด้วยน้ำตาปีศาจสวรรค์สลายกระดูกระดับห้า เพียงหยดเดียวมันก็มากพอที่จะสังหารยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์อย่างเขาให้ตายลงได้นับร้อยครั้ง!
และแม้อาณาจักรนภาสวรรค์ระดับสาม นั้นจะไม่สามารถสังหารเขาลงได้ แต่มันก็ต้องทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสภาพในตอนนี้ หากเขาต้องโดนพิษเข้าไปอีก มันคงทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอลงมาก ถึงตอนนั้นต่อให้เย่หยวนยืนมองนิ่งๆ เขาก็คงโดนสนามแรงโน้มถ่วงนี้กดทับจนแบนราบแน่
หากอาวุธในมือเย่หยวนนั้นเป็นเครื่องรางนภาสวรรค์ข่านซัวคงไม่คิดที่จะเกรงกลัว เพราะเครื่องรางนภาสวรรค์มันไม่สามารถเจาะการป้องกันของเขาได้แม้แต่น้อย!
แต่ทว่าในมือของเย่หยวนนั้นกลับเป็นสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ!
นี่มันคืออาวุธร้าย!
ข่านซัวมองดูเข็มในมือเย่หยวนพร้อมมือของเขาที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
ฟุ่บ!
ข่านซัวปลดปล่อยพลังที่คานแรงโน้มถ่วงไว้ทั้งหมดออกเพื่อรีบมุ่งหน้าหนีออกไป
ระหว่างที่เขารีบหนีออกไป ข่านซัวก็ต้องกระอักเลือดอย่างรุนแรง ร่างกายทั้งร่างของเขาอ่อนแรงมากเมื่อต้องมาอยู่ใต้สนามแรงโน้มถ่วงตรงๆ เช่นนี้
ตุบ…
เขาพุ่งตัวไปในระยะหนึ่งพันเมตร ในคราเดียวจนสุดท้ายหมดแรงล้มหน้าทิ่มพื้นลง
ซ่งหยูและเล่ออี้เองก็มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเช่นกัน พวกเขาทั้งสองหันมามองดูเย่หยวนอย่างหวาดกลัว
และแน่นอนว่าเย่หยวนเองก็หยิบขวดใบเล็กออกมาใหม่ นั่นทำให้คนทั้งสองต้องขนลุกชันทันที
ตอนนี้ไม่ต้องถามแล้ว ขวดใบเล็กนั้นมันไม่มีทางเป็นโอสถไปได้แน่!
มีหรือที่พวกเขาจะให้เวลาเย่หยวนหยิบเข็มออกมาอีก? หลังได้เห็นเรื่องของข่านซัวแล้วพวกเขาทั้งสองจึงตัดสินใจพุ่งตัวหนีออกไปในทันที
ด้วยการหลบหนีในครั้งนี้มันทำให้พวกเขาทั้งสองต้องเจอกับแรงกดทับอันมหาศาลเช่นกัน
ทั้งสามคนหนีออกไปจนสุดทาง ต่างคนต่างกระอักเลือดออกมาตามๆ กัน เป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อจนเกินจะบรรยาย
ไม่ไกลไปนักเกาหยุนเองก็มีใบหน้าที่ดูไม่ค่อยสู้ดีเช่นกัน
เพราะเขาไม่คิดเลยว่าเย่หยวนจะใช้แค่เข็มเล็กๆ ในการข่มขู่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์จนพวกเขาต้องมามีสภาพเช่นนี้
เย่หยวนมองดูที่ใบหน้าคนทั้งสามที่หนีไปไกลก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “จะรีบวิ่งไปไหนกันเล่า? ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง จะจริงจังอะไรขนาดนั้นกัน? ข้านั้นคือนักนักหลอมโอสถ มีหรือที่จะพกพิษติดตัวไปไหนมาไหนด้วย?”
“อ่อก!”
“อ่อก!”
“อ่อก!”
คนทั้งสามกระอักเลือดออกมาพร้อมๆ กันหลังได้ยินเช่นนั้นอย่างมิได้นัดหมาย
เจ้าเด็กคนนี้มันข่มขู่ผู้คนให้กลัวแทบตายโดยที่จริงๆ ไม่มีอะไรกับตัวเลย
“เย่หยวน เจ้า! หากข้าผู้นี้รักษาอาการบาดเจ็บจนหายดีแล้วข้าจะไม่มีทางปล่อยเจ้าให้มีชีวิตรอดแน่! แต่ให้เจ้าเป็นผู้อาวุโสแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ข้าก็ไม่สนใจ!” ซ่งหยูจะโกนออกมา
ตอนนี้กำลังของคนทั้งสามนั้นเหลืออยู่แค่ไม่ถึง หนึ่งในสิบ เพราะอาการบาดเจ็บที่ได้รับ
เย่หยวนจึงยิ้มออกมา “งั้นพวกเจ้าก็จงรักษาอาการบาดเจ็บไปให้หายก่อนเถอะ ข้าขอตัวไปจัดการเก็บเขาหน่วงเทพบรรพกาลล่ะ อ่ะ จริงด้วย ที่ข้างๆ พวกเจ้านั้นมันยังมีตัวเกะกะอยู่นี่ พวกเจ้าคงไม่คิดว่ามันจะปล่อยให้พวกเจ้าพักฟื้นตัวสบายๆ หรอกใช่หรือไม่?”
นั่นทำให้ใบหน้าของคนทั้งสามเปลี่ยนไปทันที พวกเขาหันไปมองเกาหยุนพร้อมๆ กันด้วยไฟแค้นที่โหมไหม้
เกาหยุนหน้าซีดลงเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดเลยว่าคำพูดเดียวของเย่หยวนมันจะสามารถทำให้เป้าหมายกลายมาเป็นตัวเขาได้จึงตะโกนขึ้นลั่น “เย่หยวน อย่าได้คิดเปลี่ยนเป้าหมาย! ชายแก่คนนี้จะรีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ พวกเจ้าทั้งสามจงรักษาตัวกันไปตามสบายเถอะ!”
ซ่งหยูหัวเราะเย้ยขึ้น “เมื่อกี้ที่เจ้าลอบทำร้ายข้าเจ้ายังดูอวดดีอยู่เลยนี่? ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าตอนนี้เจ้ายังจะอวดเก่งได้มากแค่ไหน!”
ข่านซัวและเล่ออี้นั้นเป็นคนฉลาดไม่น้อย มีหรือที่พวกเขาจะปล่อยให้หมาป่าหิวโหยรอดกลับออกไปได้ง่ายๆ เช่นนี้?
เพราะแม้เย่หยวนนั้นจะไม่สามารถสังหารพวกเขาลงได้ แต่เกาหยุนนั้นสามารถ
ที่สำคัญสภาพร่างกายของเกาหยุนในตอนนี้มันยังดูดีกว่าพวกเขาเสียด้วย
หากไม่สังหารเขาลงเสียมีหรือที่พวกเขาจะรักษาตัวได้อย่างสบายใจ?
ข่านซัวตอบกลับมา “ใครจะสนกันเล่า! จัดการมันลงก่อนแล้วค่อยว่ากัน! เจ้าเฒ่านี้มันมากแผนการ ไม่ได้ดีไปกว่าเด็กน้อยเย่หยวนนั่นเลย! ให้มันมีชีวิตต่อไปใครจะรู้ว่ามันจะมีลูกไม้ไหนมาอีก?”
เกาหยุนนั้นมีสีหน้าเลวร้ายอย่างถึงที่สุด แผนการโยนไฟของเย่หยวนในครั้งนี้มันช่างรุนแรงนัก!
มันเป็นการยุแยงที่ชัดเจน ชายแก่ทั้งสามเองก็ไม่ใช่เด็กน้อยอ่อนต่อโลก ไม่มีทางที่พวกเขาจะมองมันไม่ออก
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ยังต้องลงมือ
เหตุผลนั้นแสนง่ายดาย เพราะพวกเขากังวล!
เด็กคนนี้มันรับมือยากเสียจริงๆ
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
คนทั้งสามทนรับแรงโน้มถ่วงไว้และพุ่งเข้าโจมตีใส่เกาหยุนทันที
ข่านซัวนั้นบาดเจ็บหนักมาก จึงอยากที่จะจัดการจบการต่อสู้ให้รวดเร็วที่สุด
ไม่เช่นนั้นด้วยสถานะของพวกเขามีหรือที่จะกล้ารุมโจมตีคนอื่นเช่นนี้?
แต่อีกด้าน เกาหยุนนั้นแม้จะบาดเจ็บมาไม่น้อย แต่ก็ยังเบาหากเทียบกับอีกฝ่าย
ไม่นานคนทั้งสี่ ก็เริ่มลงมือต่อสู้กันอย่างสุดแรง
แต่เกาหยุนนั้นจะทนรับการโจมตีของคนทั้งสามได้อย่างไร? ไม่กี่กระบวนท่าเขาก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและเริ่มได้รับบาดเจ็บ
เมื่อเย่หยวนเห็นแบบนั้นเขาก็อดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้
แม้จะเป็นคนเจ้าแผนการแค่ไหน หลายๆ ครั้งพวกเขากลับตกหลุมพรางง่ายๆ
เรื่องการต่อสู้ทางนั้นเย่หยวนไม่ได้สนใจอีกต่อไป ตอนนี้เขาต้องเข้าไปเอาเขาหน่วงเทพบรรพกาลมาไว้ในมือให้ได้ก่อน
แต่ก็อย่างที่ข่านซัวว่ามา ด้วยพลังของเย่หยวนในตอนนี้เขามีทางที่จะเดินไปจนถึงเขาหน่วงเทพบรรพกาลได้เลย
เพราะแรงโน้มถ่วงที่ด้านหน้ามันรุนแรงจนเกินไป ต่อให้เขาจะใช้ฟ้าหน่วงหยวนฉือเช่นนี้แต่มันก็ไม่มีทางเทียบเคียงกับพลังของเขาหน่วงเทพบรรพกาลได้เลย
แต่ทว่าเย่หยวนนั้นยังมีแผนการอื่นไว้รองรับ
สำหรับเขาแล้ว ฟ้าหน่วงหยวนฉือนั้นคือตัวกลางชั้นยอดที่เขาจะสามารถสื่อสารกับเขาหน่วงเทพบรรพกาล
เย่หยวนนำฟ้าหน่วงหยวนฉือออกมาและใส่พลังปราณลงไปอย่างรุนแรง
ด้วยเสียงดังฟุบ ฟ้าหน่วงหยวนฉือนั้นก็พุ่งตรงไปยังเขาหน่วงเทพบรรพกาลในทันที
เคร้ง!
ฟ้าหน่วงหยวนฉือนั้นเข้าไปเกาะอยู่กับเขาหน่วงเทพบรรพกาลอย่างไม่มีร่องรอยของความเสียหายใดๆ
ตู้ม!
ตอนนี้เขาหน่วงเทพบรรพกาลนั้นเหมือนกำลังถูกเปิดใช้งานขึ้น ส่องแสงแรงกล้าไปทั่วพื้นที่
ตอนนี้คนทั้งสี่ที่กำลังปะทะกันอยู่อย่างดุเดือด เมื่อได้เห็นแสงนั้นพวกเขาก็จำต้องหยุดมือลงด้วยสีหน้าท่าทางไม่อยากจะเชื่อสายตา
“เป็นไปได้อย่างไร? มันสามารหลอมเขาหน่วงเทพบรรพกาลไว้ได้จริง!” ซ่งหยูหน้าซีดลงทันที
ข่านซัวกัดฟันแน่นออกมาพร้อมพูดด้วยความเกลียดชัง “ให้ตายเถอะ! เสียเวลามาตั้งนานทั้งยังบาดเจ็บกันไม่น้อย แต่สุดท้ายกลับเป็นเจ้านั่นที่ได้มันไป! หากอาการบาดเจ็บของข้าหายดีแล้วข้าจะต้องไปสังหารมันให้ได้!”
ฟุ่บ!
ระหว่างที่คนทั้งสามกำลังตกตะลึงกับภาพตรงหน้า เกาหยุนก็ใช้โอกาสนั้นในการเปลี่ยนร่างของจนเป็นลำแสงพุ่งตัวหนีออกไปยังโลกภายนอกในทันที
ส่วนคนทั้งสามเองก็ไม่ได้สนใจในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้สายตาของพวกเขาต่างจับจ้องไปยังเย่หยวน
“เขาหน่วงเทพบรรพกาลนั้นมิใช่สมบัติล้ำค่าธรรมดาๆ มันมีระดับที่สูงจนวัดค่าไม่ได้! หากมันถูกหลอมสำเร็จแม้จะเป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ก็คงถูกสังหารลงได้อย่างง่ายดาย!” เล่ออี้พูดออกมาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความกลัว