Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1714
ในเมืองจักรพรรดิเลิศประกายจำนวนเหล่ายอดอัจฉริยะนั้นต่างเพิ่มมากขึ้น
ทั้งบนถนนและในตรอกซอกซอย โรงน้ำชาร้านเหล้า มีแต่คนหนุ่มสาวอยู่มากมายไปหมด
เหล่าอัจฉริยะหนุ่มสาวนี้ต่างมีที่มาที่แตกต่างหลากหลาย แต่ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความทะนงของตัวเองอย่างที่ไม่สามารถปิดบังไว้ได้
“ได้ยินว่าตอนนี้มียอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวมาลงชื่อเข้าร่วมงานสังเวียนร้อยศึกแล้ว!”
“เจ้าพวกนี้มันบ่มเพาะกันยังไง? ข้าเองก็ไม่เคยเกียจคร้านบ่มเพาะอย่างขันแข็งมาตลอด แต่จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังอยู่ที่อาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาว”
“งั้นเรอะ? จริงๆ เรื่องพลังบ่มเพาะนั้นเรื่องรองนะ ที่น่ากลัวจริงๆ คือคนพวกนี้มันเข้าใจแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้ง! ข้าได้ยินว่าเจียงหนานผสานรวมสามแนวคิดไว้ด้วยกันได้ จึงมีพลังฝีมือการต่อสู้ที่เหนือล้ำผู้ใด!”
“ใช่แล้ว แล้วก็เจ้าบ้าเซียโหหยุนอีกคน ได้ยินว่ามันรู้แนวคิดแห่งการทำลายล้าง คนระดับเดียวกันไม่มีใครต้านทานมันได้เลย!”
…
ในเมืองนั้นมีการจับกลุ่มพูดคุยกันมาอย่างยาวนาน
เหล่ายอดคนมากฝีมือหลายๆ คนเริ่มถูกจับแยกขึ้นมาเป็นประเด็นที่ทำให้ผู้คนพูดคุยกันได้สนุกปาก
สังเวียนร้อยศึกนั้นมันจะแบ่งออกเป็นแปดกลุ่ม
ผู้ชนะของแต่ละกลุ่มจะได้รับการทำนายจากเจ็ดยอดผู้อาวุโสแห่งศาลามายาล้ำ
และสุดท้ายพวกเขาทั้งแปดก็จะมาห้ำหั่นกันเพื่อหาผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว มาเป็นผู้ชนะเลิศของสังเวียนร้อยศึกในรอบนี้!
ผู้ชนะเลิศนี้จะเป็นคนที่ได้รับการทำนายจากท่านเจ้าศาลามายาล้ำโดยตรง
มันเป็นเกียรติที่หาใดเปรียบมิได้ เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะได้รับตำแหน่งนั้นมา
แม้ว่าพวกเขาทั้งหลายจะมีศาสตร์แห่งการดูรัศมีเหมือนๆ กัน แต่ผลที่ได้ออกมามันย่อมแตกต่างกันไปตามแต่ผู้ใช้
เจ้าศาลามายาล้ำนั้นศึกษาความลับของดวงชะตาอยู่ทุกวี่วัน เหล่าอัจฉริยะที่เคยได้รับคำทำนายจากเขาล้วนแล้วแต่ได้กลายเป็นไปยอดคนชื่อดัง
เวลานี้เองที่ชั้นบนห้องส่วนตัวของร้านอาหารวิหคนิรันดร์ เจียนปิงก็กำลังยกแก้วชนกับชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่
เมื่อเขาได้ยินว่าเย่หยวนเองก็จะไปเข้าร่วมสังเวียนร้อยศึกด้วย เขาก็ดีใจจนแทบจะลุกขึ้นเต้น
เพราะเย่หยวนนั้นได้รับการต้อนรับจากท่านเจ้าศาลา เขาจึงไม่มีปัญญาจะทำอะไรตรงๆ กับเย่หยวนได้อีก
แต่หากเย่หยวนตายลงในสังเวียนร้อยศึกด้วยน้ำมือของผู้เข้าร่วมคนอื่น มันก็คงไม่มีใครจะมาโทษเขาได้
ความเป็นความตายนั้นเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ในสังเวียนร้อยศึก แม้ว่ามันจะมีกฎรับการยอมแพ้อยู่ก็ตาม
โดยปกติแล้ว ความตายนั้นไม่ได้มีมากมายในสังเวียนร้อยศึก
เพราะยังไงเสียเหล่ายอดอัจฉริยะที่มาร่วมสังเวียนร้อยศึกนั้นก็ล้วนแล้วต่างมียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์คอยหนุนหลังทั้งสิ้น การสังหารกันลงจริงๆ มันคงทำให้เกิดเรื่องราวปัญญามากมายตามมาในวันข้างหน้า
แต่ทว่าในทุกๆ ครั้งที่มีการจัดสังเวียนร้อยศึกขึ้น มันก็ยังมีความสูญเสียเกิดขึ้นได้ไม่ขาด
ด้วยตำแหน่งของเจียนปิงมันไม่ยากเลยที่เขาจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มที่เย่หยวนจะได้ลง และเมื่อเขารู้ว่าเย่หยวนถูกจัดไว้ในกลุ่มเดียวกับเซียโหหยุน เขาก็ยิ่งตื่นเต้นดีใจไปยกใหญ่
การจัดกลุ่มเหล่านี้ทางเมืองจักรพรรดิเลิศประกายจะพยายามนึกคำนวนถึงฝีมือและพยายามไม่ให้ยอดคนไปเจอกันตั้งแต่รอบแรกๆ
และเซียโหหยุนคนนี้เองก็เป็นตัวเต็งของกลุ่มนี้
เมื่อเขาได้ยินว่าเย่หยวนเป็นเพียงนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาว เขาก็กล่าวออกมาอย่างไม่สนใจ “พี่เจียนปิงท่านดูถูกเซียโหหยุนคนนี้เกินไปแล้ว สังหารนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวนั้นมันยังต้องให้ข้าลงมือด้วย?”
เจียนปิงตอบกลับมา “น้องเซียโหอย่าได้ประมาทมัน ต่อให้มันจะมีพลังบ่มเพาะแค่อาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวแต่พลังต่อสู้ของมันนั้นสูงล้ำ ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าเลย!”
เมื่อเซียโหหยุนได้ยินเช่นนั้นเขาก็แสดงท่าทางตื่นตกใจออกมาไม่น้อย
แม้ว่าฝีมือของเจียนปิงจะไม่นับว่าแข็งแกร่งนัก แต่ยังไงเสียเขาก็มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาว
แต่ราชันพระเจ้าสองดาวกลับข้ามความห่างสามดาวขึ้นมาเทียบเคียงเขาได้?
เซียโหหยุนแสดงสีหน้าท่าทางสงสัยออกมาด้วยความตื่นเต้น “โอ้? ช่างเป็นศัตรูที่น่าสนใจยิ่ง เซียโหหยุนคงต้องขอเจอมันหน่อยแล้ว แต่ว่าเรื่องของน้องเมิ่งชิงคงต้องฝากท่านพี่เจียนปิงจัดการให้แล้ว”
เจียนปิงพยักหน้ารับและยกมือขึ้นมาตบอก “วางใจได้ ท่านอาจารย์นั้นยังดูแลข้าไม่ห่าง แค่คำขอร้องน้อยๆ ของศิษย์คนนี้มันย่อมไม่ยากเย็น”
เจียนปิงหัวเราะอยู่ในใจ เย่หยวนขอดูหน่อยเถอะว่าครานี้เจ้าจะตายไหม!
เซียโหหยุนนั้นมีพลังบ่มเพาะถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาว แถมยังมีแนวคิดแห่งการทำลายล้างที่ทรงพลัง ด้วยพลังฝีมือของเย่หยวนมันย่อมไม่มีทางต่อต้านได้เลย
…
ในมิติบ่มเพาะมรณา เย่หยวนกำลังต่อสู้กับร่างเงาของตนจนเหงื่อไหลท่วมกาย
ร่างเงานี้มันยังคงแข็งแกร่งเช่นเคย
น่าเสียดายที่เขาไม่เคยชนะได้เลยแม้แต่ครั้ง
เมื่อมองดูดีๆ คนทั้งสองตอนนี้กำลังปิดดวงตาแน่น
คนทั้งสองเข้าสู่สภาวะไร้ตัวตนพร้อมๆ กัน!
เวลาเจ็ดปีที่ผ่านมานี้ เย่หยวนได้ทำการฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง
เพราะศึกนี้มันต่างจากที่ผ่านๆ มา มันเป็นศึกที่เขาต้องชนะเลิศ!
เพราะฉะนั้นเขาจึงทุ่มแรงไปมากกว่าครั้งไหนๆ
เขานั้นฝึกฝนอย่างหนักหน่วง หนักจนคนธรรมดาทั่วๆ ไปไม่มีทางจินตนาการออกได้
เพราะแม้เขาจะพูดแบบนั้นไปต่อหน้าเจ้าศาลามายาล้ำ บอกไปอย่างหนักแน่นว่าตัวเองจะชนะเลิศได้อันดับหนึ่งมา แต่เขาเองก็ไม่ได้ดูถูกเหล่าอัจฉริยะที่จะมาในครั้งนี้เลย
หากตอนนี้เย่หยวนมีพลังบ่มเพาะที่อาณาจักรวายุพระเจ้าสี่ดาว เขาคงสามารถชนะเหล่าคนรุ่นเดียวกันได้จนสิ้นแน่
ไม่ว่าจะเป็นราชันพระเจ้าห้าดาวหรือหกดาว แค่เขายื่นมือออกไปคนเหล่านั้นก็คงถูกกำจัดสิ้นในทันที
แต่น่าเสียดายที่เขานั้นตอนนี้อยู่แค่อาณาจักรวายุพระเจ้าสองดาว
เพราะพลังวิญญาณที่เย่หยวนต้องการในการบรรลุแต่ละดาวนั้นมันช่างมากมายจนเรียกได้ว่าน่ากลัวเลยทีเดียว เขาย่อมไม่มีทางจะบรรลุไปได้ในระยะเวลาสั้นๆ แค่นี้
แต่ด้วยการฝึกฝนที่แสนหนักหน่วงและโอสถล้ำค่ามากมายช่วยหลายปีมานี้ มันทำให้ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาอยู่ในยอดของอาณาจักรวายุพระเจ้าสองดาวแล้ว
เย่หยวนรู้ดีว่าศัตรูของเขาทั้งหลายในครานี้ย่อมแข็งแกร่ง แค่อาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวก็มีให้เห็นหลายคนแล้ว ที่สำคัญฝีมือการต่อสู้ของพวกเขาทั้งหลายนั้นมันยังเหนือล้ำ
ในรุ่นเดียวกัน พวกเขาเหล่านี้ต่างไม่เคยพ่ายแพ้ใคร
ที่สำคัญในหมู่ราชันพระเจ้าห้าดาว เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะไม่มียอดอัจฉริยะมากฝีมือโพล่ออกมา
ด้วยคำเตือนที่เน้นย้ำของเจ้าศาลามายาล้ำ มันจึงแสดงให้เห็นว่าอัจฉริยะของหลายร้อยเมืองจักรพรรดิที่มาในครั้งนี้มันไม่มีทางเป็นอัจฉริยะธรรมดาๆ ไปได้เลย
ด้วยพลังในตอนนี้ของเย่หยวน การต่อสู้กับราชันพระเจ้าหกดาวนั้นมันยังเรียกได้ว่าลำบาก
เพราะฉะนั้นเขาจึงพยายามจะบรรลุพลังของแนวคิด
เวลาเจ็ดปีที่ผ่านมา เย่หยวนฝึกแนวคิดแห่งดาบไปจนถึงสี่ดาวขั้นสุดในศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ
แต่น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้แนวคิดแห่งห้วงมิติของเขาก็ยังไม่บรรลุขึ้นมาได้เสียที
แนวคิดแห่งห้วงมิติสามดาวนั้นมันช่างยิ่งใหญ่และลึกซึ้ง!
ต่อให้เป็นเย่หยวน เขาก็ยังไม่รู้ทางไปต่อแม้จะอยู่กับมันมาได้หลายร้อยปี
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้เข้ามายังมิติบ่มเพาะมรณาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อพยายามที่จะบรรลุ
“เฮอะๆ อยากบรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติเพิ่ม? ฝันไปเถอะ! วันนี้เจ้านั่นแหละต้องตาย…” ร่างเงานั้นหัวเราะออกมาแต่จู่ๆ ก็ต้องหยุดชะงักไป
ตอนนั้นเองที่คมดาบของเย่หยวนตัดผ่านการป้องกันของมันและสับร่างมันแยกออกมาเป็นสองซีก!
ร่างเงานั้นไม่อยากจะยอมรับภาพตรงหน้าและตายลงอีกครา “บ-บ้าน่า!”
หวู่เฉินบอกอย่างตื่นเต้น “สวรรค์ตอบแทนผู้พยายาม ในที่สุดเจ้าก็บรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติสามดาวได้!”
เย่หยวนหอบหายใจนิดหน่อยด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว มันช่างยากเสียเหลือเกิน! เหล่าผู้ที่เข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิตินี้ได้คงมีแต่ยอดคนโดยแท้!”
หวู่เฉินบอก “เรื่องนั้นแน่นอน! ตั้งแต่โบราณกาลมาเหล่าคนที่บรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติล้วนแล้วแต่เป็นคนที่สร้างชื่อสะท้านโลกา ชื่อเสียงของพวกเขาทั้งหลายโด่งดังไปทั่วฟ้า”
เย่หยวนตอบมาด้วยความยินดี “แนวคิดแห่งห้วงมิตินั้นช่างยิ่งใหญ่! บ่มเพาะไปจนถึงขั้นสุดของสามดาวคงทำให้ข้าตัดห้วงมิติได้เลยใช่ไหม? เมื่อรวมเพลงดาบเมฆาลับแลกับแนวคิดแห่งห้วงมิติสามดาวเข้าด้วยกัน ในด้านของพลังแล้วมันคงไม่ด้อยไปกว่าตรานิพพานเลย! ฮ่าๆ ข้าล่ะชักอยากรู้แล้วสิว่าในสังเวียนร้อยศึกครานี้มันจะมีคู่ต่อสู้ที่ทำให้ข้าต้องเอาจริงปรากฏตัวออกมาไหม!”
…………………………