Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1721
เซียโหหยุนเปลี่ยนสีหน้าไปทันทีพร้อมๆ กับรู้สึกได้ถึงความอันตรายที่อยู่ตรงหน้า
แต่ธนูที่ง้างไปแล้วมันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยิง!
“ตาย!”
พลังโลกรุนแรงผสานเข้ามากับหมัดที่หนักหน่วง ทำให้พื้นที่มิติรอบข้างต้องสั่นสะเทือนบิดเบี้ยว
ตอนนั้นเองที่เย่หยวนก็ขยับเช่นกัน
“เพลงดาบเมฆาลับแล…ดาบวิญญาณลับ!”
ดาบนี้มันคือกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดด้วยการผสานแนวคิดแห่งห้วงมิติสามดาวเข้ากับแนวคิดแห่งดาบ
ที่ที่เย่หยวนยืนมันเหลือเพียงร่างเงาและตัวจริงของเขานั้นพุ่งเข้าไปหาเซียโหหยุนแล้ว!
ฉับ!
ไม่มีการปะทะที่รุนแรงใดๆ ผู้คนที่มองดูได้ยินเพียงแต่เสียงอะไรบางอย่างตัดขาด
การต่อสู้มันจบลงอย่างรวดเร็ว!
เร็วกว่าที่จะใช้คำพูดใดอธิบาย
เพราะจริงๆ แล้วมันก็จบลงในแค่พริบตา แค่พริบตาที่ทั้งสองผ่านหน้ากันไปเท่านั้น
เย่หยวนเก็บดาบลงและยืนนิ่งอยู่บนสังเวียน เป็นตอนนี้ที่ผู้คนได้เห็นดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าของเขาอีกครา
“นี่มัน…ใครชนะกัน?”
“ไม่รู้สิ มันเร็วเกินจนข้ามองอะไรไม่ทันเลย!”
“เป็นการทะปะที่แปลกประหลาดจริง!”
…
ทุกคนต่างเฝ้ามองดูร่างที่ยืนนิ่งทั้งสองนั้นอย่างไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
กรรมการเองก็ตื่นตะลึงจนตั้งสติไม่ได้ไปพักใหญ่
เพราะดาบนั้นมันช่างเจิดจ้าเหลือเกิน!
เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายนั้นยังอ่อนแอ ไม่แปลกที่จะไม่สามารถมองตามดาบนั้นได้ทัน
แต่เขา นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าแปดดาวย่อมมองเห็นมันได้!
ความงามในดาบนั้นของเย่หยวนมันเหนือล้ำ
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับสวยงามตรึงตา
แค่ดาบเดียวที่ใช้ออกมามันก็ทำลายพลังหมัดและสังหารเซียโหหยุนลง!
กรรมการบอกขึ้น “เย่หยวนชนะ เซียโหหยุนแพ้และเสียชีวิต!”
“หะ? เสียชีวิต?” คำพูดอันตื่นตะลึงนี้ดังลอยขึ้นมาจากทางที่นั่งผู้ชม
ตอนนั้นเองร่างของเซียโหหยุนก็แยกออกเป็นสองส่วนกลางร่างอย่างสวยงาม และส่วนร่างทั้งสองนั้นก็ค่อยๆ ตกลงไปกองกับพื้น
เซียโหหยุนนั้นถูกผ่าออกเป็นสองซีก แต่เพราะว่าดาบของเย่หยวนมันเร็วเกินไปจึงทำให้ร่างของเขายังติดอยู่ด้วยกันแม้จะถูกฟันไปนานแล้ว คนปกติธรรมดาย่อมมองมันไม่ออกเลย
ทุกคนมองดูภาพนี้อย่างตื่นตะลึง ราชันพระเจ้าหกดาว เซียโหหยุนผู้สำเร็จแนวคิดแห่งลมและแนวคิดแห่งการทำลายล้างกลับถูกเย่หยวนสังหารลงด้วยดาบเดียว!
พวกคนที่เคยเย้ยเย่หยวนว่าเย่หยวนประเมินตัวเองสูงเกินไปได้แต่อ้าปากค้าง
เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาได้รู้ว่าเย่หยวนไม่ได้อวดอ้างใดๆ เขานั้นมีฝีมือจริง!
ราชันพระเจ้าสามดาวกลับสังหารราชันพระเจ้าหกดาวอย่างเซียโหหยุนลงได้ด้วยดาบเดียว ความสำเร็จนี้มันยิ่งใหญ่จนเกินใครจะรับ
ไม่ไกลออกมา สองเงาร่างก็บังเอิญเดินไปเจอหน้ากันพอดี
“เอ๋? เจ้าก็มาด้วย? ดูท่าเจ้าจะสนใจเซียโหหยุนไม่น้อยเลยนี่!” เจียงหนานมองดูโม่เฟยผู้ที่เดินมาจากสังเวียนที่สี่และถามออกมาด้วยท่าทางเฉื่อยชา
โม่เฟยนั้นคือยอดอัจฉริยะอาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวอีกคนหนึ่ง
โม่เฟยหันไปมองเจียงหนานและตอบ “เจ้าเองก็เช่นกันไม่ใช่รึ?”
เจียงหนานยิ้มรับ “หึๆ เจ้ายังอ่อนไป สังเวียนร้อยศึกครั้งนี้ผู้ที่ทำให้ข้าสนใจได้มันก็มีแต่เซียโหหยุนเท่านั้น”
โม่เฟยเริ่มทำหน้าไม่พอใจออกมา เจียงหนานจึงหัวเราะลั่นและยกมือขึ้นมาโบกปัด “ฮ่าๆ หากเจ้าอยากรู้ถึงฝีมือข้า ก็รอให้ถึงเวลาบนสังเวียน ตอนนี้มาสู้กันไปมันก็ไม่มีความหมาย ไหนๆ ก็มาเจอกันแล้วไปด้วยกันหน่อยไหมล่ะ”
โม่เฟยหันไปมองเจียงหนานอีกครั้งก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงและเดินตรงไปยังสังเวียนที่หก
อ่าว? จบแล้ว? ดูท่าเซียโหหยุนเองก็คงไม่ได้เจอศัตรูที่แข็งแกร่งอัน…หืม?”
เจียงหนานพูดออกมายังไม่ทันขาดคำสีหน้าเฉื่อยชาของเขาก็เปลี่ยนไปเหมือนถูกถังน้ำสาดเข้าหน้าทันที
เพราะที่เขาเห็นตรงนั้นมันคือศพที่ถูกทีมงานจัดการลากลงมา
โม่เฟยเองก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างและกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ “ต-ตาย? สังเวียนร้อยศึกนี้มีคนที่สังหารเซียโหหยุนลงได้ด้วย”
“หึๆ ดูท่าครานี้คงมียอดคนปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว!” เจียงหนานบอก
โม่เฟยหันไปมองดูเจียงหนานอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “หรือว่าจะมียอดฝีมือราชันพระเจ้าห้าดาวปรากฏตัวขึ้น? แต่ทำไมข้าถึงไม่ได้ยินข่าวใดๆ เลย!”
ถึงตอนนี้เจียงหนานที่สงบใจลงได้แล้วก็กลับมามีสีหน้าเฉื่อยชาเช่นเดิมก่อนจะตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็จะได้รู้กัน”
…
วันต่อมา ที่นั่งผู้ชมของสนามนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนแน่นขนัด
เพราะหากเทียบกับรอบกลุ่มแล้ว วันนี้ต่างหากคือการต่อสู้ที่ผู้คนรอคอย
เพราะไม่ใช่แค่มันจะเป็นการต่อสู้ของเหล่ายอดคนในหมู่ยอดคน แต่ผู้ชนะจะได้รับการทำนายจากท่านเจ้าศาลามายาล้ำโดยตรงด้วย
ผู้ชนะทั้งแปดสังเวียนมารวมตัวกันที่สังเวียนหนึ่ง แต่สายตาของคนหกคนนั้นต้องจับจ้องมาที่ชายหนุ่มในตำแหน่งที่หก
มันยังมีอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้มีสีหน้าตื่นตกใจใดๆ ราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่แสนธรรมดา และแน่นอนว่าคนๆ นั้นก็คือหนิงเทียนปิง
หนิงเทียนปิงนั้นฝ่าฟันอุปสรรคและสุดท้ายก็สามารถรับตำแหน่งผู้ชนะมาได้ในที่สุด
ตอนนี้เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างที่สุด!
เมื่อก่อนเขานั้นก็ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะ แต่ว่าเขานั้นก็เป็นได้แค่อัจฉริยะระดับต่ำของเมืองจักรพรรดิคนหนึ่ง
แต่ตอนนี้เขากลับขึ้นมายืนเคียงบ่าเคียงไหลกับยอดอัจฉริยะในหมู่เมืองจักรพรรดินับร้อยได้และกลายมาเป็นผู้ชนะอีกด้วย
ส่วนเรื่องที่เย่หยวนจะได้รับชัยชนะมานั้น มันเป็นเรื่องที่สุดแสนจะแน่นอน
ราชันพระเจ้าหกดาวแล้วมันจะทำไม? มันไม่มีทางใดที่จะเทียบเคียงนายใหญ่ของเขาได้หรอก
แต่ในสายตาของคนอื่นมันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจียงหนานและโม่เฟย เมื่อพวกเขาได้เห็นเย่หยวนพวกเขาก็ตื่นตะลึงจนหุบปากไม่ลง
ราชันพระเจ้าสามดาว!
คนที่สังหารเซียโหหยุนลงคือราชันพระเจ้าสามดาว!
เมื่อวานพวกเขาทั้งสองต่างพยายามคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ นาๆ แต่ก็ไม่ได้คิดไม่ได้ฝันเลยว่ามันจะเป็นราชันพระเจ้าสามดาว
หากเซียโหหยุนแค่แพ้มันก็อาจจะยังไม่ตกตะลึงมากขนาดนี้
แต่เซียโหหยุนนั้นตาย!
ในการต่อสู้ของยอดคน คำว่าแพ้กับคำว่าตายนั้นมันต่างกันราวฟ้ากับเหว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้ในสังเวียนเช่นนี้ การจะสังหารอีกฝ่ายลงนั้นมันยิ่งยากแสนยาก
เพราะอีกฝ่ายมีทางเลือกที่จะยอมแพ้ได้
หากอยากสังหารอีกฝ่ายลง มันก็หมายความว่าต้องไม่ให้อีกฝ่ายได้มีเวลายอมแพ้เลยแม้แต่น้อย เหมือนที่เซียโหหยุนทำกับเกาชุนก่อนหน้านั้น
แต่การที่ราชันพระเจ้าสามดาวไม่เปิดโอกาสให้เซียโหหยุนยอมแพ้แบบนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจนเกินกว่าจะรับไหว
ตอนนี้ใบหน้าเฉื่อยชาของเจียงหนานนั้นหายไปจนสิ้น แทนที่มาด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
ในหมู่ยอดคนอย่างพวกเขานั้นมันมีศัตรูที่พอเข้าตาอยู่แค่ไม่กี่คน มีหรือที่พวกเขาจะไปมีเวลาสนใจไก่กาที่ไหน?
เพราะแม้เย่หยวนจะสร้างความฮือฮาในกลุ่มที่หกไว้มาก แต่ก่อนที่เขาจะขึ้นสู้กับเซียโหหยุนมันก็ยังไม่มีใครเชื่อว่าเย่หยวนจะชนะได้
เพราะฉะนั้นเจียงหนานจึงไม่ได้รับรู้ถึงตัวตนของเย่หยวนเลย
เวลานั้นเองที่ยอดผู้อาวุโสของศาลามายาล้ำก็ออกมาประกาศต่อคนทั้งแปด “สามวันจากนี้ให้พวกเจ้ามาที่ศาลามายาล้ำ จะมียอดผู้อาวุโสคอยทำนายดวงชะตาให้ ตอนนี้พวกเจ้าทั้งแปดจงต่อสู้กันและตัดสินผู้ชนะเลิศเสีย! ถึงตอนนั้นใครที่เป็นผู้ชนะก็จะได้รับการทำนายดวงชะตามองดูรัศมีโดยตรงจากท่านเจ้าศาลา”
ตอนนี้คนทั้งห้าต่างมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ แต่เจียงหนานและโม่เฟยกลับไม่รู้สึกดีใจเลยไม่ว่าจะได้ยินอะไร
พวกเขามาวันนี้ก็เพื่อรับการดูดวงชะตาจากท่านเจ้าศาลา
แต่ตอนนี้…ดูท่ามันจะไม่ง่ายเสียแล้ว!
คนทั้งสองหันไปมองเย่หยวนพร้อมๆ กันอย่างไม่ได้นัดหมายด้วยใบหน้าท่าทางสุดกังวล
และเรื่องสุดบังเอิญก็เกิดขึ้น ในรอบชิงนี้คู่ต่อสู้คนแรกของเย่หยวนกลับกลายเป็นหนิงเทียนปิง
คนทั้งสองยังไม่ทันได้ขึ้นสังเวียนหนิงเทียนปิงก็ขอยอมแพ้ไปทันที
ล้อกันเล่นแล้ว การขึ้นไปสู้กับนายใหญ่แบบนี้มันหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ
เขานั้นถูกซ้อมมาอย่างหนักตั้งแต่เย่หยวนเป็นแค่ราชันพระเจ้าสองดาว ตอนนี้เขาบรรลุถึงสามดาวแล้ว มีพลังมากพอจะชนะราชันพระเจ้าห้าดาวได้ด้วยดาบเดียว
เวลาส่วนตัวเขาไม่สนใจหรอกว่าจะแพ้พ่ายแบบไหน มันไม่มีปัญหาเลย
แต่อยู่ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้เขาย่อมอยากรักษาหน้าไว้บ้าง
นั่นทำให้เย่หยวนเข้ารอบสี่คนมาได้ และครานี้ศัตรูที่ต้องมาเจอกับเย่หยวนก็เป็นเจียงหนาน
บนที่นั่งผู้ชม เหล่าคนที่มาดูนั้นต่างตื่นเต้นดีใจเพราะว่าพวกเขาจะได้เห็นยอดการต่อสู้อีกครั้งแล้ว
เจียงหนานกลับมามีสีหน้าเฉื่อยชาเช่นเดิมและหันไปมองดูเย่หยวนพักใหญ่ ก่อนที่จู่ๆ จะเปิดปากพูดขึ้น “ข้าขอยอมแพ้”
…………………………