Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1747
“ห้าสิบสอง! ไปอีกแล้ว! เพิ่มไปอีกแล้ว!”
“ห้าสิบสาม!”
…
ผู้ชมทั้งหลายตอนนี้เมื่อเห็นว่าเย่หยวนหยิบไม้ชิ้นใหม่ขึ้นมาผสาน พวกเขาก็ร้องนับออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ไม่นานนักเย่หยวนก็ผ่านสถิติห้าสิบเอ็ดชนิดของมู่หยวนชุนไป
แต่มันยังไม่จบ!
“เก้าสิบแปด!”
“เก้าสิบเก้า!”
“หนึ่งร้อย!”
“สุดยอด! ไอ้หมอนี่มันปลอมเป็นหมูมากินเสือชัดๆ เลยใช่ไหม?”
“หน้าข้าชาไปหมดแล้ว!”
“ไอ้หมอนี่มันจงใจแน่ๆ!”
“เจ้าดูมันสิ ยังดูทำหน้าไม่พอใจอีก นี่มัน…จะน่าเจ็บใจเกินไปแล้ว!”
…
ตอนที่เย่หยวนผสานไม้ชนิดสุดท้ายเข้าไป ทั้งสนามทดสอบก็แตกตื่นฮือฮากันยกใหญ่
ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่หยวนจะสามารถผสานไม้ได้ครบร้อยชนิดจริงๆ!
เพราะคนที่ทำได้ถึงขนาดนี้ในการทดสอบนักบวชฝึกหัดที่ผ่านๆ มานั้นมันมีน้อยอย่างมาก
คนที่ทำเช่นนี้ได้จะถูกนับว่าเป็นยอดอัจฉริยะที่แสนปีจะปรากฏขึ้นมาสักคน!
หากเย่หยวนจะบอกว่าเขาไม่ได้แกล้งทำ ถึงให้ตายอย่างไรพวกเขาทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่มีทางเชื่อได้
แต่ดูท่าเย่หยวนจะยังไม่พอใจ ยิ่งผสานเข้าไปมากเย่หยวนก็ยิ่งรู้สึกคุ้นมือจนในที่สุดก็หยุดตัวเองไม่ได้แล้ว
ไม้แค่ร้อยชนิดนี้มันไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา
กงหลินมองดูเย่หยวนอย่างเหนื่อยหน่าย “ปลอมเป็นหมูกินเสืออร่อยไหมล่ะ?”
มู่หยวนชุนพูดเสริม “ฝีมือไม่ธรรมดาแท้ๆ แต่ยังแกล้งทำเป็นคนไม่รู้เหนือใต้ หลอกตบตาผู้คน! ดูอย่างไรก็มีประสงค์ร้ายแอบแฝงชัดๆ!”
เมื่อพวกเขาทั้งสองพูดขึ้นมา คนอื่นๆ เองก็โห่ร้องขึ้นตาม ดูแล้วคงไม่มีใครพอใจกับเรื่องที่เย่หยวนทำนัก
เย่หยวนหันไปบอกอย่างเสียมิได้ “ไม่ว่าพวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ลองใช้ศาสตร์หลอมอสูรจริงๆ!”
กงหลินหัวเราะเย้ย “ครั้งแรก? นี่เจ้าคิดว่าพวกเราโง่แค่ไหนกัน? ผสานไม้ได้ถึงร้อยชนิด ในประวัติศาสตร์ของเมืองจักรพรรดิต้นทรราชเรานั้นมันมีบันทึกไว้แค่สองคนเท่านั้น แล้วเจ้ายังจะบอกว่าตัวเองเพิ่งเคยลองใช้ศาสตร์หลอมอสูรเป็นครั้งแรกอีกเรอะ?”
มู่หยวนชุนก็พูดเสริมพร้อมหันไปหาผู้อาวุโสทั้งสาม “ผู้อาวุโสทั้งสาม เจ้าคนผู้นี้มันมีฝีมือที่ไม่ธรรมดาแต่กลับแกล้งทำเหมือนไม่รู้เรื่องใดๆ ในสายตาของข้าดูอย่างไรมันก็มาเพื่อที่จะลบหลู่วิหารนักบวชเป็นแน่!”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “นี่ เจ้าคงโง่สินะ? ข้า นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวเดินทางไกลมาถึงเมืองจักรพรรดิต้นทรราชเพื่อหาที่ตาย? หากเจ้าโง่แล้วเจ้าก็อย่าคิดว่าคนอื่นๆ จะโง่เช่นเจ้าสิ นะ?”
มู่หยวนชุนหน้าเสียไปพร้อมตอบสวนกลับมา “ใครจะไปรู้ว่าเจ้าวางแผนอะไรไว้ ไม่ว่าจะอย่างไรเจ้าก็ไม่มีทางหวังดีแน่ๆ”
เป็นตอนนี้เองที่ฉีหยูพูดขึ้น “เอาล่ะไหนๆ พวกเจ้าก็เข้ามาสอบนักบวชฝึกหัดด้วยกันแล้ว ตอนนี้ก็ทำตามกฎการสอบไป ถือว่าเย่หยวนผ่านการสอบรอบที่สองมาได้ ไปเริ่มรอบที่สามต่อได้”
รอบที่สามนั้นคือการหลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง
เมื่อฉีหยูบอกถึงขั้นนี้แล้วต่อให้พวกกงหลินจะยังไม่พอใจแค่ไหนพวกเขาก็ไม่กล้าจะขัดคำสั่งแม้แต่น้อย
กงหลินนั้นมีใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์อย่างมาก “รอบที่สาม หลอมโอสถ โอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่จะใช้สอบครานี้คือโอสถเมฆานิลฝนมายา ได้คุณภาพขั้นกลางถือว่าผ่าน!”
พูดจบเหล่าผู้เข้าสอบคนอื่นๆ ก็เริ่มเตรียมทำการหลอมโอสถทันที แต่เย่หยวนกลับยกมือขึ้นมาคารวะฉีหยู “ท่านผู้อาวุโส คือว่า…ข้าขอดูสูตรโอสถนี้หน่อยจะได้หรือไม่?”
เพราะสูตรโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นอะไรที่เย่หยวนเคยได้ยินแค่ชื่อ แต่ไม่เคยจะได้เรียนรู้พวกมันมาก่อนเลย
โอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นโอสถที่มีระบบการหลอมแยกต่างหาก ตอนอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเขาไม่สามารถจะหลอมมันได้เลย เย่หยวนจึงไม่คิดที่จะออกไปตามหาสูตรใดๆ
เมื่อกงหลินได้ยินเขาก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือก “โอสถที่วิหารนักบวชเราใช้สอบนั้นล้วนแล้วแต่เป็นโอสถที่เปิดเผยสูตรต่อสาธารณะ เจ้าใช้ศาสตร์หลอมอสูรได้ถึงขั้นนั้นมีหรือที่เจ้าจะไม่รู้สูตรโอสถเมฆานิลฝนมายา?”
คำพูดที่เย่หยวนกล่าวออกมาตอนนี้มันไม่มีใครคิดที่จะเชื่อ
ดูอย่างไรก็เก่งกาจ ทั้งอย่างนั้นยังอ้างว่าตัวเองไม่รู้อะไร มันสนุกมากหรือ?
การแสร้งทำก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะยังเชื่อ แต่ตอนนี้ทุกผู้คนต่างรู้แล้วว่าเจ้านั้นแกล้งทำ!
เย่หยวนตอบออกมาอย่างไม่รู้ต้องทำอย่างไร “แต่ข้าไม่รู้จริงๆ!”
“ให้เขาได้ดู แต่ว่าการทดสอบนี้ให้เวลาแค่หกชั่วโมงเท่านั้น เจ้าต้องเรียนรู้มันให้เร็ว” ฉีหยูบอก
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างมากและยกมือขึ้นมาคารวะ “ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโส”
แสร้ง!
ดูมันแสร้งทำ!
วันนี้ผู้อาวุโสเป็นอะไรไป?
เจ้าเด็กคนนี้ดูอย่างไรมันก็แสร้งทำ ทั้งอย่างนั้นผู้อาวุโสกลับเลือกที่จะเล่นตามละครของมัน!
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นกงหลินจึงต้องยื่นสูตรโอสถไปให้เย่หยวน
โอสถเมฆานิลฝนมายานั้นเป็นโอสถระดับแรกๆ ในหมู่โอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์ หากให้จัดความยากแล้วคงประมาณระดับสอง
แต่เราจะมองว่ามันเป็นโอสถที่ง่ายไม่ได้ เพราะการใช้โอสถระดับนี้ในการทดสอบเข้านั้นมันนับว่ายากมาก
เพราะในฝั่งมนุษย์นั้น ตราบเท่าที่คนผู้นั้นบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าและหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ที่ง่ายที่สุดได้พวกเขาก็จะได้รับพวกเขาก็จะได้รับการยอมรับเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาวแล้ว
แต่ในวิหารนักบวชนี้ มาตรฐานระดับนั้นมันไม่พอ
กับมือใหม่นั้นหากต้องหลอมโอสถระดับสี่ความยากสองตั้งแต่เริ่มต้นเช่นนี้ มันย่อมนับได้ว่าเป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าจะผ่านไปได้
อย่าว่าแต่มือใหม่ ต่อให้เป็นอสูรที่ทำงานพวกนี้มานานพวกเขาก็ยังไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายเลย
ที่สำคัญมาตรฐานที่พวกเขารับได้คือขั้นกลางขึ้นไปด้วย!
แค่นี้มันก็มากพอที่จะไล่คนมากมายไปตั้งแต่หน้าประตูวิหารนักบวชแล้ว
เย่หยวนมองดูสูตรโอสถนี้ราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งและเริ่มศึกษามัน
เขาวิเคราะห์สูตรโอสถนี้ไปพร้อมๆ กับมองดูคนอื่นๆ หลอมโอสถ ท่าทางของเขานั้นเหมือนพร้อมที่จะดูดกลืนทุกสิ่งอย่าง
โอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ความยากสอง มันไม่ใช่โอสถที่ยากเย็นสำหรับเย่หยวนนัก การวิเคราะห์เรียนรู้มันเองก็ไม่ได้เป็นภาระที่หนักหนา
แต่การหลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นนับว่าเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับเย่หยวน
เมื่อกงหลินเห็นท่าทางนั้นของเย่หยวนเขาก็มีสีหน้าแปลกๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ตอนนี้เขาอดทนไม่ไหวต้องไปบนให้ฉีหยูฟังในที่สุด “ท่านอาจารย์ เจ้าเด็กคนนี้มันแสดงเก่งเสียจริงๆ ทำไมท่านถึงได้คิดช่วยเหลือมันกัน?”
ฉีหยูหันมามองศิษย์ด้วยรอยยิ้ม “แสดงหรือ? หึๆ เช่นนั้นเขาก็แสดงได้สมจริงมาก!”
กงหลินหน้าถอดสีทันที “ท่านอาจารย์จะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่มันได้ลองหลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ หรือ? มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ครั้งแรกก็ใช้ศาสตร์หลอมอสูรผสานไม้ได้ร้อยชนิดเช่นนั้น มันยังจะมีใครเก่งกาจได้ถึงขนาดนี้หรือ?”
ฉีหยูยิ้มตอบ “ก่อนวันนี้เฒ่าคนนี้เองก็ไม่คิดว่าจะมีเช่นกัน แต่ตอนนี้เฒ่าคนนี้ได้เห็นมันกับตาแล้ว คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อ! เด็กคนนี้มันมีพรสวรรค์ทางโอสถเหนือล้ำอย่างไม่น่าเชื่อ!”
กงหลินเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ
เขานั้นคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะมียอดคนที่ไหนผสานไม้ร้อยชนิดได้ตั้งแต่การลองใช้ศาสตร์หลอมอสูรครั้งแรก
เรื่องเช่นนั้นมันเหนือเกินจินตนาการ
พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปกว่าสี่ชั่วโมง
มู่หยวนชุนสามารถหลอมโอสถได้สำเร็จในที่สุด!
จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเขาก็พบว่าเป็นเย่หยวนที่กำลังจ้องมองมาอยู่
เมื่อหันไปดูข้างๆ เขาก็พบว่าเย่หยวนยังไม่ได้เริ่มทำการหลอมโอสถเลย!
มู่หยวนชุนมึนงงไปนิดหน่อยก่อนจะยิ้มออกมา “เจ้าดูข้าหลอมจนถึงตอนนี้เลย?”
เย่หยวนพยักหน้ายิ้มออกมา “เจ้ามีพลังที่ไม่ธรรมดา แต่ทักษะในการหลอมยังขาดไปมาก พื้นฐานทั้งหลายก็ไม่แน่นพอ น่าเสียดาย”
เย่หยวนมองดูมาจนถึงตอนนี้และวิจารณ์ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจโดยไร้ซึ่งความคิดดูถูกเหยียดหยามใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อมู่หยวนชุนได้ยินเขาก็หน้าเสียไปทันที “หากเจ้ามีเวลามาวิจารณ์ข้าก็เอาเวลานั้นไปหลอมโอสถของตัวเองเถอะ! หึ อีกแค่ไม่ถึงสองชั่วโมงแล้วเจ้าแน่ใจหรือว่าตัวเองจะผ่านได้!”
เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัดด้วยรอยยิ้ม “ชั่วโมงเดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องรีบๆ”
…………………………