Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1750
หืม มีคนใหม่มา พระเจ้าช่วย! จัดให้เขาไปอยู่ห้องนภาหมายเลขหก คนที่จัดเขามาต้องโกรธแค้นอะไรกับเขามาแค่ไหนเนี่ย?!”
“คราวก่อนที่มีเด็กใหม่เข้ามาอยู่ห้องนภาหมายเลขหกเขาก็ถูกเผาจนเป็นตอตะโกวันต่อมาร้องไห้อยากกลับบ้าน ข้าล่ะยังขำไม่หายเลย”
“หึๆ คงได้มีอะไรสนุกๆ ดูอีกแล้ว ไป ไปดูกัน”
…
เมื่อเดินเข้าห้องมาเย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงสายตาสามคู่จับจ้องมองมา
เย่หยวนหันไปมองดูพวกเขาคืนด้วยรอยยิ้ม “ว่าอย่างไรกันบ้าง? ข้ามาใหม่วันนี้นามเย่หยวน”
ไม่มีใครคิดจะตอบกลับเขา สายตาพวกนั้นมันดูไม่เป็นมิตรอย่างที่สุด
เย่หยวนย่อมไม่คิดจะสนใจและเดินเข้าไปยังตำแหน่งที่ว่างของตน
ตอนนั้นชายร่างกำยำคนหนึ่งที่นั่งบนเตียงก็พูดขึ้น
“ใครอนุญาตให้เจ้านอนตรงนั้น?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ไม่นอนตรงนี้จะให้ข้าไปนอนที่ไหนเล่า?”
ชายร่างกำยำโบ้ยปากชี้ออกไปด้านนอกห้อง “ที่ทางเดิน!”
เย่หยวนเข้าใจได้ในทันทีว่าเจ้าคนทั้งหลายเหล่านี้มันกำลังดูถูกตัวเขาอยู่
แต่มีหรือที่เย่หยวนจะยอมให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ เช่นนั้น?
เขาพยักหน้ารับ “ตรงนั้นหรือ? ช่างเป็นที่ที่ดีจริงๆ!”
เมื่อชายร่างกำยำได้ยินเขาก็คิดว่าเย่หยวนนั้น ‘ง่าย’ และยิ้มออกมา “เมื่อเจ้ารู้ว่ามันเป็นตำแหน่งที่ดีทำไมยังไม่รีบไสหัวไปอีก? หอพักนี้ศิษย์พี่หูเฟิงคุม รอให้เขาบอกก่อนเจ้าค่อยเข้ามาอีกครั้ง”
เย่หยวนทำหน้าตาเกียจคร้านออกมาและทิ้งตัวลงนอน
ดูจากชุดของอีกฝ่ายแล้วเขาคงเป็นนักบวชฝึกหัดชั้นสูงคนหนึ่งในวิหาร
วิหารนักบวชนั้นจะรับสอบศิษย์ใหม่ทุกๆ สิบปี แม้ว่าแต่ละครั้งผู้ที่ผ่านเข้ามาได้จะมีจำนวนน้อยแสนน้อย แต่เมื่อรวมๆ กันหลายครั้งเข้าจำนวนนักบวชฝึกหัดมันก็มากตาม
ตามกฎของวิหารนักบวชแล้ว มีเพียงคนที่สอบผ่านการเป็นนักบวชในเวลาพันปีเท่านั้นที่จะได้อยู่ในวิหารต่อไป
คนอื่นๆ ที่สอบไม่ผ่านเสียทีจนครบกำหนดนั้นจะถูกส่งออกไปประจำการยังเมืองใหญ่ต่างๆ แทน
หรือให้พูดก็คือพวกเขาจะไม่สามารถอยู่ในวิหารนักบวชหลักได้อีกต่อไป
และดูท่าหูเฟิงผู้นี้จะเป็นเจ้าถิ่นของที่นี่
ได้ยินคำของชายร่างกำยำเย่หยวนก็ตอบกลับไป “มันดีเยี่ยมจริงๆ ศิษย์พี่ท่านไปนอนเองเถอะ ศิษย์น้องผู้นี้เพิ่งจะมาใหม่และยังเกรงใจท่านมาก ขออยู่ด้านในต่อดีกว่า”
เมื่อหูเฟิงได้ยินคำของเย่หยวน รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที
ตอนนี้คนหลายคนเริ่มเข้ามาล้อมมุงดูเรื่องราวกันแล้ว ใบหน้าของพวกเขาแต่ละคนนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจที่จะมีอะไรสนุกๆ ให้ได้ดู
“หะ ไอ้เด็กคนนี้มันอารมณ์ร้อนจริงๆ เถี่ยเจาคนนั้นเองก็อารมณ์ร้อนไม่เบาคงอดทนต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะมั้ง?”
“ข้าว่าเจ้าเด็กคนนี้เองก็คงโดนเผาเป็นตอตะโกด้วยแน่ๆ! เถี่ยเจานั้นมีทักษะการควบคุมไฟที่เหนือล้ำ นอกจากหูเฟิงแล้วเขาก็ไม่เป็นรองใครเลย!”
ชายร่างกำยำนามเถี่ยเจาคนนี้เงียบนิ่งไปทันทีด้วยความโกรธหลังได้ยิน “นักบวชฝึกหัดรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามากล้าขัดคำสั่งข้าเรอะ? เฮอะ ไม่สั่งสอนเจ้าเสียบ้างเจ้าคงไม่รู้ว่าโลกนี้มันกว้างใหญ่แค่ไหน!”
พูดจบชายร่างกำยำก็ยื่นฝ่ามือออกมาปล่อยไฟสีน้ำเงินเข้มพุ่งราวกับเป็นงูไฟ พุ่งเข้าตรงหาเย่หยวนในทันที
เย่หยวนได้แต่ถอนหายใจ เจ้าหมอนี่มันไม่รู้จักฟ้าดินเสียจริงๆ ถึงขั้นกล้ามาเล่นไฟต่อหน้าเย่หยวนคนนี้
นี่มันหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ
จากนั้นเย่หยวนก็ยกมือขึ้นมาจับ จับเจ้างูไฟอันร้อนแรงนั้นไว้ด้วยฝ่ามือเปล่าๆ ของเขา
เมื่อเย่หยวนพลิกฝ่ามือขึ้น เจ้างูก็เต้นพล่านด้วยความยินดี
ราวกับว่าไฟนี้มันเป็นไฟของตัวเย่หยวนไม่มีผิด
หูเฟิงที่เดิมทีขมวดคิ้วแน่นต้องเบิกตากว้าง ตอนนี้ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความตื่นตกใจ
ทักษะการควบคุมไฟของเถี่ยเจานั้นเขารู้จักมันอย่างดี คนธรรมดาๆ ไม่มีทางจะรับมันไว้ได้แน่
แต่ตอนนี้เจ้าเด็กตรงหน้าเขานี้กลับสามารถแก้ไขไฟนั้นได้อย่างง่ายดาย
ตัวเถี่ยเจาเองก็ต้องเบิกตากว้างตามๆ ไปอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เย่หยวนค่อยๆ จับและตัวเถี่ยเจาก็ถึงกับไม่สามารถควบคุมไฟนั้นได้อีก!
“ได้แค่นี้!” เย่หยวนบ่น
“ลูกพี่ ไอเด็กคนนี้มันไม่ธรรมดา!” เถี่ยเจาหันไปบอก
หูเฟิงเองก็ตะโกนกลับมา “เข้าห้องนภาหมายเลขหกมาต่อให้เป็นมังกรก็ต้องยอมจำนนต่อข้า! โจมตีมัน!”
สิ้นคำสั่งมังกรจากไฟสามตัวก็ปรากฏขึ้นและพุ่งพ่นไฟใส่เย่หยวนอย่างพร้อมเพรียง การโจมตีนี้ทำให้ห้องทั้งห้องร้อนขึ้นในพริบตา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมังกรของหูเฟิง ทักษะการควบคุมไฟของเขานั้นมันไม่ธรรมดาจริงๆ มังกรที่เขาสร้างขึ้นมันแข็งแกร่งกว่าอีกสองคนอย่างมาก
เย่หยวนหน้าถอดสีรีบยกมือขึ้นมาวาดตราไว้จึงจะพอรับการโจมตีสามต่อหนึ่งนี้ไว้ไหว
ได้เห็นท่าทางแสนลำบากของเย่หยวนหูเฟิงก็ยิ้มเย้ย “นึกว่าเจ้าจะมีสามหัวหกแขนเสียอีก ยังไม่คิดจะยอมอีกหรือ? เด็กน้อย ข้าเปลี่ยนใจแล้ว คืนนี้เจ้าไม่ต้องนอนบนระเบียงแล้ว ไปนอนในส้วมแทนไป!”
เถี่ยเจาหัวเราะขึ้นตาม “เด็กน้อย เจ้ากล้าที่จะลบหลู่พี่หู หาเรื่องใส่ตัวโดยแท้! แต่การที่ทำให้พี่หูต้องลงมือเองได้เช่นนี้เจ้าเองก็ควรจะภูมิใจแล้วนะ”
เย่หยวนเปลี่ยนสีหน้าไปและกลับมามีท่าทางสบายๆ อีกครั้ง “ข้าแค่แสดงละครให้พวกเจ้าดูหรอก อย่าได้นับถือเป็นจริงเป็นจังไป ส้วมที่ว่านี้พวกเจ้าเข้าไปนอนกันเองเถอะ”
พูดจบเย่หยวนก็ขยับนิ้วและหันหัวมังกรทั้งสามตัวนั้นพ่นไฟเข้าใส่เจ้าของแทน
พวกหูเฟิงทั้งสามนั้นกำลังได้ใจแต่จู่ๆ เมื่อต้องเห็นภาพนี้สีหน้าของพวกเขาก็ซีดเผือดลงทันที
หากอยากหนีตอนนี้มันคงสายไป
พรึ่บ!
ร่างทั้งสามไหม้ดำเป็นตอตะโก
คนทั้งสามนั้นไหม้เกรียมตั้งแต่หัวจรดเท้า เหลือแค่ดวงตาเท่านั้นที่ยังเป็นสีขาว
ความร้อนที่มีนั้นยังไม่ทันจางหายไปไหน ทำให้ตอนนี้มีควันลอนกรุ่นขึ้นจากหัวของคนทั้งสาม สภาพคล้ายเป็ดย่างก็ไม่ปาน
“เป็นไปได้อย่างไร? ศิษย์พี่หูเฟิงแพ้ในศึกดวลไฟ!”
“ไม่ใช่แค่แพ้ พวกเขาโดนไฟของตัวเองเผาเลยด้วย!”
“เจ้าเด็กคนนี้มันเป็นใครกัน สามต่อหนึ่งยังชนะอีกฝ่ายได้ถึงขั้นนี้!”
…
เสียงแห่งความสงสัยดังขึ้นเป็นคลื่นที่ด้านนอก พวกเขาต่างตกตะลึงกับภาพเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้อย่างถึงที่สุด
หูเฟิงนั้นมีทักษะการควบคุมไฟในระดับแนวหน้าของเหล่านักบวชฝึกหัดทั้งหมด
แต่วันนี้เขากลับแพ้พ่ายแก่เด็กที่เพิ่งเข้ามาวันแรก!
“อั่ก!”
หูเฟิงพ่นควันออกมาทางปาก “โจมตีมัน ทำลายเจ้าเด็กคนนี้เสีย!”
เย่หยวนไม่ได้โจมตีอย่างรุนแรง เขาแค่ทำให้คนทั้งสามต้องอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช เผ่าผิวส่วนนอกของพวกเขาทั้งหลายจนไหม้เกรียม
ตอนนี้หูเฟิงจึงโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
สิ้นคำสั่ง คนทั้งสามก็เข้าโจมตีอย่างรุนแรงราวกับเป็นเสือร้ายหมาป่า
เย่หยวนได้แต่หัวเราะรับ “ไม่มีปัญญาสู้ด้วยไฟก็คิดจะสู้ด้วยกำลัง? น่าเสียดายที่พวกเจ้าคิดผิดไปหน่อย!”
ปัง!
ปัง!
ปัง!
เสียงดังขึ้นสามครั้งส่งร่างทั้งสามลอยกระเด็นไป รุนแรงจนหอพักทั้งหลังต้องสั่นตาม
เท่านี้ทุกคนก็ยิ่งมึนงงหนักเข้าไปใหญ่
คนทั้งสามนั้น หูเฟิงอยู่ระดับสี่ชั้นปลาย ส่วนอีกสองคนนั้นต่างอยู่ระดับสี่ชั้นกลาง
กลุ่มคนระดับนี้กลับไม่สามารถรับมือเย่หยวนได้แม้แต่กระบวนท่า!
เย่หยวนหันหน้ามองดูคนทั้งสามและกล่าวออกไปอย่างเย็นเยือก “พวกเจ้าทั้งสามคนรู้ว่าต้องทำอะไร?”
“ข-เข้าใจแล้ว! เรา…เราจะไปนอนในส้วมเอง!” หูเฟิงตอบออกมา
ตอนนี้ใบหน้าของเขานั้นดำสนิทจนไม่รู้ว่ากำลังทำหน้าแบบไหน
แต่ไม่ต้องเห็นพวกเขาก็เดาได้จากน้ำเสียงว่าเขาต้องกำลังทำหน้าเหยเกอย่างถึงที่สุดอยู่แน่
“รู้แล้วยังไม่ไปอีก? จะให้ข้าต้องไปส่งไหม?” เย่หยวนไล่
“ครับๆๆ!”
คนทั้งสามตอบรับตามๆ กันและวิ่งออกนอกทางเดินไป พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปทางส้วมอย่างที่ว่าจริงๆ
เมื่อได้เห็นสภาพนั้นของคนทั้งสาม คนอื่นๆ เองก็มึนงงอย่างถึงที่สุด
“พระเจ้าช่วย ข้าเดาต้นเรื่องได้แต่เดาไม่ออกเลยว่ามันจะจบเช่นนี้”
“ใครจะไปคิดว่าพวกหูเฟิงที่น่าหมั่นไส้นั้นจะได้มาเจอวันนี้เข้า?”
“เด็กใหม่คนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ! ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ด้านโอสถหรือศาสตร์ด้านการต่อสู้ เขานั้นเหนือล้ำในทุกๆ ด้าน!”
…………………….