Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1762
“พวกเจ้าจะไปที่ใดกัน?”
“เจ้าไม่รู้เรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้เลยหรือ? อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งวิหาร เย่หยวนคนนั้นคิดที่จะท้าทาย ‘อย่าถาม’”
“หะ? นี่มันหาเรื่องใส่ตัวหรือ? ตอนนั้นกวงเฟยที่ว่าเก่งกาจไร้ผู้ใดต้านทานก็ยังแทบตายหลังจากท้าทาย ‘อย่าถาม’ ไป สุดท้ายเขาต้องใช้เวลากว่าร้อยปีถึงจะค่อยฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้”
“หึ ‘อย่าถาม’ นั้นมันคือพิษชัดๆ ทุกคนรู้ดีว่ามันอันตราย แต่มันก็ย่อมมีคนที่อยากจะลองชิมมันดู ยิ่งเก่งกาจมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเป็นพิษมากเท่านั้น”
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ข้าย่อมต้องไปดูอยู่แล้ว!”
…
หนึ่งคนบอกต่อสิบ สิบคนบอกต่อร้อย
ข่าวเรื่องที่ว่าเย่หยวนคิดท้าทายเกมศักดิ์สิทธิ์ ‘อย่าถาม’ จึงได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งวิหารนักบวชอย่างรวดเร็ว
ในลานกว้าง ตอนนี้มีเหล่าผู้อาวุโสมากันพร้อมหน้า
นิคุนมองดูเย่หยวนด้วยสายตาที่มั่นใจกับวิบัติที่กำลังจะเกิด
เขานั้นรู้ดีว่าเหล่ายอดอัจฉริยะนั้นมักจะหยิ่งผยองกันทุกคน
เขาเองก็เคยเป็นเช่นกัน
นึกย้อนกลับไป เขาเองก็เป็นยอดคนมากพรสวรรค์คนหนึ่ง คิดว่าตนเองเป็นหนึ่งในฟ้าดิน เพราะฉะนั้นเขาถึงได้กล้าที่จะไปท้าทาย ‘อย่าถาม’
แน่นอนว่าผลลัพธ์มันชัดเจน
แล้วถามว่าสภาพเย่หยวนตอนนี้มันเหมือนกับสภาพตัวเขาในตอนนั้นมากแค่ไหนกัน?
ดี๋เชียวมองดูเย่หยวนและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบเครือ “เย่หยวน เจ้าต้องคิดดีๆ ก่อนนะ หากเข้าไปในหมากล้อมนี้แล้วความเป็นความตายไม่มีใครยืนยันได้แน่ชัด! ยอดอัจฉริยะที่ต้องตายเพราะมันมีมาแล้วมากมายไม่รู้กี่คน!”
เย่หยวนตอบกลับไป “ท่านเจ้าวิหารโปรดเริ่มเถอะ!”
ดี๋เชียวเห็นท่าทางแสนแน่วแน่ของเย่หยวนแล้วจึงไม่คิดที่จะพูดอะไรต่อไปอีก เขาเริ่มร่ายคำพูดบางอย่างออกมา
คาถานั้นทำให้กระดานหมากใหญ่โตขึ้นและลอยออกมาจากมือของดี๋เชียว ก่อนจะพุ่งลงตั้งยังใจกลางลานกว้าง
เย่หยวนมองดูกระดานเกมนี้และเขาก็ได้เห็นว่ามันเป็นกระดานหินขนาดใหญ่ ที่ดูไม่ต่างจากกระดานหมากปกติทั่วๆ ไป
บนกระดานนั้นมีหมากสีขาวดำตั้งวางอยู่สลับกันไปมา พร้อมๆ กับจิตสังหารที่ล่องลอยทำให้ผู้ที่จ้องมองรู้สึกราวกับจิตวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง
เย่หยวนแค่มองครั้งเดียวเขาก็ไม่สามารถที่จะจากมันไปได้แล้ว
เย่หยวนนั้นเป็นยอดคนในด้านนี้เช่นกัน การโอสถนั้นมันน่าเบื่อหน่ายไม่น้อย เมื่อเย่หยวนมีเวลาว่างเขาจึงมักจะไป เล่นเกมหมากล้อมเพื่อบำรุงจิตใจ
อย่างที่ทุกคนรู้กัน แม่น้ำทุกสายย่อมไหลลงสู่ทะเล
กระดานหมากล้อมเล็กๆ นั้นมันแฝงไปด้วยแนวคิดจากยอดเต๋า
จุดศูนย์กลางเป็นความโกลาหล สลับไปมากทั้งแนวตั้งและแนวนอน แสดงให้เห็นถึงความเป็นมาของยอดเต๋า!
จริงๆ แล้วสิ่งนี้มันคือจักรวาลดีๆ นี่เอง!
เย่หยวนนั้นรู้ดีว่านี่คือเกมกระดานที่โอสถบรรพกาลและมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลประชันความรู้กัน
เย่หยวนรีบวิเคราะห์เกมตรงหน้าและได้เข้าใจว่าตอนนี้ฝ่ายดำกำลังเข้าตาจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไม่ว่าหมากต่อไปจะเดินวางไปทางใด มันก็เป็นรุกจน
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตอนนั้นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลจึงได้นั่งอยู่หน้ากระดานนี้เป็นเวลากว่าแสนปี
เมื่อไม่มีทางไปต่อ และไม่มีทางถอยกลับ โอสถบรรพกาลนั้นได้ทำให้มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลต้องมายืนอยู่ปากเหวแล้ว
“เกมกระดานเช่นนี้มีคนผ่านไปได้ถึงสิบเอ็ดคนเลยหรือ?”
เย่หยวนนั้นตกตะลึงในหัวใจมาก เพราะแม้ว่านี่จะเป็นแค่ ‘อย่าถาม’ อย่างง่าย เย่หยวนก็บอกได้เลยว่านี่คือหมากที่เดินจนเข้าตาจนแล้ว
คนทั้งสิบเอ็ดที่ผ่านไปได้นั้นมันต้องมีความสามารถพรสวรรค์มากมายเพียงใดกัน?
“หึๆ กลัว? หากเจ้าคิดถอยตอนนี้มันยังทันนะ!” นิคุนบอกด้วยรอยยิ้ม
“เย่หยวน ยอมแพ้เสียเถอะ! อย่าได้ประเมินตัวเองสูงส่งจนเกินไปเลย!” ผู้อาวุโสหลี่พูดขึ้นตามด้วยท่าทางเย้ยเยาะ
เหล่าผู้อาวุโสต่างเหยียดหยามเขาออกมา เพราะการกระทำของเย่หยวนนั้นมันโอหังเหนือฟ้าดิน พวกเขาจึงไม่มีใครคิดที่จะรักชอบในตัวเย่หยวนเลย
เย่หยวนหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน “พวกเจ้าไม่มีปัญญา ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่มีปัญญาด้วย! เมื่อมันมีคนที่ผ่านไปได้มันย่อมมีความหวัง! ผ่านไม่ได้มันก็คงได้แต่โทษตัวเองที่โง่คนเกินไป ไม่มีปัญญาที่จะมองแสงแห่งความหวังนั้นออก!”
เฒ่าเหล่านี้ต่างสาปแช่งให้เขาตายลงในเกมกระดานนี้
การพูดเช่นนั้นออกมาก็แค่เพื่อจะผลักดันเขาเข้าไป ทำไมเขาจึงต้องไปเคารพคนเหล่านี้ด้วย?
“โอหัง! เย่หยวน เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังพูดกับใครอยู่?” นิคุนตวาด
เย่หยวนหันไปมองนิคุนด้วยรอยยิ้ม “เจ้าวางแผนวันแล้ววันเล่าเพื่อให้ข้าจำต้องมาท้าทายและตายลงใน ‘อย่าถาม’ นี้มิใช่หรือ? หากข้าตาย กับคนที่กำลังจะตายแล้วแค่โอหังนิดๆ หน่อยๆ จะเป็นไรไป? แต่หากข้าผ่าน เรื่องด่าว่าพวกเจ้าไม่กี่ตัวนี้มันยิ่งเป็นเรื่องที่แสนเล็กน้อยเข้าไปใหญ่ ไม่คิดว่าเช่นนั้นบ้างหรือผู้อาวุโสนิ?”
นิคุนสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นแต่ก็ยิ้มออกมาได้ในที่สุด “บางทีเจ้าอาจจะกลับมาในสภาพปางตายก็ได้?”
เย่หยวนยิ้ม “เช่นนั่นมันคงถูกใจผู้อาวุโสนิล่ะมั้ง?”
นิคุนหัวเราะลั่นออกมาเมื่อได้ยิน “ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเป็นคนมากอารมณ์ขันเช่นนี้”
เย่หยวนแค่ยิ้มตอบกลับไปและเดินขึ้นกระดานทันที
ซุบ!
จู่ๆ ภาพตรงหน้ามันก็เปลี่ยนแปลงไป!
ตอนนี้เหมือนกระดานหินนี้จะเริ่มทำงานแล้ว
คลื่นพลังอันหนาแน่นลอยขึ้นมาจากกระดาน ทำให้ทุกตัวหมากมันเหมือนกลับกลายมามีชีวิต
เบื้องหน้าของเย่หยวนนั้นเต็มไปด้วยกำลังพลและทหารม้ามากมาย สองทัพกำลังขับสู้กับอย่างใกล้ชิด เป็นภาพที่แสนรุนแรงและโหดร้าย
ต่อให้เย่หยวนจะเปิดใช้เนตรสุริยันจันทราเทวะมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย
ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ตัวเขาไม่สามารถมองมันให้ทะลุได้เลย
จู่ๆ ก็ปรากฏสองขุมพลังขึ้นมาทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้ต้องแทบหายใจไม่ออก
พลังนี้ทำให้เย่หยวนหน้าซีดเซียวและต้องกระอักเลือดออกมาคำโต
เบื้องหน้าเย่หยวนนั้นคือร่างขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นมาจากพื้น สายตาคู่ยักษ์นั้นกำลังจ้องมองลงมายังร่างของเย่หยวน
ภาพขนาดยักษ์เบื้องหน้าเย่หยวนนี้ เย่หยวนไม่สามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจนนัก
“นี่หรือคือมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล? แข็งแกร่ง!” เย่หยวนกล่าวออกมาด้วยท่าทางตื่นตกใจ
เย่หยวนรู้ดีว่านี่เป็นเพียงแค่จิตส่วนน้อยที่ถูกฝังไว้โดยมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล
แต่แค่เสี้ยวจิตนี้มันก็แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด มันเป็นความกดดันที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีทางเทียบเคียงได้
“เด็กน้อย จัดการโอสถบรรพกาลด้วยจำนงของข้า! ข้าจะมอบโอกาสเสี่ยงโชคนี้ให้แก่เจ้า!”
ร่างใหญ่นั้นค่อยๆ เปิดปากพูด น้ำเสียงของเขาเองก็ฟังดูยิ่งใหญ่ไม่แพ้พลัง
พูดจบมือคู่ยักษ์ก็เลื่อนลงมาจากฟากฟ้า
นั่นทำให้สีหน้าของเย่หยวนเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เขารู้สึกได้ว่าจิตของตัวเองกำลังถูกเขาลูกใหญ่กดทับจนแทบจะแหลกเละเป็นผุยผง
จิตที่ไม่อาจต้านทาน!
เย่หยวนกัดฟันแน่นและตอบกลับไปอย่างไม่พอใจ “ท่านอยากให้ข้ายอมรับและกลายเป็นหมากในกระดานของท่าน! เกมนี้ดูยังไงมันก็ตัดสินผลกันไปแล้ว สุดท้ายนี่มันก็แค่การท้าทายว่าผู้คนจะรับจิตของท่านไปหรือไม่เท่านั้น!”
ภาพยักษ์นั้นตอบกลับมาโดยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ “แล้วมันทำไม? หากไม่มีปัญญาพอที่จะต้านทานจิตของข้าผู้นี้ เจ้าจะเอาปัญญาที่ไหนไปต้านทานตัวตนของโอสถบรรพกาลได้?”
เย่หยวนหน้าเปลี่ยนสีไปอีกครั้งแต่ก็ยังกัดฟันแน่น “ข้าเย่หยวนจะไม่ยอมเป็นหมากให้แก่ใคร!”
เย่หยวนนั้นเข้ามาท้าทายเพื่อทำลายอุปสรรคด้วยกำลังของตนเอง ไม่ใช่มาเพื่อพึ่งพาพลังของผู้อื่น!
เขานั้นไม่เคยที่จะยอมรับในจิตจำนงของใครผู้ใดมาก่อน!
ภาพร่างยักษ์นั้นตอบกลับมา “ยอดฝีมือย่อมเริ่มจากเป็นตัวหมาก! ในที่แห่งนี้เรื่องราวมันไม่ได้อยู่ในมือเจ้า! มันอยู่ในมือข้าผู้ยิ่งใหญ่คนนี้!”
เพราะยังไงเสีย ‘อย่าถาม’ ฉบับง่ายนั้นมันก็ถูกสร้างขึ้นมาจากน้ำมือของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล
นี่เป็นเกมที่เขานั้นควบคุมหาใช่โอสถบรรพกาลไม่
มีเพียง ‘อย่าถาม’ ของจริงเท่านั้นที่โอสถบรรพกาลควบคุมอยู่
ในที่แห่งนี้หากมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลอยากให้รอด ก็จะรอด หากเขาอยากให้ตาย ก็จะตาย!
เย่หยวนพ่นลมออกมาจากจมูก “ชะตาของเย่หยวนคนนี้ล้วนอยู่ในมือของตัวข้าเอง! ตัวหมากนั้นต่อให้เป็นยังไงข้าก็จะไม่มีวันยอมรับ! ต่อให้ท่านจะเป็นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลข้าก็ไม่ยอมเช่นกัน!”
ภาพร่างยักษ์นั้นตอบกลับมา “ช่างเป็นเด็กที่อวดดีและไม่รู้จักกาลเทศะเสียจริงๆ หากไม่รับจิตจำนงของข้าไปมันก็เท่ากับว่าเจ้าต้องตายสถานเดียว!”
น้ำเสียงของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นมันแสนเย็นเยือก ราวกับว่าการสังหารเย่หยวนนั้นมันง่ายเพียงแค่พลิกฝ่ามือ
เย่หยวนหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยินและตอบกลับไป “เช่นนั้นแล้วท่านก็ลองดูเถอะ!”
…………………………