Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1792 กระทำอย่างหน้าไม่อาย
ตอนที่ 1792 กระทำอย่างหน้าไม่อาย
“เจ้าหมอนี่มันคงไม่… ได้ไปที่หุบไหมเมฆามาใช่ไหม?”
หุบไหมเมฆานั้นคือสถานที่แสนอันตรายในนิกายเงาจันทร์ สำหรับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าแล้วมันนับได้ว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามเลยทีเดียว
เพราะสถานที่แห่งนั้นมันเต็มเปี่ยมไปด้วยซาลาแมนเดอร์น้ำดำนับพันๆ ตัว!
เจ้าซาลาแมนเดอร์น้ำดำนั้นอย่างอ่อนแอก็เป็นสัตว์อสูรระดับสาม แต่พวกที่ขึ้นมาถึงระดับสี่นั้นก็มีอยู่มากมายหลายพันตัว
แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือมันมีพวกที่แข็งแกร่งถึงระดับห้าอยู่ด้วย!
ไป่หลี่ชิงหยานจำขึ้นมาได้ทันทีว่าครั้งหนึ่งนางและเย่หยวนเคยผ่านทางเข้าหุบไหมเมฆาไป
ตอนนั้นเย่หยวนคิดอยากลองเข้าไปดูภายใน แต่ก็ถูกไป่หลี่ชิงหยานหยุดไว้เสียก่อน
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว มันก็คงมีแค่สถานที่เดียวที่เย่หยวนจะล่าสัตว์อสูรจำนวนมากมายขนาดนั้นได้
หากอยากได้แก้วสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากๆ คนที่คิดจะล่าก็ต้องเข้ารังสัตว์อสูรเท่านั้น
ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้ล่าทั้งวันทั้งคืนไปนานเท่าใดมันก็ย่อมไม่มีทางได้แก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากขนาดนั้นมาได้
เว้นเสียแต่ว่าหากคนใดเข้าไปกลางรังสัตว์อสูรแล้วจะยังรอดกลับมาได้หรือ?
เย่หยวนล่าซาลาแมนเดอร์น้ำดำไปอย่างมากมาย มีหรือที่ราชันซาลาแมนเดอร์น้ำดำ สัตว์อสูรระดับห้าจะไม่รู้ตัว?
ในเวลานี้สมองของไป่หลี่ชิงหยานมันเปี่ยมไปด้วยคำถาม
“เดี๋ยวก่อนนะ!” ผู้ดูแลหงหน้าดำมืดลงทันที เขาตะโกนขึ้นมาหยุดเชียนเย่ไว้และบอก “มันจะมีมากขนาดนั้นได้อย่างไรกัน? มันผิดพลาดอะไรหรือเปล่า?”
เวลานี้เองศิษย์ที่ทำหน้าที่นับแต้มก็รีบเดินออกมาแก้ตัวด้วยท่าทางสั่นกลัวไม่น้อย “ขอคารวะผู้ดูแลหง ศิษย์นั้นไม่ได้นับผิดอย่างแน่นอน ด้านในแหวนวงนี้มันเปี่ยมไปด้วยแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ขั้นปลายถึงสามร้อยยี่สิบเอ็ดชิ้น แก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ขั้นกลางสองพันห้าสิบชิ้น เมื่อเทียบมันเป็นแต้มแล้วก็จะเท่ากับห้าร้อยยี่สิบหกแต้ม เมื่อมาหารระหว่างคนทั้งสองก็จะได้เท่ากับสองร้อยหกสิบสามแต้ม”
ผู้ดูแลหงรับแหวนที่เย่หยวนส่งให้ออกมา และด้านในมันก็มีแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ครบจำนวนอย่างไม่ขาดไม่เกินจริง!
แต่ผลลัพธ์นี้มันทำให้เขาต้องตกตะลึง
จำนวนแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์มากมายขนาดนี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในนิกายเงาจันทร์
เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปถามไป่หลี่ชิงหยานด้วยความสงสัย “ไป่หลี่น้อย เจ้าไปทำอะไรมากันแน่?”
ไป่หลี่ชิงหยานกำลังคิดจะตอบแต่เป็นเจียงเชอเหยียนที่พูดตัดขึ้นมาก่อน “ผู้ดูแลหง ชิงหยานนั้นได้ไปเจอกับฝูงสัตว์อสูรเข้าในเทือกเขาและนางก็สู้กับพวกมันนานเกือบครึ่งเดือนด้วยตัวคนเดียว การต่อสู้นี้ทำให้นางบรรลุขึ้นมาสู่ระดับที่เป็น ข้าคาดว่าไม่นานจากนี้นางคงสามารถขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวได้แล้ว”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมาทุกคนก็ต้องหันหน้าไปมองไป่หลี่ชิงหยานเป็นตาเดียว
ส่วนเย่หยวนนั้นไม่มีใครคิดจะสนใจอีกต่อไป
ไม่มีใครคาดคิดอยู่แล้วว่าเขา แค่ราชันพระเจ้าหกดาวจะช่วยอะไรได้
แต่ว่าการกระทำอันไร้ยางอายของเจียงเชอเหยียนอันนี้ เย่หยวนกลับไม่ได้คิดมากมายใดๆ
อย่างแรกเลยคือไป่หลี่ชิงหยานนั้นได้ช่วยปกป้องเขาไว้หลายต่อหลายครั้ง ทำให้เขารอดออกมาจากเวลาช่วงวิกฤตได้
แม้ว่าการช่วยเหล่านั้นมันจะไม่จำเป็นต่อเย่หยวน แต่อย่างน้อยๆ มันก็คือการช่วยปกปิดไพ่ตายของเขาเอาไว้
สำหรับเย่หยวนที่แยกบุญคุณความแค้นอย่างแจ่มชัดนั้น เรื่องราวเช่นนี้เขาย่อมยอมรับไว้ได้!
อย่างที่สองคือเย่หยวนรู้ดีว่าคำพูดของเขามันไร้น้ำหนัก ต่อให้เขาพูดออกไปก็คงไม่มีใครคิดจะเชื่ออยู่ดี
แน่นอนว่าพวกเชียนเย่น่าจะพอคาดเดาเรื่องได้ แต่มีหรือที่พวกเขาจะช่วยเสริมเย่หยวน?
แน่นอนว่าไม่!
ส่วนเป้าหมายที่เจียงเชอเหยียนทำเช่นนี้ออกมา เย่หยวนก็ย่อมรู้ดีอยู่ในใจ
นางนั้นต้องการยืมเรื่องนี้เพื่อเพิ่มสร้างชื่อเสียงให้แก่ไป่หลี่ชิงหยานและกลบฝังอีกสองขั้วอำนาจ พร้อมๆ กับยกระดับของนิกายเหย้าอมตะขึ้น
แม้ว่าการทำเช่นนั้นมันจะไม่ได้ผิดแปลกใดๆ เลยในสายตาของเจียงเชอเหยียน แต่สุดท้ายแล้วมันก็ยังนับว่าเป็นการกระทำที่ไร้ยางอายอย่างมาก
การชุบมือเปิบชิงผลงานคนอื่นแบบนี้มันทำให้เย่หยวนอึดอัดใจไม่น้อย
แต่ว่าไป่หลี่ชิงหยานนั้นกังวลอย่างมากจนเกือบจะพูดขัดขึ้น แต่นางก็หันไปเห็นสายตาของเจียงเชอเหยียนที่มองเตือนมาก่อนนางจึงเลือกที่จะเงียบปากลงไป!
นางนั้นฉลาด ไป่หลี่ชิงหยานรู้ดีว่าเป้าหมายของเจียงเชอเหยียนคืออะไร
เพียงแค่ว่าวิธีการที่ทำออกมานี้มันช่างทำให้นางรู้สึกผิดอย่างแรง!
ไป่หลี่ชิงหยานอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเย่หยวนแลบะพบว่าตอนนี้เย่หยวนกำลังยืนนิ่งไม่ไหวติง ไม่แสดงท่าทีอาการใดๆ ออกมา ราวกับว่าเรื่องราวตรงหน้านี้มันไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองใดๆ ทั้งสิ้น
แต่นางรู้ดีว่าเย่หยวนคงไม่พอใจ
มาเจอเรื่องแบบนี้ใครบ้างจะไม่โกรธ?
มันไม่ใช่แค่เรื่องชื่อเสียง แต่มันหมายถึงทรัพยากรที่จะได้ในวันหน้าด้วย
อัจฉริยะนั้นย่อมได้รับการปฏิบัติและทรัพยากรที่เหนือล้ำกว่า
การเสียโอกาสสร้างชื่อในครั้งนี้ไป หนทางในวันหน้าของเย่หยวนคงยากลำบากขึ้นแล้ว
ส่วนพวกเชียนเย่เองนั้นต่างมีสีหน้าแสนพึงพอใจเมื่อได้ยินเช่นนี้
เย่หยวนทำเรื่องราวใหญ่โตเล่นเอาพวกเขาตั้งรับแทบไม่ทัน
หากเย่หยวนถูกทางนิกายหลักจับตามองจริงๆ การที่พวกเขาจะลงมือทำอะไรมันก็คงยากเย็นแล้ว
แต่ฝั่งไป่หลี่ชิงหยานนั้นแม้นางจะมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำ แต่มันก็ยังไม่ถึงระดับเย่หยวน
พรสวรรค์ความสามารถที่เย่หยวนแสดงออกมามันทำให้พวกเขากดดันอย่างมาก
เมื่อต้องให้เลือกระหว่างข้อเสียสองข้อ การกระทำนี้ของเจียงเชอเหยียนย่อมทำให้พวกเขาพอใจเป็นอย่างมาก
ผู้ดูแลหงเหมือนจะเข้าใจเรื่องราวได้และบอกออกมา “เป็นเช่นนี้นี่เอง! ไม่นึกเลยว่าไป่หลี่น้อยจะเก่งกาจขนาดนั้น เรื่องคราวนี้ข้าคงต้องไปรายงานกับนิกายหน่อยแล้ว”
อย่างที่คาด ผู้ดูแลหงคิดจะรายงานเรื่องนี้กับนิกายจริงๆ
พูดจบเขาก็หันมามองเย่หยวนด้วยท่าทางดูถูก
เจ้าหมอนี่มันไร้ฝีมือแต่กลับเกาะไป่หลี่ชิงหยานและเข้ารอบมาง่ายๆ จนได้ตำแหน่งอันดับหนึ่งในการสอบของนิกายเงาจันทร์ ช่างเป็นไอ้คนโชคดีเสียจริงๆ
“เอาล่ะ มาประกาศผลต่อกัน!” ผู้ดูแลหงบอกต่อ
ตอนนี้เชียนเย่อารมณ์ดีขึ้นมาก แต่ความกังวลที่เขามีต่อเย่หยวนก็ไม่ได้ลดลงเลย
ราชันพระเจ้าหกดาวยังทำได้ขนาดนี้ หากวันหน้ามันเติบโตไปได้มันจะอันตรายแค่ไหน?
แต่เขาก็เชื่อว่าเย่หยวนคงอยู่ได้อีกไม่นาน
เขารู้ได้เลยว่าเจียงเชอเหยียนคงไม่ได้รู้ถึงเรื่องราวที่เย่หยวนเคยทำไว้
การกระทำนี้ของนางคงทำให้เย่หยวนไม่พอใจอย่างมาก
และด้วยนิสัยของเด็กคนนี้ เขาคงไม่เลือกที่จะเข้าข้างนิกายเหย้าอมตะแน่
นี่ก็เท่ากับว่าเย่หยวนได้ทำการหาเรื่องสามนิกายใหญ่พร้อมๆ กันตั้งแต่วันแรกที่เข้านิกายเงาจันทร์
รวมไปถึงนิกายคชสารมารด้วย
คชสารมารนั้นแข็งแกร่งไม่ได้อ่อนแอเลย
ผลที่เหลือเองมันก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจใดๆ อีก ตอนนี้ทุกผู้คนต่างตกตะลึงในพลังฝีมือของไป่หลี่ชิงหยานและด่าว่าเย่หยวนเป็นไอ้คนโชคดี
“เอาล่ะทุกคน ไปพักสามวันจากนั้นมาเริ่มการทดสอบรอบที่สองกัน!” ผู้ดูแลหงประกาศบอก
เมื่อทุกอย่างจบลงไป่หลี่ชิงหยานก็ดึงตัวเจียงเชอเหยียนมาคุยด้วย “ศิษย์พี่ ท่านทำอย่างนั้นได้อย่างไร? นี่มันเท่ากับว่าข้าทำตัวหน้าด้านไม่รู้จักคุณคนเลยนะ!”
เจียงเชอเหยียนตอบกลับมาเมื่อได้ยิน “หน้าด้าน? คุณคน? ของพวกนั้นมันทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้ไหม? การชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่จะเริ่มขึ้นอยู่แล้วเจ้าต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ต้องกดดันศัตรูอย่างให้มันได้ตอบโต้ แล้วการปรากฏตัวของเจ้าเด็กคนนี้มันก็ยิ่งทำให้ผลลัพธ์ยากจะคาดเดา หากมันไม่สามารถบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้ก็แล้วไป แต่หากมันสามารถบรรลุขึ้นมาได้ในเวลาสองร้อยปีนี้ล่ะ? เจ้าคิดว่าถึงตอนนั้นจะยังมีใครต้านทานมันได้? หากไม่เห็นแก่หน้าเจ้าข้าเองก็คงสังหารมันลงตั้งแต่อยู่ในเทือกเขาเงาจันทร์แล้ว!”
ไป่หลี่ชิงหยานนั้นแสดงความไม่พอใจออกมาเต็มใบหน้า แต่นางก็หวนนึกถึงบุญคุณที่อาจารย์มีต่อนางและความที่นางเป็นความหวังเดียวของนิกาย เรื่องเช่นนี้นางจึงตัดใจเลือกไม่ลงจริงๆ
นางคิดถึงหน้าเย่หยวนอีกครั้งด้วยความโศกเศร้าอยู่ในหัวใจ
ทำไมเขาคนนั้นถึงต้องยอมกลืนศักดิ์ศรีแล้วรับฟังไปด้วย ทำไมไม่คิดจะพูดอะไรออกมาบ้าง?
เจ้าหมอนั่นมันคิดอะไรอยู่กันแน่?
นางอยากจะไปขอโทษเย่หยวนจนแทบขาดใจ แต่เจียงเชอเหยียนก็ห้ามไว้ไม่ให้นางไปไหนได้