Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1796 เสียงกลองกะทันหัน
ตอนที่ 1796 เสียงกลองกะทันหัน
“นี่ล้อกันเล่น? ไอ้เด็กคนนี้มันจะอวดอ้างตัวเองจนเกินไปหน่อยไหม? ถึงคิดอยากจะมาแย่งตำแหน่งผู้ขึ้นสนามคนสุดท้ายไปจากไป่หลี่ชิงหยานเช่นนี้!”
“หึ อวดเก่งอย่างไม่รู้จักฟ้าดิน! มันคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
คำขอนี้ของเย่หยวนทำให้เกิดเสียงโห่ไล่ขึ้นมาทันที
เพราะยิ่งได้ขึ้นไปช้ามันยิ่งแสดงว่าเป็นคนที่เก่งกาจ เย่หยวนนั้นเป็นได้แค่ตัวเกาะของไป่หลี่ชิงหยานมีหรือที่เขายังขอเอาตำแหน่งคนสุดท้ายไปได้อีก?
เจียงเชอเหยียนขมวดคิ้วแน่น “ไอ้หมอนี่มันคิดจะทำอะไร? คิดจะใช้วิธีแบบนี้พิสูจน์ตัว? มันจะไม่โง่เกินไปหน่อยหรือ?”
ไป่หลี่ชิงหยานเองก็มึนงงไม่แพ้คนอื่นๆ ไม่เข้าใจว่าเย่หยวนต้องการทำอะไรกันแน่
ผู้ดูแลหงขมวดคิ้วแน่น “เจ้าและไป่หลี่ชิงหยานนั้นได้อันดับหนึ่งมาด้วยกัน ตราบเท่าที่อีกฝ่ายไม่ขัดมันก็ย่อมไม่มีปัญหาล่ะนะ”
พูดจบสายตาทุกคู่ก็ต่างหันไปจ้องมองดูไป่หลี่ชิงหยาน
เจียงเชอเหยียนนั้นกำลังจะเปิดปากพูดออกมาแทน แต่เป็นไป่หลี่ชิงหยานที่พูดยอมรับขึ้นมาเสียก่อน “ไม่มีปัญหา ข้าไปก่อนได้!”
เจียงเชอเหยียนกระทืบเท้าออกมาอย่างไม่พอใจคิดในหัวว่าเด็กคนนี้มันช่างน่าเป็นห่วงนัก
นี่มันใช่เวลามายอมเพราะมารยาทหรือ?
ไป่หลี่ชิงหยานเดินออกมากระโดดขึ้นจนถึงเบื้องหน้ากลองราวกับนางสวรรค์ที่ลงมาจุติยังโลก ความงามเหนือล้ำ
เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างแสดงใบหน้าท่าทางราวกับกำลังเลื่อมใสภาพตรงหน้า
หันไปมองเย่หยวนด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยอารมณ์มากมายแต่นางกลับพบว่าเย่หยวนแค่ยืนอยู่ตรงนั้นและยิ้มอย่างสบายใจ เรื่องนี้มันทำให้นางมึนงงไม่น้อย
ไอ้เจ้าหมอนี่มันคิดอะไรอยู่กันแน่?
แต่เรื่องราวมันกลับไม่ถูกรับรู้ไปเช่นนั้นในสายตาของทุกผู้คน
ไป่หลี่ชิงหยานตั้งสติกับตัวเองและปล่อยปราณเทวะออกมาจากร่าง ทันใดนั้นก็ปรากฏเชือกไหมพุ่งตรงไปยังยอดกลองจรัสอย่างรวดเร็ว
ตึง!
นี่เป็นเสียงที่ดังสนั่นที่สุดเท่าที่เคยมีมาในการสอบครั้งนี้
คลื่นเสียงที่ออกมาจากยอดกลองจรัสนั้นมันราวกับเสียงที่ฟื้นคืนชีวิตให้ปฐพี ทำให้ต้นไม้ในระยะหลายกิโลเมตรเริ่มแตกดอกออกผล
เรื่องราวแสนใหญ่โตแบบนั้นมันย่อมทำให้ท่าทางของทุกผู้คนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
นี่มันเหนือล้ำกว่าพวกต้วนชิงหงเสียอีก!
ผู้ดูแลหงแสดงใบหน้าสุดแสนพอใจออกมา “ไม่เลว! ไม่เลวเลย ไป่หลี่ชิงหยาน ยอดระดับหก! ผ่านการทดสอบ!”
เจียงเชอเหยียนแสดงรอยยิ้มออกมาเต็มใบหน้า เท่านี้นิกายเหย้าอมตะของนางก็จะสามารถกดทับอีกสองนิกายได้อย่างที่พวกนั้นไม่มีทางโงหัวขึ้น
ที่สำคัญด้วยฝีมือนี้ของไป่หลี่ชิงหยานมันจะช่วยเป็นเครื่องยืนยันคำกล่าวอ้างในตอนสอบรอบแรกได้อย่างดีด้วย!
ตอนนี้ยังจะมีใครสงสัยอีกว่าไม่ใช่ไป่หลี่ชิงหยาน?
บางทีพวกต้วนชิงหงเองก็คงไม่น่าคิดสงสัยอีกแล้วใช่ไหม?
ทางหันไปมองดูทางเย่หยวนพร้อมหัวเราะเยาะในใจ
“ไอ้เด็กโง่เอ้ย คิดว่าจะมาช่วงชิงสายตาไปจากชิงหยานได้หรือ? ต่อให้เจ้าจะสำเร็จแนวคิดแห่งห้วงมิติเจ้านั้นก็มีพลังบ่มเพาะที่ต่ำตม! การจะตียอดกลองจรัสได้นั้นมันต้องใช้พลังบ่มเพาะที่สูงส่ง!”
แม้ว่านางจะเห็นความเก่งกาจของเย่หยวนมาแล้ว เจียงเชอเหยียนก็ไม่ได้คิดว่าเย่หยวนจะทำออกมาได้ดีนัก
นางในฐานะศิษย์ของนิกายเงาจันทร์นั้นย่อมรู้ถึงพลังของยอดกลองจรัสดี
ยิ่งมีพลังบ่มเพาะสูง ก็จะยิ่งเข้าใจเต๋าได้ลึกซึ้ง ทำให้เสียงที่ออกมาจากกลองมันดังขึ้นด้วย
แม้ว่าเย่หยวนจะมีฝีมือเก่งกาจ แต่เขานั้นมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำต้อย!
หากเขาใช้พลังโจมตีกลองไปอย่างเต็มที่ ผลที่ได้มันจะยิ่งกลับกลายเป็นการสะท้อนที่แสนรุนแรงแทน!
เพราะฉะนั้นมันจึงไม่มีใครมาเทียบเคียงไป่หลี่ชิงหยานได้แล้ว
เย่หยวนอยากขึ้นเป็นคนสุดท้าย เรื่องนี้มันมีแต่จะทำให้เขากลายเป็นที่น่าหัวร่อของผู้คน
ฝีมือของไป่หลี่ชิงหยานทำให้ทุกผู้คนต่างมองดูนางด้วยความเลื่อมใส และมันก็ทำให้ต้วนชิงหงและจงฮันหลินรู้สึกอับอายกับความไร้ค่าของตนไปด้วย
พวกเขานั้นตามตื้อไป่หลี่ชิงหยานมานาน แต่ตอนนี้พวกเขาได้รู้แล้วว่านางนั้นมีพรสวรรค์เหนือล้ำกว่าพวกเขามาก
ไป่หลี่ชิงหยานหันไปบอกผู้ดูแลหงพร้อมยกมือคารวะ “ขอบคุณผู้ดูแลหง!”
ผู้ดูแลหงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ไป่หลี่น้อยเจ้าเก่งกาจสมชื่อจริง! ยอดระดับหกนั้นแม้จะนับรวมการสอบครั้งก่อนๆ ไปด้วยมันก็ยังนับได้ว่าเป็นยอดของยอด เสียดายที่เจ้ายังขาดไปนิดและไม่อาจบรรลุสู่ระดับเจ็ดได้”
ไป่หลี่ชิงหยานบอก “ชิงหยานจะตั้งใจบ่มเพาะให้มากขึ้น วันหน้าจะไม่ทำให้นิกายผิดหวังแน่!”
ผู้ดูแลหงยิ้มรับ “อืม บ่มเพาะให้ดี! งานชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ครั้งนี้ข้าหวังว่าเจ้าจะได้มีสิทธิ์เข้าไปร่วมด้วย!”
ไป่หลี่ชิงหยานพยักหน้ารับและร่อนกลับลงมา
เจียงเชอเหยียนนั้นเข้ามาต้อนรับนางไว้ด้วยรอยยิ้ม “ไป่หลี่ เจ้าช่างไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!”
แต่ไป่หลี่ชิงหยานกลับยังมีท่าทางเย็นชาตอบกลับมา “ศิษย์พี่มันยังมีคนที่ไม่ได้ขึ้นสนาม ท่านอย่าเพิ่งรีบดีใจไปเลย”
เจียงเชอเหยียนตอบกลับมาด้วยท่าทางไม่แยแส “แม้ว่าไอ้เด็กคนนั้นมันจะมีพรสวรรค์มาก แต่พลังบ่มเพาะของมันก็ต้อยต่ำ ต่อให้มันจะเก่งกาจกว่าพวกต้วนชิงหงได้มันก็ไม่มีทางเหนือล้ำกว่าเจ้าไปได้!”
ไป่หลี่ชิงหยานส่ายหัวออกมาแต่ก็ไม่ได้เถียงออกไป
นางรู้สึกได้แปลกๆ ว่าเย่หยวนทำเช่นนี้มันย่อมมีความหมายใดลึกซึ้ง
บางทีเรื่องราวมันคงไม่จบง่ายๆ เช่นนั้น
ที่สำคัญรอบก่อนหน้ามันไม่มีทางเลยที่ฮันยองคนนั้นจะเหนือล้ำกว่าเจ่าเจาได้ แต่เขากลับทำออกมาได้ถึงระดับห้า
และฮันยองนั้นสนิทกับเย่หยวน เรื่องนี้มันจะยังเป็นความบังเอิญได้อีก?
“สุดท้าย เย่หยวน!”
หลังจากเรียกมาหลายครั้ง ในที่สุดมันก็ถึงตาของเย่หยวนขึ้นสังเวียน
แต่ทว่าเขากลับยังไม่พุ่งตัวออกมาและทำให้เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นอีกครั้ง
ดูท่าคนดูทั้งหลายคงกำลังดูถูกคนที่ประเมินตัวเองอย่างสูงส่งจนเกินไป
“ไอ้หมอนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ พลังฝีมือแค่นั้นก็กล้าจะมาแย่งตำแหน่งผู้สอบคนสุดท้ายไป!”
“หึ แม่นางไป่หลี่เองก็ใจกว้างและไม่คิดจะลดตัวไปเถียงกับมัน ดันทำให้หมอนี่เป็นจากเลวเป็นร้าย”
“ราชันพระเจ้าหกดาว จะตีได้หรือไม่ยังไม่รู้กลับมีหน้ามาขอตำแหน่งสุดท้ายเช่นนี้”
…
เดิมทีไป่หลี่ชิงหยานนั้นเป็นยอดอัจฉริยะในระดับเดียวกับต้วนชิงหงและจงฮันหลินในสายตาของทุกผู้คน
แต่ตอนนี้ไป่หลี่ชิงหยานกลับผงาดขึ้นมาเหนือหัวอีกสองคนลิบลับ
ตัวตนของไป่หลี่ชิงหยานมันเหนือล้ำกว่าคนทั้งหลาย
เมื่อมารวมกับความงามอันเหนือล้ำของนางแล้ว นางก็ได้กลายเป็นนางฟ้าในใจของใครหลายๆ คนไป
นางฟ้าที่อย่าได้ไปลบหลู่!
แต่เย่หยวนคนนี้กลับลบหลู่นางฟ้าคนนั้นด้วยการแย่งตำแหน่งสุดท้ายมาแทน
เสียงโห่ร้องราวสัตว์ป่าเหล่านี้ เย่หยวนย่อมไม่มีทางคิดสนใจมัน
เขาค่อยๆ เดินผ่านฝูงชนเข้าไปและไม่คิดบินเหินขึ้น
จากนั้นเขาแค่สะบัดเบาๆ เป่าลมไปยังยอดกลองจรัส
ท่าทางนี้มันเหมือนกับการปัดฝุ่นจากเศษผ้า อ่อนแอและแสนสบายใจ
การกระทำนี้มันทำให้ทุกผู้คนต่างมึนงงไปพร้อมๆ กัน
ตอนนี้แม้แต่ผู้ดูแลหงเองก็แสดงสีหน้าท่าทางสุดสงสัยออกมา
“ไอ้หมอนี่มันทำอะไร? ต้องขอชมเลยว่ามันช่างเป็นคนที่สร้างชื่อให้ตัวเองในทางเสียๆ ได้เก่งแท้!”
“ที่มันทำนั้นคือจะตีกลองแล้ว?”
“ไม่มีปราณเทวะเลย! ไอ้หมอนี่มันเดินออกมายอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองแล้วหรือ?”
…
ตึง!
ระหว่างที่กำลังด่าว่าไปอย่างไม่ขาดปากมันก็เกิดเสียงกลองหนึ่งดังสนั่นลั่นฟ้าขึ้นมา กลบทับเสียงอื่นๆ ที่เคยมีในลานไปจนสิ้น
ตอนนี้เสียงเดียวที่ผู้คนได้ยินมันคือเสียงยอดกลองจรัสที่ดังสนั่นนี้
นั่นทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันควัน
เสียงนี้มันฟังดูแล้วไม่ได้ด้อยไปกว่าไป่หลี่ชิงหยานเลย!
มันพลังคือพลังเสียงที่สะท้อนไปไกลหลายกิโลเมตร!
ทุกคนต่างหันมามองเย่หยวนเป็นตาเดียวด้วยใบหน้าที่มีทั้งหวาดกลัวและมึนงง
เสียงกลองนี้เย่หยวนเป็นคนตีจริงๆ?
แต่ท่าทางสบายๆ เช่นนั้นมันจะสร้างเสียงที่กระหึ่มฟ้าขนาดนี้ได้อย่างไร?