Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1929 เล่าเรื่องราว
ทุกคนต่างคาดคิดว่าเมื่อเย่หยวนขึ้นไปถึงระดับจิตม่วงได้แล้วชัยชนะอันเหนือล้นของเขานี้คงลดลงไปบ้างไม่มากก็น้อย
เพราะในหมู่นักหลอมโอสถสวรรค์จิตม่วงนั้นมีหลายต่อหลายคนที่เป็นถึงจอมเทพโอสถหกดาว ที่สำคัญกว่านั้นพวกเขาทั้งหลายยังมีพลังฝีมือเหนือล้ำกว่าเหล่าจอมเทพโอสถหกดาวทั่วๆ ไปมากนัก
การที่เย่หยวนจะชนะรวดแบบก่อนหน้านั้นมันย่อมมิใช่เรื่องง่ายแน่นอน
แต่ทว่าเด็กหนุ่มกลับทำให้ทุกผู้คนต่างแปลกประหลาดใจ
เพราะเขานั้นสามารถผ่านความยากลำบากได้สิ้นและยังไม่แพ้ลงเลยแม้แต่ครั้งแรก
ไม่ว่าจะเก่งกาจแค่ไหน เมื่อมาถึงตรงหน้าเย่หยวนแล้วทุกผู้คนต่างต้องกลายเป็นแค่เด็กนักเรียนผู้หนึ่ง
แม้จะเป็นจอมเทพโอสถหกดาวมันก็ไม่มีข้อยกเว้น
เมื่อเย่หยวนทำการชนะรวดเดียวได้เช่นนั้นชื่อเสียงของเขาก็ย่อมพุ่งทะยานล้ำจนกลายเป็นยอดคนชื่อดังแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาว
ที่พักของเย่หยวนนั้นมีผู้คนมาเพื่อทักทายฝากตัวมากมายอย่างไม่ขาดสาย
ที่บ้านตระกูลเจียง เจียงหัวนั้นกำลังกังวลเหมือนมดที่ถูกลนไฟ
ตั้งแต่ที่เย่หยวนเข้าศาลาโอสถสวรรค์ไปแน่นอนว่าเจียงหัวย่อมจะต้องคอยติดตามข่าวของเย่หยวนตลอดมา
จากเริ่มแรกเป็นคำดูถูก จากนั้นกลายเป็นความตื่นตะลึง จนกลายเป็นความกลัวและพัฒนาเป็นความสิ้นหวัง ตอนนี้จิตใจของเจียงหัวนั้นหนักหน่วงขึ้นทุกวันที่มันผ่านไป
มีหรือที่เด็กคนหนึ่งที่มาจากเมืองจักรพรรดิจะสามารถสร้างเรื่องราวได้ใหญ่โตขนาดนี้ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาว
“เจียงหัว ไปเตรียมของขวัญและเดินทางไปเรือนหอมปิติกับข้า ตอนนี้มีนักหลอมโอสถสวรรค์จิตม่วงคนใหม่เพิ่งถูกเลื่อนขั้นขึ้นมา เย่หยวนคนนี้วันหน้าต้องกลายเป็นคนใหญ่โตแน่ โถงวาโยขจีของเราต้องไปสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับเขาไว้” เจียงหยวนสั่งงาน
ทางเจียงหัวนั้นก็แทบจะหยุดหายใจเมื่อได้ยิน รู้สึกได้ทันทีว่าหัวใจของเขานั้นตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว
เรื่องที่เขากลัวมากที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว
ตอนนั้นเย่หยวนได้บอกคำไว้ก่อนจาก บอกว่าจะให้เจียงหยวนไปหาตัวเขาเอง ในเวลานั้นเจียงหัวต่างไม่คิดจะเอามันมาใส่ใจ
ใครจะไปคาดคิดว่าในเวลาแค่สองเดือนนี้เจียงหยวนกลับต้องไปเยี่ยมจริงๆ?
หอมหาสมบัตินั้นมีโถงมากมายหลายแห่ง แต่ละที่ต่างมีหน้าที่ของตนดูแลการแลกเปลี่ยนซื้อขายของหอมหาสมบัติมีพลังอำนาจสูงล้ำและหนึ่งในนั้นก็คือโถงวาโยขจี
เจียงหยวนนั้นมีความสามารถในการจัดการที่ดีและยังมากประสบการณ์ทำให้ตำแหน่งของเขาในโถงวาโยขจีนับได้ว่าสูงส่งกว่าที่นั่งผู้อาวุโสเป็นอย่างมาก
ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวนั้นขึ้นชื่อมากในเรื่องของโอสถและสมุนไพรวิญญาณ ทำให้ทางโถงวาโยขจีต้องให้ความสำคัญและสนใจต่อศาลาโอสถสวรรค์
เย่หยวนที่สร้างชื่อขึ้นมาในศาลาโอสถสวรรค์นั้นยังเป็นแค่ช่วงเริ่มต้น แต่ในสายตาของเจียงหยวนแล้วเขาย่อมเข้าใจได้ดีว่าเย่หยวนนั้นจะเก่งกาจอย่างหยุดไม่อยู่
เพราะฉะนั้นก่อนที่คนอื่นๆ จะทันสังเกตเห็นเย่หยวนพวกเขาต้องไปสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้ก่อน เรื่องนี้มันย่อมจะคุ้มค่ากว่ารอให้เย่หยวนโด่งดังไปทั่วหล้าแล้วค่อยเข้าหา
เพียงแค่ว่าเขานั้นไม่ได้รู้เลยว่าผู้ช่วยของเขาผู้นี้ได้ลบหลู่เย่หยวนอย่างหนักหน่วงจนไม่มีทางกู้กลับได้
“เรื่องนั้น…ท่านผู้นำตระกูล แม้ว่าเย่หยวนคนนี้จะเก่งกาจแต่เขาก็ยังเป็นแค่จอมเทพโอสถห้าดาว ให้ท่านไปหาเองมันคงไม่เหมาะหรอกใช่หรือไม่?” เจียงหัวบอก
เจียงหยวนยิ้มออกมาเมื่อได้ยิน “เจ้าจะไปรู้อะไร! ข้าก็ไม่รู้ว่าเย่หยวนผู้นี้มันมาจากไหนหรอกนะแต่เขานั้นมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำว่ากันว่าแม้แต่เหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ยาฟ้าก็ยังต้องลงมาให้ความสนใจ ที่สำคัญกว่านั้นเขานั้นก็ไม่ได้พบเจอใครที่คู่ควรเลยในหมู่นักหลอมโอสถสวรรค์จิตม่วง ดูท่าอีกไม่นานเขาคงได้ขึ้นไปถึงเกล็ดดำแน่ คนเช่นนี้วันหน้าย่อมจะมีชื่อเสียงโด่งดัง การไปสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีไว้ก่อนย่อมเป็นประโยชน์แก่ทั้งข้าและโถงวาโยขจี”
เจียงหัวนั้นตื่นตกใจอย่างมากเขานั้นได้ทราบมาว่าเย่หยวนนั้นสร้างเรื่องราวใหญ่โตขึ้นในศาลาโอสถสวรรค์แต่เรื่องรายละเอียดใดๆ นั้นเขาย่อมไม่มีทางรู้ได้
ด้วยตำแหน่งของเขาการที่จะไปติดต่อกับศาลาโอสถสวรรค์นั้นมันยังเหนือเกินตัว
เมื่อได้ยินคำของเจียงหยวนก็เป็นวินาทีแรกที่เจียงหัวได้รู้ถึงความน่ากลัวที่แท้ของเย่หยวน!
เจียงหัวนั้นตื่นตกใจอย่างมากด้วยตำแหน่งและอำนาจในมือเย่หยวนตอนนี้ แม้แต่ผู้นำตระกูลเขายังต้องเป็นฝ่ายไปเยี่ยมหา
หากเย่หยวนคิดใดๆ ขึ้นมาการจะฆ่าสังหารเจียงหัวลงมันคงลำบากแค่พูด
“เก่งกาจแท้? ดูท่าจอมเทพโอสถห้าดาวคนนี้มันจะมีพลังไร้จำกัด!” เจียงหัวพูดกึ่งจริงกึ่งประชด
เจียงหยวนยิ้มตอบ “แน่นอน! แต่เรื่องนี้โถงอื่นๆ นั้นยังไม่รับทราบเราจึงต้องรีบให้มาก!”
เจียงหัวกล่าว “ข้าน้อยจะไปเตรียมการในทันที”
พูดจบเขาก็เดินจากไป
เมื่อเขาหันหลังกลับไปเจียงหัวก็แสดงสีหน้าเด็ดเดี่ยวออกมา
“ไม่มีทาง ข้าจะไม่ยอมตายลงเช่นนี้ ตอนนี้สิ่งที่ข้าพึ่งได้ก็คือผู้นำตระกูลลำลังอำนาจของโถงวาโยขจี ตราบเท่าที่ข้าทำให้ท่านผู้นำตระกูลบาดหมางกับเจ้าเด็กคนนั้นได้ข้าก็ย่อมจะสามารถยืมกำลังของโถงวาโยขจีฆ่าสังหารมันลงได้! ต่อให้จะเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์เกล็ดดำแล้วจะทำไม?”
ก็จริงที่ว่านักหลอมโอสถสวรรค์เกล็ดดำนั้นมีตำแหน่งที่สูงส่ง แต่โถงแต่ละแห่งเองก็มีเทพถ่องแท้ขั้นสุดคอยประจำการพวกเขานั้นเป็นตัวตนในระดับเดียวกับเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ยาฟ้า
เทียบกันแล้วนักหลอมโอสถสวรรค์เกล็ดดำย่อมอ่อนแอลงทันที
เจียงหัวนั้นเป็นคนเก่งกาจและมีประสบการณ์เขาย่อมต้องเตรียมของขวัญระดับสูงได้อย่างรวดเร็ว
เจียงหยวนที่กำลังจะออกเดินทางถูกเจียงหัวพูดดักขึ้น “ท่านผู้นำตระกูล ทำไมท่านไม่ให้ข้าน้อยเดินทางไปก่อนเล่า”
เจียงหยวนบอก “ไม่ต้อง”
เจียงหัวพูดขึ้นอีก “ท่านผู้นำตระกูล แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะเป็นดาวรุ่งสักแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังเป็นแค่คนหนุ่มผู้หนึ่ง ท่านผู้นำตระกูลนั้นเป็นผู้อาวุโสของโถงวาโยขจี ให้เทียบกันแล้วตอนนี้ท่านย่อมมีตำแหน่งสูงกว่าเขา เขาตอนนี้เขาคิดวางท่าไม่ยอมพบท่านขึ้นมาแล้วท่านจะไม่เสียหน้าเอาเป็นการใหญ่หรือ? หากเรื่องนี้แพร่ออกไปแล้วท่านผู้นำตระกูลจะยังมีที่ยืนในโถงวาโยขจีหรือ?”
เมื่อเจียงหยวนได้ยินเขาก็หยุดเท้าลงทันที
เพราะเขานั้นมีอำนาจมากมายในโถงวาโยขจี คนที่คิดอยากเห็นเขาเสียท่าก็มีมากมายเช่นกัน
ส่วนทางด้านเย่หยวนนั้นเป็นแค่เด็กหนุ่มอายุพันกว่าปีที่ตอนนี้กำลังประสบความสำเร็จ มันไม่แปลกอะไรเลยหากคนเช่นนั้นจะหลงตัว
คำพูดของเจียงหัวนี้ฟังดูมีเหตุผล
เจียงหัวนั้นเป็นแค่คนรับใช้ผู้หนึ่ง ต่อให้เขาจะเสียหน้าไปแล้วจะทำไม
คิดมาได้ถึงตรงนี้เจียนหยวนก็อดที่จะรู้สึกซาบซึ้งถึงความภักดีที่อีกฝ่ายมีให้ไม่ได้ เขาคนนี้นึกถึงเรื่องที่เขาไม่ทันคาดในทุกๆ ด้านย่อมทำให้เขาตื้นตันใจมาก
“เช่นนั้นก็ได้ ข้าคงต้องวานเจ้าเดินทางไปแล้ว” เจียงหยวนบอก
อีกฝ่ายที่ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจจนแทบจะลุกขึ้นเต้นแต่ยังคงรักษาท่าทางอ่อนน้อมไว้ได้ “การช่วยแบ่งเบาภาระท่านผู้นักตระกูลนั้นเป็นหน้าที่ข้าอยู่แล้ว”
…
สองชั่วโมงต่อมาเจียงหัวได้กลับมาพร้อมด้วยใบหน้ายับยู่ยี่
เมื่อเจียงหยวนได้เห็นเช่นนั้นเขาก็กล่าวขึ้นด้วยท่าทีอันโกรธเกรี้ยว “เจียงหัว มันเกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อเห็นท่าทางดังนี้เจียงหัวก็ร้องออกมาอย่างน่าสมเพช “อ่า ท่านผู้นำตระกูล ที่ข้าถูกทำร้ายเช่นนี้มันมิใช่เรื่องใหญ่ใดหรอก เพียงแค่… เพียงแค่เย่หยวนคนนั้นมันจะข่มเหงผู้คนมากจนเกินไปแล้ว! ข้าน้อยแค่ไปรายงานชื่อและมอบของขวัญให้แต่มันกลับไม่คิดสนใจโยนของขวัญกลับมาทันที และยังบอก… บอกว่าแค่ผู้อาวุโสโถงวาโยขจีต่ำต้อยมีค่าใดจะมาพบเขา? หากคิดอยากจะพบจริงๆ แล้วก็จงให้เจ้าโถงมาเอง! เย่หยวนคนนั้นยังบอก ยังบอกว่า…”
เจียงหยวนหน้าดำมืดลงทันที “บอกว่า?”
เจียงหัวนั้นตื่นเต้นดีใจอย่างมาก แต่เขาก็ยังคงรักษาท่าทางน่าสมเพชนั้นไว้และพูดต่อไป “มันยังบอกผู้นำตระกูลท่านไม่ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาเสียบ้าง คิดว่าตัวเองเป็นใคร? ยังไม่รู้ฐานะของตนแต่กลับกล้าไปขอพบตัวเขา! ข้าน้อยนั้นพยายามจะเถียงกลับไปอย่างสุดแรงจนถูกทำร้ายมาเช่นนี้ โอ๊ย!”
เขาได้อธิบายถึงตัวเย่หยวนอย่างที่คนหนุ่มที่เหลิงในความสำเร็จมีอย่างแม่นยำ
เจียงหัวย่อมไม่ได้ไปถึงที่พักของเย่หยวน เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเรื่องเช่นนี้เย่หยวนก็คงไม่ทำออกมาในที่สาธารณะ
เขานั้นเดินเข้าไปวนในเรือนหอมปิติรอบหนึ่งก่อนจะไปหาที่หลบซ่อนตัวใช้วิชาลับเปลี่ยนสภาพของตัวเองให้กลายเป็นเช่นนี้
เมื่อกลับมาเขาก็เล่าเรื่องราวให้เจียงหยวนฟังทั้งหมด
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ก็ทำให้บหน้าของเขาก็ยิ่งดำมืดขึ้นเรื่อยๆ
เขานั้นเชื่อในเจียงหัวอย่างมาก มีหรือที่จะคิดได้ว่าอีกฝ่ายนั้นจะมีความคิดร้ายแฝงอยู่
“ดี ดีมาก! แค่ผู้อาวุโสโถงวาโยขจี หึ!” เจียงหยวนกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น
…………………………