Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1951 เรียกระดม
‘อ่อก!’
เมื่อสิ้นเสียงนั้นเย่หยวนก็ต้องกระอักเลือดออกมาคำโตในทันที
เพราะการไหลเวียนของกระแสพลังและกระแสเลือดในร่างกายมนุษย์มันย่อมมีกฎของมันดี
การใช้เข็มทองปักจุดนี้มันจะทำให้คลื่นพลังและกระแสเลือดภายในร่างของคนผู้นั้นไหลย้อนกลับ มันคือการที่กระแสเลือดและพลังชีวิตทั้งหมดถูกบังคับให้ไหลย้อนจากความปกติแน่นอนว่าย่อมสร้างภาระที่หนักหนาให้แก่ร่างกาย
ภายในเวลาที่กระแสพลังชีวิตไหลย้อนกลับนี้มันจะทำให้คนผู้นั้นได้รับความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าเก่าอย่างมากมายแต่หลังจากนั้นมันจะมีเพียงแค่ความตายที่รอคอยพวกเขาผู้ใช้วิธีการนี้
การที่เย่หยวนกระทำเช่นนั้นมันย่อมเท่ากับการแลกชีวิตกับศัตรู ผลที่ตามมามันย่อมเหนือล้ำอย่างไม่อาจต้านทาน
ซูเหมามองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าที่เหยเก “เจ้า… เจ้าบ้าเอ๊ย เจ้าคิดที่จะตายลงตรงนี้แล้วหรือ?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “วางใจเถอะ เรื่องนี้มันย่อมไม่อาจเอาชีวิตข้าได้! กายทองคำสัมบูรณ์นั้นมันแข็งแกร่งกว่าที่เจ้าคาดคิดมาก! ตอนนี้พวกเจ้าทั้งหลายจงหนีให้สุดชีวิตเถิด แต่… พวกเจ้านั้นต้องเร็วกว่าข้าให้ได้!”
‘ปัง!’
เย่หยวนเองก็ไม่คิดรีรอและพุ่งตัวเข้าโจมตีนักฆ่าคนหนึ่งในพริบตา
แค่หมัดเดียวนี้ก็ส่งร่างของคนผู้นั้นลอยปลิวไปได้
จากนั้นเย่หยวนก็ชี้นิ้วมือออกใช้ดัชนีทำลายทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่าย
แต่เย่หยวนก็ไม่คิดจะสนใจสภาพของอีกฝ่ายเขายกร่างนั้นขึ้นมาราวกับมันเป็นหมูหมาและรีบวิ่งตามนักฆ่าอีกคนไป
สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันเปี่ยมไปด้วยพลังแข็งแกร่งมากเหนือกว่าก่อนหน้าอย่างมากมาย
ก่อนหน้านี้ตอนที่สู้กันในเมืองพวกเขาทั้งหลายยังไม่อาจต้านทานเย่หยวนได้ ในเวลานี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
บนเสื้อผ้าของเย่หยวนนั้นเต็มไปด้วยรอยเลือดที่ลากเป็นทาง
ซูเหมาที่เห็นเช่นนั้นย่อมไม่กล้าที่จะอยู่ต่อไป เขาทำได้เพียงแค่รีบพุ่งตัวหายไปในทันที
ส่วนนักฆ่าอีกสองคนนั้นก็มีความคิดไม่ต่างกับเขา เพียงแค่ว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นแยกย้ายกันหนีไปคนละทิศทาง
พวกเขานั้นหวังเพียงแค่ว่าเย่หยวนจะไม่ตามติดไปในทิศทางของตน
เย่หยวนหัวเราะออกมาก่อนจะตามไปถึงตัวนักฆ่าอีกคนได้ในทันที
‘ปึก! ปึก! ปึก!’
สามหมัดถูกปล่อยออกมาเป็นชุดโดยที่หมัดหลังหนักแน่นกว่าหมัดหน้าอย่างมาก
นักฆ่าผู้นั้นตั้งรับได้เพียงชั่วอึดในหน้าอกก็กลายเป็นรูไป
จากนั้นเย่หยวนก็ใช้ดัชนีเดิมพุ่งทลายทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายไป
การกระทำของคนทั้งหลายนั้นมันทำให้เย่หยวนแทบคลั่ง สภาพของเย่หยวนในตอนนี้คือปีศาจคลั่งที่กระหายความแค้นมีหรือที่จะยังมาทำการประนีประนอมใด?
แน่นอนว่าฝีเท้าของเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายนั้นย่อมรวดเร็วเมื่อพุ่งตัวผ่านมิติไปมันย่อมเป็นระยะนับหมื่นกิโลเมตร
ในชั่วพริบตานั้นคนทั้งสองก็ได้พุ่งตัวหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
แต่เย่หยวนนั้นได้ติดปราณเทวะไว้กับตัวคนทั้งสอง หากทั้งสองไม่ได้หนีห่างไปไกลจนออกนอกระยะจริงๆ เย่หยวนย่อมจะสามารถติดตามพวกเขาทั้งสองได้
ตอนที่เย่หยวนเป็นแค่นภาสวรรค์หกดาวเขายังมีความเร็วที่เหนือล้ำจนเทพถ่องแท้สี่ดาวอย่างหยูเหวินเฟิงและพวกยังไม่อาจตามทันได้
ตอนนี้เมื่อเย่หยวนก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์เก้าดาวขั้นสุดแล้วความเร็วในการเคลื่อนย้ายมิติของเขามันก็ย่อมจะพัฒนาขึ้นหลายเท่าตัวจนตามเทพถ่องแท้สองดาวทันได้อย่างง่ายดาย
เหตุผลที่เขาเลือกจะลงมือในพื้นที่นี้มันเป็นเพราะว่าที่นี่เป็นพื้นที่ราบกว้างทำให้เย่หยวนสามารถใช้พลังของเคลื่อนย้ายมิติออกมาได้อย่างเต็มที่
เย่หยวนนำเชือกออกมามัดร่างของนักฆ่าทั้งสองที่นอนแน่นิ่งก่อนจะลากร่างทั้งสองนั้นตามไปด้วย
จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าออกและจางหายไปจากจุดที่ยืน
หลังจากผ่านไปได้ไม่กี่อึดใจเย่หยวนก็ตามไปจับนักฆ่าคนที่สามและทำลายพลังบ่มเพาะของเขาลงก่อนจะมัดเขารวมเข้ากับคนทั้งสองด้วยเชือกเดียวกันนั้น
ตอนนี้ผู้ที่เหลือรอดมันจึงมีแค่ซูเหมาคนเดียว
สภาพของซูเหมาในตอนนี้มันเหมือนสุนัขที่ลืมบ้าน พยายามจะวิ่งหนีให้สุดชีวิต
เขานั้นใช้ปราณเทวะออกมาจนถึงที่สุดพร้อมภาวนาในใจว่าขอให้เย่หยวนหาตัวเขาไม่เจอ
เวลาผ่านไปเรื่อยแต่เขาก็ยังไม่พบเย่หยวนดั่งที่เขาภาวนา
ซูเหมาได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่เขาก็ยังไม่ได้วางใจอย่างสมบูรณ์
“ข้าหนีได้แน่! ข้าต้องหนีได้! มันนั้นใช้วิชากลับกระแสและคงทนทานมันได้ไม่นานนัก ตราบเท่าที่ข้าหลบรอดได้จนถึงเวลานั้นข้าย่อมจะหนีไปได้!”
ซูเหมานั้นร่ำร้องขึ้นในใจ
มีหรือที่สภาพของซูเหมาในตอนนี้จะยังมีเวลาไปคิดเรื่องการตอบกลับหลังเย่หยวนหมดแรง? ตอนนี้สมองของเขานั้นสั่งให้เขาหนีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ในตอนนี้เขาหวังเพียงแค่ให้อีกสองคนที่เหลือถ่วงเวลาไว้ให้มากกว่านั้นหน่อย
แต่ความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นไปดั่งที่เขาหวัง
‘โฮ่ก!’
จู่ๆ ภายในความว่างเปล่าตรงหน้าก็เกิดเสียงมังกรคำรามขึ้น
ซูเหมาหน้าซีดเผือดลงทันทีพยายามยกมือขึ้นมาป้องกันไว้
แต่กรงเล็บมังกรเอกภพนี้มันโจมตีเข้ามาอย่างกะทันหันเกินไปทั้งยังเปี่ยมไปด้วยพลังที่รุนแรงบ้าคลั่ง
‘ปัง!’
คลื่นพลังอันเดือดดาลพุ่งเข้ามาปะทะร่างของซูเหมาจนลอยปลิวไปไกลพร้อมด้วยเลือดที่สาดไหล
ร่างของเย่หยวนค่อยๆ ปรากฏออกมาจากช่องว่างมิติ
เขาหันมองดูซูเหมาด้วยใบหน้าเย็นชา “เจ้า…สมควรตาย!”
ซูเหมาก้มลงคุกเข่าต่อหน้าเย่หยวนอย่างสิ้นหวัง “ข้า…ข้าผิดไปแล้ว! ข้าขอร้องเถอะ ปล่อยข้าไปด้วย!”
“ปล่อยเจ้าไป? แล้วใครจะมาปล่อยชีวิตนักยุทธ์ผู้บริสุทธิ์ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของข้าไป? เจ้าวางใจเถอะ ข้ายังไม่ฆ่าสังหารเจ้าลงตอนนี้แน่ ข้าจะใช้หัวสุนัขของเจ้าเพื่อถวายเซ่นแก่เหล่าผู้คนเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ที่ต้องตายไป!”
พูดไปเย่หยวนก็ง้างกรงเล็บออกมาอีกครั้ง
‘ปัง!’
ซูเหมานั้นถูกตะปบจนร่างแนบติดพื้นก่อนที่เย่หยวนจะทำลายทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาลง
จากนั้นแสงดาบอันเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้น
‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!’
หลังจากนั้นก็เกิดเสียงร่ำร้องกับหมูที่กำลังถูกเชือดดังตามขึ้นมา ตอนนี้เส้นเอ็นแขนขาของพวกซูเหมาทั้งหมดได้ถูกตัดขาดลงแล้ว
พวกเขานั้นถูกทำลายทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์และตัดเอ็นแขนขา ตอนนี้คนทั้งสี่นี้จึงมีสภาพไม่ต่างจากคนพิการที่ไม่อาจทำได้แม้แต่ลุกขึ้นยืน
เมื่อจัดการเสร็จสิ้นเย่หยวนก็ถอนหายใจยาวและร่วงลงไปนอนกองกับพื้นเช่นกัน เพราะร่างกายของเขาในตอนนี้เองก็ไม่อาจจะขยับเคลื่อนไหวได้แล้ว
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่แต่ในที่สุดก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากช่องว่างมิติ
ไป๋ตงมองดูเย่หยวนที่นอนหมดสติและพวกซูเหมาที่นอนร้องระงมอยู่บนพื้นพร้อมถอนหายใจ “ช่างเป็นเด็กที่บ้าคลั่งจริงๆ ข้าล่ะยอมเจ้าเลย!”
พูดจบไป๋ตงก็แบกเย่หยวนขึ้นหลังพร้อมลากพวกซูเหมากลับเข้าไปในช่องว่างมิติอีกครั้ง
…
ภายในเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น ณ ห้องลับในโรงเตี้ยมน้อยๆ แห่งหนึ่ง ตอนนี้หยิงเฟิงกำลังนั่งขมวดคิ้วแน่น
เขานั้นมองดูที่ยันต์สื่อสารที่ได้รับมาและพูดบ่น “เย่หยวนคนนี้ช่างน่าเกรงกลัว! เดินทางไปยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวครั้งนี้มันกลับนำพาเทพถ่องแท้มากมายกลับมาด้วย! ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์น้อยๆ นั้นมันจะมียอดคนเช่นนี้หลบซ่อนอยู่ได้! ดูท่าครั้งนี้ข้าคงต้องเดินทางออกไปเองเสียแล้ว!”
ครึ่งปีมานี้ลู่ซินนั้นติดต่อส่งข้อมูลให้หยิงเฟิงมาตลอด
และก่อนหน้านี้ไม่นานลู่ซินก็ได้ส่งข้อความมาบอกว่าเย่หยวนนั้นได้นำพากลุ่มกองกำลังเทพถ่องแท้มากมายกลับมาจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาว
ตอนนี้จวนเจ้าเมืองนั้นมันถูกล้อมรอบไปด้วยยอดฝีมือเทพถ่องแท้ แค่พวกเขาทั้งหลายนี้มันก็ทำให้การเข้าไปจับกุมเย่หยวนเป็นเรื่องยากเย็นขึ้นอย่างมากแล้ว
เพราะเช่นนั้นหยิงเฟิงจึงได้รู้สึกปวดหัวอย่างมาก
“หนึ่งเทพถ่องแท้หกดาว สามเทพถ่องแท้ห้าดาว ดูท่า… สาขาเก้ามั่นเราจะต้องทุ่มกำลังทั้งหมดออกไปจัดการเรื่องครั้งนี้เสียแล้ว!”
พูดจบหยิงเฟิงก็ได้วางตราขึ้นมาในมือก่อนจะส่งเส้นด้ายไหมสีดำพุ่งทะลวงเข้าไปในห้วงมิติ
ครึ่งเดือนจากนั้นก็มีเงาร่างสีดำปรากฏขึ้นมาตามๆ กันภายในห้องลับนี้
คนทั้งหลายนี้ล้วนเป็นยอดนักฆ่าในสาขาเก้ามั่นนี้ ในยามปกติเวลาแล้วพวกเขานั้นจะแฝงตัวอยู่ในเมืองหลวงจักรพรรดิหรือยอดเมืองหลวงจักรพรรดิต่างๆ การที่พวกเขาจะถูกเรียกมาเช่นนี้มันเป็นอะไรที่หาได้ยากยิ่ง
แต่ในตอนนี้เพื่อการจับกุมเย่หยวน หยิงเฟิงถึงขั้นเรียกคนทั้งหลายนี้มารวมกัน
ในหมู่คนทั้งหลายนั้นผู้อ่อนแอที่สุดเป็นถึงเทพถ่องแท้สี่ดาว
และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นเป็นถึงยอดฝีมือเทพถ่องแท้เจ็ดดาว!
และตัวหัวหน้าสาขาเก้ามั่นนี้ หยิงเฟิงนั้นก็เป็นถึงเทพถ่องแท้แปดดาวด้วย
กองกำลังในระดับนี้มันมากพอที่จะทำลายเมืองหลวงจักรพรรดิลงได้
……………………..