Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2317 สถานการณ์คับขัน!
โอสถบรรพกาลนั้นเบิกตาแพ่งมองเย่หยวนราวกับพยายามคิดประเมินเย่หยวนให้ได้
“ฮ่าๆ มันกี่ปีมาแล้วกัน? จะอย่างไรนี่มันก็เป็นครั้งแรกที่เฒ่าผู้นี้ได้เห็นเจ้าเบิกตากว้างเช่นนี้ ดูท่าเจ้าเองก็คงกลัวจนขวัญหายแล้ว!” มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา
โอสถบรรพกาลนั้นไม่ได้แสดงท่าทางใดๆ ตอบกลับมา เขานั้นแค่จ้องมองดูเย่หยวน
หลังจากผ่านไปอีกพักใหญ่ๆ โอสถบรรพกาลก็ได้หัวเราะขึ้นลั่น “เกมครั้งนี้มันได้ทำให้บรรพกาลผู้นี้ได้เจอผู้คนในเต๋าเดียวกันแล้ว! ทำไมไม่เรียกมันว่า ‘สู่เต๋า’ เล่า?”
ทุกผู้คนที่ได้ยินนั้นต่างพยักหน้าขึ้นมารับ รู้สึกเช่นเดียวกันนั้น
รองมหาปราชญ์นั้นน่ากลัวจนเกินไป!
หลังจากการต่อสู้วันนี้ไปแล้วเย่หยวนคงได้ก้าวขึ้นมาบนยอดเต๋าโอสถเคียงข้างโอสถบรรพกาลและมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล เป็นตัวตนที่อยู่เหนือล้ำฟ้าดินแนวหน้าของโอสถเต๋า
ในศึกนี้เย่หยวนได้สวนกลับและพ่ายแพ้ให้โอสถบรรพกาลไปแค่เส้นผม เรื่องราวนี้มันจะได้กลายเป็นตำนานของเต๋าโอสถที่โด่งดังก้องโลกาอย่างแน่นอน!
ผู้มีเต๋าเดียวกัน มันช่างสมชื่อ!
“สู่เต๋า? หึๆ ก็เหมาะดี เพียงแต่ว่า… ท่านรู้จริงหรือว่าเต๋ามันคือสิ่งใด?” เย่หยวนกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่แฝงนัย
โอสถบรรพกาลที่หัวเราะอยู่ถึงกับต้องผงะหยุดลงขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ท่านเข้าใจมัน”
จนในที่สุดสีหน้าของโอสถบรรพกาลมันก็เปลี่ยนสีไป
“เจ้า… เจ้าแตะถึงฐานแห่งแนวคิด บ้าน่า!” โอสถบรรพกาลร้องขึ้น
“ข้าจะแตะถึงฐานของแนวคิดหรือไม่นั้นข้าเองก็ไม่ทราบได้แจ่มชัด แต่ข้านั้นได้เห็นสิ่งที่ท่านไม่เคยเห็น ผู้แสวงเต๋าเดียวกัน? บางที… ท่านอาจจะยังไม่มีค่าขนาดนั้น”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมาเหล่าบรรพกาลทั้งหลายก็ต้องแตกตื่นขึ้นตามๆ กัน
ในโลกหล้านี้มีคนมากมายแค่ไหนที่อยากขึ้นมาอยู่ในระดับโอสถบรรพกาลแต่ไม่อาจทำได้?
แต่เย่หยวนนั้นกลับบอกว่าโอสถบรรพกาลไม่มีค่าพอจะมายืนเคียงข้างตัวเขา
คำพูดนี้มันน่าตื่นตะลึงจนเกินไป
จะบอกว่าเย่หยวนนั้นโอหังอวดดีหรือ? หรือว่าแท้จริงแล้วเขามีอะไรที่แตกต่าง?
มันมิใช่แค่ตัวโอสถบรรพกาลนั้นแต่แม้เหล่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและบรรพกาลคนอื่นๆ เองก็ยังแสดงสีหน้าท่าทางสนใจขึ้นตามๆ กัน
เต๋านั้นอยู่ที่ใด พวกเขาล้วนแต่อยากรู้สิ้น
คนทั้งหลายในที่นี่นันต้องพวกเขาล้วนขึ้นมาเป็นบรรพกาลได้นานปี มีใครบ้างที่จะไม่อยากเข้าถึงโอสถเต๋าแท้?
เพียงแค่ว่าก้าวย่างนี้มันช่างยากเย็นจนแม้แต่ยอดคนมากพรสวรรค์อย่างโอสถบรรพกาลนี้เองก็ยังติดอยู่ในจุดนี้มานับล้านๆ ปีไม่อาจจะก้าวผ่านไปได้
แต่เจ้าหนุ่มคนนี้กลับมาบอกว่าเขานั้นเห็นถึงมัน มีหรือที่คนทั้งหลายจะไม่ตื่นตะลึง?
โอสถบรรพกาลนั้นหรี่ตาลงมองพร้อมถามขึ้น “เจ้าหนุ่ม เจ้าคิดทำให้เต๋าของข้าปั่นป่วน?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เชื่อหรือไม่ก็เรื่องของท่านเถอะ มันเพียงแค่ว่าข้าและท่านนั้นมีเส้นทางเต๋าที่แตกต่างก็เท่านั้น ผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ไปกันเถอะ”
แต่ก่อนที่คนทั้งหลายจะได้จากไปตัวโอสถบรรพกาลก็พุ่งตัวเข้ามายืนขว้างหน้าไว้
“ไม่อธิบายเรื่องนี้ให้สิ้น วันนี้จะไม่มีใครได้ไปไหนทั้งนั้น” โอสถบรรพกาลกล่าวอย่างหนักแน่น
ความยั่วยวนของเต๋านั้นมันรุนแรงจนเกินไป ต่อให้จะเป็นโอสถบรรพกาลเองก็คงไม่อาจจะต้านมันได้
หากเย่หยวนไม่พูดมันก็ยังไม่เท่าใด แต่เมื่อเขาพูดออกมาแล้วมันย่อมทำให้คนทั้งหลายปั่นป่วนไปทั้งใจ โดยเฉพาะตัวตนสูงส่งอย่างโอสถบรรพกาลนั้น มีหรือที่เขาจะปล่อยให้ไปง่ายๆ?
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลที่ได้ยินก็ยิ้มตอบกลับมา “เจ้าเฒ่า ในเต๋าโอสถนั้นข้าไม่เก่งกาจเท่าเจ้า แต่ในเต๋ายุทธนั้นข้าไม่คิดกลัวเจ้าแม้แต่น้อย! หากเจ้าอยากให้อาณาจักรทหัยเมฆานี้แตกสลายลงก็เชิญลงมือเลย!”
ในเต๋ายุทธนั้นทั้งโอสถบรรพกาลและมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นต่างเป็นเจ้าฟ้าดินสิ้น มีกำลังรุนแรงเหนือฟ้าดิน
หากยอดฝีมือในระดับนี้ลงมือแล้ว มีหรือที่อาณาจักรทหัยเมฆามันจะรับแรงปะทะไหว?
โอสถบรรพกาลหรี่ตาลงตอบ “หากมันหายก็ให้มันหายไป บรรพกาลผู้นี้จะสร้างมันขึ้นมาใหม่ไม่ได้หรือ? วันนี้เจ้าเด็กคนนี้มันต้องอธิบายเรื่องราว!”
ในวินาทีนี้บรรยากาศมันหนักหน่วงเปี่ยมล้นอันตราย
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นขมวดคิ้วแน่นดูท่าแล้วโอสถบรรพกาลจะตั้งใจเอาจริง
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองมันก็เกิดรอยแตกแยกขึ้นบนท้องฟ้าเหนือหัวคนทั้งหลาย
พร้อมๆ กันนั้นมันก็ปรากฏหลายต่อหลายเงาร่างเดินก้าวออกมาจากรอยแยกมิตินั้น
และหากมองดูดีๆ มันจะพบว่าเงาร่างที่ปรากฏออกมานั้นมิใช่เงาร่างของผู้คนแต่เป็นเงาร่างของสัตว์ร้ายท่าทางดุดัน
และหมู่สัตว์ร้ายนั้นมันก็นำมาโดยกลุ่มยอดฝีมือที่มีหน้าตาเหมือนมนุษย์
เพียงแค่ว่าคลื่นพลังที่ออกมาจากร่างของพวกเขาทั้งหลายนั้นมันแตกต่างจากมนุษย์ไป
เย่หยวนสั่นสะท้านไปทั้งกายเมื่อได้เห็นคนทั้งหลายนี้ ดวงตาของเขานั้นจับจ้องไปที่พวกเขาทั้งหลาย
เพราะคลื่นพลังเช่นนี้มันช่างคุ้นตาเย่หยวน
นี่มันเผ่าเทวาและมารนรก!
ทำไมเผ่าเทวามันจึงปรากฏออกมารวดเร็วนัก?
“ทำไมพวกมันถึงได้ปรากฏตัวออกมารวดเร็วเช่นนี้? ที่สำคัญมันควรจะถูกผนึกอยู่ในมิตินรกโดยเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายของเผ่าอสูรนั้น ทำไมมันจึงได้ปรากฏตัวขึ้นมาบนมหาพิภพถงเทียนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้?” เย่หยวนได้แต่ต้องร้องขึ้น
เผ่าเทวาและมารนรกนั้นมันปรากฏขึ้นมาอย่างน่าตกตะลึงจนเกินไป
เวลานี้ทั้งอาณาจักรทหัยเมฆานั้นมันถูกล้อมไว้สิ้น เหล่ายอดฝีมือการโอสถทั้งหลายต่างถูกล้อมไว้เหมือนปลาในข้อง มันเป็นสัญญาณที่ไม่ดีอย่างมาก
ผู้ที่นำกลุ่มกองกำลังมาในเวลานี้มันคือชายผมเหลืองทองผู้หนึ่ง
ชายผู้นี้ยืนมือไพล่หลังด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยามคนทั้งโลกหล้า
เขานั้นไม่ได้จงใจปล่อยพลังกดดันใดๆ ออกมาแต่เย่หยวนก็สัมผัสได้ว่าเขานี้มีคลื่นพลังคล้ายคลึงกับเทียนเหอผู้นั้น
เขาจะต้องเป็นยอดฝีมือระดับบรรพบุรุษ!
เย่หยวนนั้นพยายามคิดอยากถึงที่สุด การที่เผ่าเทวามาถึงที่นี้ได้มันย่อมจะเป็นแผนการที่ยาวนานแน่นอนแล้ว
“หึๆ พวกเจ้าทั้งหลายดูท่าครึกครื้นกันเสียจริง!” ชายผมเหลืองทองผู้นั้นกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะ
เพียงแค่ว่าน้ำเสียงนั้นมันเปี่ยมล้นไปด้วยความดูถูก
โอสถบรรพกาลนั้นต้องขมวดคิ้วแน่นกล่าวขึ้น “พวกเจ้าทั้งหลายเป็นใครมาจากไหน? กล้ามารบกวนอาณาจักรทหัยเมฆาข้านั้นเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วหรือ?”
โอสถบรรพกาลนั้นรู้สึกได้ถึงภัยร้ายแรงจากชายผมเหลืองทองผู้นี้
เพราะฉะนั้นเขาจึงกล่าวเตือนขึ้นมาแทนที่จะลงมือทันที
ดูท่าแล้วตัวโอสถบรรพกาลเองก็จะไม่ได้รู้ถึงตัวตนของเผ่าเทวา
ชายผมเหลืองทองผู้นี้ไม่ได้คิดสนใจโอสถบรรพกาลและหันหน้ามามองดูเย่หยวนในกลุ่มคน
เรื่องนี้มันทำให้ขนของเย่หยวนต้องลุกตั้งไปทั้งกาย แทบไม่อาจหายใจได้
สายตานี้มันน่ากลัวจนเกินไป!
“เด็กน้อย เจ้าบอกพวกมันสิว่าบรรพกาลผู้นี้คือใคร” ชายผู้นั้นกล่าวขึ้น
นั่นทำให้สายตาของคนทั้งหลายหันมามองดูเย่หยวนรอคำตอบ
มีเสียงหนึ่งถามขึ้น “รองมหาปราชญ์ ท่านรู้หรือว่าเจ้าพวกคนไร้มารยาทอวดดีทั้งหลายนี้มันเป็นใคร?”
เย่หยวนนั้นไม่ได้ตอบกลับไป เขานั้นแค่จ้องมองกลับไปยังชายผมเหลืองทองผู้นั้น “เจ้าเป็นคนตระกูลสายเลือดใด?”
ชายผมเหลืองทองนั้นหัวเราะขึ้นมา “บรรพกาลผู้นี้คือบรรพบุรุษที่สามของตระกูลสายเลือดลึกนามหยวนเว่ย เด็กน้อย เจ้านั้นเก่งกาจดีจริงๆ ถึงกับสามารถทำร้ายเจ้าเด็กหยวนเจี่ยวนั้นมันจนอาณาจักรบ่มเพาะร่วงลงไปเป็นแค่เทพสวรรค์ เก่งกาจจริง! บรรพกาลผู้นี้จะขอถามเจ้า เจ้าจะยอมก้มหัวให้เผ่าเทวาเราหรือไม่?”
เย่หยวนหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยิน ชายผมเหลืองทองผู้นี้ลับเป็นถึงบรรพบุรุษของตระกูลสายเลือดลึก!
และเจ้าตระกูลสายเลือดลึกนี้มันกลับปรากฏขึ้นมาบนมหาพิภพถงเทียนได้อย่างไร้ข่าวคราวใดๆ มีหรือที่เย่หยวนจะไม่ตื่นตะลึง?
เพียงแค่ว่าตอนนี้อารมณ์ที่เย่หยวนมีมากที่สุดมันคือความโกรธแค้น
เพราะคนที่เอาตัวเยวี่ยเมิ่งลี่ไปนั้นมันก็คือตระกูลสายเลือดลึกนี้เอง!
ครึม!
คลื่นพลังความโกรธแค้นปะทุขึ้นจากร่างของเย่หยวน
สองตาของเขานั้นเบิกขึ้นอย่างรุ่มร้อนจนแทบลุกเป็นไฟ “ยอมก้มหัว? แค่เผ่าพันธุ์ขยะของเจ้านี้? หึๆ เผ่าเทวา… ข้าล่ะไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเจ้ากล้าเรียกตนเองเช่นนั้นได้อย่างไร! ส่งลี่เอ๋อมา ไม่เช่นนั้นสักวันข้าจะล้างบางเผ่าเทวาของเจ้าให้สิ้น!”
หยวนเว่ยไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองใดๆ ออกมา “บุตรีเทวะนั้นมีพรสวรรค์มากล้น เมื่อนางมาอยู่ต่อหน้าเจ้าอีกครั้งแล้วเจ้าจะต้องได้ตกตะลึง!”
“มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
“พวกเขาพูดถึงเรื่องใด? เผ่าเทวา บุตรีเทวะ ข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อน!”
“จะยังยืนบ้าอะไรกันอยู่? ดูอย่างไรพวกมันก็ไม่ได้มาดี รีบๆ กวาดล้างมันไปเสียเถอะ!”
…
เมื่อไม่ได้รู้ถึงความเก่งกาจของเผ่าเทวา คนทั้งหลายต่างก็ไม่คิดลังเลและพุ่งตัวเข้าหาอีกฝ่ายทันที
……………….