Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2437 ความยิ่งใหญ่ของนักบุญฟ้าคราม!
“ท่านคิดจะท้าให้ข้ารับดาบจากท่าน? ฮ่าๆๆ ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นทำเอาหลินฮวนนี้ต้องยอมรับเลย! เอาเป็นว่า… ไม่ต้องดาบเดียว สักสิบดาบเป็นอย่างไรเล่า?”
หลังจากหลินฮวนได้ยินคำของเย่หยวนเขาย่อมจะต้องหัวเราะลั่นขึ้นมา
ศักดิ์ศรีของมดปลวกนี้มันช่างน่าขำ!
นักบุญฟ้าครามนั้นถูกคนนับพันๆ ยกย่องแต่แล้วมันทำไม?
สุดท้ายแล้วเย่หยวนนั้นก็เป็นแค่เด็กหนุ่มที่ยังไม่มีแรงกำลัง
ต่อหน้ายอดฝีมือที่แท้จริงอย่างเขานั้น ศักดิ์ศรีใดๆ มันย่อมจะไร้ค่า
ต่อให้เจ้าจะสร้างยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองแล้วมันจะทำไม?
เวลามันเปลี่ยนไปแล้ว!
แต่เย่หยวนนั้นกลับตอบกลับมา “ไม่ต้องหรอก ดาบเดียวก็พอแล้ว! หากเจ้าพ่ายก็ไสหัวไปจากหน้านักบุญผู้นี้ หมาดีๆ มันเชื่อฟังคำสั่งคน”
หลินฮวนหรี่ตาลงตอบด้วยรอยยิ้ม “หากข้าแพ้ข้าย่อมจะไปแน่!”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “อืมๆ เป็นหมาที่ดี!”
“ฮึ…”
คนทั้งหลายแทบหลุดหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน
หลินฮวนยิ้มตอบกลับไป “อย่าเพิ่งแน่ใจไป! ค่อยมาพูดกล่าวหลังทำร้ายข้าได้ก่อนเถอะ!”
เย่หยวนตอบกลับไป “อืม เช่นนั้นเจ้าก็รับมันให้ดี อย่าได้มาอ้างว่าไม่ทันตั้งตัวแล้วกัน”
พูดไปเย่หยวนก็ชักเอาธนูสาบานสังหารเทพออกมา
พลังของเครื่องรางเต๋าถูกหยิบมาใช้อีกครั้ง!
แต่ว่าในครั้งนี้คลื่นพลังที่ธนูสาบานสังหารเทพปล่อยออกมามันกลับไม่อาจเทียบเคียงกับครั้งก่อนๆ ได้
คลื่นพลังของมันนี้ทำให้คนทั้งหลายขนลุกทั่วกาย
ในเวลานี้เย่หยวนเริ่มได้สร้างชีวิตขึ้นในโลกของตนเองและเข้าสู่อาณาจักรการกำเนิด กำลังของเขานั้นย่อมจะเหนือล้ำกว่าเจ้าฟ้าดินหนึ่งทลายทั่วไปนัก
มาถึงระดับของเย่หยวนนี้ ความเข้าใจต่อเต๋าสวรรค์มันย่อมจะมากล้ำจนไม่อาจบรรยาย
อาณาจักรบ่มเพาะของเขาและกำลังฝีมือของเขานั้นมันมากพอที่จะดึงพลังที่แท้ของเครื่องราวเต๋าออกมาแล้ว
เวลานี้มันมีแสงอ่อนๆ สาดส่องออกมาจากธนูสาบานสังหารเทพ
พลังของมันนั้นเหมือนราวกับสวรรค์ลงมาจุติตรงหน้า
ในโถงกำเนิดตรัสรู้นั้นเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายต่างผงะไปตามๆ กัน
“นั่นมันคือธนูสาบานสังหารเทพของเทพธนู! ไม่นึกเลยว่าของเช่นนั้นมันกลับจะตกอยู่ในมือเย่หยวนได้!” เต๋าบรรพกาลน้ำกล่าวขึ้น
“ก่อนนั้นเทพธนูเคยใช้ศรยิงทะลุฟ้าทำเทียนเหอบาดเจ็บสาหัสก่อนจะผนึกมันลง ดูท่าพลังของเย่หยวนในตอนนี้เขาคงสามารถดึงพลังที่แท้ของธนูสาบานสังหารเทพออกมาใช้ได้แล้ว! พวกเจ้าสัมผัสได้หรือไม่? แม้ว่าอาณาจักรบ่มเพาะของเย่หยวนนั้นจะเพิ่งบรรลุเจ้าฟ้าดินมาแต่ความหนาแน่นของปราณนั้นมันกลับไม่ด้อยกว่าเจ้าฟ้าดินสองทลาย! ข้าไม่รู้เลยจริงๆ ว่ามันเป็นวรยุทธบ่มเพาะเช่นใดจึงทำให้เกิดพลังระดับนี้ขึ้นมาได้!” เต๋าบรรพกาลชีวิตกล่าว
เหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายจึงได้หันไปมองตามและพบว่ามันเป็นอย่างที่เต๋าบรรพกาลชีวิตว่า ปราณของเย่หยวนนั้นมันหนาแน่นและหนักหน่วงกว่าปกติไปมาก
ต่อให้จะเป็นหลินฮวนนั้นเองก็ยังไม่อาจเทียบเคียงเย่หยวนได้
แม้ว่าคลื่นพลังของเขาจะรุนแรงแต่ในเรื่องความหนาแน่นของปราณเทวะแล้วเขาย่อมจะไม่อาจจะเทียบใดๆ กับเย่หยวนได้
มันเหมือนกองทรายกับกำแพงปราสาท!
มันมีความแตกต่างอย่างมากมายในปราณเทวะของคนทั้งสอง!
ปราณเทวะเช่นนี้กอปรกับพลังแนวคิดแห่งมิติเวลามันย่อมจะมากพอให้เย่หยวนเอาชนะเจ้าฟ้าดินสามทลายอย่างหลินหลางได้
“ดาบจงมา!”
เย่หยวนกล่าวเรียกขึ้นภายใต้พลังของมิตินั้นมันจึงได้ปรากฏดาบแสงขึ้นในมือของเย่หยวน
อากาศเย็นเยือกแผ่ไปทั่ว!
ตั้งแต่บรรลุขึ้นอาณาจักรการกำเนิดพลังของดาบแห่งมิติเวลามันก็ไม่อาจจะเอาไปเทียบกับตอนอาณาจักรมหาพิภพได้
เครื่องรางเต๋าที่ใช้พลังเต็มทีผสานเข้ากับดาบแห่งมิติเวลามันย่อมจะเป็นไม้ตายที่รุนแรงที่สุดของเย่หยวนแล้ว!
คนทั้งหลายนั้นต่างสั่นสะท้านไปในทันทีที่ได้เห็นคลื่นพลังของเย่หยวนนี้
ไม่มีใครคิดคาดว่าเย่หยวนที่เพิ่งบรรลุอาณาจักรเจ้าฟ้าดินกลับจะแข็งแกร่งปานนี้
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินฮวนนั้นมันค่อยๆ จางหายไป
สิ่งที่เข้ามาแทนที่ความจริงจัง
แน่นอนว่าดาบนี้ของเย่หยวนย่อมจะไม่อาจสังหารเขาลงได้
แต่หากพลาดไปเพียงนิดแล้ว ตัวเขาก็คงต้องบาดเจ็บเป็นแน่!
ในเวลานี้หลินฮวนได้แต่รู้สึกพลาดที่ตัวเองตัดสินใจอย่างไม่รอบคอบ
เพียงแค่ว่าใครจะไปคาดคิดว่าเด็กหนุ่มที่เพิ่งบรรลุอาณาจักรเจ้าฟ้าดินกลับจะมีพลังที่เหนือล้ำฟ้าดินปานนี้?
เย่หยวนดึงง้างธนูขึ้นก่อนจะติดดาบลงไป “เจ้าดูกลัวๆ นะ? ตบหน้าตัวเองสองคราและยอมรับผิดเสีย ข้าจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นให้ก็ได้”
หลินฮวนตอบกลับมาด้วยใบหน้าเหยเก “บ้าบอ! ข้าจะไปกลัวอะไร? มาสิ!”
พูดจบตัวหลินฮวนก็ปล่อยคลื่นพลังรุนแรงออกมาจากร่างกาย
แนวคิดธาตุไม้นั้นมันพุ่งทะยานออกมาอย่างบ้าคลั่ง
คลื่นพลังชีวิตที่หนักแน่นผสานเข้ากับพลังโลกเข้าครอบตัวหลินฮวนไว้
เขาร้องตอบ “มาเลย!”
คนทั้งหลายได้แต่ต้องมองดูภาพนี้อย่างไม่อยากเชื่อ ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่หยวนนั้นกลับจะดึงให้หลินฮวนต้องเอาจริงได้!
เจ้าฟ้าดินห้าทลายนั้นพลังปล่อยพลังป้องกันออกมาเต็มที่ มันต้องเป็นการป้องกันที่หนาแน่นปานใด?
ในเวลานี้มันเหมือนได้มีเขาใหญ่ลงมาปิดด้านหน้าหลินฮวนไว้
ใครคิดอยากทำลายเขาใหญ่นี้ลงและทำร้ายร่างของหลินฮวน มันย่อมเป็นได้แค่เรื่องตลก
เย่หยวนหัวเราะขึ้น “ดูท่าเจ้าจะพร้อมแล้ว เช่นนั้นข้าบุกล่ะ!”
พูดจบแล้วเย่หยวนก็ย่างเท้าถอยพร้อมดึงธนูจนงอ
คลื่นพลังจากตัวเย่หยวนนั้นมันมีแต่จะยิ่งพุ่งทะยานมากขึ้นเรื่อยๆ!
การง้างธนูนั้นมันคือการสะสมพลังแต่เดิม
เมื่อมันถูกดึงจนตึงแล้ว มันย่อมจะหมายถึงพลังที่มากที่สุดเท่าที่มันจะปล่อยได้
แต่ก่อนๆ มานั้นเย่หยวนไม่เคยจะได้ง้างธนูสาบานสังหารเทพจนเต็มคันเช่นนี้
เกิดพลังปะทุขึ้น!
ต่อให้หลินฮวนจะเตรียมตัวไว้แค่ไหนตัวเขาก็ยังสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังหนักแน่นตรงหน้านี้
แต่เย่หยวนนั้นยังไม่หยุด
จนสุดท้ายสายธนูมันก็ถูกดึงจนโก่งเต็มที่
ง้างสุดคัน!
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หยวนจะได้ใช้พลังเต็มที่ของธนูสาบานสังหารเทพ!
ฟุบ!
เย่หยวนปล่อยนิ้วออกปล่อยให้ดาบแห่งมิติเวลาหายวับไป
มิติตรงหน้านั้นมันถูกฉีกออกเหมือนเป็นแค่กระดาษ
ดาบนี้มันเฉียบคมเกินไป!
ฉัวะ!
คลื่นปะทะเกิดขึ้นในวินาทีเดียวกันนั้น ดาบแห่งมิติเวลาได้เข้าชนกับกำแพงป้องกันของหลินฮวน
หลินฮวนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย พร้อมร่นถอยมาอย่างไม่อาจห้าม
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว… ร้อยก้าว!
ดาบแห่งมิติเวลานี้มันปักลงในพลังโลกของหลินฮวนจนแทบฉีกพลังโลกที่ผสานแนวคิดธาตุไม้ของเขาลง
“พลังแห่งภูติไม้ จงกำเนิด!”
หลินฮวนนั้นร้องลั่นขึ้นมาก่อนจะปล่อยพลังทำให้เกิดรากไม้มากมายขึ้นจากอากาศเข้ามาปิดรับตรงหน้าของตนไว้
เพียงแค่ว่าต่อหน้าดาบแห่งมิติเวลานี้ต้นไม้ใหญ่ใดๆ มันก็ไม่ต่างจากแผ่นกระดาษ
ต้นไม้ยักษ์นั้นมันงอกขึ้นมาอย่างไม่มีหยุดยั้งพยายามลดทอนพลังของดาบแห่งมิติเวลา
หลินฮวนนั้นยังคงต้องก้าวถอยมาเรื่อยๆ!
จนสุดท้ายเขาก็ถอนไปราวพันก้าวกว่าที่พลังของดาบแห่งมิติเวลามันจะเลือนหายไป
เวลานี้ปากทางเข้าเทือกเขามันเละไม่มีชิ้นดี
คนที่ได้เห็นการต่อสู้นี้ย่อมจะต้องอ้าปากค้างขึ้นมาตามๆ กัน
ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่หยวนนั้นกลับทำให้เจ้าฟ้าดินห้าทลายหลินฮวนต้องตกที่นั่งลำบากขนาดนี้ได้
แม้ว่ามันจะเป็นเวลาแค่ไม่กี่วินาทีแต่หลินฮวนก็ได้ใช้พลังป้องกันออกมาอย่างสุดตัว
เย่หยวนนั้นกลับสามารถใช้ดาบเดียวนี้บังคับให้เจ้าฟ้าดินห้าทลายคนหนึ่งถอยกลับไปได้นับพันก้าว
กำลังของเขานี้มันช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง!
“นี่… นี่มันคือพลังของนักบุญฟ้าคราม? น-น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“นั่นมันคือดาบแห่งมิติเวลาที่เลื่องลือ! ไร้ดาบชนะมีดาบได้! ช่างเป็นวิชาที่เหนือล้ำจริง!”
“นักบุญฟ้าครามนั่นเพิ่งจะขึ้นอาณาจักรเจ้าฟ้าดินมาได้ หากวันหนึ่งเขาพัฒนาไปจนถึงที่สุดแล้วเราจะยังต้องกลัวเผ่าเทวาใดอีก?”
…
ในเงามืดนั้นมันมีเสียงร้องขึ้นอย่างตื่นตะลึงมากมาย
…………………………