Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2531 เจ้ามันป่วย!
โถงหทัยธวัล ที่แห่งนี้มันคือที่อยู่อาศัยของนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหนึ่งกู่เม่า ผู้ที่เป็นแหล่งผลิตโอสถให้แก่ตระกูลถัง
กู่เม่านั้นเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหนึ่งผู้มีตำแหน่งสูงส่งแม้จะเอาเขาไปเทียบกับนักหลอมโอสถสวรรค์ทั้งอาณาจักรตะวันออกก็ตาม
ต่อให้เขานั้นจะมีฐานะเป็นคนงานของตระกูลถังแต่แท้จริงแล้วตัวเขามีตำแหน่งเทียบเคียงกับผู้นำตระกูลถังทีเดียว
ต่อให้เป็นถังจินหัวเองก็ยังไม่กล้าจะมาชี้หน้าสั่งกู่เม่าเช่นกัน
ในเมื่อเย่หยวนคิดอยากเปิดหูเปิดตาด้านวิชาการโอสถสวรรค์แล้ว ถังหยูจึงได้คิดพาเขามาหากู่เม่านี้
ในโถงใหญ่เวลานี้กู่เม่ากำลังสั่งสอนวิชาให้แก่เหล่าศิษย์ทั้งหลาย
บนฝ่ามือของเขานั้นมันมีไฟสีฟ้าครามลุกขึ้นแรงกล้า
พร้อมๆ กันนั้นสมุนไพรสวรรค์ชิ้นหนึ่งมันก็ถูกไฟนั้นเผาหลอมอยู่
“การจะหลอมหญ้ากระดูกมังกรนั้นมันต้องแบ่งเต๋าไฟออกไปให้ทั่ว พร้อมๆ กันนั้นเจ้าเองก็ยังต้องใช้พลังส่วนหนึ่งของกฎและเผาทำลายส่วนที่เป็นของเสียทิ้งไป…”
กู่เม่านั้นกล่าวสอนไปพร้อมหลอมไปด้วยท่าทางสุดแสนสบาย
ส่วนเหล่าศิษย์ทั้งหลายนั้นต่างจ้องมองดูอาจารย์อย่างชื่นชม
การที่จะสามารถหลอมสมุนไพรสวรรค์ได้ด้วยท่าทางสบายๆ เช่นนี้ มันช่างสมชื่อว่าเป็นอาจารย์กู่เม่าจริงๆ!
วินาทีต่อมากู่เม่าก็หุบฝ่ามือลงก่อนจะดับเต๋าไฟจนสิ้น
เวลานี้หญ้ากระดูกมังกรนั้นมันได้กลายเป็นก้อนเรียบร้อยแล้ว
เขานั้นหันมามองที่ถังหยูก่อนจะกล่าวขึ้นมา “นายน้อยถังมาถึงนี่มีธุระใดหรือ?”
ถังหยูก้มหัวลงคารวะกู่เม่าก่อนจะกล่าวขึ้นมา “อาจารย์กู่ สหายของข้าผู้นี้สนใจในโอสถสวรรค์อย่างมากข้าจึงได้คิดพาเขามาเรียนรู้กับท่าน อาจารย์กู่จะช่วยเหลือสั่งสอนเขาสักหน่อยจะได้หรือไม่?”
“ผู้บรรลุสวรรค์?” กู่เม่าขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“น้องถัง เจ้ากลับพาเอาผู้บรรลุสวรรค์มาเรียนวิชาโอสถหรือ? นี่คิดจะมาเหยียบป้ายสำนักอาจารย์ข้าหรืออย่างไร?”
“หึๆ น้องถัง เจ้าคิดมาเล่นตลกแล้ว? ผู้บรรลุสวรรค์จะหลอมโอสถ?”
“แค่ดูก็รู้แล้วว่ามันเพิ่งจะบรรลุขึ้นมาได้ นี่มันคิดจะมาหลอมโอสถหรือว่าจะมาดูไฟกันเล่า?”
…
วินาทีที่ถังหยูกล่าวขึ้นมานั้นมันก็ทำให้เกิดเสียงหัวเราะลั่นจากกลุ่มศิษย์
ผู้บรรลุสวรรค์นั้นกลับคิดมาหลอมโอสถ มันไม่ต่างอะไรจากการที่หมูอยากปีนต้นไม้ เป็นสิ่งที่จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้
ผู้บรรลุสวรรค์มากมายนั้นไม่เชื่อคำบอกเล่าของผู้คนและคิดอยากกลายเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นได้แค่ตัวตลก
ดูท่าแล้วเจ้าผู้บรรลุสวรรค์คนนี้เองก็คงไม่เชื่อในคำที่ผู้คนกล่าว
ได้เห็นสีหน้าของกู่เม่านั้นถังหยูก็ได้แต่ต้องกัดฟันแน่นก่อนจะรีบแก้ตัวขึ้นมา “อาจารย์กู่ สหายของข้าผู้นี้แค่คิดอยากจะเปิดหูเปิดตาเท่านั้น เขาแค่จะนั่งฟังท่านสั่งสอนว่าตัวเองจะทำได้บ้างหรือไม่ก็เท่านั้น”
กู่เม่าหัวเราะตอบกลับไป “เจ้าขยะนี่มันจะมานั่งฟังให้เสียเวลาไปทำไม? ต่อให้มันจะนั่งฟังจนทะเลเหือดหินสลายมันก็คงไม่มีทางเข้าใจถึงเหตุผลต่างๆ ได้เช่นกัน! นายน้อยถัง ท่านเองก็มาจากตระกูลมีการศึกษา เรื่องแค่นี้ท่านจะไม่เข้าใจหรือ?”
ถังหยูนั้นได้แต่ทำหน้าเหยเกตอบกลับไป เขานั้นรู้ดีว่าผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไร แต่มีหรือที่เขาจะกล้าขัดคำขอของเย่หยวนได้?
เขานั้นได้แต่ต้องลอบมองดูหน้าเย่หยวนแต่พบว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้โกรธเคืองใดๆ เขาจึงถอนใจยาวอย่างโล่งอก
แต่กู่เม่านั้นไม่คิดสนใจท่าทางแปลกๆ ของถังหยูใดๆ และหันไปกล่าวกับเย่หยวน “เด็กน้อย หากเจ้ามีเวลามากนักก็เอาไปบ่มเพาะเสียจะไม่ดีกว่าหรือ?! สวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนี้มันมิใช่โลกเบื้องล่างของเจ้าอีกแล้ว! ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นสุดยอดฝีมือวิชาการโอสถสักแค่ไหนในโลกเบื้องล่างแต่พอขึ้นมาแล้วเจ้ามันก็เป็นได้แค่แมลง! แมลงทั่วๆ ไปที่ไม่มีพิษภัยใดๆ ด้วยซ้ำ!”
กู่เม่านั้นกล่าวออกมาเช่นนี้มันก็ถือเป็นการไว้หน้าถังหยูมากแล้ว
เพราะจะอย่างไรตระกูลถังก็ดูแลเขามานานหลายปี
จะทำอะไรนั้นมันก็ต้องนึกถึงหน้าของกันและกันไว้บ้างเขาจึงไม่ได้เดือดดาลใดๆ ขึ้นมากนัก
หากเป็นผู้บรรลุสวรรค์ทั่วๆ ไปมาทำตัวเช่นนี้แล้ว เขาคงลงมือไล่ไปด้วยตัวเอง
“เจ้ามันป่วย!” แม้จะโดนว่าสักแค่ไหนแต่เย่หยวนก็เงียบปากมาตลอดแต่ในเวลานี้เขากลับกล่าวคำพูดที่ไม่มีใครคาดฝันนี้ขึ้นมา
สีหน้าของคนทั้งหลายเปลี่ยนสีไปทันที
ถังหยูนั้นรู้สึกสั่นสะท้านจนแทบจะสิ้นสติลงตรงนั้น
เขาได้แต่ต้องอ้าปากขึ้นมาแต่มันก็ไม่ทันที่จะห้ามปรามใดๆ แล้ว
‘ให้ตาย! ก็รู้อยู่แล้วว่ามันคงมิใช่เรื่องดี! พี่ข้าคนนี้ เจ้าคิดจะสังหารข้าลงหรืออย่างไรกัน?’ ถังหยูได้แต่ร่ำร้องขึ้นมาในใจ
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” กู่เม่าหรี่ตาลงอย่างดำมืด
“ข้าบอกว่าเจ้ามันป่วย!” เย่หยวนตอบไป
จบสิ้นแล้ว!
มันจบสิ้นแน่แล้ว!
เท่านี้ทางอาจารย์กู่เม่านั้นก็คงไม่ปล่อยเรื่องผ่านไปอีกแล้ว!
“ท-ท่านพี่ ส-สังหารข้าลงเถอะ! หากท่านไปทำให้ท่านกู่เม่าโกรธเคืองจนเขาไม่อยากทำธุรกิจกับตระกูลข้าแล้ว ตระกูลถังข้าคงฉิบหายเป็นแน่!” ถังหยูกล่าวขึ้นมาพร้อมคุกเข่าลงต่อหน้าเย่หยวน
กู่เม่านั้นเป็นตัวตนยิ่งใหญ่นับได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของตระกูลถัง หากเขาเลิกคบค้ากับตระกูลถังแล้วพวกเขาก็คงเรียกได้ว่าฉิบหายไปครึ่งตัว
หากเป็นเช่นนั้นก็สังหารเขาให้ตายลงไปเสียดีกว่า!
ต่างฝ่ายนั้นต่างเป็นคนใหญ่คนโต ถังหยูไม่อาจจะลบหลู่ใครได้แม้สักคน เวลานี้ถังหยูที่ไร้พลังนั้นจึงได้แต่ต้องก้มลงขอร้อง
“โอหังนัก! มดปลวกผู้บรรลุสวรรค์เช่นนี้มันก็กล้ามาด่าว่าอาจารย์หรือ!”
“ดูท่าเจ้าจะอยากตายเสียแล้ว!”
“รีบๆ ขอโทษเสีย เราอาจจะยังพอไว้ชีวิตเจ้าได้!”
…
ศิษย์ทั้งหลายของกู่เม่านั้นต่างร้องลั่นขึ้นมาปกป้องอาจารย์ จ้องมองเย่หยวนด้วยสายตาราวกับจะถลกหนังกิน
อาจารย์กู่นั้นคือใคร?
แม้แต่ผู้นำตระกูลถังอย่างถังจินหัวเองก็ยังไม่กล้าจะลบหลู่ตัวเขา
แต่ผู้บรรลุสวรรค์ผู้นี้มันกลับกล้ามาเรียกเขาว่ามีตรรกะป่วย!
เมื่อกู่เม่าได้ยินเช่นนั้นเขาก็ตอบกลับมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เจ้าคนโอหัง! เจ้าน่ะสิที่สมองป่วย! ถังหยู หากวันนี้เจ้าไม่อธิบายให้เฒ่าคนนี้ฟังอย่างสมเหตุสมผลแล้วธุรกิจที่ข้าตกลงไว้กับตระกูลถังมันถือว่าจบสิ้นกัน!”
ดวงตาของถังหยูนั้นเบิกกว้างขึ้นมาแทบจะสิ้นสติลงตรงนั้น
เขานั้นเข้าไปกอดขาของเย่หยวนก่อนจะกล่าวขึ้นมา “ท่านพี่ หากท่านยังไม่พอใจอะไรก็สังหารข้าลงเสียเถอะ! ขอแค่ท่านปล่อยตระกูลถังเราไป!”
เป็นเช่นนี้แล้วเขาย่อมจะคิดว่าเย่หยวนนั้นคิดมาเพื่อทำลายตัวเขาเท่านั้น มีหรือจะสนใจโอสถสวรรค์ใด?
เย่หยวนนั้นก้าวเข้ามาถึงก็ท้าทายอาจารย์กู่อย่างไม่สนใจอะไร
เช่นนี้แล้วมันยังจะมองเป็นอย่างอื่นไปได้หรือ?
แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดสนใจถังหยูและตอบกลับกู่เม่าไป “การควบคุมไฟของเจ้านั้นมันอาจจะดูเหมือนทำเรื่องง่ายๆ ก็จริงแต่แท้จริงนั้นเจ้ากลับต้องเสริมแรงระหว่างทำไปหลายครั้ง สภาพเช่นนั้นมันคงเกิดขึ้นเพราะพิษไฟกำลังปั่นป่วนในร่างกาย หากข้าเดาไม่ผิดแล้วพิษในร่างของเจ้ามันน่าจะแทบไม่อาจควบคุมได้แล้วใช่หรือไม่?”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายนั้นไม่อาจจะมองเห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นเบื้องหลังได้ ตอนที่กู่เม่าหลอมหญ้ากระดูกมังกรก่อนหน้าพวกเขาจึงได้แต่ชื่นชม
แต่สายตาของเย่หยวนนั้นมันเหนือล้ำเพียงใด?
เขานั้นเห็นได้ทันทีว่าในระหว่างที่กู่เม่ากำลังควบคุมไฟอยู่นั้นมันมีร่องรอยความไม่เสถียรอยู่มากมาย
แน่นอนว่าความไม่เสถียรนั้นมันสุดแสนจะเล็กน้อย ยังไม่ถึงขั้นที่จะเสียการควบคุมใดๆ
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเขาสัมผัสได้ว่ากู่เม่านั้นใช้ไฟอย่างรุนแรง มันยิ่งทำให้อาการรุนแรงขึ้น
หากคนเราไม่ควบคุมไฟให้ดีในระหว่างหลอมนั้น มันคงจะยิ่งง่ายที่พิษไฟจะก่อขึ้นในร่างกาย
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงได้บอกว่าเขานั้นป่วย!
เขานั้นไม่คิดด่าว่ากู่เม่าป่วยด้านสมองหรือตรรกะใดๆ แต่เป็นอาการป่วยทางกายอย่างแท้จริง!
“เด็กน้อย เจ้าคงเบื่อชีวิตแล้ว! ข้าไม่รู้หรอกนะว่าในภพเบื้องล่างเจ้าจะสูงส่งแค่ไหน แต่ขึ้นมาถึงสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดแล้วเจ้ามันเป็นไม่ได้แม้แต่ลมตด!”
“คิดมาอวดฝีมือต่อหน้าอาจารย์กู่หรือ? หึ เขานั้นคือหนึ่งในนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหนึ่งไม่กี่คนของอาณาจักรตะวันออก ปัญหาใดที่เขามีนั้น มีหรือที่อาจารย์ท่านจะไม่รู้?”
“ดูท่าเจ้าจะมารนหาที่ตายจริงๆ! พี่น้อง จัดการมันทิ้งเถอะ!”
…
เหล่าศิษย์ทั้งหลายนั้นต่างเตรียมลงมือเต็มที่คิดจัดการเย่หยวนลงสิ้น
พวกเขานั้นคือศิษย์ของกู่เม่าและย่อมจะไม่สนใจไว้หน้าถังหยูมากมาย
เย่หยวนนั้นคิดท้าทาย พวกเขาก็ย่อมจะสนองให้ได้
“หยุด!” เสียงของกู่เม่าร้องลั่นขึ้นมา
เหล่าศิษย์ทั้งหลายนั้นผงะไปก่อนจะหันไปมองกู่เม่าเป็นตาเดียวและได้พบว่าสีหน้าของอาจารย์นั้นมันดูเคร่งเครียดขึ้นกว่าก่อนหน้าอย่างมาก
“อ-อาจารย์?”
“พวกเจ้าออกไปให้หมดก่อน! เรื่องในวันนี้ใครคิดเอาไปแพร่งพรายแล้วอาจารย์จะตามไปล้างตระกูลของพวกเจ้าลงเสีย!” พูดมาถึงตรงนี้กู่เม่าก็ปล่อยจิตสังหารออกมาปกคลุม
คนทั้งหลายนั้นหน้าซีดขาวลงไปตามๆ กัน!
…………………….