Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2537 นักหลอมโอสถสวรรค์หนึ่งแต้ม!
เต๋าไฟนั้นมันค่อยๆ จางลงไปแต่คนทั้งโถงกลับไม่กล้าส่งเสียงใด
ในมือของเย่หยวนนั้นมันมีลูกบอลสีใสที่ทำมาจากหญ้ากระดูกมังกรอยู่
การหลอมนั้น ยิ่งมันใสเท่าไหร่มันก็จะยิ่งแสดงว่าผู้หลอมนั้นเผาทำลายส่วนเกินออกไปได้มากเท่านั้น
เมื่อลองเอาก้อนหญ้ากระดูกมังกรทั้งสองมาวางข้างกันพวกเขานั้นก็ไม่ต้องตัดสินใดๆ กันอีกแล้ว
แต่ก็เพราะเช่นนี้ที่คนทั้งหลายนั้นต่างไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้
“ต-ตาข้าฝาดไปแล้ว? เขา… เขานี้มีความเข้ากันได้แค่หนึ่ง?”
“ใช่แล้ว! ด้วยความเข้ากันได้แค่หนึ่งนั้นเขาจะทำมันได้อย่างไร? หรือว่าเขานั้นทำลายกำแพงของนักหลอมโอสถสวรรค์ลงจริง?”
“ก้อนหญ้ากระดูกมังกรนี้มันสุดแสนจะบริสุทธิ์ ข้าเกรงว่าแม้แต่อาจารย์หลินท่านเองก็ยังไม่อาจจะเอาชนะความบริสุทธิ์ระดับนี้ได้เลย!”
…
ถังหยูนั้นต้องอ้าปากค้างขึ้นมา
เพราะฝีมือนี้มันเหนือล้ำจนเกินบรรยาย!
หนึ่งแต้มนั้นมันเป็นได้แค่ตัวตลกที่น่าขบขันของเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ทั้งหลาย
แต่เย่หยวนนั้นกลับเปล่งประกายท่ามกลางเสียงหัวเราะนั้น
เย่หยวนทำมันได้จริงๆ!
เขานั้นเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่!
ที่ผ่านๆ มาสิบแปดปีนั้นเขาทำอะไรบ้าง?
องค์ชายรองนั้นมาดูเรื่องราวนี้ด้วยจิตใจที่พร้อมจะหัวเราะอย่างเต็มที่
แต่เวลานี้เขากลับตกตะลึงในฝีมือของเย่หยวนจนไม่อาจหุบปากที่อ้าค้างลงได้
เขานั้นย่อมจะสัมผัสได้ชัดเจนว่าความเข้ากันได้ของเย่หยวนนั้นมันไม่มีทางเกินสามแต้มไป!
แต่เย่หยวนนั้นกลับทำได้!
เป็นเวลานี้เองที่คนทั้งหลายได้เข้าใจว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้ยืนอยู่ในระดับนี้อีกต่อไปแล้ว
เขานั้นมีฝีมือพอที่จะเมินคำท้าทายของกู่เม่า!
คนผู้มีความเข้ากันได้แค่หนึ่งนั้นกลับหลอมหญ้ากระดูกมังกรได้
นี่มันคือปาฏิหาริย์!
“ห-หึๆ อาจารย์เย่นั้นช่างเปิดหูเปิดตาข้าแท้! ข้าไม่นึกเลยว่าอาจารย์เย่นั้นกลับจะหลอมหญ้ากระดูกมังกรขึ้นมาได้ด้วยค่าความเข้ากันได้แค่หนึ่งเช่นนี้ มันช่างเหนือล้ำปาฏิหาริย์ ย่อมจะไม่มีใครทำได้เช่นนี้อีกแน่!” องค์ชายรองนั้นกล่าวขึ้นมาแก้เขิน
เย่หยวนตอบกลับไป “เท่านี้ก็คงไม่ต้องตัดสินกันแล้ว?”
องค์ชายรองนั้นยกมือขึ้นมาโบกปัดทันที “ไม่ต้องแล้วๆ! การเดิมพันนี้อาจารย์เย่ย่อมจะชนะแน่นอน! เพียงแค่ว่าข้านั้นสงสัยเหลือเกินว่าอาจารย์เย่นั้นมีความเข้ากันได้แสนต่ำต้อยแต่ทำไมท่านจึงยังหลอมหญ้ากระดูกมังกรออกมาได้กัน? หรือว่าอาจารย์เย่จะมีเคล็ดลับอะไรอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อองค์ชายกล่าวขึ้นมาคนทั้งหลายต่างก็ต้องหูผึ่งตั้งใจฟังคำตอบ
เพราะความลับนี้มันย่อมจะเป็นความลับที่สั่นสะท้านฟ้าดิน!
แต่เย่หยวนนั้นกลับส่ายหัวออกมา “ไม่มีเคล็ดลับใด! อ่านหนังสือร้อยรอบมันก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ ร้อยครั้ง สิบแปดปีมานี้ข้าแค่หลอมหญ้ากระดูกมังกรไปนับแสนๆ กำจนมันกลายเป็นสัญชาตญาณเท่านั้น”
“ห-หญ้ากระดูกมังกรนับแสนๆ กำ! พระเจ้าช่วย เขาบ้าไปแล้วหรือ?”
“สิบแปดปีที่ผ่านมานี้เขากลับทำแค่สิ่งเดียว? จำนวนขนาดนั้นหรือว่าเขาจะไม่พักผ่อนเลย?”
“บ้า! เป็นคนบ้าอย่างแท้จริง! แต่ต่อให้จะหลอมหญ้ากระดูกมังกรได้มันก็ไม่มีทางใดจะเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ได้! หญ้ากระดูกมังกรนั้นมันเป็นแค่พื้นฐานของพื้นฐานเท่านั้น!”
“เจ้าหมอนี่มันบ้าคลั่งอย่างแท้จริง! เพื่อที่จะเอาชนะการท้าทายมันนั้นกลับลงทุนอย่างบ้าคลั่ง! แต่มันก็ไร้ประโยชน์! สมุนไพรสวรรค์บางตัวนั้นมันยากกว่าหญ้ากระดูกมังกรนับหมื่นๆ แสนๆ เท่า! เขาไม่มีทางจะฝึกฝนเช่นนี้ไปได้สุดทางหรอก!”
…
ได้ยินคำของเย่หยวนนั้นคนทั้งหลายต่างก็ต้องสูดหายใจเข้าลึกทันที
หญ้ากระดูกมังกรที่เย่หยวนหลอมมาตลอดสิบแปดปีนั้นมันอาจจะต้องใช้เวลานับพันๆ ปีกว่าที่พวกเขาจะหลอมได้ขนาดนั้น
ความบ้าคลั่งของเขานี้มันทำให้คนทั้งหลายแทบสิ้นสติไป
วิชาโอสถนั้นมันเป็นการบ่มเพาะที่น่าสนใจแต่มันก็เป็นการบ่มเพาะที่น่าเบื่อเช่นกัน
ชีวิตคนเรานั้นมันต้องได้รับการกระตุ้นอยู่ตลอดเพื่อที่จะมีแรงจูงใจฝึกการหลอมโอสถเพิ่มขึ้น
แต่เย่หยวนนั้นกลับทำตัวเหมือนคนบ้า
เมื่อกู่เม่าได้ยินเช่นนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมา “ชนะครั้งนี้ไปแล้วจะทำไมเล่า? หึ สมุนไพรสวรรค์ตัวอื่นมันซับซ้อนกว่าหญ้ากระดูกมังกรไปนับร้อยเท่า การหลอมโอสถสวรรค์นั้นมันยิ่งจะยากเสียกว่านั้น! เจ้านั้นคงต้องใช้เวลาอีกหลายพันหรือหลายหมื่นปีกว่าที่จะฝึกหลอมโอสถสวรรค์ได้สักชนิดหนึ่ง! นั่นพูดถึงโอสถสวรรค์ที่ง่ายที่สุดด้วยนะ! หึๆ ขยะมันก็ยังเป็นขยะวันยังค่ำ!”
เย่หยวนหันไปมองกู่เม่าก่อนจะกล่าวตอบกลับไป “ข้าว่าเจ้าคิดมากไปแล้ว! บางสิ่งนั้นหากลองทำได้สำเร็จสักครั้งแล้วมันก็ไม่ยากที่จะใช้เป็นตัวอย่างในการเรียนรู้ต่อๆ ไป ใช่ จริงที่ว่าข้านั้นมีความเข้ากันได้แสนต่ำต้อยแต่ข้านั้นก็ได้รู้วิธีการจะหลอมแล้ว! เหมือนดั่งคนตาบอดนั้นมักจะมีประสาทการได้ยินที่ดีกว่าคนทั่วไป ตราบเท่าที่เขาหมั่นฝึกฝนคนตาบอดเองก็ยังสามารถรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวได้ด้วยเสียงของลม การหลอมสมุนไพรสวรรค์ชนิดอื่นๆ นั้นแน่นอนว่าข้าย่อมจะเริ่มต่ำกว่าพวกเจ้าไปมากแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่อาจเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ได้เสียหน่อย!”
พูดจบเย่หยวนก็ยกฝ่ามือขึ้นมาพร้อมหอมม่วงรัด
จากนั้นมันก็ปรากฏเต๋าไฟขึ้นมาล้อมหอมม่วงรัดไว้ทำให้หอมม่วงรัดค่อยๆ ละลายลงกลายเป็นก้อนอีกครั้งหนึ่ง
ก้อนหอมม่วงรัดนี้มันมีสีม่วงดำ ดูแล้วย่อมจะไม่บริสุทธิ์มากมาย
แต่เทียบกับตอนที่เย่หยวนหลอมหญ้ากระดูกมังกรเป็นครั้งแรกแล้ว มันย่อมจะดีกว่ากันไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
ได้เห็นเช่นนั้นกู่เม่าก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น
การหลอมหอมม่วงรัดนั้นมันยากกว่าการหลอมหญ้ากระดูกมังกรเป็นทุน หากให้พูดแล้วเย่หยวนคงต้องใช้เวลาเก็บตัวฝึกฝนไปอีกนับยี่สิบสามสิบปี
แต่หอมม่วงรัดในมือของเย่หยวนนั้นมันมีคุณภาพเทียบเท่ากับศิษย์ทั่วๆ ไปได้แล้ว
อย่างมากที่สุดในอีกสามปีเขาก็คงหลอมได้คุณภาพเดียวกับหญ้ากระดูกมังกร!
หากคิดเช่นนั้นแล้วการที่เย่หยวนจะขึ้นมาเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์มันก็มิใช่เรื่องเกินจริงมิใช่หรือ?
ช้าไปกว่าคนอื่นหน่อยแต่แล้วจะทำไม?
ตราบเท่าที่สามารถหลอมโอสถสวรรค์ได้มันก็เพียงพอ!
นักหลอมโอสถสวรรค์ความเข้ากันได้หนึ่งแต้ม?
คนทั้งหลายได้แต่หันไปมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก
หากเรื่องราวในวันนี้มันแพร่ออกไปแล้วทั้งวงการโอสถสวรรค์มันคงต้องสั่นสะเทือนเป็นแน่!
นักหลอมโอสถสวรรค์นั้นต่อให้จะมีค่าความเข้ากันได้ยี่สิบเก้ามันก็ไม่พอ
นั่นมันคือกฎเหล็ก! ไม่มีใครจะสามารถทำลายมันลงได้!
แต่เวลานี้มันกลับมีนักหลอมโอสถสวรรค์หนึ่งแต้มปรากฏขึ้นมา!
เรื่องเช่นนี้จะไม่ให้ตกตะลึงได้อย่างไร?
องค์ชายรองนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างตกตะลึง “ส-เส้นทางใดกันที่จะทำให้คนผู้มีความเข้ากันได้แค่หนึ่งกลายเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์?”
เย่หยวนกล่าวตอบไป “สัญชาตญาณ! เมื่อการหลอมโอสถมันกลายเป็นสัญชาตญาณไปแล้วต่อให้จะอยู่ในความโกลาหลมันก็ยังพอจะแยกแยะออกได้! สิบแปดปีที่ผ่านมานั้นข้าฝึกฝนสิ่งนี้เสมอมา! แท้จริงข้านั้นก็พอจะเทียบเคียงกู่เม่าได้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแต่สัญชาตญาณของข้านั้นมันยังไม่แข็งแกร่งพอ! แม้แต่ตอนนี้เองข้าก็ยังไม่พอใจกับมัน บางทีในวันหน้าข้าอาจจะใช้แค่สัญชาตญาณในการแยกแยะส่วนประกอบของสมุนไพรสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย!”
คนทั้งหลายได้แต่ต้องอ้าปากค้างขึ้นมา
เมื่อการหลอมโอสถมันกลายเป็นสัญชาตญาณ!
แล้วสัญชาตญาณนั้นมันคืออะไร?
มันคือทักษะที่เกิดขึ้นมาและฝังลึกอยู่เหนือการควบคุมของสมอง!
เหมือนอย่างเวลาเราเห็นของมีคม สัญชาตญาณของเราก็จะบอกให้อยู่ห่างมันไว้
เหมือนอย่างตอนที่เราเห็นของสวยงาม สัญชาตญาณของเราก็จะบอกให้เราเข้าไปใกล้มัน
เหมือนอย่างตอนที่เราเสียเพื่อนสนิทหรือคนรักไป สัญชาตญาณเราก็จะทำให้เรารู้สึกโศกเศร้าจนแทบอยากตายตาม
แต่พวกเขานั้นไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนว่ามีใครที่พัฒนาการหลอมโอสถจนกลายเป็นสัญชาตญาณ!
นี่มันคือการใช้สัญชาตญาณในการแยกแยะแก่นและสิ่งเจือปนในสมุนไพรสวรรค์ออกจากกัน
สิ่งเหล่านี้มันต้องดูและแยกแยะอย่างละเอียด เช่นนั้นแล้วสัญชาตญาณของเขาต้องเฉียบคมปานใด?!
แค่คิดมันก็ทำให้คนทั้งหลายคนขนลุก!
เย่หยวนนั้นไม่มีความเข้ากันได้ใดๆ แต่เขานั้นกลับใช้สัญชาตญาณแทนดวงตาและแยกแยะความยุ่งเหยิงของสมุนไพรสวรรค์ออกได้
เขานั้นทำได้จริงๆ!
หญ้ากระดูกมังกรนั้นมันคือเครื่องพิสูจน์อย่างดี!
เวลานี้เหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ทั้งหลายที่อยู่ในโถงต่างรู้สึกอับอายในฝีมืออันต่ำต้อยของตนขึ้นมาตามๆ กัน!
ต่อหน้าความมุ่งมั่นของเย่หยวนนั้น พวกเขาไม่สมควรจะไปเรียกตนเองว่าเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์เสียด้วยซ้ำ!
เพราะว่าพวกเขานั้นไม่อาจจะทำโดยสัญชาตญาณได้!