Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2702 ขังในเขาหมื่นอสูร!
นักยุทธพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำกลับให้คำแนะนำยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยก?
แล้วจู่ๆ คนทั้งสามนั้นก็บรรลุสู่ชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวขึ้นมาได้?
หรือว่าเหตุผลที่พวกเขาตีเมืองสวรรค์ใต้ไม่ได้มาจนถึงวันนี้มันจะเป็นเพราะว่าไอ้หนุ่มตรงหน้าพวกเขาทั้งหลายนี้?
นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน!
นักยุทธพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำคนนี้มันจะไม่เก่งกาจเกินไปหรือ?
เดิมทีนั้นเย่หยวนก็เตรียมแผนที่จะบอกเล่าอธิบายไว้มากมายแต่ไม่นึกฝันว่าจ้าวซุนและซ่งเทียนหยางนั้นกลับจะเดินลงมาอธิบายทุกสิ่งอย่างแทนที่ตัวเขาสิ้น
เขานั้นมาจากด้านนอก เขาย่อมจะไม่มีทางเข้าไปวางแผนใดๆ กับคนในเมืองได้แน่
ท่าทางของจ้าวซุนและซ่งเทียนหยางนั้นมันจึงเป็นเครื่องยืนยันถึงฝีมือเย่หยวนได้อย่างดี
เขานั้นสามารถชี้แนะให้ยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นสุดก้าวขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนได้ การจะหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดิระดับสี่นั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องน่าเหลือเชื่อใดๆ อีก
“ดูท่าข้าคงไม่ต้องอธิบายถึงฝีมือของตนเองอีกแล้ว หากพวกท่านนั้นยังมีอะไรที่สงสัยติดใจนั้นก็ลองว่ามาได้” เย่หยวนกล่าว
จ้าวซุนและซ่งเทียนหยางนั้นได้แต่ต้องหันมามองหน้ากันอย่างมึนงงไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่ดูท่าแล้วท่าทางของพวกเขานั้นมันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในการเจรจากับห้าราชาไปแล้ว
ที่สำคัญไปกว่านั้นดูท่าการเจรจาของเย่หยวนจะสำเร็จไปแล้วด้วย!
แต่เหนือจากความดีใจนั้นพวกเขาทั้งสองต่างก็ตกตะลึงสุดใจ
เมื่อชายหนุ่มคนนี้ลงมือแล้ว มันก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้!
ราชาหมื่นคชสารกล่าวขึ้นมา “เจ้าเองก็พูดไว้ว่าหากเมิ่งฮั่นเฟิงมันบรรลุขึ้นมาได้สิ่งแรกที่มันจะทำนั้นคงเป็นการตามล่าหัวพวกเราล้างแค้นแน่นอน เวลานี้มันได้โอสถชะตาศักดิ์สิทธิ์ไปใช้แล้ว มีโอกาสที่มันจะบรรลุขึ้นมาได้ทุกเมื่อ ต่อให้เราจะไม่ต้องรอเจ้าบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนแต่เจ้าต้องใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะก้าวขึ้นไปถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกเล่า? อย่าได้ลืมไปว่าตอนนี้ตัวเจ้ามีพลังแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขั้นต้น!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าขอถามราชาหมื่นคชสารจะได้หรือไม่ว่าหากท่านได้รับโอสถชะตาศักดิ์สิทธิ์ไปนั้นท่านจะใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนได้?”
ราชาหมื่นคชสารหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะตอบกลับไป “โอสถชะตาศักดิ์สิทธิ์นั้นมันคุณภาพแค่ระดับสาม ต่อให้จะเป็นราชาผู้นี้เองอย่างน้อยๆ ก็คงต้องใช้เวลาสามสิบปี หรืออาจจะนานจนถึงร้อยปีก็เป็นไปได้!”
แท้จริงแล้วคำพูดนี้เองมันก็เป็นแค่คำโม้อวดตัวเองของเขา เพราะต่อให้จะมีพลังของโอสถชะตาศักดิ์สิทธิ์เขาก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสามารถบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนได้จริงๆ หรือไม่
เพราะว่าอย่างไรเสียฤทธิ์ของโอสถชะตาศักดิ์สิทธิ์ระดับสามมันก็ไม่แน่นอน
แน่นอนว่าด้วยพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวอย่างพวกเขานั้นการจะก้าวขึ้นไปได้มันย่อมจะมีโอกาสสูงกว่าใครๆ
แม้การบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จริงๆ มันจะใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่การเตรียมการเพื่อทำให้เกิดเวลาไม่กี่ชั่วโมงนั้นต่างหากที่ต้องใช้เวลานานแสนนาน
เย่หยวนนั้นย่อมจะไม่คิดพูดขัดใดๆ ออกมาและหันหน้าไปถามจ้าวซุน “เจ้าหอใหญ่ ข้านั้นใช้เวลาเท่าไหร่ในการบ่มเพาะจากชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขั้นกลางมาจนถึงระดับพลังปัจจุบันของข้านี้?”
จ้าวซุนที่ได้ยินก็ยิ้มตอบไปทันที “สี่ปี!”
เขานั้นก็ไม่นึกฝันว่าเย่หยวนนั้นกลับจะใช้เวลาแค่สามสี่ปีนั้นในการบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขึ้นมาเช่นนี้
ความเร็วในการบ่มเพาะเช่นนี้มันน่ากลัวอย่างมาก
แต่หากลองคิดๆ ดูอีกครั้งมันก็ไม่แปลกอะไรสำหรับคนอย่างเย่หยวน คนที่หลอมโอสถสวรรค์ระดับแท้ได้เช่นนั้นมันย่อมเป็นเรื่องปกติที่ความเร็วจะเหนือล้ำเช่นนี้
แต่คำพูดนั้นมันกลับทำให้เกิดคลื่นใหญ่ขึ้นในจิตใจของเหล่าราชาทั้งห้า
“สี่ปี! ล้อกันเล่นแล้ว! เจ้าคิดว่าชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำนั้นเป็นแค่ของเล่นเด็กหรือ?” ราชาราชสีห์เถื่อนกล่าวขึ้นมาอย่างไม่คิดจะเชื่อแม้แต่น้อย
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “หากข้าไม่กลัวว่าพลังบ่มเพาะของข้ามันจะไม่เสถียรแล้วด้วยความสามารถของข้า ข้าย่อมจะบรรลุขั้นชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกได้ภายในเวลาแค่ห้าปี! ท่านคิดว่าข้าจะใช้เวลาแค่ไหนกันเล่าหากข้าใช้โอสถอย่างที่พวกท่านได้เห็นไปนั้นในการบ่มเพาะ?”
พูดไปเย่หยวนก็ชี้นิ้วไปยังตัวซั่วเหยียน
คำพูดนี้มันทำให้หน้าของเหล่าราชาทั้งห้าเปลี่ยนสีเริ่มเชื่อถือมันขึ้นมาได้ทันที
เพราะโอสถสวรรค์ที่พวกเขาได้เห็นนั้นมันเหนือล้ำจนเกินสามัญสำนึกไปมาก
เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงมันก็สามารถเปลี่ยนนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขั้นปลายให้กลายเป็นนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขั้นต้นได้!
เพราะตัวพวกเขานั้นต่อให้จะได้โอสถชะตาศักดิ์สิทธิ์มาครองจริงๆ การจะบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนนั้นมันก็คงต้องใช้เวลานานหลายสิบหลายร้อยปี!
ความห่างของมันนี้แทบไม่อาจจะเอามาเทียบวัดกันได้!
“ที่สำคัญไปกว่านั้นสมุนไพรสวรรค์ที่ใช้ในการหลอมโอสถสวรรค์หยกล้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นมันก็มิใช่ของที่จะหาได้ง่ายๆ ข้าว่าพวกท่านนั้นคงต้องใช้เวลาเป็นสิบๆ ปีแค่จะหาสมุนไพรสวรรค์ทั้งหลายให้ครบ ระหว่างนั้นข้าก็บ่มเพาะฝึกฝนตัวไปปล่อยให้พวกท่านออกไปหาสมุนไพรสวรรค์กลับมา แน่นอนว่าหากพวกท่านสามารถหาได้ครบห้าชุดข้าก็มั่นใจว่าจะช่วยให้พวกท่านทั้งห้านั้นบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนได้ครบห้าคนแน่!” เย่หยวนกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางเฉยเมยราวกับเขาแค่กำลังพูดเรื่องแสนปกติ
“นี่เรื่องจริงหรือ” เมื่อคนทั้งห้าได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ร้องตอบกลับมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ดูท่าคงจะตื่นเต้นกันอย่างสุดใจ
โอสถสวรรค์หยกล้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นมันเป็นโอสถสวรรค์จักรพรรดิระดับสี่ที่เคยมีไว้ในบันทึกของจงเจียนโชว
เย่หยวนนั้นย่อมจะมั่นใจในผลของมัน
อย่าว่าแต่ระดับแท้ ต่อให้จะเป็นแค่ระดับเก้าทั่วๆ ไปมันก็คงมากพอจะส่งพวกเขาทั้งหลายนั้นให้ขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนได้แน่นอน
แต่ว่าโอสถสวรรค์ที่ทรงพลังเช่นนั้นสมุนไพรสวรรค์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบมันย่อมจะหาได้ยากยิ่งเช่นกัน
เขาหมื่นอสูรนั้นมันเป็นดินแดนที่กว้างใหญ่มากมายไปด้วยทรัพยากรแน่นอนว่าการหาให้ครบชุดมันย่อมไม่ได้ยากเย็นเกินกว่าความพยายาม แต่เรื่องที่ว่าจะหาได้ถึงห้าชุดหรือไม่นั้นมันก็คงมีแต่ต้องพึ่งโชคพึ่งดวงของใครของมันแล้ว
“ข้าพร้อมที่จะสาบานในนามของเต๋าสวรรค์! แต่ว่าพวกท่านนั้นต้องเป็นคนหาสมุนไพรสวรรค์มาเอง เรื่องนั้นคงหวังพึ่งข้าไม่ได้” เย่หยวนตอบกลับไป
“ได้สิ ราชาผู้นี้ขอให้คำมั่นกับเจ้า! แต่ราชาผู้นี้มีเงื่อนไข!” ราชาชวดสวรรค์กล่าว
เย่หยวนที่ได้ยินก็พยักหน้ารับ “ว่ามาเถอะ!”
ราชาชวดสวรรค์ตอบ “ก่อนที่จะหลอมโอสถสวรรค์หยกล้ำศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้นั้นเจ้าต้องไปอยู่เป็นตัวประกันที่เขาหมื่นอสูรเราและห้ามออกมาภายนอก! หากเจ้ากล้าออกมาแล้วพวกเราทั้งห้านั้นจะลงมาโจมตีแดนสวรรค์ใต้อีกครั้งแน่นอน!”
ดูท่าแล้วตัวราชาชวดสวรรค์คงยังไม่ไว้วางใจมากนัก
ต่อให้เย่หยวนจะกล้าสาบานในนามของเต๋าสวรรค์แต่เขาก็ยังอดกังวลไม่ได้
แน่นอนว่าการทำเช่นนี้ของเขามันย่อมจะได้รับการยอมรับจากราชาทั้งสี่มาแล้ว
“ไม่ได้!” เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของจ้าวซุนก็ต้องเปลี่ยนสีร้องกล่าวขัดขึ้นมา
แต่เย่หยวนนั้นกลับตอบรับไป “ได้สิ ข้าให้สัญญา!”
“เย่หยวน เจ้า…” จ้าวซุนนั้นหันมามองเย่หยวนด้วยความกังวลสุดใจ
เรื่องราวความฉิบหายในวันนี้มันเกิดขึ้นมาเพราะเมิ่งฮั่นเฟิงแต่เวลานี้เย่หยวนกลับต้องเป็นคนรับผิดชอบมัน
เย่หยวนนั้นยิ้มตอบกลับไป “ข้าเองก็สนใจจะเดินทางไปยังเขาหมื่นอสูรมาแต่แรกแล้ว เดินทางไปตอนนี้มันก็ไม่ได้แย่นักหรอก หากพวกท่านมีอะไรที่ไม่เข้าใจท่านก็เดินทางมาเยี่ยมหาข้าที่เขาหมื่นอสูรได้เสมอ”
ในเวลานั้นเองที่ซั่วเหยียนได้กล่าวขึ้นมาเสริม “พี่เย่หยวนอย่าได้กังวลไป มีข้าอยู่ด้วยทั้งคน มันไม่มีใครในเขาหมื่นอสูรกล้ารังแกท่านแน่!”
เย่หยวนที่ได้ยินก็หัวเราะตอบกลับไป “เอาล่ะ เช่นนั้นจากนี้ไปคงต้องฝากเจ้าดูแลด้วย!”
…
เหล่าภูติแท้มากมายนับไม่ถ้วนนั้นค่อยๆ ถอยทัพกลับไปทิ้งไว้แต่ซากปรักหักพังและซากศพมากมาย
แต่นี่มันก็ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีมากแล้ว
ได้เห็นทัพภูติแท้นั้นค่อยๆ จางหายไปที่เส้นขอบฟ้าตัวจ้าวซุนก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจยาวออกมา “เฮ้อ! เย่หยวนนั้นช่างเป็นคนที่มีคุณธรรมล้ำ! หากมิใช่เพราะเขาแล้วเมืองสวรรค์ใต้เราคงไม่เหลือแม้แต่ซากเศษใดๆ แน่นอน!”
อู้จี้อันเองก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “ไอ้เจ้าเมิ่งฮั่นเฟิงมันกลับกล้าใช้เมืองสวรรค์ใต้เราเป็นเบี้ยเพื่อจะหาทางบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียน! ขอให้โอสถชะตาศักดิ์สิทธิ์นั้นมันไร้ผลไม่อาจบรรลุขึ้นได้ด้วยเถอะ!”
แต่จ้าวซุนนั้นกลับกัดฟันแน่นตอบกลับมา “หากมันบรรลุไม่สำเร็จชาตินี้เราคงไม่ได้เจอหน้ามันอีกแน่! ให้มันบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนให้ได้นั่นแหละดีมันจะได้กลับมา! ถึงตอนนั้นเราจะได้ล้างแค้นให้สาใจ!”
ซ่งเทียนหยางนั้นถอนใจยาวออกมาก่อนจะกล่าว “บนเขาหมื่นอสูรนั้นมันเป็นแดนที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ยอดฝีมือบนนั้นมันมีมากมายเกินนับ ข้าไม่รู้เลยว่าครั้งนี้เย่หยวนจะสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่!”
บนเขาหมื่นอสูรนั้นมันเป็นโลกของปลาใหญ่กินปลาเล็ก ต่อให้จะเป็นเหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวทั้งหลายเองก็ยังตายตกลงไปได้อย่างง่ายดาย
พลาดเพียงนิดชีวิตพวกเขามันก็จะถูกคนอื่นกลืนกินทันที
แต่ก็เพราะว่าสภาพสังคมเช่นนั้นที่ทำให้บนเขาหมื่นอสูรมันเปี่ยมล้นไปด้วยยอดฝีมือ
ห้าราชานั่นเองก็เป็นได้แค่เศษเสี้ยวของขุมพลัง
หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนแล้วราชาทั้งห้าย่อมจะไม่ทำอะไรเย่หยวน
แต่หากมันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาแม้แต่น้อยก็คงยากจะคาดเดาแล้ว
ได้ยินคำของซ่งเทียนหยางนั้นสีหน้าของคนทั้งหลายต่างยิ่งมัวหมองลง