Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2724 เจ้าควบคุมมันไม่ได้!
บนถนนโล่งๆ นั้นมันมีเงาร่างของชายหนุ่มขี่หลังกระทิงตัวหนึ่งเดินผ่านมา แม้ว่าตัวกระทิงมันจะไม่ได้วิ่งรีบร้อนแต่ความเร็วของพวกเขานั้นกลับไม่ธรรมดา
กระทิงตัวนี้ย่อมคือต้าหวงแล้ว
ส่วนชายหนุ่มนั้นคือเย่หยวน
ตอนที่เย่หยวนเดินทางออกจากเขามาต้าหวงได้อาสาออกมารับใช้เป็นพาหนะของเย่หยวน
ตัวต้าหวงนั้นมองเห็นแล้วว่าเย่หยวนนั้นคงไม่หยุดอยู่ในดินแดนเล็กๆ นี้แน่จึงได้ตัดสินใจเดินทางออกมารับใช้เป็นสัตว์ขี่ให้
เพราะจะอย่างไรเสียการที่สามารถสร้างยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนได้ตั้งแต่ยังมีพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกมันก็ย่อมจะเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดฝันถึงมาก่อน
เช่นนั้นแล้วหากวันหน้าเย่หยวนบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนได้เล่า?
เพราะชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนนั้นมันมิใช่จุดสูงสุดของพลังบ่มเพาะ
กลับกันเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนนั้นเป็นจุดเริ่มต้นแห่งหายนะ!
ไม่ก้าวหน้าต่อไปมันก็เท่ากับตาย!
เรื่องนี้ตัวนักบุญสูงมารกระทิงย่อมจะไม่คิดห้ามใดๆ
การที่ต้าหวงบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนขึ้นมาได้นั้นมันย่อมหมายความว่าสถานะของพวกเขานั้นมิใช่แค่เจ้านายลูกน้องธรรมดาๆ อีกต่อไป
ที่สำคัญไปกว่านั้นเขายังต้องการให้ต้าหวงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อเย่หยวนด้วย
ส่วนตัวเมิ่งฮั่นเฟิงนั้นก็ไม่ได้ถูกฆ่าสังหารลง เขานั้นแค่ถูกทำลายพลังบ่มเพาะและจับมัดไว้ให้คนด่าว่าประนาม ณ ลานกลางเมืองสวรรค์ใต้
หลังจากนั้นนักบุญสูงขาลเจิดก็ได้ประกาศด้วยอำนาจของวิหารยอดนักบุญว่าพวกเขานั้นจะไม่บุกโจมตีแดนสวรรค์ใต้อีกต่อไป!
ตั้งแต่นั้นมาเย่หยวนก็ได้กลายเป็นราชาในจิตใจของคนทั้งแดนสวรรค์ใต้ไป
ไม่ว่าจะเป็นจ้าวซุนหรือคนในจวนเจ้าเมือง พวกเขาต่างก็เคารพเย่หยวนเหมือนเป็นนายสิ้น
เพราะเย่หยวนนั้นเป็นคนที่จัดการสองภัยร้ายของแดนสวรรค์ใต้ลงด้วยกำลังของตัวเอง
เวลานี้เย่หยวนได้เดินทางมุ่งหน้าไปยังดินแดนสวรรค์ตะวันเที่ยง เบื้องหน้าของเขานั้นคือดินแดนของนิกายสวรรค์หยกแท้
เพราะเย่หยวนนั้นได้ตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าหลังจากเดินทางกลับมาถึงห้ายอดแดนสวรรค์ได้เขานั้นจะเดินทางกลับลงไปยังมหาพิภพถงเทียนเพื่อช่วยให้พวกเยวี่ยเมิ่งลี่ทั้งหลายบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์ขึ้นมา
จากนั้นเขาก็จะออกเดินทางสืบดูความเป็นไปของพันธมิตรโอสถและวางแผนการล้างแค้น!
เย่หยวนนั้นเดินทางเข้ามาถึงห้ายอดแดนสวรรค์ได้หลายวันแล้วจึงได้ยินข่าวลือมากมายหนาหูระหว่างทางถึงพลังอำนาจของพันธมิตรโอสถในตอนนี้!
เวลานี้ห้ายอดแดนสวรรค์นั้นได้ตกอยู่ใต้อำนาจของพันธมิตรโอสถอย่างหมดสิ้นตามที่คาดเดาไว้
เวลานี้พวกเขานั้นได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในฉากหน้าของการปกครองอย่างเต็มตัวแล้ว!
ห้ายอดแดนสวรรค์นั้นไม่ว่าจะเป็นนิกายสวรรค์ที่เคยยิ่งใหญ่แค่ไหนพวกเขานั้นก็ต่างพ่ายลงให้แก่พันธมิตรโอสถหมดสิ้น
เวลานี้พันธมิตรโอสถเป็นผู้ผูกขาดทรัพยากรโอสถของห้ายอดแดนสวรรค์สิ้น
ไม่ว่าจะเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์หรือว่าสมุนไพรสวรรค์นั้นต่างอยู่ใต้การดูแลของพันธมิตรโอสถ
เหล่านิกายใหญ่ทั้งหลายนั้นต่างได้มียอดฝีมือจากพันธมิตรโอสถนั้นเดินทางไปดูแลด้วยตำแหน่งที่นั่งแรก!
พวกเขานั้นมีอำนาจเหนือล้ำกว่าเหล่าเจ้านิกายทั้งหลายเสียด้วยซ้ำ
มันทำให้เจ้านิกายนั้นกลายเป็นราชาไร้บัลลังก์ไป
และหากนิกายใดคิดต่อต้านนั้นก็จะถูกทำลายลงสิ้น!
เวลาร้อยปีที่ผ่านมานี้มันได้มีหลายนิกายที่คิดขัดขืนและถูกทำลายราบลงในที่สุด
เมื่อเวลาผ่านไปนั้นมันจึงไม่มีใครกล้าขัดขืนอีกต่อไป
แน่นอนว่านี่เป็นแค่การคาดเดาของเย่หยวน
เขานั้นรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วการแย่งชิงอำนาจในห้ายอดแดนสวรรค์นี้มันก็ขึ้นอยู่กับเหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนทั้งหลาย!
แต่กระดานหมากของพวกเขาทั้งหลายนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่ข่าวลือใดๆ จะรั่วออกมาได้
วินาทีนั้นเองที่มันได้มีนักยุทธในชุดเต๋าสีเทาขี่หลังอินทรีตาดำปีกม่วงบินผ่านหัวเย่หยวนไป
แต่ไม่นานเขาคนนั้นก็ต้องหันหน้ากลับมาร่อนลงหน้าเย่หยวน
นักยุทธคนนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางจริงจัง “น้องชาย ข้านั้นขอใช้อินทรีตาดำปีกม่วงของข้านี้แลกกับกระทิงเหลืองของเจ้าได้หรือไม่?”
อินทรีตาดำปีกม่วงนี่มีคลื่นพลังที่สุดแสนรุนแรง มันมีพลังถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นปลายทีเดียว
การที่นักยุทธผู้นี้จะสามารถกำราบเอาภูติแท้ระดับนี้มาเป็นสัตว์รับใช้ได้ แน่นอนว่าเขาเองก็ย่อมจะเก่งกาจไม่น้อย
เพียงแค่ว่าการเอาภูติแท้พลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกมาแลกกับภูติแท้ชั้นพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนนั้นมันคงโง่เง่าจนเกินไป
แน่นอนว่าที่เป็นเช่นนี้ได้มันเพราะตัวต้าหวงนั้นปกปิดพลังของตนเอาไว้ทำให้เขามีสภาพไม่ต่างอะไรจากกระทิงเหลืองปกติทั่วไป ชายคนนี้จึงไม่อาจจะมองออกได้
แต่เขานั้นได้ลองใช้จิตของตัวเองสอดส่องดูและพบว่ากระทิงเหลืองตัวนี้มันไม่ธรรมดาอย่างมาก จึงได้ลงมาคิดแลกเปลี่ยน
เมื่ออินทรีตาดำปีกม่วงได้ยินคำของนักยุทธผู้นั้นมันก็ต้องร้องขึ้นมาด้วยท่าทางไม่พอใจ
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจคำของนักยุทธคนนั้นแม้แต่น้อยและตอบกลับไป “ไม่แลก”
นักยุทธผู้นั้นไม่ได้คิดรำคาญท่าทางนั้นใดๆ และหัวเราะตอบกลับไป “ข้าหวูฟางถนัดวิชาการฝึกสัตว์ที่สุด น้องชาย การให้กระทิงเหลืองนี้ติดตามเจ้าไปนั้นมันมีแต่จะเป็นการเสียของเปล่าๆ! เจ้านั้นแค่เอากระทิงเหลืองธรรมดาๆ ตัวหนึ่งแลกกับอินทรีตาดำปีกม่วงพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นปลาย มันมีแต่คุ้มกับคุ้ม!”
เย่หยวนนั้นหันกลับไปมองหน้าเขาก่อนจะกล่าว “เจ้าควบคุมมันไม่ได้หรอก”
หวูฟางนั้นหัวเราะลั่นขึ้นเมื่อได้ยิน “น้องชาย ข้านั้นไม่ได้จะอวดเก่งหรอกนะแต่บนทวีปพิรุณใสนี้มันมีภูติแท้ไม่กี่ตัวหรอกที่ข้าควบคุมไม่ได้!”
เย่หยวนส่ายหัวขึ้นพร้อมหัวเราะ “อ่า เช่นนั้นจะลองดูไหมเล่า?”
หวูฟางที่ได้ยินก็ตอบกลับมาอย่างมั่นใจ “ฮ่าๆ น้องชาย ข้าจะให้เจ้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว”
เย่หยวนทิ้งตัวลงมาจากหลังต้าหวง หวูฟางนั้นดูอย่างไรก็คิดจะอวดเก่งจึงได้รีบร่ายคาถาออกมาจนทำให้เกิดคลื่นพลังวิญญาณดั่งเดิมอันรุนแรงปะทุขึ้น
เย่หยวนนั้นต้องผงะไปเล็กน้อย เพราะเขาก็ไม่นึกฝันว่าตัวเองกลับจะได้มาพบเจอวิชาวิญญาณที่รุนแรงเช่นนี้
แต่วิชาวิญญาณนี้มันมีเป้าหมายเน้นที่ภูติแท้เท่านั้น
แน่นอนว่าหากเอามาเทียบกับกำเนิดเทพแล้ว วิชานี้มันย่อมไม่ต่างอะไรจากเศษดินเท่านั้น
“ศาสตร์คุมภูติ ไป!”
หวูฟางนั้นร้องลั่นขึ้นมาพร้อมปล่อยคลื่นพลังวิญญาณดั่งเดิมพุ่งใส่ทะเลจิตของต้าหวง
ตอนแรกๆ นั้นต้าหวงยังคงยืนนิ่งเบิกตามองดู
หวูฟางนั้นทุ่มกำลังอยู่กว่าครึ่งวันกว่าที่จะทำให้ต้าหวงค่อยๆ แสดงสีหน้าง่วงขึ้นมาได้
เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ชัดเจนเลยว่าศาสตร์คุมภูตินี้มันช่างรุนแรงล้ำ
หากเป็นภูติแท้ทั่วๆ ไปที่มีพลังวิญญาณดั่งเดิมไม่แข็งแกร่งเท่าหวูฟาง พวกเขาย่อมจะต้องตกอยู่ใต้อำนาจของมันในทันที
แต่ต้าหวงนั้นเป็นถึงยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียน!
วิญญาณดั่งเดิมของยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนนั้นมันย่อมมิใช่สิ่งที่นักยุทธพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกจะมาเทียบเคียงได้
เพียงแค่ว่าหวูฟางนั้นไม่ได้รู้ถึงความจริงข้อนี้และเมื่อได้เห็นต้าหวงหลับตาลงเขาก็ยิ้มกว้างขึ้นมาเพราะหลงคิดไปว่าตัวเองได้กำราบภูติแท้ตนนี้ลงแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้เขาดีใจยิ่งกว่าก็คือต้าหวงนั้นไม่ได้คิดขัดขืนแม้แต่น้อย
“หึๆ ว่าไงเล่าน้องชาย?”
หวูฟางนั้นยิ้มกว้างเดินเข้าไปหาต้าหวง
แต่วินาทีที่เขาจับเขาต้าหวงนั้น ตัวต้าหวงก็สะบัดหัวกลับทันที
นั่นทำให้เขายาวของต้าหวงกระแทกเข้ากลางอกของหวูฟาง
หวูฟางนั้นรู้สึกราวกับว่าขุนเขาใหญ่กระแทกลงกลางอกจนต้องกระอักเลือดลอยลิ่วไปนับกิโลเมตร
นี่มันแค่พลังกายของต้าหวงเท่านั้นเพราะหากต้าหวงคิดโจมตีจริงๆ แล้วหวูฟางคงไม่อาจรอดชีวิต
เมื่อเย่หยวนได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ข้าบอกแล้วว่าเจ้าควบคุมมันไม่ได้หรอก”
หวูฟางนั้นค่อยๆ พยุงตัวขึ้นมามองหน้าต้าหวงอย่างกลัวๆ “นี่ มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? มันกลับมีภูติแท้ที่ป้องกันศาสตร์คุมภูติของข้าได้ด้วย!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เอาล่ะ ต้าหวงนั้นเป็นกระทิงที่อ่อนน้อม แต่เจ้าก็อย่าได้รังแกเขาให้มากนัก ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมามันจะหนักหนาเกินรับ ไปเถอะ”
หวูฟางนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะค่อยๆ ขึ้นหลังอินทรีตาดำปีกม่วงบินตามเย่หยวนมา
“น้องชาย เจ้าไปเอากระทิงเหลืองนี้มาจากที่ใดกัน?” หวูฟางถามขึ้นมาพร้อมค่อยๆ เช็ดเลือดที่ไหนจากปาก
“เขาหมื่นอสูร” เย่หยวนตอบกลับไปอย่างไม่คิดปิดบัง
หวูฟางนั้นเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง “น้องชาย การที่มันสามารถป้องกันศาสตร์คุมภูติของข้าได้เช่นนี้มันย่อมหมายความว่ากระทิงเหลืองตัวนี้มีความพิเศษที่เหนือล้ำกว่าใครๆ อยู่! วันหน้ามันคงมีค่าอย่างมหาศาลแน่นอน!”
แต่จะไปว่าหวูฟางนั้นมันก็คงไม่ได้ ยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนบนทวีปพิรุณใสนั้นมันมีแค่กี่คนกัน?
เขาย่อมไม่มีทางคิดว่ากระทิงเหลืองธรรมดาๆ ตัวหนึ่งนั้นมันจะเป็นนักบุญสูงไป!
เย่หยวนตอบกลับไป “ข้าไม่ต้องให้เจ้ามาบอกหรอก”
“น้องชาย เจ้าจะไปยังนิกายสวรรค์หยกแท้เหมือนกันใช่หรือไม่? ทำไมเราไม่ไปด้วยกันเล่า?” หวูฟางนั้นกล่าวขึ้นชวน
เย่หยวนที่ได้ยินนั้นต้องหันมาถามอย่างตกตะลึง “เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน?”
…………………………