Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2862 ชี้ประโยชน์และโทษ!
ตอนที่ 2862 ชี้ประโยชน์และโทษ!
“เจ้ามันหลงตัวเองนัก!”
“เจ้ามันหลงตัวเองนัก!”
กรรมการคนนั้นมองหน้าหยางชิงที่นอนคลุกฝุ่นอยู่และพูดขึ้น
สมน้ำหน้า!
นี่คือสิ่งที่คนทั้งหลายต่างคิดในใจ
หยางชิงลุกกลับขึ้นมามองหน้ากรรมการอย่างไม่เป็นมิตร “หึๆ! ตาเฒ่า โลกนี้มันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอ! หลังจากพลังบ่มเพาะข้าไปถึงเจ้าแล้วข้าจะตบหน้าเจ้ากลับให้จมดินเลย!”
ตบมัน!
ทุบมันให้ตายไปเสียที!
นั่นคือความคิดของคนทั้งหลายที่ร่ำร้องออกมาในใจ
แต่ว่ากรรมการคนนั้นกลับยิ้มและพยักหน้ารับ “ไอ้หนู เจ้ามันไม่ธรรมดา! ข้าจะให้เจ้ายืมใช้สังเวียนนี้!”
หยางชิงหัวเราะตอบกลับไป “อย่าคิดว่าแค่ให้ยืมใช้ตอนนี้แล้วมันจะคลายความแค้นไปได้เล่า ข้านั้นเป็นคนพยาบาท!”
กรรมการหัวเราะขึ้น “เออๆ เช่นนั้นข้าจะรอเจ้าเอง!”
หยางชิงไม่คิดต่อปากต่อคำให้มากมายไปกว่านั้นเดินขึ้นสังเวียนไปโดยมีเฉาเตียนตามหลังขึ้นไป
เมื่อคนทั้งสองลงมือนั้นมันก็เป็นท่าไม้ตายที่รุนแรงที่สุดของตน!
แต่ครั้งนี้คนทั้งหลายได้เห็นหอกของเย่หยวนอย่างชัดเจน
เป็นหอกที่ไร้ต้านอย่างแท้จริง!
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้นมาพร้อมร่างของเฉาเตียนที่พุ่งถอยกลับไปแต่หยางชิงนั้นกลับไม่ขยับแม้แต่ก้าว
กระบวนท่าเดียวนั้นมันก็แสดงถึงความแตกต่างได้ทันที!
คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้าง
นี่มันจะบ้าเกินไปหรือไม่?
“ข้า…แพ้แล้ว!” เฉาเตียนนั้นประกาศออกมาก่อนจะเดินหันหน้าลงสังเวียนไป
คนที่มุงดูอยู่นั้นต้องอ้าปากค้าง!
ด้วยโอสถสวรรค์เดียวนั้นหยางชิงก็ได้พุ่งทะยานขึ้นฟ้ากลายเป็นจักรพรรดิเที่ยงอันดับหนึ่งของนิกายไปทันที?
ไม่อยากจะเชื่อ!
‘โอสถสวรรค์บ้าบออะไรกันนี่? ขอข้าบ้างไม่ได้หรือ?’
“เจ้าขยะพวกนี้เย้ยหยันปู่ชิงเจ้ามาเป็นวันๆ แต่สุดท้ายกลับถูกตบจนหน้าหัน รู้สึกดีไหมเล่า? ฮ่าๆๆ…” หยางชิงนั้นได้โอกาสหัวเราะเย้ยกลับไป
คนทั้งหลายนั้นที่เคยพูดจาดูถูกเย้ยหยันเขามาในช่วงหลายวันนี้มันแทบอยากจะมุดหน้าลงดินไป
มีหรือที่พวกเขาจะคาดคิดว่ามันมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาได้?
“หยางชิง เจ้าจะอวดดีไปเพื่อ! หากไม่ได้เย่หยวนแล้วคนอย่างเจ้ามันจะมีค่าอะไร?” เจิ้งเฉียนเถียงกลับไปอย่างไม่คิดยอมแพ้ง่ายๆ
“ใช่แล้ว! คนที่เก่งมันคือเย่หยวน คนอย่างเจ้ามันจะมีค่าอะไร?”
“เจ้าอวดดีอวดเบ่งมากมายแต่สุดท้ายมันกลับมิใช่ผลงานของตัวเอง คิดว่าเก่งมาก?”
…
คนทั้งหลายนั้นเหมือนได้เจอช่องว่างที่จะระบายอารมณ์ออกมาจนร้องด่าหยางชิงตามๆ กัน
หยางชิงนั้นไม่คิดสนใจและยิ้มตอบกลับไป “พ่อเจ้าเอาชนะพวกเจ้าทั้งหมดได้เพราะมีพี่น้องที่เก่งกาจ! เชื่อไหมเล่า ไม่เชื่อก็มาลอง!”
คนทั้งหลายนั้นต่างต้องหุบปากลงไป
เพราะคำพูดของหยางชิงนั้นมันก็จริง แม้จะฟังดูหน้าไม่อายไปหน่อยแต่พวกเขาไม่อาจจะหาคำใดมาเถียงได้อีก!
ทำไมพวกเขาถึงไม่มีพี่น้องเช่นเย่หยวนเล่า?
เพราะฉะนั้นข่าวเรื่องโอสถสวรรค์เม็ดเดียวจากเย่หยวนนั้นมันก็ได้แพร่ไปทั้งนิกายยาสุดล้ำอย่างรวดเร็ว
คนทั้งนิกายนั้นต้องอ้าปากค้างเมื่อได้ยินมัน
แม้ว่าคนที่เอาชนะไปในวันนี้มันจะเป็นหยางชิงแต่สิ่งที่คนทั้งหลายสนใจนั้นมันกลับเป็นเย่หยวนเพราะคนที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์นี้ขึ้นมาได้มันคือเย่หยวนอย่างไม่ต้องสงสัย!
แม้แต่เหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายที่เก่งกาจในวิชาโอสถนั้นต่างก็ต้องอ้าปากค้าง
โอสถสวรรค์ที่เหนือล้ำฟ้าเช่นนี้เย่หยวนหลอมมันขึ้นมาได้อย่างไร?
เพราะต่อให้จะเป็นโอสถสวรรค์ครบธาตุแต่ว่ามันก็คงไม่มีผลที่สะท้านสวรรค์เช่นนี้หรอกมิใช่หรือ?
เย่หยวนนั้นใส่อะไรลงไปเพิ่ม เขาปรับเปลี่ยนสูตรอย่างไร?
คนทั้งหลายนั้นต่างรู้สึกว่าตั้งแต่เย่หยวนก้าวเท้าเข้ามาเหยียบดินนิกายยาสุดล้ำนั้นมันเหมือนกับว่านิกายยาสุดล้ำได้กลายเป็นของเขาไปสิ้นเชิง!
โอสถวงจรอนันต์นี้มันถูกขนานนามว่าโอสถสวรรค์ที่ยากที่สุดในประวัติศาสตร์!
เย่หยวนที่อยู่แค่ระดับห้านั้นกลับหลอมมันได้จริงๆ
แต่นอกจากจะหลอมได้จริงแล้วมันกลับสร้างผลลัพธ์ที่แม้แต่โอสถวงจรอนันต์ระดับลึกล้ำทั่วไปยังทำไม่ได้!
เช่นนั้นหมายความว่าเย่หยวนนั้นมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำกว่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับแปดทั้งหลายไปแล้ว?
นี่มัน…ล้อกันเล่น?
เจ้าเพิ่งบรรลุระดับลึกล้ำมาได้แค่สิบปีมิใช่หรือ?
ทำไมถึงเก่งได้ขนาดนี้เล่า?
แน่นอนว่าเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้นมันย่อมจะไม่อยู่ในความคิดของเย่หยวนเพราะตอนนี้เขาได้เข้ามานั่งประชุม ในหอสุดแสงแล้ว
ในฐานะศิษย์ของเจ้าโลกหยุนซานนั้นนิกายย่อมจะต้องฟังคำพูดของเขาอย่างจริงจัง
ที่สำคัญไปกว่านั้นเขายังได้มอบคุณใหญ่หลวงให้นิกายไว้ด้วย!
“ศิษย์น้องข้า เรื่องนี้มันใหญ่เกินไป ผลที่ตามมามันจะยากเกินจัดการแน่!” หลี่ชิงหยุนนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางลำบากใจ
ผู้อาวุโสหอสุดแสงอีกคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาตาม “ข้าเองก็ไม่เห็นด้วย! หากคนอื่นรู้ว่าเรานั้นเปิดบ้านให้คนอื่นมากเอาสมบัติไปเช่นนี้นิกายยาสุดล้ำนั้นจะได้มีศัตรูผุดขึ้นมาทั่วฟ้าดินแน่!”
“อาจารย์ลุงน้อย ท่านนั้นระดับอาวุโสสูงแต่ท่านนั้นยังอายุน้อยไปนัก!”
…
ในหอสุดแสงนั้นเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างค้านเย่หยวนออกมาเป็นเสียงเดียว
เพราะเรื่องราวเช่นนี้มันเพ้อฝันและหลอกลวงจนเกินรับ!
จู่ๆ จะไปสร้างศัตรูขึ้นมาทั่วฟ้าดิน มันจะมีประโยชน์อะไรกับพวกเขากัน!
ทำเช่นนั้นมันย่อมจะไม่มีใครยอมแน่นอน
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปเมื่อได้ยิน “พวกท่านบอกมาหน่อยได้หรือไม่ว่าตั้งแต่ที่พันธมิตรสวรรค์แรกก่อตั้งขึ้นมานั้นมันมียอดฝีมือกี่คนแล้วที่ทวีปสวรรค์แรกได้ให้กำเนิด? นิกายเราได้ให้กำเนิดยอดฝีมือมากี่คนแล้ว?”
หลี่ชิงหยุนขมวดคิ้วแน่นตอบกลับไป “นิกายยาสุดล้ำเรานั้นไม่ได้ให้กำเนิดยอดฝีมือที่แท้จริงแม้แต่คน นอกจากนั้นแล้วยังมีมหาจักรพรรดิอีกนับร้อยที่ตายลงเพราะสงคราม! ส่วนนิกายอื่นๆ นั้นก็ไม่ได้ต่างจากเรามากมาย! ไม่สิ จริงๆ พวกเขานั้นมีสภาพแย่กว่าเราเสียด้วยซ้ำไป!”
“ใช่แล้ว!” เย่หยวนกล่าวขึ้นมาอย่างเรียบเฉย “หลังจากที่พันธมิตรสวรรค์แรกเราก่อตั้งขึ้นมานั้นมันอาจจะฟังดูเหมือนคนทั้งหลายรวมใจกันเป็นหนึ่งแต่จนถึงตอนนี้พวกท่านก็ยังคิดแค่จะเช็ดประตูหน้าบ้านตัวเองเท่านั้น! นอกจากจะไม่มีใครพัฒนาขึ้นแล้วมันมีแต่จะอ่อนแอลงแทนเพราะศึกกับเผ่าเลือดแทน! กลับกันนั้นฝ่ายเผ่าเลือดมันยิ่งสู้กลับยิ่งเก่งยิ่งสร้างยอดฝีมือได้มากขึ้น! ข้าไม่รู้เลยว่าเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ของเรานั้นจะทนไปได้อีกแค่ไหน แต่หากยังทำเช่นนี้กันต่อไปมันก็คงได้แต่รอเวลาตายแล้วมิใช่หรือ?!”
เหล่าผู้อาวุโสหอสุดแสงนั้นต่างเคยไปสู้ที่แนวหน้ามาทั้งสิ้นแล้วย่อมจะเข้าใจเผ่าเลือดดี!
หลายพันปีที่ผ่านมานั้นมันมีผู้อาวุโสหอสุดแสงหลายคนต้องตายลงไป!
พวกเขานั้นเดิมทีต่างเป็นยอดฝีมือพลังคลื่นกำเนิดผู้มีโอกาสจะก้าวขึ้นเป็นเจ้าโลก!
ส่วนนิกายอื่นๆ นั้นยิ่งจะมีสภาพย่ำแย่กว่ามาก
“คนทั้งหลายในนิกายเรานั้นไม่เคยไปยังแนวหน้าและย่อมจะไม่เข้าใจถึงอันตรายใดๆ เลย พวกมันคงไม่รู้เลยว่าความตายกำลังมาเยือนหน้าประตูบ้านแล้ว จริงๆ พวกมันนั้นอาจจะคิดว่าเจ้าโลกนั้นสุดแสนแข็งแกร่งคงสามารถกัดเผ่าเลือดไว้นอกเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ตลอดไป! แต่ความเป็นจริงเล่า? ข้านั้นได้เห็นกับตาว่าอาจารย์หยุนซานและศิษย์พี่ซ่งฉวนทำหน้าตากังวลแค่ไหน! ต่อให้จะเป็นตัวตนระดับนั้นพวกท่านเองก็ยังไม่มั่นใจมิใช่หรือ?”
“ในสภาพตอนนี้แล้วนิกายทั้งหลายยังจะมีหน้ามาหวงกำลังของตัวเองรอเวลาได้ผงาดกลับขึ้นมาเหนือหัวคน แต่ข้าถามหน่อยว่าโอกาสนั้นจะมาถึง? ข้าว่าเหล่าเจ้าโลกทั้งหลายเองก็คงเห็นถึงจุดนี้กันดี! แต่ข้าคิดว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นคงไม่มีโอกาสจะปรับเปลี่ยนอะไรได้! ในเมื่อไม่มีใครกล้าจะลุกขึ้นมานำทำไม…นิกายยาสุดล้ำของพวกเราถึงไม่เป็นคนนำให้เล่า?!”
“นอกจากนี้แล้วต่อให้จะเปิดทรัพยากรให้คนนอกได้ใช้ข้าเองก็ไม่คิดว่ามันจะทำให้นิกายเราเสื่อมใดๆ แต่กลับจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยซ้ำ! นิกายยาสุดล้ำเรานั้นเป็นยอดนิกายในด้านโอสถ แต่นิกายอื่นๆ เองก็มีวิชาเอกของตัวเองที่พวกเขาถนัดเช่นกัน! หากเราเปิดทรัพยากรของเราแล้วเราก็สามารถทำการแลกเปลี่ยนทรัพยากรกับนิกายน้อยใหญ่ทั้งหลายได้! ศิษย์นิกายเรานั้นมันมีแต่หัวกะทิของหัวกะทิ มีหรือที่จะพ่ายแพ้ให้คนนอกได้?”
เย่หยวนนั้นกล่าวออกมาอย่างยืดยาวบอกถึงข้อดีข้อเสีย คุณและโทษของแผนนี้อย่างชัดเจน
เย่หยวนนั้นเตรียมตัวพูดเรื่องนี้มานานแสนนาน ทำให้เหล่าผู้อาวุโสหอสุดแสงทั้งหลายต้องนั่งนิ่งฟังอย่างไม่กล้าขัด
สิ่งนี้มันควรเป็นเจ้าจักรพรรดิเซียนตัวน้อยหรือที่มาพูด?
ได้ยินเจ้าพูดนี้มันเหมือนเจ้าแทนตัวเองเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ปาน!
แต่ว่าเหล่าผู้อาวุโสหอสุดแสงทั้งหลายนั้นเองก็แตกตื่นตกตะลึงสุดใจเช่นกัน
เพราะเย่หยวนนั้นคิดไปไกลมาก!
พวกเขานั้นเอาแต่คิดว่ากลัวคนอื่นจะก้าวเหนือหัวนิกายตนแต่เย่หยวนนั้นได้มองไปถึงการพัฒนาของทั้งทวีปสวรรค์แรกหรือการพัฒนาของทั้งสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดไปแล้ว!
แท้จริงแล้วตั้งแต่ตอนที่เย่หยวนอยู่ที่เมืองทัศน์เหนือนั้นเขาก็ได้เห็นวิธีการและเป้าหมายของจั่วเฉินอย่างชัดเจนและได้เตรียมการในวันนี้มาแสนนาน
ที่หยิบมันขึ้นมาพูดวันนี้ก็เพียงแค่เพื่อจะเปิดตาคนที่หลับ หากจะให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ออกมาพูดเรื่องนี้จริงๆ แล้วมันคงยากเกินรับ
เพราะว่าเขานั้นต้องเป็นคนกลางที่เหมือนเสาเข็มปักพันธมิตรสวรรค์แรกไว้ด้วยกัน ย่อมจะไม่อาจปล่อยให้ใครต้องเสียประโยชน์จนเกินไปได้
ไม่เช่นนั้นพันธมิตรมันคงแตกสลายลงแน่
แต่ให้นิกายยาสุดล้ำเป็นคนทำลายกำแพงนี้ลงนั้นมันเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ เพราะหากเป็นนิกายเล็กๆ ทำมันอาจจะไม่ส่งผลต่อภาพรวมใดๆ
หากแผนนี้ถูกใช้แล้วท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เองก็คงพร้อมจะช่วยหนุนหลังให้เงียบๆ จนสุดท้ายเปลี่ยนแปลงพันธมิตรสวรรค์แรกทั้งสิ้นลงไป!
มีเพียงแค่ทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้ทวีปสวรรค์แรกแข็งแกร่งขึ้นมา!
ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขานั้นคงได้แต่ต้องตั้งรับเผ่าเลือดไปทุกวี่วันจนสุดท้ายก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่นอน
……………