Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1427
“แฮ่ก…แฮ่ก…แฮ่ก…”
จังหวะหายใจเย่หยวนหอบถี่หนักขึ้นแลหนักขึ้น การเผชิญหน้ากับตัวเขาอีกคนหนึ่งนี้ ยิ่งเวลาผ่านไปอีกฝ่ายยิ่งแกร่งกร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองสัประยุทธ์ต่อสู้กันเป็นเวลาสามวันสามคืน ถึงแท้แต่ละกระบวนท่าของเย่หยวนจะกินพลังปราณเทวะน้อยมาก ทว่าศึกยาวจวบจนตอนนี้เขาเองก็รั้งรอนไว้ไม่ไหวแล้วเช่นกัน
ท้ายที่สุดนี้ คู่ต่อสู้ของเขากลับมิใช่ใครอื่น แต่เป็นตัวเขาเอง!
ฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งเกินไป ในสามวันที่ผ่านมา เย่หยวนล้วนเป็นฝ่ายตั้งรับเสมอและไม่สามารถหาช่องโหว่โจมตีตอบโต้ใดๆได้เลย
“ฮ่าๆ ไฉนเจ้าถึงอ่อนแอลงเรื่อยๆกัน? ตัวข้าอีกคนที่แท้กลับอ่อนแอปานนี้ ช่างน่าอดยศเป็นที่สุด เช่นนั้น…ลงนรกไปซะ!” เย่หยวนอีกคนแสยะยิ้มเย้ยหยัน ความแกร่งกร้าวในมือที่ถือครองไม่เพียงลดทอน ทว่ากลับเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทีแรกระหว่างทั้งคู่พลังมือค่อนข้างก้ำกึ่ง จวบจนบัดนี้เย่หยวนทำได้เพียงตั้งรับระวังตัว เพียงเลี่ยงหลบออกมาโดยปลอดภัยก็เป็นเรื่องยากแล้วสำหรับเย่หยวน ภัยคุกคามถาโถมเข้าใส่ไม่ยั้งมือ
“เหอะ เหอะ ภายในห้วงมิติบ่มเพาะแห่งความตาย พลังปราณเทวะข้ามีไร้จำกัด แต่ของเจ้ากลับลดน้อยลงเต็มทน และผลสุดท้ายที่เจ้าต้องเผชิญคือ…ความตาย!” เย่หยวนอีกคนคำรามลั่นปราศจากความเมตตาสงสารใดๆ
ภารกิจของมันภายในห้วงมิตินี้คือการสังหารร่างต้นแบบทิ้ง! และยิ่งไปกว่านั้น ภานในห้วงมิติแห่งนี้เองพลังปราณเทวะของร่างจำแลงจะถูกฟื้นฟูขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่เย่หยวนมีวรยุทธฟื้นฟูพละกำลังก็จริง แต่ความเร็วในการฟื้นตัวกลับไม่สามารถเทียบเทียมร่างจำแลงได้เลย ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป เย่หยวนก็ยิ่งตกสู่อันตราย!
ด้านนอกห้วงมิติบ่มเพาะแห่งความตาย หวูเฉินยังคงเฝ้ามองเย่หยวนไม่ห่างตาพร้อมท่าทีสุดวิตกกังวลใจ มือทั้งสองกำหมดแน่นเจือสั่นเทาโดยมิตั้งใจ เขาทราบดีว่า เย่หยวนตกสู่ที่นั่งลำบากแล้ว ความเป็นความตายถูกกั้นเพียงเส้นบางๆ หากเย่หยวนยังไม่สามารถเสาะหาวิธีเอาชนะมันได้ เจาจะต้องตายอยู่ภายในนั้น ตราบใดที่เปิดใช้ห้วงมิติบ่มเพาะแห่งความตายแล้ว แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่สามารถหยุดมันได้แล้วเช่นกัน
หวูเฉินตระหนักดี นี่จะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดที่เย่หยวนเผชิญพบในชีวิต เพราะคู่ต่อสู้ของเขาหาใช่ใครอื่น นอกจากตัวเขาเอง และนี่คือจุดที่น่ากลัวที่สุดของห้วงมิติบ่มเพาะแห่งความตาย ไม่ว่าแกร่งกล้าปานใด แต่หากปราศจากความมุ่งมั่นก็ไม่มีทางเอาชนะตัวเองได้ นี่คือแกนแท้ของห้วงมิติบ่มเพาะแห่งความตาย
“เอาเลยเย่หยวน! เจ้าอย่าทำให้เราชายชราผิดหวัง!”
หนังตาหวูเฉินกระตุกไม่หยุด แสดงถึงความตึงเครียดบีบเกร็งหัวใจของเขาสุดขั้ว เหตุผลที่เขาตัดสินใจแนะนำวิธีการฝึกปรือที่เสี่ยงปานนี้ เป็นเพราะเขารู้ว่าการที่เย่หยวนจะหลอมสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนในบทที่สองตามลำพังมันยากเข็ญเพียงใด ถึงสุดท้ายจะทำสำเร็จ แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเนิ่นนานแค่ไหน
ในเวลานั้น มู่หลินเสวียอาจตายจากไปนานแล้ว
เย่หยวนในปัจจุบันมิอาจเสียเวลาได้มากไปกว่านี้ เขาต้องการพลังและความแข็งแกร่ง เขาจำเป็นต้องตามหาศิลาชีวิตนิจนิรันดร์เพื่อมาประคองอาการของมู่หลินเสวีย! ถึงวิธีนี้จะอันตรายสุ่มเสี่ยง แต่มันก็เป็นวิธีเดียวที่สามารถรีดศักยภาพของเย่หยวนออกมาได้มากที่สุดภายในเวลาอันสั้น
เมื่อผู้คนต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาเอง กระทั่งถูกบีบจนสิ้นไร้ไม้ตอก ยามนั้นตามสัญชาตญาณของมนุษย์ พวกเขาจะดิ้นรนขวนขวายทุกวิถีทางเพื่อต่อชีวิตความอยู่รอด เว้นเสียแต่ คนที่จะประสบความสำเร็จกลับมีน้อยมาก!
อันที่จริงแล้ว ห้วงมิติบ่มเพาะแห่งความตายเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่สมบูรณ์ของจอมเทพนิรันดร์ ในครั้นกกาลอดีต จอมเทพนิรันดร์เคยขับผู้คนจำนวนมากเข้าไปในนั้นและทดลองประสิทธิผลที่ได้จากห้วงมิติบ่มเพาะแห่งความตาย
สิ่งที่เขาคาดหวังไว้คือ สถานที่แห่งนี้จะช่วยรีดเร้นศักยภาพแฝงของผู้คนได้โดยการใช้ความตายเป็นตัวช่วย ในหมู่ที่เขาจับไปทดลอง มีทั้งเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า อาณาจักรราชันพระเจ้า ทั้งนี้ยังรวมไปถึง…ยอดเซียนอาณาจักรนภาสวรรค์!
โดยรวมแล้วผู้ทดสอบมีหลักหลายร้อยคน แต่ผลสุดท้ายกลับไม่มีใครสามารถออกมาได้เลย! กระทั่งเหล่าอัจฉริยะเฉกเช่นพวกเขาก็ยังไม่สามารถข้ามผ่านตัวเองไปได้ อัตราความเสี่ยงของวิธีฝึกปรือเช่นนี้จึงเกือบเทียบเท่าสิบในสิบส่วนเต็ม!
ก่อนที่หวูเฉินจตัดสินใจเสนอวิธีนี้ให้เย่หยวน เขาเองก็รู้สึกขัดแย้งภายในใจเช่นกัน เพียงว่าหวูเฉินอยู่กับเย่หยวนมาก็เนิ่นนานพอควร เขาได้รับอิทธิพลต่างๆจากเย่หยวนมาไม่น้อย ในทางตรงกันข้าม จิตวิญญาณสมบัติเวทย์สวรรค์อย่างเขาก็กำลังเดิมพันกับเย่หยวนโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน
ชวิ้งง!
คมดาบปาดออกฉีดเสื้อของเย่หยวนเชือดเฉือนมัดกล้ามเนื้อบาดลึก
สีหน้าการแสดงออกของหวูเฉินแปรเปลี่ยนไปในทันใด เย่หยวนเริ่มพลาดท่าจนได้รับบาดเจ็บแล้ว! นี่หาใช่สัญญาที่ดีไม่ มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ปริมาณพลังปราณเทวะที่เย่หยวนสำรองไว้ มันไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนศึกในคราวนี้แล้ว
อย่างไรก็ตามแต่ ศึกสัประยุทธ์นี้ก็ยังดำเนินต่อไปไม่มีลดละปรานี
ชวิ้ง!
ชวิ้ง!
ชวิ้ง!
…
เสื้อผ้าอาภรณ์เย่หยวนถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว บาดแผลรอยคมดาบมากมายฝังลึกทั่วร่างกายเย่หยวน!
“ฮ่าๆๆ เจ้ามันอ่อนแอเกินไป! พวกอ่อนแอไม่สมควรมีที่ยืนในผืนพิภพ! ยอมแพ้ซะ!”
ดาบพิชิตมารฟ้าปลอมในมือเย่หยวนอีกคนเปรอะเปื้อนไปด้วยคาบเลือด ส่วนตัวมันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคคลั่ง พลังปราณเทวะภายในกายของเย่หยวนถูกระบายรั้วไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ยามนี้มันเจียนถึงขีดจำกัดที่เย่หยวนรับไหวแล้วเช่นกัน การต่อสู้กับตัวเองอีกคน ใครจะไปคิดว่ามันสร้างปัญหามากมายเพียงนี้!
เย่หยวนในปัจจุบันไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่จะยกดาบขึ้นมา
“อ่อนล้าเหลือเกิน…หรือเป็นไปไหม…ข้าต้องตายแบบนี้จริงๆ?” ภายในห้วงความคิด เย่หยวนครุ่นพินิจกับตัวเอง
…
“ไม่ว่าเขาจะทำอะไรอยู่ จงไปเรียกเย่หยวนมาเดี๋ยวนี้! คล้อยหลังหนึ่งชั่วยามแล้วอีกฝ่ายยังไม่ออกมา พวกเจ้าทั้งหมด…จะต้องได้รับผลที่ตามมาเอง!”
ณ ห้องโถงใหญ่แห่งวังเทวะรัตติกาลฉาย เหลยต้วนนั่งอยู่บนตำแหน่งประมุขหน้าบูดบึ้งไม่คลายอ่อน ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งวังเทวะรัตติกาลฉายหายเงียบเข้ากลีบเมฆโดยไม่มีท่าทีสนใจใดอื่น ในขณะที่เขาผู้เป็นถึงท่านทูตแห่งวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ กลับต้องนั่งรออีกฝ่ายอยู่เฉยๆ อย่างไร้กำหนดเวลา!
สีหน้าการแสดงออกของไป๋เฉินเปลี่ยนไป เขากล่าวว่า “เรียนท่านทูต ผู้อาวุโสสูงสุดในยามนี้เพิ่งเข้าเก็บตัวได้ไม่นาน ณ เวลานี้อาจอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ หากเข้าไปขัดจังหวะอาจดูไม่เหมาะสมเกินควร ท่านคิดว่าจริงหรือไม่? ไยท่านทูต…ถึงไม่พักผ่อนค้างแรมในวังเทวะรัตติกาลฉายก่อนสักพัก? ทันทีที่ผู้อาวุโสสูงสุดออกจากการเก็บตัวเมื่อใด เขาจะรีบแจ้งให้ท่านทรายโดยไว คิดเห็นเช่นไรบ้าง?”
บูมมม!
สุ่มเสียงไป๋เฉินยังไม่ทันจางหายดี จู่ๆ เหลยต้วงก็ตบฝ่ามือโจมตีใส่อีกฝ่ายโดยตรง
“พร๊วดด!!”
เหลยต้วนเป็นถึงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุด เศษเสี้ยวพลังของไป๋เฉินมีหรือจะเพียงพอรับมือไหว? หากมิใช่เพราะว่าเขาเป็นประมุขวังเทวะรัตติกาลฉาย ฝ่ามือเมื่อครู่คนงหมายเอาชีวิตติดไปด้วยแล้ว
ทูตคนนี้ช่างจองหองยิ่งนัก!
“คำสั่งการด่วนของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์คงเป็นเรื่องตลกกระมัง? เราผู้นี้บอกว่าหนึ่งชั่วยามก็คือหนึ่งชั่วยาม! แล้วพวกเจ้ากำลังวิตกอันใด? หรือเป็นไปได้ไหมว่า…ผู้อาวุโสสูงสุดจะเป็นเซียนต่างแดนอย่างที่ข่าวลือว่าจริงๆ? หื้ม?” เหลยต้วนกวาดตาแช่มมองทุกคน ดั่งว่าหัวใจของพวกเขาเยือกแข็งเย็นลงชั่วขณะ
ไป๋เฉินเร่งพยุงตัวขึ้นด้วยโกรธจัดหัวแทบลุกเป็นไฟ แต่สุดท้ายกลับถูกโม่หยุนหยุดลงเสียก่อน และเป็นไป๋ซิ่งที่เร่งก้าวออกมาพร้อมประสานมือกล่าวกับเหลยต้วนว่า
“เรียนท่านทูต คำบอกเล่าพวกนั้นล้วนเป็นข่าวลือแน่นอน! ส่วนใหญ่แล้ววังเทวะรัตติกาลฉายมากถูกจ้องเล่นงานจากพวกวังเทวะพิรุณร่วงโรยอยู่เสมอ และพวกที่ปล่อยข่าวเท็จเหล่านี้ออกไปคงหนีไม่พ้นฝ่ายนั้นเช่นกัน ท่านทูตโปรดแยกแยะถูกผิด! และที่สำคัญที่สุด ผู้อาวุโสสูงสุดเย่หยวนสำแดงเดชไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว แต่เต๋าแห่งดินแดนนภาบรรพตก็หาได้ปฏิเสธเขาสักครั้งไม่ นี่จึงเป็นหลักฐานชั้นเยี่ยมว่าเขาหาใช่ผู้บุกรุกต่างแดน!”
เหลยต้วนปราดตามองเขาอย่างเยือกเย็นและกล่าวว่า “เราท่านทูตผู้นี้ต้องทำตามคำสั่งจากเบื้องบนและนำเขาไปยังศาลไท่ลู่ จะใช่หรือไม่จำต้องรอฟังคำตัดสินเท่านั้น! ตอนนี้อย่าทำอะไรให้เกินเลยนัก ข้าจะไม่พูดซ้ำ คล้อยหลังหนึ่งชั่วยามต้องได้พบหน้าเขา!”
…………………………………