Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1483
เรื่องแบบนี้จำต้องตัดสินเช่นนี้!
ศึกสัประยุทธ์เริ่มขึ้นได้!
วูบบบ!
แท่งโลหะสีดำทมิฬทุบลงไปยังหัวของเย่หยวน พร้อมเสียงฉีกกระชากห้วงอากาศ
“เร็วมาก!”
“สุริยันดาราเร้นซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้!”
“ไม่! เดี๋ยวก่อน! พวกเขาทั้งสามล้วนปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้!”
…
แท่งโลหะสีดำทมิฬเป็นตันหนาคล้ายบังคับเคลื่อนไหวอย่างง่ายดายราวกับใช้นิ้วมือได้อย่างคล่องแคล่ว
ในขณะที่มันเปิดฉากโจมตีทั่วบริเวณสะเทือนฟ้าสะท้านแผ่นดิน!
นี่เป็นแนวคิดที่แตกต่างจากก่อนหน้าที่สำแดงนำใช้ออกมาในรอบก่อนๆโดยสิ้นเชิง
ไม่ว่าจะเป็นด้านความเร็วหรือพละกำลัง ความลึกซึ้งต่อแนวคิดกลับอยู่ต่างระดับจากก่อนหน้าราวกับฟ้ากับเหว
ไม่ใช่แค่สุริยันดาราเท่านั้น กระทั่งสองพี่น้องหู่เหยียนและหู่หลัวพลังมือกลับปะทุเพิ่มทวีในพริบตา ขณะเดียวกันทั้งสองก็เข้าสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของลั่วฉีและเป่ยหลานได้โดยสมบูรณ์
อย่างก็ตามแต่ ความแกร่งกล้าของสุริยันดาราก็เหนือชั้นที่สุดในบรรดาทั้งสามอย่างไม่ต้องสงสัย!
หากผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของสุริยันดาราในยามนี้ มันย่อมสามารถเปาหัวของฝ่ายตรงข้ามได้กระจุยในชั่วอึดใจเดียว
ฝ่ายตรงข้ามที่เคยเผชิญหน้ากับสุริยันดาราในยามนี้ ต่างเผยสีหน้าแสดงความหวาดกลัวขึ้นในทันใด
โชคยังดีนักที่เป้าหมายของสุริยันดาราในยามนี้คือเย่หยวน มิฉะนั้นกลับเป็นฝ่ายพวกมันที่แหลกเหลวกลายเป็นศพไม่เหลือชิ้นดีนานแล้ว
มุมปากเย่หยวนกระตุกขึ้นเล็กน้อย ยามนี้เผยรอยยิ้มอันเหยียดหยันประดับใบหน้า เขาหาได้ถอยหนีไม่ แต่ย่างก้าวขึ้นหน้าแทน ทันใดนั้นร่างของเย่หยวนพลันไสววูบพุ่งออกไปในทันใด
เกร๊งง!
เสียงดังกึกก้องส่งผ่านออกมาชัดแจ้ง ปลายคมดาบของเย่หยวนสวนกระแทกลงบนแท่งโลหะอย่างแม่นยำ ส่งแรงผลักกวาดแท่งโลหะกระเด็นออกไป
แรงสั่นสะเทือนที่ปะทะชนส่งผ่านมาถึงปลายด้ามกระชับจับแน่น สุริยันดารารู้สึกถึงความชาที่ลามมาถึงท่อนแขน สั่นสะท้านแทบคลายอ่อนออกจากด้ามจับ
ในยามนี้สุริยันดารารู้สึกตื่นตกใจอย่างมาก
กระบวนเมื่อครู่ดูเรียบง่ายไร้พิษสง ทว่าความเป็นจริงกลับยากยิ่งที่จะต่อกรนักหนา
เขาเคยเผชิญหน้ากับยอดนักดาบมานับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยเห็นกระบวนดาบใดที่สามารถตอบโต้เขาด้วยวิธีการนำใช้ชนิดนี้
หากเกิดความผิดพลาดแม้นเพียงเล็กน้อย แท่งโลหะจะเหวี่ยงอัดศีรษะแหลกเละ ศาสตร์แห่งเต๋าภายในตัวสูญสลายดับอนาถ
ทว่าชายหนุ่มคนนี้กลับผิดประหลาดยิ่งนัก!
เกร๊ง! เกร๊ง! เกร๊ง!
เสียงโลหะปะทะชนสาดสะท้อนกึกก้อง เพียงเสี้ยวพริบตาทั้งสองสัประยุทธ์แลกเปลี่ยนกระบวนนับหลายสิบ ทั้งต้านรับจู่โจมสลับไปมา
เหล่าผู้พิทักษ์จากตระกูลอื่นๆ โดยรอบลานประลองต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“บรรพกาลราตรีเองก็ปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้เช่นกัน!”
“แม่ทัพปีศาจสองดาวชั้นกลางสามารถสำแดงฤทธิ์เดชได้ปานนี้ ช่างน่าเกรงขามโดยแท้!”
“เจ้าหนุ่มคนนี้บ่มเพาะพลังมาอย่างไรกัน? แม้ระดับพลังมิได้สูงค่านัก ทว่าพลังการต่อสู้กับเหนือชั้นเป็นอย่างยิ่ง!”
…
แต่ในตอนนั้นเอง ลั่วฉีและเป่ยหลานก็มิอาจต้านรับได้ไหวอีกต่อไป
ภายใต้แรงกดดันของสองพี่น้องหู่เหยียนและหู่หลัว พวกเขาทำได้เพียงต้านรับขับสู้ และมิอาจหาจังหวะโต้ตอบกลับได้เลย
ในเวลานี้เอง พวกเขาทราบแล้วว่าทำไมสุริยันดาราถึงยื่นข้อเสนอให้ทั้งคู่ยอมแพ้ไปตั้งแต่แรก
เมื่อพวกเขาต้องการจะหนียามนี้ กลับไม่สามารถทำได้เลย!
“ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแล้ว! ขอร้องเถิด ปล่อยข้าออกไป!”
ลั่วฉีกรีดร้องขึ้นลั่น
หู่เหยียนแสยะยิ้มน่าสยดสยองนักพลางกล่าวขึ้นว่า
“เหอะ เปล่าประโยชน์ ตายซะ!”
“พร๊วดดด!”
แท่งเหล็กหนาของหู่เหยียนทุบใส่ลั่วฉีแหลกเละกลายเป็นเนื้อบดในทันใด
ในขณะเดียวกันเป่ยหลานก็ถูกหู่หลัวฆ่าตายไปแล้วเช่นกัน
ณ ปัจจุบัน บนลานประลองกลายมาเป็นการสัประยุทธ์แบบสามต่อหนึ่งทันที!
สุริยันดารา หู่เหยียนและหู่หลัว ทั้งสามกระจายตีล้อมอีกฝ่ายประจำตำแหน่งเป็นทรงสามเหลี่ยม โดยมีเย่หยวนอยู่ ณ ใจกลางถูกตัดขาดจากทางหลบหนีทั้งหมด
“ฮ่าๆ คาดไม่ถึงใช่หรือไม่ว่า เจ้าโง่ทั้งสองตัวนั้นยังคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสหนีรอดไปได้? แท้ที่จริงแล้ว เป้าหมายของเราทั้งสามคือเจ้าตั้งแต่ทีแรกแล้ว! ข้าขอดูหน่อยว่า เจ้าจะหนีไปไหนได้หรือไม่?!”
สุริยันดาราเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมแผดเสียงดังลั่น
เย่หยวนส่งสายตาให้พวกนั้นราวกับกำลังมองคนโง่ และเอ่ยขึ้นอย่างเฉยเมยขึ้นว่า
“แล้วใครบอกว่าข้าจะหนี?”
“เหอะ เจ้าหนูตัวนี้ยังต้องการสำแดงความหาญกล้า? คิดหรือว่าจะปราบปรามพวกเราทั้งสามได้?”
หู่เหยียนหัวเราะเสียงเย็น
“คนโง่กลับประเมินความสามารถตนเองสูงส่งเกินไป คิดหรือว่าตนเองจักไร้เทียมทานปานนั้น?”
หู่หลัวเอ่ยล้อเล่น
“หึ! คนโง่หาเคยดูเงาตนเองไม่! เจ้าคิดหรือว่าตนเองจักท้าทายสวรรค์ได้จริงๆ? ข้าจักสำแดงพลังที่แท้จริงของข้าให้ดูเป็นขวัญตา!”
สุริยันดาราเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้มอันแสนเยียบเย็น
“สุสานมารปีศาจ!”
สุริยันดาราแผดเสียงคำรามลั่น ปรากฏร่างภูตปีศาจเข้าทักทายเย่หยวนนับไม่ถ้วน
ศาสตร์แห่งปีศาจของมันบรรลุชั้นสวรรค์ระดับสามแล้ว มันแทบจะสามารถกวาดล้างเซียนในระดับเดียวกันได้จวนจะทั้งหมด
ตอนนี้มันกำลังใช้เพื่อปราบปรามแม่ทัพปีศาจสองดาวชั้นกลาง อาจกล่าวได้ว่าเกินพอแล้ว
ในขณะเดียวกันนั้นเอง หู่เหยียนกับหู่หลัวเองก็เคลื่อนไหวโจมตีพร้อมกัน!
ชั่วขณะเวลาหนึ่ง คลื่นพลังวิญญาณอันโหมกระหน่ำแทบพลิกลานประลองทั้งหมดจนคว่ำลงได้
เย่หยวนดูอ่อนแอไปในทันทีเสมือนเรือพายลำเล็กภายใต้ภัยพิบัติจาการผสานโจมตีของทั้งสาม!
เมื่อไคซินเห็นดังนั้น รอยยิ้มอันแสนเยือกเย็นพลันปรากฏขึ้นบนมุมปากของมันทันที
เขามั่นใจอย่างมากว่า ภายใต้การโจมตีของทั้งสามที่ผสานรวมกันเป็นหนึ่ง เย่หยวนไม่มีทางรอดชีวิตออกมาได้แน่นอน
“เฮ้ออ…น้องสาวที่แสนดีของข้า ครั้งหน้าพี่ใหญ่จะหาคนดีๆให้เจ้าแน่นอน ข้าสัญญา ทว่าเจ้าเด็กคนนี้มันล้ำเส้นเกินไป ไม่ว่าอย่างไรข้าจำต้องฆ่าเขา!”
สายตาของเขาจับจ้องไปที่หลี่จีพลางกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม
เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของหลี่จี ความรู้สึกแสนยินดีปรีใจก็ท่วมทะลักเข้าสู้จิตใจของไคซินทันที
เขาให้ความสนใจกับหลี่จีมาโดยตลอด และในตอนแรก เขาก็ค้นพบว่า ตนน่าจะเข้าใจหลี่จีดีที่สุดแล้ว
แต่ต่อมา สายตาของหลี่จีที่จ้องมองเย่หยวนกลับดูยิ่งหลงใหลมากขึ้น สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนตนทำตัวเอง
ดังนั้นแล้ว เย่หยวนจักต้องตาย!
เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นอย่างเฉยเมยว่า
“ข้าไม่เป็นอะไรหรอก แต่หลี่จีกลับไม่แน่ บางทีท่านอาจไม่สามารถแบกรับผลที่ตามมาได้”
สีหน้าการแสดงออกของไคซินแปรเปลี่ยนเป็นสีทมิฬเข้ม มันกล่าวว่า
“เรื่องขุ่นเคืองในวันนี้ย่อมค่อยๆจางหายไปเองในอนาคต แต่หากเจ้าหนุ่มคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ มันกลับเป็นภัยคุกคามที่ใหญที่สุดในภายภาคหน้า!”
ในเวลาเดียวกัน การผนวกการโจมตีของพวกสุริยันดาราทั้งสามก็ได้เริ่มขึ้น!
บูมมม! บูมมม! บูมมม!
คลื่นโจมตีนับไม่ถ้วนปราดตรงมาถึงจุดที่เย่หยวนยืนอยู่ ทั่วผิวลานประลองแตกระแหงเป็นเสี่ยงๆทางยาว
อนุภาพทำลายล้างอันทรงพลังนี้ได้หลั่งไหลล้นออกมาจากค่ายกลป้องกัน จนทุกคนสัมผัถงคลื่นความรุนแรงได้อย่างชัดเจน
นี่คือยอดฝีมือที่แท้จริง!
แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!
“มันจบแล้ว ระดมโจมตีขนาดนี้ แม้แต่จอมทัพปีศาจครึ่งขั้นยังไม่สามารถป้องกันได้เลยกระมัง?”
“บรรพกาลราตรีชะตาขาดแล้วแน่นอน ใครบ้างจะเต็มใจให้จบเช่นนี้กัน”
“น่าเสียดายอัจฉริยะเช่นนี้นัก ไม่ทราบว่าเขาไปให้ให้ท่าไคซินขุ่นเคืองอันใดกัน”
…
เหล่าผู้พิทักษ์ของแต่ละตระกูลต่างเห็นใจบรรพกาลราตรีเป็นอย่างยิ่ง เขาคืออัจฉริยะโดยไม่ต้องสงสัย แต่กลับน่าเสียดายนัก โดยไม่ทราบว่าเหตุใด ไฉนเขาถึงทำให้ท่านไคซินขุ่นเคืองถึงขั้นต้องฆ่าเอาชีวิตกัน
ไคซินจับจ้องภาพฉากบนลานประลอง พร้อมกลุ่มควันที่ลอยอยู่เหนือสนาม ยามนี้ปรากฏรอยยิ้มแสยะเย็นฉีกกว้างบนมุมปาก
แต่ในเวลานั้นเอง ประดุจมีสุ่มเสียงดังเข้าทะลวงรูหูของทุกคน ประดุจว่าเสียงนี้ดังขึ้นมาจากในนรก
“จันทร์สลาย…ดับเงาสยบมาร!”
สายตาที่จับจ้องของสุริยันดาราแปรเปลี่ยนดูจริงจังขึ้นหลายส่วน ก่อนจะฉายแววประหลาดใจ!
โพละ โพละ โพละ…
ทว่ายังไม่ทันได้ตื่นตกใจอันใด พวกมันกลับไม่รู้สึกตัวอีกต่อไปแล้ว
เสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่องกลางลานประลอง จากนั้นร่างทั้งสามพลันระเบิดเป็นก้อนเลือดสดโดยตรง
ร่างของเย่หยวนยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ราวกับว่าเขามิได้ขยับเคลื่อนไปไหน
เย่หยวนมิได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด เพียงว่าสีหน้าดูซีดเซียวขึ้นเล็กน้อย พลังปราณปีศาจภายในร่างลดฮวบต่ำลงอย่างมาก
ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามของเขาตายยิ่งกว่าตาย
“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น? พวกเจ้าเห็นหรือไม่?”
“ไม่! ข้าไม่เห็นอะไรเลย!”
“เร็ว! เร็วเกินไปแล้ว! ช่างเป็นเพลงดาบที่ไวยิ่งนัก!”
…
พวกเขาแต่ละคนหน้าถอดสีกันใหญ่ โดยไม่ทราบเลยว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่
เย่หยวนเดินลงจากลานประลองอย่างแช่มช้าและตรงมาหาไคซินพร้อมกล่าวว่า
“ขอบพระคุณเป็นอย่างมากสำหรับของรางวัล ท่านไคซิน”
………………………………………………………