Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1557
ตอนที่ 1557 กระทืบข้าแรงๆ!
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ท-ท-ท่านผู้สูงส่ง! ข้าผู้ต่ำต้อยมีตากลับมีแววไม่! จนสร้างความขุ่นเคืองให้ท่านโดยมิตั้งใจ! ข้า…ข้าจะรีบไปทันที!”
กัวซิงหวางเดิมคิดว่าเย่หยวนยามนี้เป็นเพียงลูกพลัมอ่อนนุ่ม แต่ไหนเลยคิดว่าอีกฝ่ายจะซ่อนแผ่นเหล็กไว้เช่นนี้?
“หยุด!”
เย่หยวนคำรามเสียงดังลั่น
ร่างของกัวซิงหวางที่กำลังจะก้าวเดินออกไปพลันฉะงักค้างแข็งในทันใด เขาพยายามฝืนยิ้มกระด้างแข็งทั้งน้ำตาพลางกล่าวว่า
“เอ่อ…เอ่อ…ท่านปรมาจารย์เย่มีสิ่งใดต้องการชี้แนะ?”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นเอ่ยว่า
“เขาโดนอะไรกันแน่?”
หหวางเชียนถือเป็นผู้ป่วยของเขา และเย่หยวนเพิ่งรักษาจนหายดีได้ไม่นาน ยามนี้กลับถูกทำร้ายจนสาหัสกลับมา มีหรือจะไม่รู้สึกโกรธภายในใจ?
แม้ว่าจุดยืนระหว่างทั้งสองฝ่ายจะคนละด้าน แต่เย่หยวนกลับชื่นชมความรักและห่วงใยระหว่างลุงกับหลานชายคู่นี้มาก
ที่สำคัญที่สุด หวางเชียนถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่เขาภาคภูมิใจที่สุด
การจะหลอมกลั่นโอสถชำระไขกระดูกสวรรค์นับเป็นเรื่องยากลำบากมาก กระทั่งเย่หยวนเองยังต้องใช้ความพยายามไม่น้อยกับการรักษา
หากมิใช่เช่นนั้น เขาคงไม่ใช่เวลากว่าสองชั่วยามในการวินิจฉัยอาการของหวางเชียนแน่นอน
อันที่จริง เย่หยวนพอจะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าความสำเร็จของเขาจะสร้งาความอับอายให้แก่หอเต๋ออี้มาก
แต่ใครจะไปคิดว่าอู๋เฟินที่เสียหน้าหนักจะมาจุดไฟระบายความโกรธกับคู่ลุงหลานขนาดนี้?
การที่หวางเชียงปรากฏตัวในสภาพอนาถขนาดนี้ นั้นหมายความว่าสภาพของหวางห่าวหลานจักต้องน่าสยดสยองกว่านี้หลายเท่านัก
เย่หยวนหาใช่คนดีเลิศจิตใจงดงามปานนั้น พวกเขาทั้งสองเองก็มิได้มีความสัมพันธ์เขามากมายนัก ย่อมไม่จำเป็นต้องทวงคืนความเป็นธรรมแก่พวกเขา
แต่การที่หอเต๋ออี้ไล่ล่าอีกฝ่ายจนเข้ามาบุกรุกล้ำเส้นคนอื่นแบบนี้ มันทำให้เย่หยวนหงุดหงิดอย่างมาก
“นี่…นี่…”
กัวซิงหวางกล่าวตะกุกตะกักไม่ทราบเลยว่าตนควรตอบอย่างไรดี
เย่หยวนเอ่ยตอบเสียงเย็นว่า
“หากพวกเจ้าจับเขาตั้งแต่อยู่ด้านนอก ข้าเองก็มิได้สนใจหรือไม่จำต้องสนใจเช่นกัน แต่ในแห่กันเข้ามาในร้านขายโอสถรับจ้ารสารพัดแล้ว ยามนี้คิดจะเดินออก ก็เดินออกไปง่ายๆขนาดนั้นเชียว?”
สีหน้าการแสดงออกของกัวซิงหวางบิดเบี้ยวน่าเกลียดถึงขีดสุด เขาเอ่ยกล่าวอย่างเชื่องช้าขึ้นว่า
“ท่านปรมาจารย์เย่ นี่…นี่ผู้ต่ำต้อยตระหนักทราบดี…ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง!”
เย่หยวนตะโกนเสียงเย็นชืดใส่ว่า
“โทษประหารเท่านั้น! เรื่องนี้ยากเกินจะผ่อนปรน!”
กัวซิงหวางแทบร้องระงมขื่นขมภายในใจ แต่ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้ายืนอยู่ตรงหน้า เขาหรือจะกล้าอวดดี มีแต่กล่าวตอบไปกว่า
“ท่านปรมาจารย์เย่…หากเป็นอย่างอื่นข้ายินดีรับโทษทั้งหมด! ขอเพียงท่านโปรดเอ่ยกล่าว?”
เย่หยวนกวาดตามองเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ท้ายหลัง และกล่าวขึ้นว่า
“พวกเจ้า! รุมทุบตีเขาจนกว่าจะสาหัส! อย่าคิดออมมือ ส่วนเจ้าลงไปนอนราบบนพื้นและรอให้คนของเจ้ากระทืบ!”
“พ๊วดด…ฮ่าๆๆๆ…”
ทั้งหนิงซื่ออวี๋และเหลียงหวางหรูต่างระเบิดหัวเราะลั่นเดินจนอดกลั้นไหว
คำสั่งของเย่หยวนดูโรคจิตเกินไป
ในทางตรงกันข้าม เหล่าผู้ใต้บัญชากลับมีใบหน้าค้างกระด้าง พวกเขาเคลื่อนสายตาแปลกๆจับจ้องไปที่กัวซิงหวาง
กัวซิงหวางเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“ข้าขอดูหน่อยเสียว่า พวกเจ้าจะมีใครกล้าเคลื่อนไหวบ้าง!!?”
กัวซิงหวางสาดสายตาสวนกลับพร้อมคำรามคำขู่
“โอ้? หากไม่มีใครกล้า คงต้องให้ท่านพี่เซียวเชิญลงมือ”
เย่หยวนประสามือให้เซียวเฟิง
ภายในใจกัวซิงหวางกรนด่าสาปแช่งเย่หยวนไม่หยุดหย่อน แต่ในความเป็นจริงกลับไม่กล้าแม้กระทั่งเอ่ยปากขขัด!
เพียงเหลียวไปจับจ้องเหล่าบรรดาผู้ใต้บัญชาอีกครั้ง พร้อมชี้หน้าเรียงตัวกล่าวว่า
“ตีข้าเดี๋ยวนี้! กระทืบข้าให้หนัก!”
ส่วนพวกเขาต่างเหลียวซ้ายแลขวาจับจ้องไปมาอย่างฉงนรวนเรยิ่ง และไม่มีใครกล้าวเคลื่อนไหวกันเลยสักคน
ขณะเหลือบมองเย่หยวน สีหน้าการแสดงออกของเขาก็ดูเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ จนกัวซิงหวางมิอาจทนต่อไปได้อีก และรีบนอนราบบนพื้นต่อหน้าผู้ใต้บัญชาทุกคนโดยไว
“ไอ้พวกบัดซบ! ข้าเอ่ยสั่งไปไม่ได้ยินรึไง! หรือพวกเจ้าอยากให้ข้าถูกคนอื่นกระทืบตาย! เร็วเข้า! กระทืบข้าเร็วๆ!!”
กังซิงหวานนอนแผ่สองสลึงพร้อมคำรามสั่นการพร้อมสีหน้าแสนเดือดดุ
เฝ้ามองพฤติกรรมของกัวซิงหวางจวบจนบัดนี้ ทั้งสองสาวต่างปิดปากกลั้นขำจนตัวสั่น แม้แต่เซียวเฟิงเองยังแอบยิ้มเช่นกัน
เย่หยวนคนนี้ทั้งความคิดและจิตใจเลือดเย็นมิใช่น้อย ใครคิดเป็นศัตรูกับเขาคงต้องเหนื่อยหน่อย
เมื่อเหล่าผู้ใต้บัญชาเห็นว่า เจ้านายของตนสั่งมาแบบนี้ จึงได้แต่กัดฟันยกบาทาเข้ากระทืบทันที!
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
สักพักหนึ่งต่อมา ทั้งเตะทั้งต่อยลูกกระบวนท่าร่างมาครบองค์ประชุม กัวซิงหวางที่ถูกตะลุมบอนต่อเนื่อง กลิ้งซ้ายกลิ้งขวากระเด็นไปมาราวกับลูกหนังพร้อมหน้าดำค้ำเครียด
แม้ความแข็งแกร่งของเหล่าผู้ใต้บัญชาจะอ่อนด้อยกว่าเขามาก แต่ยามนี้เขาเปิดฉากให้พวกเขากระทืบโดยไม่ต่อต้านใดๆ จึงย่อมรู้สึกเจ็บปวดตามร่างกายโดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตามแต่ เย่หยวนยังดูเหมือนไม่ค่อยพอใจ และเอ่ยปากกล่าวเสียงเย็นแช่มดังไปว่า
“พวกเจ้ามีแรงกันแค่นี้รึไง! อย่าลืมไปเสียว่าข้าคือใคร อาการบาดเจ็บของเขาเป็นอย่างไรมีหรือที่ข้าจะมองไม่ออก?”
“พร๊วดดด!”
เมื่อได้ยินแบบนั้นกัวซิงหวางพลันกระอักพ่นเลือดสดออกมาชุดใหญ่ พร้อมตะโกนว่า
“ใช่แล้ว! พวกเจ้าไม่ได้กินข้าวกันมาหรือ! ไฉนแรงน้อยกันขนาดนี้! เร็วเข้า กระทืบข้าแรงๆ! ขอชนิดที่ว่า พรุ่งนี้ข้าต้องนอนติดเตียงลุกไม่ไหว!”
ถึงจะสั่งให้เหล่าผู้ใต้บัญชากระทืบจากปาก แต่มีหรือจะกล้าลงแรงหนักขนาดนั้น?
ใครก็ตามที่ใช้พลังปราณเทวะหรือออกแรงมากเกินหน้าเกินตา บางทีอาจถูกเจ้านายของพวกเขาเกลียดขี้หน้าขึ้นได้ในวันต่อมา
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องริบรอนกำลังและไม่กล้าลงมือลงไม้กับกัวซิงหวางกันเลยสักคน
แต่ถึงอย่างไรการที่ปล่อยให้ลูกน้องตัวเองกระทืบแบบนี้ กัวซิงหวางรู้สึกเจ็บปวดใจเหลือทน
ทั้งนี้แต่ละหมัดและบาทาที่ซัดเข้าใส่ ยังทำให้เขาปวดเมื่อยตามร่างกายมิใช่น้อย
ยามนี้เขาคำรามสั่งการเหล่าผู้ใต้บัญชาเป็นซ้ำสอง คนเหล่านั้นจึงทราบดี หากวันนี้เจ้านายเขาไม่สาหัสกลับเป็นพวกตนแทนเสียที่เตรียมตัวตายได้เลย ทราบดังนั้นทุกคนจึงระเบิดพลังปราณเทวะออกมาเต็มสูบ ใช้บาทาทักทายร่างกายของกัวซิงหวางอย่างทั่วถึง
หลังจากนั้นไม่นาน กัวซิงหวางก็ตกอยู่ในสภาพปางตายยังไม่สามารถอ้าปากพูดได้
“เอาล่ะ หายไวๆ”
เย่หยวนโบกมือลากล่าวน้ำเสียงติดตลกเล็กน้อย
เหล่าผู้ใต้บัญชาราวกับพ้นโทษ ยามนี้รีบแบกร่างของกัวซิงหวางและจากไปฝุ่นตลบ
เมื่อเหล่าฝูงชนทั่วทั้งสายถนนเห็นแบบนั้น พวกเขาก็อดแปลกใจกันมิได้
“นั้นมิใช่หัวหน้าผู้พิทักษ์แห่งหอเต๋ออี้หรอกรึ? ดูเหมือนว่าจะถูกลูกน้องตัวเองกระทืบมากระมัง?”
“นั้นคล้ายว่าจะจริง! หรือชายคนนี้แท้จริงแล้วเป็นพวกชอบเสพติดความรุนแรงกัน? ทั้งๆที่ถูกลูกน้องตัวเองกระทืบแต่กลับเต็มใจโดน?”
“เดี๋ยวก่อน! เมื่อครู่ข้าเห็นว่าพวกเขาออกมาจากร้านขายโอสถสารพัดรับจ้าง หรือเป็นไปได้ไหมที่เขาจะทำให้ท่านปรมาจารย์เย่ขุ่นเคืองเข้า?”
“ท่านปรมาจารย์เย่เป็นแค่เซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้นเท่านั้น เหตุใดกันถึงทำให้พวกเขากลัวจนต้องทำขนาดนี้? จุจุ เห็นแบบนี้ท่านปรมาจารย์เย่เลือดเย็นมิใช่น้อย!”
…
เป็นระยะเวลาอยู่พักใหญ่ที่หนิงซื่ออวี๋และเหลียงหวางหรูยังคงขำขันกันไม่หยุดหย่อน
“ฮ่าๆๆ ท่านปรมาจารย์เย่แสบใช่ย่อย! ท่านลงมือทำโทษแบบนี้ แล้วเขายังมีหน้ามองเหล่าผู้ใต้บัญชาตนเองได้อย่างไรในอนาคต! ฮ่าๆๆ…”
หนิงซื่ออวี๋ระเบิดหัวเราะลั่นอย่างชอบอกชอบใจ
เย่หยวนยิ้มเยาะกล่าวว่า
“นั้นเกี่ยวอะไรกับข้า? พวกมันบังอาจยั่วโมโหข้าก่อน! หากมิสร้างปัญหาให้ข้าขุ่นเคือง ข้าเองก็ไม่เคยสร้างปัญหาให้ใครขุ่นเคืองก่อนเช่นกัน! แต่อย่าให้เห็นใครล้ำเส้นของข้าเชียว มิฉะนั้น…หึหึ!”
เย่หยวนปล่อยให้เจ้าของร้านเข้าไปจัดระเบียบตัวร้านใหม่ให้เรียบร้อย ก่อนที่พาเข้าไปด้านในดังเดิม
เย่หยวนเร่งกรอกเทกระแสพลังปราณเทวะเข้าไปในร่างกายของหวางเชียนทันที ในไม่ช้าเขาก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา
“ลุงสองของเจ้าโดนพิษของอู๋เฟินจนตายแล้วงั้นรึ?”
เย่หยวนเอ่ยถามขึ้นทันที
แต่ทันทีที่หวางเชียนได้ยินชื่ออู๋เฟิน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาพลันแดงก่ำขึ้นทันที กล้ามเนื้อทั่วใบหน้าพลันกระตุกขึ้นอย่างแรง
“ไอ้บัดซบอู๋เฟิน! ไอ้เดรัจฉานนั้น! ข้า…ข้าต้องฆ่ามันให้ได้!”
หวางเชียนกัดฟันแน่นเอ่ยกล่าวเสียงแข็ง
เย่หยวนถอนหายใจพลางเอื้อมมือไปแตะสัมผัสบนศีรษะของหวางเชียน ทันใดนั้นคลื่นพลังวิญญาณแสนโอนโยนพลันทะลวงเจาะเข้าสู้ห้วงจิตสำนึกของหวางเชียนโดยตรง
ท่าทีของหวางเชียนค่อยๆสงบลงเล็กน้อยมิได้ดูบ้าเลือดอย่างก่อนหน้าแล้ว
เย่หยวนยกมือออกและกล่าวว่า
“เอาล่ะ ใจเย็นลงก่อน แล้วค่อยกล่าวอธิบายมา”
…
เมื่ออู๋เฟินเห็นสภาพอันแสนน่าสังเวชของกัวซิงหวางที่ถูกแบกกลับมา มุมปากของเขาพลันกระตุกไม่หยุด
อนาถเกินไป!
ชายคนนี้ถูกรุมกระทืบจนแทบไม่เหลือโครงร่างมนุษย์ดังเดิม!
“ใครกันที่ลงมือ?”
อู๋เฟินกล่าวเสียงขรึม
เหล่าผู้ใต้บัญชาต่างมองหน้ากันไปมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“เรา…เป็นพวกเราเอง!”
พวกผู้ใต้บัญชาเอ่ยตอบเสียงค่อย
“หื้ม? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่? หากพวกเจ้าเป็นคนทำแล้วไฉนถึงยังแบกกลับมาเช่นนี้?”
อู๋เฟินกล่าวเสียงขรึมเจือฉงนใจยิ่ง
จากนั้นเหล่าบรรดาผู้ใต้บัญชาจึงเริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง ก่อนที่คู่คิ้วของอู๋เฟินจะพลันขมวดแน่นถักหนา
“ไอ้เด็กนั้นเพิ่งเดินทางกลับไปยังเขตเมืองชั้นในมิใช่รึ? แต่ไฉนยังมียอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าอีกคนโผล่มา! หึ! คิดหรือว่ามียอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเช่นนี้ แล้วข้าจะไม่กล้า? ข้าอู๋เฟินหาใช่ลูกพลันอ่อนนุ่ม! คราวนี้ข้าจะรื้อป้ายร้านของเจ้าและขับไล่เจ้าออกจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คอยดู!!”
อู๋เฟินกล่าวเสียงเย็นสะท้าน
………………………………………………