Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1671
ตอนที่ 1671 ไม่มีหรอก!
“นายใหญ่ ข้านั้นมาจากเมืองจักรพรรดิสวรรค์นที ปู่ข้ามีนามว่า…”
ซันหานกำลังคิดที่จะร่ายภูมิหลังของตัวเองก่อนที่จะถูกเฒ่าขี้เมาปล่อยคลื่นพลังเข้าใส่ ซัวหานหน้าซีดเผือดลงทันทีที่รับมันไว้จนต้องคุกเข่าลงกับพื้นในทันที
เฒ่าขี้เมาบอก “เจ้ากล้าจะขู่ข้าเรอะ? อย่าว่าแต่ซัวชิหลงเลย ต่อให้จี้ฉุนมาเองข้าก็จะไล่มันให้หางจุกตูด!”
เฒ่าขี้เมาคนนี้มีพลังกดดันที่มหาศาลมาก เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้ารอบๆ เองถึงกับหน้าซีดเป็นไก่ต้มไปตามๆ กัน
พวกเขานั้นไม่สามารถทนทานรับแรงกดดันจากเฒ่าขี้เมาคนนี้ได้เลย
“หึ! เก็บความอวดดีของเจ้าไว้ใช้ที่บ้านเถอะเพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าเฒ่าคนนี้แล้วมันช่างไร้ค่า! แม้ว่าจะไม่มีใครลงมือได้เมื่ออยู่ใกล้เขาแห่งถงเทียน แต่แค่การกำจัดทารกเช่นเจ้าเฒ่าคนนี้แค่มองครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว!”
ตอนนี้พวกเขาจะยังเห็นเฒ่าขี้เมาเป็นแค่คนเมาได้อีกหรือ? ตอนนี้ที่พวกเขาเห็นตรงหน้าคือยอดฝีมือล้ำฟ้าคนหนึ่ง
ขนาดเย่หยวนเองก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันนั้น
แน่นอนล่ะว่าการสังหารซัวหานนั้นมันง่ายเสียยิ่งกว่าเหยียบมด เขาไม่ต้องโจมตีใดๆ ออกมาเลยด้วยซ้ำ
“น-นายใหญ่ เรา… เราจะมอบให้แล้ว!”
พูดจบซัวหานก็ทำท่าเหมือนหมดแรงไปทั้งร่าง
เฒ่าขี้เมาดึงพลังกลับมาและกล่าวขึ้น “เด็กน้อยที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง! ซัวชิหลงมันไม่ได้สั่งสอนเจ้าก่อนออกมาหรืออย่างไร?”
พลังกดดันที่ทุกคนสัมผัสได้ค่อยๆ เบาบางลง แต่สายตาแห่งความหวาดกลัวที่มองมายังเฒ่าขี้เมาก็ไม่เสื่อมตาม
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รู้ว่าเมืองตีนใต้นี้มันแข็งแกร่งมากมายเพียงใด!
ซัวหานกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น แต่เขาก็ไม่ได้แสดงมันออกมาเลยแม้แต่น้อย
เขารู้สึกได้เลยว่าเฒ่าคนนี้คิดจะฆ่าผู้คนจริงๆ
ที่สำคัญอีกฝ่ายยังไม่คิดเกรงกลัวปู่ของเขาอย่างซัวชิหลงเลยแม้แต่น้อย!
และที่สำคัญจี้ฉุนคือใคร?
นั่นคือชื่อของเจ้าเมืองจักรพรรดิสวรรค์นที!
ตำนานจุดกำเนิดของเมืองที่ตีนเขาแห่งถงเทียนนี้มันมีหลายต่อหลายเรื่องเล่า
บ้างว่าพวกเขาดูแลโดยลูกหลานของจักรพรรดิเทพสวรรค์ บ้างว่ามันถูกควบคุมโดยเต๋าบรรพกาล!
แต่ที่แน่ๆ ในทุกเรื่องราวคือพวกเขาไม่ใช่ตัวตนที่จะไปแตะต้องได้เลย!
ศิษย์ทั้งสองของเมืองจักรพรรดิสวรรค์นทียื่นป้ายไม้ออกมาให้เย่หยวนและหนิงเทียนปิงอย่างไม่เต็มใจนัก
หนิงเทียนปิงรับป้ายไม้มาและนำมันไปโบกตรงหน้าซัวหานด้วยรอยยิ้ม “นี่ๆ เรามีป้ายไม้แล้วนะ”
ซัวหานแทบคลั่ง!
ได้ใจ! ได้ใจไปก่อนเถอะ! อยากรู้จริงๆ ว่าพวกเจ้าจะรอดจากยอดเต๋าของเขาแห่งถงเทียนได้หรือไม่!
ซัวหานใช้วิธีนี้ปลอบใจตัวเองไว้ แต่จริงๆ มันก็ไม่ควรเรียกว่าการปลอบใจนัก เพราะเขารู้สึกได้ว่าเมื่อขึ้นไปถึงเย่หยวนต้องถูกบดขยี้อย่างแน่นอน
เฒ่าขี้เมาหันมามองซัวหานอีกนิดหน่อยก่อนจะสั่ง “พวกเจ้ากล้าท้าทายอำนาจแห่งผู้พิทักษ์ พวกเจ้าสองคนนั้นห้ามปีนเขาแห่งถงเทียนไปอีกสามปี!”
ซัวหานหน้าเสียอีกครั้งก่อนจะพยายามเปิดปากพูดอะไรออกมา แต่เมื่อนึกถึงภาพพลังอันน่าเกรงขามของเฒ่าขี้เมาแล้วเขาก็ได้แต่ต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอไป
เพราะยิ่งพูด โทษมันก็จะยิ่งหนัก
ซัวหานนั้นไม่ได้โง่ถึงขั้นนัน เขาพอรู้จักแยกแยะอยู่บ้าง
เขาแค่ไม่เข้าใจว่ายอดฝีมือระดับนี้จะมาสนใจอะไรในเด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากัน
คนทั้งสองนั้นหน้าซีดเผือดด้วยท่าทางราวกับกำลังจะร้องไห้
เมื่อผู้ยิ่งใหญ่ผิดหมางกัน คนผู้น้อยอย่างพวกเขานี่แหละที่จะลำบากแทน
ทั้งๆ ที่เป็นอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางจะพูดอะไรออกมาได้
เฒ่าขี้เมาบอก “ที่นี่ เฒ่าคนนี้คือกฎ! ข้าบอกให้ทำอะไรก็จงทำอย่างว่าง่าย! เอาล่ะเริ่มการขึ้นเขาได้!”
ยามเกราะสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเริ่มปล่อยผู้คนเดินขึ้นไป
แต่ละคนต้องแสดงป้ายไม่ออกมาก่อนที่จะสามารถขึ้นไปได้
เย่หยวนหันมาหาเฒ่าขี้เมาก่อนจะยกมือขึ้น “ขอบพระคุณผู้อาวุโส!”
เฒ่าขี้เมายกเหล้าขึ้นดื่มและโบกมือเป็นการไล่ให้พวกเขารีบๆ ขึ้นไปได้แล้ว
เมื่อเห็นว่าร่างของเย่หยวนหายเข้าไปในเส้นทาง ประกายแห่งความกังวลก็กลับมาปรากฏในดวงตาของเฒ่าขี้เมา
เพราะไม่ว่าหวู่เฉินจะยืนยันยังไงว่าเย่หยวนจะไม่เป็นไร แต่นี่มันคือเขาแห่งถงเทียน มันคือสิ่งที่ทรงพลังและน่ากลัวที่สุดในโลกหล้า
และเย่หยวนนั้นเป็นถึงผู้สืบทอดของจอมเทพนิรันดร์ หากเขาต้องมาตายลงในที่แบบนี้ ความหวังแก้แค้นใดๆ ก็คงดับวูบลงทันที
…
เมื่อพวกเขาทั้งหลายเข้ามาในเส้นทางขึ้น ทุกคนต่างก็รู้สึกเหมือนร่างกายสูญเสียอะไรบางอย่างจนไม่สามารถบินได้อีกต่อไป
กลุ่มยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าในตอนนี้กลับกลายเป็นแค่คนธรรมดาอีกครั้งแล้ว
เขาแห่งถงเทียนนี้มันเป็นเหมือนกับกรงคุกขนานยักษ์
และพวกเขานั้นก็เป็นนกน้อยที่ติดอยู่ในกรงนี้
ซัวหานมองดูเย่หยวนอย่างเคียดแค้น “เด็กเวร อย่าได้ใจให้มันมากนัก! การเข้ามาในเส้นทางขึ้นนี้มันก็หมายความว่าเจ้าจะถอยไม่ได้แล้ว เจ้าจะต้องถูกพลังกดดันของยอดเต๋าบดทำลายลง!”
เย่หยวนหันไปมอง “ไอ้โง่ เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก่อนเถอะ วิ่งเต้นไปมาทำตัวอย่างกับตัวตลก ไม่ต้องมามองข้าแบบนั้นเลย ไม่ชอบใจนักก็เข้ามาโจมตีข้าเลยสิ!”
“เจ้า! ข้าขอบอกเลยนะว่าเหล่ายามนั้นไม่สามารถออกจากเมืองตีนใต้ได้ หากเจ้ามีปัญญาก็ลองเอาชีวิตรอดด้านนอกให้ได้แล้วกัน!” ซัวหานกัดฟันร้องลั่น
เขาจะไปกล้าโจมตีได้อย่างไร?
เพราะตอนนี้พวกเขาได้เข้ามาในเส้นทางขึ้นแล้ว ตอนนี้หากมีการโจมตีเรียกทัณฑ์สวรรค์ขึ้น ร่างของเขาคงไม่เหลือแม้แต่ซาก
ณ ที่แห่งนี้มันไม่ต้องให้ใครมาห้ามเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่มีใครคนใดคิดกล้าทำร้ายกันเลย
ไม่นานคนทั้งหมดก็มาถึงทางเข้าโดยมีพลังกดดันที่มากมายขึ้นกว่าเก่ามาก
คลื่นยอดเต๋าค่อยๆ หนักขึ้นและหนักขึ้นเรื่อยๆ
คลื่นอันน่ากลัวนี้มันทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนตัวเองติดอยู่กลางคลื่นของยอดเต๋าจนไม่สามารถจะรู้สึกถึงตัวเองได้
แต่ยิ่งเป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งหมายความว่าพวกเขาทั้งหลายเข้าใกล้ยอดเต๋ามากขึ้น รู้สึกถึงยอดเต๋าได้มากขึ้น และบรรลุได้ง่ายขึ้น
แน่นอนว่าแม้แต่เขาแห่งถงเทียนนี้ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่คับฟ้าใดๆ
หลายคนสามารถบรรลุขั้นแบบติดต่อกันได้ที่นี่ แต่บางคนกลับไม่สามารถบรรลุได้แต่ครึ่งก้าว
เรื่องทั้งหมดมันล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ฝึกตน
เย่หยวนและหนิงเทียนปิงเดินตามหลังกลุ่มมาและเริ่มรู้สึกถึงคลื่นยอดเต๋าที่หนักหน่วงขึ้นเช่นกัน ตอนนี้แม้แต่หนิงเทียนปิงก็เริ่มกังวลใจไม่น้อย
เขากังวลว่าเย่หยวนจะสามารถทนรับคลื่นยอดเต๋าที่หนักหน่วงเช่นนี้ได้จริงๆ ไหม
ทุกคนเดินมาจนถึงสุดทางตามๆ กัน แต่กลับยังไม่มีใครเดินไปต่อ
พวกเขาล้วนแล้วแต่อยากเห็นว่านักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าอย่างเย่หยวนจะทนรับแรงกดดันของยอดเต๋านี้ได้หรือไม่
เล้งชิวหลิงกำหมัดแน่นด้วยความกังวลเปี่ยมหัวใจ
ไม่รู้ว่าทำไมแต่นางนั้นห่วงเรื่องของเย่หยวนมาก กลัวว่าจะเกิดฉากนองเลือดแสนสยองขึ้นตรงหน้า
ซัวหานและศิษย์น้องทั้งหลายเองก็หยุดรอเพื่อดูเย่หยวนถูกขยี้จนแหลกเละเหมือนกัน
ซัวหานตะโกนอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าเย่หยวนใกล้พ้นทางออก “ตาย! ตาย! ตาย!”
ศิษย์น้องของเขาเองก็มองเย่หยวนด้วยดวงตาที่เกลียดชังเช่นกัน
“ไอ้โง่บ้าบิ่นเกินตัว ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าเจ้าจะตายแบบไหน!”
“รนหาที่ตาย! เดินมาหาที่ตายตัวเองถึงที่ ยังจะมีใครช่วยหยุดเจ่าได้อีก!”
“ขอให้มันตายอย่างไม่เหลือแม้แต่เศษซากเลย!”
…
ท่ามกลางเสียงของทุกคนนั้นเย่หยวนก็เดินมาจนเหยียบพื้นที่ของเขาแห่งถงเทียนเข้าจนได้ในที่สุด!
จู่ๆ ร่างของเย่หยวนก็สั่นสะท้าน เขาน้อยแห่งถงเทียนที่เขามีค่อยๆ เปล่งเสียงออกมาอย่างต่อเนื่อง
คลื่นความคิดจำนวนมหาศาลไหลผ่านหัวของเขาไป ทำให้เย่หยวนเกิดตรัสรู้ทันที!
โซ่ที่ล่ามเขาไว้กว่าสามร้อยปีคลี่คลายหายไปในเวลานี้นี่เอง!
ตอนนี้เย่หยวนแทบจะอยากร้องตะโกนออกมาให้สุดเสียง
ความรู้สึกโล่งนี้มันยากนักที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในหัวของเย่หยวน มีหรือที่คนด้านนอกจะรับรู้ได้
พวกซัวหานเห็นแค่ว่าร่างของเย่หยวนสะท้านขึ้น ราวกับว่าเขาไม่สามารถทนรับแรงกดดันจากยอดเต๋าได้
เขาและตัวศิษย์น้องรอดูมันอย่างตื่นเต้น รอให้เย่หยวนถูกขยี้
แต่ทว่าเย่หยวนกลับยังยืนเฉย
และจู่ๆ เย่หยวนก็เปิดตาออกมาด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้ามองอะไรกัน? อยากเห็นข้าโดนยอดเต๋าบดขยี้? ไม่มีหรอก!”