Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1678
ตอนที่ 1678 ออกจากเขาแห่งถงเทียน
เย่หยวนเก็บแหวนทั้งหลายมาไว้กับตัวและสั่งให้พวกเขาทั้งหมดสาบานต่อยอดเต๋าอีกครั้งเขาจึงวางใจได้
ไม่ต้องตรวจสอบดูก็รู้ว่าแหวนกว่ารอยวงนี้มันคงมีค่าที่มากมายมหาศาลอย่างแน่นอน
คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มาจากเมืองจักรพรรดิ พวกเขาย่อมีทรัพย์สินแตกต่างจากยอดอัจฉริยะทั่วๆ ไปมาก
เมื่อตอนนี้เย่หยวนบรรลุขึ้นมาอยู่ในอาณาจักรวายุพระเจ้าแล้ว เขาจึงต้องการเงินทองติดตัวเพิ่มไว้อีกสักหน่อย
เมื่อเก็บพวกมันไว้เย่หยวนก็ลอบออกมาด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าไปทำความเข้าใจยอดเต๋าต่อเถอะ ข้าไม่กวนแล้ว หากโชคชะตาต้องกันเราคงได้พบกันใหม่”
พูดจบเย่หยวนก็หันหลังเดินจากไปทันที
“อ-เอาเป็นว่าตามนั้นแล้วกัน” ทุกคนตอบกลับมาด้วยท่าทางตื่นตระหนกไม่หาย
เขาแห่งถงเทียนนั้นหาใช่สถานที่ที่พวกเขาคิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปได้ง่ายๆ ไม่ ทุกครั้งที่พวกเขาได้ขึ้นมาบนเขาแห่งถงเทียนนี้ ร่างของเหล่านักยุทธนั้นจะรับคลื่นยอดเต๋าไปด้วย
และหลังจากพวกเขาสามารถซับคลื่นพลังนั้นได้จนหมดแล้วเท่านั้นที่จะสามารถขึ้นมาได้อีก
สำหรับอัจฉริยะระดับเล้งชิวหลิงหรือซัวหานนั้นพวกเขาสามารถกลืนยอดเต๋าทั้งหมดไปได้ด้วยเวลาเพียงร้อยปี
แต่กับนักยุทธที่ไม่ค่อยมีพรสวรรค์นักแล้ว พวกเขาต้องใช้เวลานับพันปีจนไปถึงหมื่นปีเพื่อที่จะกลืนย่อยคลื่นยอดเต๋าที่ติดตัวเหล่านั้นให้หมด
เพราะฉะนั้นการมาในเขาแห่งถงเทียนแต่ละครั้งมันจึงเป็นโอกาสที่แสนล่ำค่าต่อพวกเขาทั้งหลาย มันเป็นโอกาสที่พวกเขาล้วนมองว่าสำคัญอย่างยิ่ง
แต่ดูจากท่าทางของเย่หยวนในตอนนี้เขากลับคิดที่จะออกไปก่อนจะถึงเวลา
เพราะเป้าหมายของการมาเขาแห่งถงเทียนของเย่หยวนในครั้งนี้ได้ลุล่วงไปแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่นี้อีกต่อไป
สร้างวรยุทธบ่มเพาะระดับสี่ ก่อนที่เย่หยวนจะไปถึงระดับห้าเขาก็ไม่มีทางจะไปติดคอขวดที่ไหนอีกแน่
ตอนนี้ปัญหาที่เหลือย่อมแก้ไขได้ด้วยโอสถทั้งสิ้น
ที่สำคัญกว่านั้นด้วยเขาน้อยแห่งถงเทียนในตัว หากไม่ได้เจอคอขวดที่ยิ่งใหญ่เหมือนครานี้เย่หยวนอาจจะไม่จำเป็นต้องมาที่เขาแห่งถงเทียนอีกก็ได้
การพาเขาน้อยแห่งถงเทียนไปไหนมาไหนด้วยนั้นมันเป็นเรื่องเยี่ยมยอด
เมื่อได้เห็นแผ่นหลังของเย่หยวนค่อย ๆ เล็กลงไป เล้งชิวหลิงก็รู้สึกถึงอารมณ์เศร้าโศกที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ
นางนั้นตกใจกับอารมณ์นี้ของตัวเองมากเพราะนางไม่เคยจะมีอารมณ์แบบนี้ต่อชายหนุ่มมาก่อนเลย
เรื่องแบบนี้… มันเป็นไปไม่ได้!
แต่เล้งชิวหลิงนั้นเป็นคนที่เย็นชาโดยสัญชาตญาณจึงสามารถเรียกความคิดกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มทำความเข้าใจในยอดเต๋าต่อทันที
เพราะนางนั้นมาที่เขาแห่งถงเทียนนี้เพื่อที่จะบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ในคราเดียว
แต่ตอนนี้กลับต้องเสียเวลาไปมากแล้ว จะชักช้าไปกว่านี้เห็นทีคงไม่ได้
เย่หยวนเดินมาถึงส่วนตีนเขาและพบกับหนิงเทียนปิงที่กำลังนั่งสมาธิพินิจยอดเต๋าอยู่ไม่ไกลจึงเข้าไปทักทันที
เมื่อหนิงเทียนปิงเห็นเย่หยวนดวงตาของเขาก็เบิกกว้างและกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้น “นายใหญ่ ท่าน… ท่านบรรลุแล้ว!”
หนิงเทียนปิงนั้นตื่นตกใจไม่น้อย เพราะเขาไม่ค่อยจะเข้าใจมันนัก ด้วยพลังฝีมือของเขาในตอนนี้เขากลับไม่สามารถที่จะมองหยั่งพลังของเย่หยวนได้เลย
เขารู้แค่ว่าคลื่นพลังจากตัวเย่หยวนนั้นมันพุ่งสูงขึ้นมา เขาต้องผ่านขึ้นมาถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าได้แล้วแน่ๆ
เย่หยวนยิ้ม “การเดินทางครั้งนี้มันไม่สูญเปล่าจริงๆ ไปกันเถอะ ลงเขากัน!”
หนิงเทียนปิงไม่คิดจะลังเลและพยักหน้ารับทันที “ขอรับ!”
แต่ทว่าโม่ลี่เฟยกลับทักขึ้น “โอกาสในการมาถึงเขาแห่งถงเทียนนั้นมิใช่จะหาได้ง่ายๆ เจ้าจะยอมแพ้ไปครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ได้อย่างไร?”
เย่หยวนหันไปมองหนิงเทียนปิงและยิ้มโดยไม่ตอบอะไร
หนิงเทียนปิงก็ยิ้มขึ้น “อาจารย์ ท่านยังไม่เข้าใจความเก่งกาจของนายใหญ่มากพอ ตอนนี้เมื่อเขาสามารถบรรลุระดับสี่ได้แล้วมันก็หมายความว่าการบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ของศิษย์นั้นอยู่แค่เอื้อมแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาให้กับเขาแห่งถงเทียนอีก”
โม่ลี่เฟยนั้นทั้งมึนงงและสับสนอย่างถึงที่สุด
หนิงเทียนปิงจึงบอกต่อ “ท่านอาจารย์นั้นยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตอนนี้นายใหญ่นั้นเป็นถึงจอมเทพโอสถสี่ดาวแล้ว!”
โม่ลี่เฟยคิดขึ้นมาว่าเย่หยวนมีพรสวรรค์ที่แสนอัศจรรย์จริงๆ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นต่อ “จอมเทพโอสถสี่ดาวนั้นมันมีมากมายในโลกใบนี้! ก็จริงที่ว่าเขานั้นเก่งกาจมากที่ทำแบบนั้นได้แต่ความเก่งกาจของเขามันก็ไม่สามารถถ่ายทอดให้เจ้าได้นี่! จอมเทพโอสถสี่ดาวจะช่วยให้เจ้าบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงอาณาจักรนภาสวรรค์ก็คงไร้ค่าไปแล้ว!”
หนิงเทียนปิงไม่รู้ต้องตอบยังไง เพราะเขานั้นรู้ดีกับตัวว่าหากไม่เห็นพลังฝีมือด้านโอสถของเย่หยวนกับตา เป็นใครก็คงไม่มีทางเชื่อมันได้แน่
หนิงเทียนปิงแค่หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะบอกต่อโม่ลี่เฟยในแหวนวิญญาณโมฆะ “ท่านอาจารย์ สักวันท่านจะได้รู้เองว่าเขามีความสามารถด้านการโอสถที่เหนือล้ำแค่ไหน บางทีเขาอาจจะได้กลายเป็นโอสถบรรพกาลคนที่สองก็ได้!”
โม่ลี่เฟยแทบจะกระโดดออกมาจากแหวนวิญญาณโมฆะด้วยความตื่นตกใจ
หนิงเทียนปิงจะประเมินเขาสูงเกินไปหน่อยล่ะมั้ง?
แต่ว่าหากเย่หยวนนั้นมีความรู้ความสามารถที่เทียบเคียงโอสถบรรพกาลจริง ๆ การช่วยให้หนิงเทียนปิงบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ก็คงมิใช่เรื่องยากเย็นใดๆ
ระหว่างที่โม่ลี่เฟยยังตกใจไม่หาย หนิงเทียนปิงก็เริ่มเดินลงเขาตามเย่หยวนมาแล้ว
ที่ด้านล่างของแต่ละระดับในเขาแห่งถงเทียนมันจะมีเส้นทางเปิดอยู่
และหากใครก็ตามที่เขาผ่านเส้นทางนี้ไป พวกเขาก็จะออกไปจากเขาแห่งถงเทียนได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
คนทั้งสองเดินผ่านเส้นทางออกมาและกลับมายังมหาพิภพถงเทียนอีกครั้ง
เย่หยวนนั้นไม่คิดที่จะรีบกลับไปเลย ตอนนี้เขาตัดสินใจที่จะแวะไปยังเมืองตีนใต้ก่อน
เพราะทั้งบุณคุณและความสัมพันธ์ที่มี เขาจึงต้องมาบอกลาเฒ่าขี้เมาเสียหน่อย
เมื่อเฒ่าขี้เมาเห็นเย่หยวนเขาก็ตื่นตระหนกขึ้นทันที
“เจ้า… เจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย! ไม่สิเดี๋ยวนะ เจ้าถึงกับบรรลุได้เลยด้วย! แต่ทำไม… ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าข้าหยั่งพลังของเจ้าไม่ได้เลย?”
เมื่อได้เห็นเย่หยวนเฒ่าขี้เมาก็ได้ค้นพบถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนร่างกายของเย่หยวนทันที
การเปลี่ยนแปลงแบบนี้มันยากมากที่จะใช้คำพูดใดๆ มาอธิบาย
แต่แน่นอนว่าเย่หยวนสามารถบรรลุมาถึงระดับสี่ได้จริง!
เป็นตอนนี้เองที่เขาได้เข้าใจว่าทำไมหวู่เฉินถึงได้ประเมินเย่หยวนไว้สูงนัก
เข้าเขาแห่งถงเทียนไปด้วยพลังของอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าแต่กลับออกมาได้อย่างปลอดภัยและยังบรรลุอาณาจักร
แค่เรื่องนี้มันก็มากเกินกว่าที่จะมีคนธรรมดาใดๆ จะทำได้แล้ว
เย่หยวนยิ้มตอบ “วรยุทธบ่มเพาะของผู้น้อยนั้นค่อนข้างพิเศษ มันจึงดูเหมือนเป็นหมอกเมฆเช่นนี้”
เฒ่าขี้เมาเปลี่ยนสีหน้าไปทันที “เจ้าได้รับสืบทอดสมบัติจากท่านจอมเทพนิรันดร์มาแท้ๆ แต่เจ้ากลับไม่ได้ใช้วรยุทธบ่มเพาะของท่านรึ?”
เฒ่าขี้เมานั้นเข้าใจดีว่าวรยุทธบ่มเพาะของจอมเทพนิรันดร์มันดีล้ำแค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถที่จะทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนวรยุทธบ่มเพาะที่เย่หยวนใช้ได้
เย่หยวนยิ้ม “ผู้น้อยมิได้ใช้วรยุทธบ่มเพาะของจอมเทพนิรันดร์”
เฒ่าขี้เมาเปลี่ยนสีหน้าไปด้วยความตื่นตกใจกว่าเก่า
เพราะวรยุทธบ่มเพาะของจอมเทพนิรันดร์นั้นเป็นหนึ่งในยอดวรยุทธบ่มเพาะในมหาพิภพถงเทียน
ตราบเท่าที่บ่มเพาะมันดีพอ อย่าว่าแต่อาณาจักรเทพสวรรค์ ต่อให้เป็นอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ก็ยังสามารถไปถึงได้
แต่เย่หยวนกลับเลือกที่จะไม่บ่มเพาะมัน!
แล้วเช่นนั้นวรยุทธบ่มเพาะนี้มันมาจากที่ใดกัน?
หวู่เฉินปรากฏตัวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่ต้องคาดเดาแล้ว วรยุทธบ่มเพาะนี้ตัวเย่หยวนนั้นสร้างมันขึ้นมาเอง! และเย่หยวนก็ไปเจอทางตันเข้าเขาจึงได้มาที่เขาแห่งถงเทียนนี้เพื่อหาโอกาสในการบรรลุ ตอนนี้เมื่อเขาสามารถบรรลุได้เรียบร้อยแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่ออีก เฒ่าขี้เมา เจ้ารออย่างใจเย็นเถอะ ความแค้นของจอมเทพนิรันดร์นั้นเย่หยวนจะสามารถชำระมันได้ในเร็ววันนี้แล้ว!”
ร่างของเฒ่าขี้เมาสั่นสะท้านไปทั้งร่างราวกับเกิดคลื่นมรสุมพัดขึ้นมากลางจิตใจ
การที่หวู่เฉินจะพูดแบบนี้ออกมา มันก็หมายความว่าเขามั่นใจในตัวเย่หยวนอย่างมาก
เมื่อได้มาเห็นสภาพในตอนนี้แล้วเด็กคนนี้มันคงไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เขาคิดแต่แรกแน่ๆ
หลังจากความตื่นเต้นจากหายไป เฒ่าขี้เมาก็หันไปมองเย่หยวนอย่างล้ำลึก “เอาล่ะ เฒ่าคนนี้จะรอฟังข่าวดีจากเจ้า! หากเจ้าสามารถล้างแค้นให้ท่านจอมเทพนิรันดร์ได้จริง เฒ่าคนนี้จะคอยอยู่รับใช้เจ้าไปตลอดชีวิตเลย!”
เย่หยวนจึงกล่าวขึ้นมา “ท่านผู้อาวุโสนั้นจริงจังเกินไปแล้ว จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางผู้นั้นเองก็มี่เรื่องราวทิ้งไว้ให้ผู้น้อยสะสางเช่นกัน ต่อให้ไม่ใช่เพราะความแค้นเก่าก่อนของท่านจอมเทพนิรันดร์ ผู้น้อยก็ยังคงจะไปจัดการมันลงให้ได้”
หวู่เฉินหัวเราะออกมา “เจ้าเฒ่าเอ๋ย เจ้านี่มันคิดว่าตัวเองสำคัญนัก! อนาคตของเด็กคนนี้มันยิ่งใหญ่จนเกินกว่าที่เจ้าจะคาดเดาได้! เจี่ยวชางมันเป็นได้แค่หินรองเท้าให้เย่หยวนเท่านั้น!”