Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1758
“มันจะไปสอนอย่างไรได้อีกเนี่ย! เจ้าเย่หยวนนั้นมันรังแกผู้คนจนเกินไปจริงๆ! เกินจะทน!”
เมื่อผู้อาวุโสหลี่เข้ามา เขาก็บ่นออกมาชุดใหญ่
ตอนนี้มีผู้อาวุโสหลายคนกำลังนั่งพักผ่อนกันอยู่ ทั้งฉีหยู นิคุน คูมู่ต่างอยู่กันพร้อม
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นได้ยินคำบ่นกร้าวของผู้อาวุโสหลี่ พวกเขาต่างก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ผู้อาวุโสหลี่ ไอ้เด็กคนนั้นมันก่อเรื่องอีกแล้ว?” นิคุนกล่าวถามขึ้น
ผู้อาวุโสหลี่ยิ้มเยาะออกมา “จะเป็นอะไรไปได้อีก? เฒ่าคนนี้ยังสอนไปได้ไม่ถึงครึ่งไอ้เด็กคนนั้นมันก็ถามขึ้นมาถึงสิบครา! สิบ! ยังจะสอนได้อย่างไรกัน?”
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็เข้าใจอารมณ์นั้นอย่างดีและร่วมกันว่ากล่าวเย่หยวน
“เจ้าเย่หยวนคนนี้มันช่างไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่เสียจริงๆ! ตอนครั้งก่อนที่ข้าสอนมันก็ขัดข้าจนไม่รู้จะสอนต่ออย่างไร!”
“ใช่ไหม? ตั้งแต่ที่ไอ้เด็กคนนั้นมันขึ้นมาเป็นนักบวชเต็มตัว วิหารเราก็ไม่ได้มีความสงบสุขใดๆ เลย!”
“เหมือนราวกับว่ามันมีอะไรไม่พอใจเหล่าผู้อาวุโสเรา ไปสอนทีไรมันก็จะถามอะไรแปลกๆ และนอกเหนือกฎเกณฑ์ ทำเอาข้าจะช้ำใจตาย!”
…
เหล่าผู้อาวุโสทุกๆ คนต่างแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างมาก แต่คำพูดที่พวกเขาบอกออกมามันกลับแสดงได้ถึงความหมดสิ้นปัญญาอย่างถึงที่สุด
เพราะว่าคำถามของเย่หยวนนั้นมันล้วนแล้วแต่เป็นคำถามที่พวกเขาไม่มีปัญญาตอบ
จุดบกพร่องที่เย่หยวนพบเจอ มันถูกต้องและแม่นยำ
เพราะว่าเช่นนี้นี่เองพวกเขาทั้งหลายจึงได้แต่กัดฟันด่าว่าเย่หยวนด้วยความเกลียดชัง แต่ไม่สามารถที่จะทำอะไรต่อเย่หยวนได้จริงๆ
เพราะว่าเขาคนนั้นมันช่างเก่งกาจ!
ไม่เชื่อก็ให้ลองไปโต้วาทีกับเขาดู!
เหล่าผู้อาวุโสนั้นล้วนแต่มีตำแหน่งหน้าตาสูงส่งเหนือผู้คน ได้รับการยอมรับและเคารพนับถือจากทั้งนักบวชและนักบวชฝึกหัด
แต่เย่หยวนคนนี้เข้ามาอยู่ได้ไม่นานกลับทำให้เรื่องราวเหล่านั้นล่มพังไม่เป็นท่า
เหล่าผู้อาวุโสนั้นต่างรู้สึกว่าตัวเองไม่มีหน้าจะเอาไปไว้ที่ไหนแล้ว
นิคุนบอก “ไอ้เด็กคนนี้มันเกินทนจริงๆ! มันคิดว่าตัวเองเป็นใครกันแน่? แบบนี้วิหารนักบวชเราคงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแน่ๆ!”
ดูท่าแล้วการสอนของนิคุนเองก็คงโดยเย่หยวนสาดคำถามใส่เช่นกัน ที่สำคัญคำถามนั้นมันคงไม่น้อยเลยทีเดียว
นิคุนนั้นไม่ค่อยชอบเย่หยวนมาตั้งแต่ต้นแล้ว ตอนนี้เขายิ่งไม่สามารถอดทนอยู่กับเย่หยวนได้ไปใหญ่
เมื่อผู้อาวุโสหลี่ได้ยินเขาก็บอก “ผู้อาวุโสนิ ไอ้เด็กคนนี้มันต้องโดนสั่งสอนเสียบ้าง! ไม่เช่นนั้นมันจะยิ่งได้ใจไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ!”
“แล้วจะสั่งสอนมันอย่างไร? ธรรมเนียมการถามคำถามระหว่างฟังการเทศน์บรรยายนี้มีมาตั้งแต่โบราณกาล หรือเราจะห้ามไม่ให้มันพูด? ทำเช่นนั้นหากเรื่องราวแพร่กระจายออกไปมันยิ่งมีแต่ทำให้เราไม่มีหน้าไปพบผู้คนเอาไม่ใช่หรือ?” คูมู่บอก
นิคุนยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “เฒ่าคนนี้หาทางจะจัดการกับไอ้เด็กนี่มานานแสนนานแล้ว!”
คำพูดนี้ของนิคุนทำให้ทุกผู้คนหันมาสนใจทันที
“ผู้อาวุโสนิ ท่านมีทาง?”
นิคุนยิ้ม “หมากล้อมนิรันดร์ ‘อย่าถาม’ หรือพวกท่านจะลืมมันไปหมดแล้ว?”
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสได้ยินพวกเขาก็ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยทันที
ผู้อาวุโสหลี่นั้นหัวเราะลั่น “เยี่ยมยอด ผู้อาวุโสนิ! ช่างเยี่ยมยอดจริงๆ!”
…
เย่หยวนนั้นย่อมไม่รู้เลยว่าเหล่าผู้อาวุโสกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ หลังจากฟังบรรยายแล้วเขาก็เดินออกมารับภารกิจ
ในวิหารนักบวชนี้ หากอยากได้แต้มความดีพวกเขาทั้งหลายย่อมต้องรับภารกิจในการหลอมโอสถ
ในภารกิจการหลอมโอสถเดียวกัน ผู้ที่สามารถหลอมได้คุณภาพสูงกว่าจะได้แต้มความดีที่มากกว่าตามไปด้วย
ครึ่งปีมานี้ เย่หยวนมักจะมาเพื่อรับภารกิจหลอมโอสถเรื่อยๆ ทำให้ตอนนี้เขาคุ้นชินกับการหลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไม่น้อย
แต่การหลอมโอสถของเย่หยวนนั้นมันแตกต่างจากนักบวชคนอื่นๆ
สำหรับนักบวชคนอื่นๆ แล้วพวกเขาจะไม่หันมาสนใจพวกภารกิจความยากต่ำๆ เลย แต่เย่หยวนกลับใช้เวลากว่าครึ่งปีมานี้ทำเพียงแค่ภารกิจความยากระดับต่ำ
ในหมู่พวกมันนั้น บ้างถึงขั้นไม่มีรางวัลแต้มความดีให้ เพราะว่ามันง่ายเสียจนเกินไป
ภารกิจเหล่านี้ บางอันนั้นมันสามารถส่งไปให้เมืองหลวงหรือแม้แต่เมืองเล็กๆ จัดการได้
เมื่อมันมาถึงเมืองจักรพรรดิเช่นนี้ ภารกิจความยากแค่นี้ย่อมไม่มีใครคิดที่จะสนใจ
แต่เย่หยวนนั้นกลับเฝ้าทำมันอย่างเต็มที่
“หึๆ ท่านเย่หยวนมาอีกแล้ว ครานี้ท่านอยากได้ภารกิจความยากระดับใดกันขอรับ?”
คนที่เฝ้าสถานที่รับภารกิจนั้นเป็นนักบวชฝึกหัดหลายคน พวกเขานั้นเข้าใจนิสัยการทำงานของเย่หยวนแล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะดูถูกนิสัยนี้อยู่ในใจแต่พวกเขาก็ยังเป็นแค่นักบวชฝึกหัด ไม่กล้าที่จะลบหลู่ตัวตนที่ยิ่งใหญ่อย่างเย่หยวนแม้แต่น้อย
เย่หยวนบอก “อืม…คราวนี้เอาความยากระดับสองสักสิบภารกิจแล้วกัน”
พูดไปเย่หยวนก็เดินไปดูภารกิจความยากระดับสองที่เขาต้องการจากรายชื่อภารกิจ
ภารกิจทั้งหลายนี้เย่หยวนย่อมเลือกมันอย่างตั้งใจไม่ใช่แค่สุ่มเลือกไปมั่วๆ
หากมันเป็นภารกิจที่ไม่ช่วยพัฒนาตัวเองแล้วเย่าหยวนย่อมไม่คิดที่จะหยิบเลือกมา
ระหว่างที่เย่หยวนกำลังเลือกไป ก็มีเสียงหัวเราะลั่นดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“หึ มาทำภารกิจขยะที่ไม่มีใครสนใจจริงๆ ด้วย! อัจฉริยะอันดับหนึ่งของวิหารมาทำอะไรแบบนี้? ดูอย่างไรเจ้านี่มันก็ของปลอมชัดๆ”
เย่หยวนหันหน้าไปมองชายชุดเทาคนนั้นและได้แต่กลอกตากลับอย่างไม่คิดสนใจ “ข้าจะเลือกภารกิจใดย่อมมิใช่ธุระกงการของเจ้า! เจ้าคนสอดรู้ที่ไม่ได้เข้าใจเรื่องราวใดๆ!”
ชายชุดเทาหน้าเปลี่ยนสีและตอบไป “เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? ถึงกล้ามาว่ากล่าวเช่นนี้ต่อหน้าข้า?”
เย่หยวนแทบพูดอะไรไม่ออก “เจ้าเป็นใครข้าจะเกี่ยวอะไรด้วย? เจ้าคิดว่าข้าจะเป็นเหมือนเจ้า ไปสอดรู้เรื่องชาวบ้านเขาไปทั่วโดยไม่รู้อะไรอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินคำของเย่หยวน พวกเขาก็นิ่งเงียบไปราวกับเป็นจักจั่นในฤดูหนาว
ช่างอหังการโดยแท้!
คนอื่นๆ นั้นย่อมจำได้ทันทีว่าชายชุดเทาตรงหน้าเย่หยวนนี้มีนามว่าคงหยุนผู้ได้รับฉายาว่าเป็นนักบวชอันดับหนึ่ง
หลังจากถูกเย่หยวนต่อว่าติดๆ กันคงหยุนก็ตอบกลับมาด้วยท่าทางโกรธเคือง “ช่างเป็นเด็กที่ปากดีจริง! หึ ยอดอัจฉริยะที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งแห่งวิหารกลับมาทำภารกิจขยะๆ เช่นนี้ ผู้คนได้ยินเข้าคงหัวเราะจนขาดอากาศตาย! ข้าคนนี้เข้าเก็บตัวไปไม่กี่ปี ไม่นึกเลยว่าโลกภายนอกมันจะเกิดเรื่องราวสุดบ้าบอเช่นนี้ขึ้นมาได้”
เพราะเดิมทีก่อนที่เย่หยวนจะปรากฏตัว ตำแหน่งยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งวิหารนั้นมันเป็นของคงหยุนมาก่อน
แต่คราวก่อนเย่หยวนได้ชนะฉีเฟิงทั้งๆ ที่เป็นครั้งที่สองที่ได้ลองหลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์ เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมทำให้ตำแหน่งฉายานั้นเปลี่ยนมือไปอย่างง่ายดาย
คงหยุนเองก็เก็บตัวมาตลอดหลายปี ใครจะไปคิดว่าเมื่อเขาออกมาตำแหน่งอันดับหนึ่งของเขาจะหายไปกับสายลมเช่นนี้
เมื่อตรวจสอบดูเขาจึงพบว่ามีเด็กน้อยนามเย่หยวนปรากฏตัวขึ้น
วันนี้คงหยุนคิดจะมารับภารกิจ แต่ไม่นึกว่าจะบังเอิญได้มาเจอเย่หยวนเข้าพอดี
เย่หยวนหันไปมองคงหยุนด้วยท่าทางเย็นชา “เจ้าสามารถทำภารกิจระดับใดได้บ้าง?”
เมื่อคงหยุนได้ยินเขาก็รู้ทันทีว่าเด็กคนนี้มันคิดจะท้าทายตัวเขา!
หึๆ น่าสนใจ!
คงหยุนบอกอย่างมั่นใจ “ด้วยพลังของนักบวชผู้นี้แล้วข้าสามารถทำภารกิจระดับห้าดาวได้อย่างง่ายดาย หรือว่าเจ้าคิดอยากท้าทายข้ากัน? ด้วยแค่…ภารกิจขยะของเจ้าน่ะนะ? ฮ่าๆๆ”
ในเรื่องนี้คงหยุนย่อมมั่นใจเป็นอย่างมาก
เขานั้นเก็บตัวฝึกฝนมานาน ความเข้าใจในศาสตร์โอสถของเขาย่อมพัฒนาไปอย่างมาก
ภารกิจระดับห้าดาวนั้นเป็นภารกิจที่มีโอสถความยากระดับห้าอยู่รวมไปถึงโอสถความยากระดับหกต้นๆ ด้วย
ด้วยพลังฝีมือของเขาในตอนนี้ การทำภารกิจห้าดาวนั้นมันง่ายดาย
ในด้านนี้ไม่มีนักบวชคนอื่นๆ ที่จะสามารถทำได้เลย
เย่หยวนหันไปมองดูคงหยุนราวกับเขาเป็นไอ้โง่คนหนึ่ง ก่อนจะหันไปบอกนักบวชฝึกหัดที่เฝ้าการรับภารกิจ “ขอภารกิจความยากระดับเจ็ดดาวมาให้ข้าหน่อย!”
คงหยุนต้องสะดุ้งตกใจทันทีที่ได้ยิน แต่เขาก็รีบหัวเราะออกมาตามทันที “ข้าได้ยินมาว่าครึ่งปีมานี้เจ้าไม่เคยทำภารกิจเกินสามดาวนี่ วันนี้กลับคิดอยากทำภารกิจเจ็ดดาว? นี่เจ้าจะข่มข้าหรือ? ฮ่าๆ จะข่มอะไรมันก็ต้องมีฝีมือด้วยนะ!”
เย่หยวนไม่คิดที่จะสนใจเขาอีกต่อไปและเลือกภารกิจเจ็ดดาวที่ยากที่สุดมา “วันพรุ่งนี้บ่าย ข้าจะมาส่งภารกิจ หากตอนนั้นเจ้าทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้วค่อยมาข่มอะไรกับข้า ตอนนี้ไปไกลๆ ให้พ้นหน้าข้าไป!”
…………………………