Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1804 บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ
ตอนที่ 1804 บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ
เพียะ!
“แค่ใช้เจ้าไปส่งหินทองแค่ไม่กี่ก้อนเจ้ากลับใช้เวลาเสียมหาศาล! นี่เจ้าได้กินข้าวไหมเนี่ย? ไอ้เจ้าคนไร้ประโยชน์เอ้ย ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะทนอยู่ไปอีกทำไม? ไม่ตายๆ ไปให้พ้นเสียล่ะ?”
ราชันพระเจ้าเจ็ดดาวคนนี้ถือแส้ยาวไว้ในมือพร้อมฟาดมันลงยังร่างของชายร่างกำยำ
การฟาดนี้มันแสนรุนแรงจนแผลนั้นลึกถึงกระดูก
ปึง!
แค่นี้มันยังไม่พอที่จะระบายความไม่พอใจออกมาเขาจึงเลือกที่จะเตะเข้าที่ร่างของชายคนนั้นอีกครั้ง ส่งร่างใหญ่โตนั้นจนลอยลิ่วไป
เมื่อชายร่างกำยำคนนั้นร่วงลงถึงพื้นเขาก็ต้องกระอักเลือดออกมาคำโต
ตอนนี้ศิษย์ทั่วไปหลายต่อหลายคนกำลังยืนมองดูการกระทำของหัวหน้าอยู่ แต่ทุกคนกลับมองดูมันอย่างเคารพและไม่มีใครกล้าเดินออกมาห้ามสักคน
หัวหน้าคนนี้ใส่ชุดศิษย์ของยอดหทัยสวรรค์เป็นที่สะดุดตาอย่างมาก
ฮันยองนั้นลุกขึ้นยืนแทบไม่อยู่พร้อมสายตาที่จ้องมองกลับไปยังหัวหน้าคนนั้นอย่างเย็นชา เขายกมือขึ้นมาลูบคล้ำที่คางของตัวเอง
“โห ดื้อด้านไม่เลวนี่! ยังกล้าจ้องมองข้าแบบนั้นอีก? ข้าจะให้เจ้าได้มองเอง!”
เพียะ!
เสียงแส้ฟาดลงมาอีกครั้งทำให้เนื้อบนใบหน้าของฮันยองหลุดออกมาเป็นภาพที่แสนโหดร้ายและป่าเถื่อนจนเกินคน
หัวหน้าคนนั้นมีวิชาแส้ที่สูงส่งไม่น้อย ปราณเทวะที่ไหลลงมากับแส้นั้นมันมีปริมาณที่พอเหมาะ ไม่หนักจนสังหารผู้คนแต่จะค่อยๆ ตัดทำลายชิ้นเนื้อและสร้างความเจ็บปวดอย่างมหาศาลแทน
ฮันยองมีใบหน้าที่ดำมืดพร้อมกัดฟันแน่น “ตู้ซือชวน ข้าขึ้นเขาไปส่งหินทองและได้เจอเข้ากับหลี่จินเหยาจากนั้นมันก็สั่งใช้งานข้าอีกครั้ง เจ้ายังจะมีหน้ามาบอกว่านี่มิใช่ฝีมือเจ้าที่จัดฉากขึ้นมาอีก?”
ตู้ซือชวนตอบกลับไปด้วยท่าทางไม่พอใจอย่างมาก “ไอ้คนโอหัง เจ้าเป็นแค่ศิษย์ทั่วไปกลับกล้ามาทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าศิษย์ชั้นนอกอย่างข้า! เจ้าไปกินใจหมีดีเสือที่ไหนมา?”
เพียะ!
พูดไปเขาก็ฟาดแส้ลงมาอีกครั้ง
ตู้ซือชวนกล่าวออกมาด้วยท่าทางแสนดูถูก “เจ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นยอดศิษย์อัจฉริยะคนนั้นอีกหรือ? เจ้ามันก็แค่ไอ้ขยะตัวหนึ่งแล้ว! เป็นได้แค่ขยะที่รอวันเน่าตาย! ฮ่าๆๆ…”
ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสที่ฮันยองได้รับมาจากจงฮันหลินเมื่อตอนนั้น ต่อให้จากนั้นเขาจะรักษาตัวกลับมาได้แต่เขาก็มิอาจกลับหวนคืนสู่จุดสูงสุดของตัวเองได้อีก
สภาพของฮันยองตอนนี้เขาเสียพลังบ่มเพาะไปมากและกลายเป็นแค่ราชันพระเจ้าสามดาวเท่านั้น
เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าตู้ซือชวน เขาย่อมไม่มีพลังใดๆ จะไปต่อต้านได้
ฮันยองกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าที่ดำมืด “ไอ้เจ้าสุนัขรับใช้ หากเจ้ามีปัญญาก็สังหารข้าสิ! ไม่เช่นนั้นสักวันหนึ่งเจ้าจะต้องเสียใจที่ไม่ยอมลงมือทำ!”
เขานั้นเป็นคนที่ดื้อด้านมาก แม้ว่าจะถูกเหยียดหยามสารพัดแต่เขากลับไม่เคยยอมแพ้เลยสักครั้ง
ตู้ซือชวนหัวเราะลั่น “สังหารเจ้า? ทำไมข้าต้องสังหารเจ้าด้วย? ตอนนี้ชีวิตข้ามันแสนสุขสบาย สังหารเจ้าไปก็อดสนุกพอดีสิ? ที่สำคัญศิษย์พี่จงยังสั่งให้ข้าคอยดูแลเจ้าให้ดีด้วย! แต่ตอนนี้ข้าเริ่มไม่พอใจขึ้นมาไม่น้อยแล้ว เจ้าจงรับความพิโรธของข้าไป!”
พูดจบตู้ซือชวนก็ฟาดแส้ลงมายังร่างของฮันยองราวกับงูพิษที่กำลังพุ่งเข้าฉกเหยื่อ
ชายคนนี้ดูอย่างไรก็เป็นยอดคนในวิชาการทรมาน การฟาดแต่ละครั้งนั้นมันล้วนทำให้เลือดเนื้อของฮันยองหลุดติดแส้ออกมาด้วย
เรื่องนี้มันอาจไม่ทำให้ถึงตาย แต่มันเลวร้ายเสียยิ่งกว่าตาย
ฮันยองนั้นถูกทำร้ายจนได้แต่กลิ้งเกลือกไปบนพื้น แต่ก็ยังไม่ยอมที่จะร้องออกมาและอดทนอดกลั้นมันไว้
วุด!
เสียของแส้ถูกตีผ่านลมออกมา แต่คราวนี้มันกลับไม่ถูกเป้าหมาย
นั่นทำให้ตู้ซือชวนหน้าถอดสีทันที เขารู้สึกเหมือนตาเบลอๆ ไปนิดหน่อยก่อนจะพบว่าที่ด้านหน้าของเขานั้นปรากฎร่างของชายคนหนึ่งขึ้นมา
ชายคนนี้จับแส้ของเขาไว้มั่นอย่างที่ไม่ว่าตู้ซือชวนจะดิ้นรนแค่ไหนเขาก็ไม่อาจขยับเขยื้อนแส้ของตนได้เลย
ตู้ซือชวนหน้าแดงก่ำขึ้นมาเพราะแรงที่ใช้ก่อนจะตะโกนร้อง “ป-ปล่อยนะ!”
ดวงตาของเย่หยวนนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นชา ก่อนที่เขาจะสั่นข้อมือน้อยและปล่อยแส้หลุดกลับไป
ตู้ซือชวนนั้นตื่นตกใจเป็นอย่างมากและกล่าวออกมาด้วยท่าทางตื่นกลัว “เจ้า… เจ้าเป็นใคร ถึงกล้ามาทำตัวโอหังในยอดหทัยสวรรค์เช่นนี้? เจ้า… เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร?”
เย่หยวนตอบ “ข้ารู้ สุนัขรับใช้ของจงฮันหลิน!”
ตู้ซือชวนหน้าซีดลงทันที ตอนนี้ยังมีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจว่าเย่หยวนมาเพื่อหาเรื่อง
แต่เขานั้นไปไหนมาไหนด้วยความเป็นคนของนิกายบุปผาเหิน เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้คิดที่จะเกรงกลัวเย่หยวนแม้แต่น้อย
แต่ศิษย์ชั้นนอกคนหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มีหรือที่มันจะกลับท้าทายนิกายบุปผาเหิน?
“ข้า… ข้าขอเตือนก่อนเลยนะว่าข้านั้นเป็นคนของนิกายบุปผาเหิน หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าเจ้าจะไม่ได้ตายดีแน่!” ตู้ซือชวนพยายามทำท่าทางข่มขู่เย่หยวนออกมาทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วกลัวจนฉี่แทบราด
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ยิ้มขึ้น “หากเจ้าไม่บอกว่าตัวเองเป็นคนของนิกายบุปผาเหินข้าอาจจะแค่ต่อยเจ้าให้จบๆ ไป แต่ตอนนี้… เจ้าจะไม่ได้ตายดีแล้ว!”
เย่หยวนและนิกายบุปผาเหินนั้นมีเรื่องกันมานานแสนนาน แต่เจ้าหมอนี่กลับมาใช้ชื่อนั้นต่อหน้าเขา ความโง่เง่านั้นนำพามาซึ่งความฉิบหายจริงๆ!
แต่ว่าเย่หยวนไม่ได้คิดจะลงมือทำการใดๆ ในทันที เขากลับคุกเข่าลงตรวจดูอาการของฮันยองก่อน
ฮันยองนั้นสลบไปเพราะหมดสติ ตอนนี้ร่างกายของเขาเหมือนดอกไม้ที่กำลังบาน ผิวหนังแตกแยกออกให้เป็นเลือดเนื้อภายในจนไม่มีส่วนไหนในร่างที่ยังดูเป็นคนเลย
ความโกรธแค้นที่เย่หยวนมีในใจนั้นมันเหนือล้ำเกินกว่าที่จะมีอะไรมาหยุดได้แล้ว ตอนนี้เขาทำแค่หยิบโอสถออกมาและส่งเข้าปากฮันยอง ก่อนจะค่อยๆ ใช้ปราณเทวะช่วยเขาดูดซับมันไป
เมื่อตู้ซือชวนเห็นเช่นนั้นเขาก็คิดว่ามันเป็นโอกาสที่เย่หยวนไม่ทันมอง คิดหนีออกไปให้ไกล
แต่ว่าวินาทีที่เขาขยับตัว มันกลับมีคลื่นพลังแสนรุนแรงพุ่งผ่านอากาศมา!
ปัง!
หลังขาของตู้ซือชวนถูกกระทบเข้าจนทำให้เขาต้องคุกเข่าลงทันที
เย่หยวนลงมือย่างแม่นยำ ทำให้ตอนนี้ตู้ซือชวนนั้นกลายเป็นอัมพาตไม่อาจขยับได้ เวลานี้ต่อให้อยากหนีมันก็จนปัญญาแล้ว
“อย่าได้รีบร้อนไป เรื่องราวยังไม่ทันเริ่มจะหนีไปไหน?” เย่หยวนพูดกระซิบราวอย่างแผ่วเบาราวเสียจากนรก ทำให้ขนของเขาลุกชันไปทั้งร่างทันที
เขาอยากหนี แต่ตอนนี้เขาหนีไม่ได้!
ไม่นานนักฮันยองก็ค่อยๆ ตื่นลืมตาขึ้นมา ตอนนี้บาดแผลบนร่างของเขากำลังค่อยๆ รักษาตัวเองจนหายไปกับตา
แม้ว่ามันอาจจะยังมีแผลที่ไม่หายบ้าง อาจจะยังเจ็บ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้ว
แน่นอนว่าเรื่องนี้มันเพราะเย่หยวนมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นแม้จะเป็นเขาก็คงรักษาไม่ได้ง่ายดายนัก
“ย-เย่หยวน! เจ้า… เจ้ายังไม่ตาย!”
เมื่อฮันยองได้เห็นเย่หยวนอยู่ตรงหน้าเขาก็อดไม่ได้ที่จะร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ตั้งแต่สองร้อยปีก่อน ตอนที่ไป่หลี่ชิงหยานขึ้นไปบรรเลงพิณเจ็ดสายบนยอดเพลิงเมฆานั้น ทุกคนต่างเชื่อกันมาตลอดว่าเย่หยวนได้สิ้นชีพลงแล้ว
แต่เย่หยวนกลับกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยลมหายใจที่แข็งแกร่ง
ไม่สิ ในเวลาแค่สองร้อยปีนี้เขากลับบรรลุจากราชันพระเจ้าหกดาวขึ้นมาเป็นราชันพระเจ้าเก้าดาวได้ มัน… มันช่างเป็นความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
เย่หยวนยิ้มตอบ “เรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ตอนนี้มีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ!”
พูดไปเย่หยวนก็ยื่นแส้นั้นให้ฮันยอง
ฮันยองสะดุ้งตัวไปนิดหน่อยก่อนจะเข้าใจได้ในทันที
หลายปีมานี้เขาถูกตู้ซือชวนทรมานจนแทบตายอยู่ทุกวัน
หลายต่อหลายครั้งเขาถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตายให้พ้นๆ เสีย
แต่ว่าเขานั้นเป็นคนที่ถึกทนและมีนิสัยดื้อด้าน สุดท้ายจึงรอดมาจนถึงวันนี้
แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าตัวเองคงกลับขึ้นไปยังจุดสูงสุดของชีวิตไม่ได้อีก แต่เขาก็ยังหวังไว้เสมอมา
ฮันยองรับแส้นั้นไปและกัดฟันแน่น “เย่หยวน ขอบคุณมาก!”
เย่หยวนยิ้มตอบ “เราเป็นพี่น้องกัน จะขอบคุณข้าทำไมกัน? นี่มันแค่ขยะข้างทาง รีบๆ จัดการมันให้เสร็จเถอะ! เจ้าคงไม่คิดให้ข้ารอนานนักใช่ไหม?”
คำพูดนี้ทำให้ฮันยองขมวดคิ้วแน่น เขาสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าเย่หยวนต้องการจะทำอะไร
เขาจึงได้แต่กัดฟันตอบกลับไป “ข้าเป็นถึงขนาดนี้แล้วยังจะมาไม่กล้าอีกหรือ? ต่อให้ข้าจะกลับไปอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิตไม่ได้แต่ความแค้นนี้ข้าย่อมคิดที่จะชำระมัน! เพียงแค่ว่า… ทำเช่นนี้เจ้าเองก็จะโดนหมายหัวไปด้วย!”
เย่หยวนหัวเราะออกมา “หมายหัว? หึๆ ความแค้นของข้ากับนิกายบุปผาเหินมันมีมาแสนนานจนเกินคำว่าหมายหัวไปแล้ว!”
ฮันยองยืนนิ่งไปนานก่อนจะพยักหน้าออกมา “เจ้าไม่กลัวแล้วมีหรือที่ข้าจะมากลัว? แต่เจ้าตู้ซือชวนคนนี้ข้าคงต้องขอชำระแค้นกับมันให้สาใจหน่อย!”
พูดจบฮันยองก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหาตู้ซือชวน
ตู้ซือชวนหน้าซีดเผือดลงทันทีก่อนจะกล่าวขู่ขึ้น “ฮันยอง เจ้าขยะไร้ค่า! เจ้า… เจ้ากล้าตีข้าหรือ?”
ฮันยองยิ้มตอบ “เจ้าโง่มากรึ? ที่ข้าไม่ตีเจ้ากลับไปในช่วงหลายปีนี้เป็นเพราะข้าไม่มีพลังพอ! ไม่เช่นนั้นเจ้าคงได้ตายเป็นหมื่นครั้งไปแล้ว! ตอนนี้เมื่อพี่น้องของข้ามาอยู่ด้วยแล้วข้าย่อมต้องทำให้เจ้าได้ลิ้มรสมันอย่างถึงใจบ้าง!”
………………………..