Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1812 ห้าเสียงกลอง
ตอนที่ 1812 ห้าเสียงกลอง
บนท้องฟ้าสูงนั้นมีกลองเจ็ดลูกกำลังตั้งตระหง่านลอยอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าเหนือเมฆจนแทบมองไม่ออก
เมฆเหล่านั้นเชื่อมต่อระหว่างกลองทั้งหมดทำให้เกิดเป็นภาพเหมือนกระบวยอันใหญ่ ซึ่งมันคือรูปร่างของดาวฤกษ์ในกลุ่มดาวหมีใหญ่นั้นเอง
กลองใหญ่ทั้งเจ็ดนี้รวมผสานเข้าด้วยกันพร้อมปล่อยคลื่นพลังที่ทำให้เย่หยวนต้องสั่นสะท้าน
ยอดกลองจรัสที่พวกเขาทั้งหลายได้ตีตอนเข้านิกายมานั้นมันเทียบกับเจ้ากลองชุดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้เลย
เย่หยวนรู้ได้ทันทีว่าหากคนใช้มีพลังพอพวกเขาคงสามารถปล่อยคลื่นเสียงที่ทำลายล้างโลกาออกมาได้อย่างแน่นอน
และนี่มันยังเป็นครั้งแรกด้วยที่เย่หยวนได้พบเจอกับสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทเน้นการโจมตี พลังของเจ้ากลองเจ็ดดาวหมีใหญ่ที่ปล่อยออกมานี้มันทำให้เอาหวั่นใจไม่น้อย
เพราะไม่ว่าจะเป็นศิลาจารึกบัลลังก์พิภพหรือไข่มุกสยบวิญญาณ พวกมันต่างเป็นสมบัติที่อ่อนโยนแต่เจ้ากลองเจ็ดดาวหมีใหญ่นี้มันกลับเปี่ยมไปด้วยคลื่นพลังอันแสนรุนแรงทำให้ผู้คนที่มองเห็นมันต้องรู้สึกกังวลกลัว
“กลัวตายแล้วล่ะสิ? แต่ว่าตอนนี้หุบเขาเจ็ดดารามันก็ได้เปิดออกแล้ว จะมาเสียใจตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้วล่ะนะ” ยอดผู้อาวุโสถ่ายทอดแห่งยอดเสาสวรรค์บอกขึ้น
เย่หยวนหันหน้ากลับไปตอบทันที “ในชีวิตข้าไม่เคยมีคำว่าเสียใจภายหลัง”
เย่หยวนกระโดดขึ้นไปหากลองเจ็ดดาวหมีใหญ่ในทันที
เมื่อมาถึงตรงหน้ามันเย่หยวนก็รู้สึกราวกับว่าได้เดินเข้ามากลางพายุแห่งแนวคิด พลังแนวคิดหลากหลายกำลังเข้าโจมตีเขาจากทุกทิศทาง
ในวินาทีนั้นเย่หยวนรู้สึกเหมือนกำลังยืนต้านแรงพายุจนไม่อาจวางเท้าลงได้อย่างมั่นคง
“ฮ่าๆ ไอ้เด็กคนนี้มันไม่รู้เรื่องอะไรและคิดจะมาท้าทายกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่! เฉียวฟู ข้าว่าวันนี้เจ้าคงเสียหน้าครั้งใหญ่แล้ว!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งหัวเราะลั่นออกมาเมื่อเห็นสภาพแสนทุลักทุเลของเย่หยวน
เฉียวฟูแค่หัวเราะออกมาอย่างไม่คิดจะตอบโต้
หากเย่หยวนอยู่ในสภาพเช่นนี้ต่อไปมันคงเป็นการยากที่จะตีกลองได้ เขาจึงรู้สึกกังวลใจขึ้นมาไม่น้อย
แต่เวลานั้นเองคลื่นพลังอันน่าพิศวงก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากตัวเย่หยวน
เมื่อคลื่นพลังนี้ถูกปล่อยออกมา เหล่าคลื่นแนวคิดที่แสนรุนแรงนั้นก็เหมือนจะสงบลงทันที ร่างของเย่หยวนสามารถกลับมายืนตั้งมั่นได้อีกครั้ง
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสเห็นภาพนี้พวกเขาต่างแสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมาตามๆ กัน
ไม่ว่าคนเราจะมีพรสวรรค์มากมายแค่ไหน หากไม่มีกำลังมันก็ไร้ประโยชน์
อย่างเช่นว่านักยุทธอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าคนหนึ่งมีพรสวรรค์มากมายถึงขั้นที่อาจบรรลุอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้ในวันหน้า
แต่หากไม่มีกำลังแล้วเมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้ากลองเจ็ดดาวหมีใหญ่พวกเขาก็ย่อมต้องพบอันตรายใหญ่หลวง
เหล่าผู้อาวุโสถ่ายทอดทั้งหลายนี้ต่างเคยได้ลองตีกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่มาทั้งสิ้นและรับรู้ถึงพลังที่แท้จริงของมัน
พวกเขาย่อมไม่มีทางคาดคิดว่าเย่หยวนจะสามารถปรับตัวได้รวดเร็วปานนี้
แต่ว่าการกระทำต่อมาของเย่หยวนมันกลับยิ่งทำให้พวกเขาหน้าซีดเผือดลงด้วยความตื่นกลัว
เพราะตอนนี้นิ้วของเย่หยวนกำลังชี้เป็นดาบพุ่งตรงเข้าใส่ยอดกลองจรัส
ตึง!
เสียงยอดกลองจรัสดังขึ้นมาอย่างแจ่มชัด!
เสียงกลองนี้มันสะท้านฟ้าดินส่งผ่านไปทั้งหุบเขาเจ็ดดาราในพริบตา
แต่ว่าเย่หยวนไม่ได้หยุดแค่นั้น เขาชี้นิ้วออกมาอีกครั้ง
ตึง!
กลองเบิกตะวันดังขึ้นตาม!
ตึง!
เย่หยวนชี้นิ้วออกไปเป็นครั้งที่สามและทำให้กลองชั่งหยกเกิดเสียง!
กลองสามตัวนี้ถูกตีในคราเดียวทำให้เหล่าผู้อาวุโสถ่ายทอดทั้งหลายต้องหน้าถอดสี
“ไอ้เด็กคนนี้มันทำได้อย่างไรกัน? ต่อให้เป็นข้าก็คงไม่มีทางทำได้ง่ายดายเช่นที่มันทำแน่!”
“ก่อนนั้นเฒ่าคนนี้เองก็เคยทำได้สามครั้ง แต่ข้านั้นทำได้อย่างยากลำบากหลังต้องล้มเหลวไปหลายต่อหลายครั้ง เจ้าเด็กคนนี้มันทำได้ตั้งแต่ครั้งแรกได้อย่างไรกัน?”
เมื่อเฉียวฟูเห็นใบหน้านั้นของผู้อาวุโสคนอื่นๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นออกมา “เฒ่าคนนี้บอกพวกเจ้าแล้วว่าเขาต่างจากคนอื่นๆ! ว่าอย่างไรล่ะ? ตกใจมากไหม? ฮ่าๆๆ…”
เฉียวฟูนั้นเป็นฝ่ายถูกกดดันมาตลอดและไม่ค่อยจะสนิทกับผู้อาวุโสถ่ายทอดคนอื่นๆ นัก
ตอนนี้เมื่อเห็นพวกเขาทำหน้าตาเช่นนั้นออกมาเขาจึงรู้สึกยินดีอย่างมาก
แต่ตอนนั้นเองเย่หยวนก็เริ่มหันไปตีกลองลูกที่สี่!
แต่ครั้งนี้เขาไม่สำเร็จ
ตอนนี้ปากของเขากระอักเลือดออกมาคำโตพร้อมร่วงลอยลงมาจากบนท้องฟ้า เย่หยวนบาดเจ็บเพราะแรงสะท้อนจากกลองอำนาจสวรรค์
หน้าของเฉียวฟูถอดสีทันทีเขารีบปล่อยพลังโลกของตนออกมารับร่างเย่หยวนไว้
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นเห็นภาพนี้พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวออกมา
เพราะท่าทางอันแสนสุดยอดของเย่หยวนนี้ทำให้พวกเขากลัวขึ้นมาจับใจ
เหตุผลนั้นก็คือเย่หยวนสามารถตีกลองได้อย่างสบายๆ ราวกับว่ามันเป็นแค่ของเล่น
ในวินาทีก่อนหน้านี้พวกเขาคิดไปถึงขั้นว่าเย่หยวนจะสามารถตีกลองทั้งเจ็ดได้ในคราเดียวจริงๆ
จนได้เห็นว่าเย่หยวนนั้นร่วงลงมาพร้อมอาการบาดเจ็บพวกเขาทั้งหลายถึงได้รู้ว่ากลองนี้ก็ไม่ได้ง่ายนักสำหรับเย่หยวน
แม้ว่าเหล่าผู้อาวุโสถ่ายทอดนี้จะเป็นตัวตนที่อยู่เหนือผู้คนอย่างสูงส่งมีกำลังมากมายกว่าเย่หยวนไม่รู้กี่เท่าแต่พวกเขาก็ไม่อาจหลุดพ้นจากความรู้สึกทั้งเจ็ดและความต้องการทั้งหกได้
พวกเขาเองต่างก็เคยเป็นยอดอัจฉริยะที่ตอนนี้เติบโตมาเป็นยอดคน
เมื่อไม่เคยมีใครตีกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่นี้ได้มาก่อน พวกเขาจึงต่างวางใจได้อย่างสบายตัว
แต่ตอนนี้กลับมีคนที่คิดอยากทำลายความสงบนี้และขึ้นมาเหยียบเหนือหัวพวกเขา เรื่องนี้ลึกๆ ในใจแล้วมันจึงไม่มีใครอยากยอมรับ
เฉียวฟูถามขึ้น “เจ้าไหวไหมเย่หยวน?”
เย่หยวนส่ายหัวตอบ “ดูเหมือนข้าจะประมาทกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่ไปหน่อย! หึๆ สมชื่อสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์จริงๆ แข็งแกร่ง!”
เย่หยวนรับรู้ได้ว่ากลองเจ็ดดาวหมีใหญ่นั้นมิได้เป็นกลองแยกชิ้นกันเจ็ดลูก แต่พวกมันล้วนแล้วแต่ส่งคลื่นพลังไปต่อๆ กันยังลูกต่อไป
เมื่อเย่หยวนตีกลองเบิกตะวัน เขาก็รู้สึกได้ว่าคลื่นพลังยอดเต๋าที่ออกมาจากมันนั้นเหนือล้ำกว่าเก่านับสิบเท่า!
ส่วนกลองชั่งหยกนั่นมันยิ่งมีคลื่นพลังยอดเต๋าที่เหนือล้ำกว่ากลองเบิกตะวันไปอีกนับสิบเท่า
หมายความว่าตอนที่เย่หยวนตีกลองชั่งหยกนั้นมันส่งคลื่นสะท้อนกลับออกมาเหนือล้ำกว่ายอดกลองจรัสไปนับร้อยเท่า!
หมายความว่ากลองอำนาจสวรรค์นั้นมันคือพันเท่า!
ที่สำคัญพลังของกลองอำนาจสวรรค์นี้มันยังเหนือล้ำกว่ากลองอื่นมาก
มันเป็นพลังที่แสนน่ากลัวจนคนธรรมดาไม่มีทางต้านทานมันได้เลย
เฉียวฟูบอก “ดูเหมือนเจ้าจะรับรู้ได้แล้วสินะ กลองเจ็ดดาวหมีใหญ่นั้นเป็นหนึ่ง ยิ่งเจ้าตีมันก็จะยิ่งสะท้อนกลับมามากเท่านั้น เมื่อไปถึงกลองแก่นสวรรค์แล้วพลังที่สะท้อนกลับมามันคงมากกว่าที่ใครๆ จะสามารถจินตนาการได้ เย่หยวนเจ้าอย่าได้ฝืนตัวเองไปอีกเลย ตอนนี้เจ้าได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเจ้าเก่งกาจแค่ไหน ต่อให้เจ้าจะถอนตัวตอนนี้มันก็คงไม่มีใครกล้าว่ากล่าวเจ้าแล้ว!”
เขานั้นเชื่อมั่นในตัวเย่หยวนมาก แต่ก็ไม่ได้เชื่อถึงขั้นที่ว่าเย่หยวนจะสามารถตีกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่ได้ครบ
เรื่องเช่นนี้มันเหนือล้ำกว่าที่กำลังของมนุษย์จะเอื้อมถึง
บางทีวันหน้าเย่หยวนอาจจะทำได้จริง แต่ตอนนี้มันคงไม่มีทาง
เย่หยวนลุกขึ้นพร้อมส่ายหัวออกมา “ไม่ว่ากลองนี้มันจะตียากแค่ไหน วันนี้ข้าก็จะตีมันให้ได้!”
พูดจบเขาก็กระโดดขึ้นท้องฟ้าไปอีกครั้ง
หลังเตรียมตัวอยู่พักหนึ่งในที่สุดเย่หยวนก็เริ่มลงมือ!
ตึง!
ตึง!
ตึง!
หลังจากเสียงกลองสามครั้งร่างของเย่หยวนก็ร่วงลงมาอีก
แต่เขานั้นไม่ได้ยอมแพ้ หลังจากปรับคิดอยู่นิดหน่อยก็กลับขึ้นไปท้าทายมันอีกครั้ง!
พลาด ลองใหม่ พลาดอีก และลองใหม่วนซ้ำไปเรื่อย
ความหัวรั้นของเย่หยวนนี้ไม่ได้ทำให้ผู้อาวุโสปลื้มใจเลย
กลับกันมันยิ่งทำให้พวกเขาดูถูกความสามารถในการประเมินตัวเองของเย่หยวนยิ่งขึ้น
“ไอ้เด็กคนนี้มันร่างกายแข็งแรงจริงๆ หากเป็นคนอื่นคงได้ตายไปหลายรอบแล้ว”
“หึ เรื่องบางอย่างแค่พยายามมันก็ไม่พอหรอก”
“ไอ้เจ้าโง่ไม่รู้จักตัว เสียเวลาจริงๆ ไม่ตายๆ ไปสักทีเล่า!”
“เด็กคนนี้ตีได้สามครั้ง แต่กลับไม่ยอมแพ้เสียทีช่างเสียเวลาจริง”
…
ตึง!
ตึง!
ตึง!
ตึง!
ตึง!
เสียงของเหล่าผู้อาวุโสยังไม่ทันจางก็เกิดเสียงกลองครั้งที่สี่และห้าดังออกมาหลังผ่านความพยายามมาหลายต่อหลายครั้ง